คำถามแทนใจนักเขียน7ข้อ(ตอบคนละข้อก็ได้ครับ)
ตั้งกระทู้ใหม่
1 เราจะรู้ได้ยังไงว่าคนสนุกกับการอ่านนิยายของเรา
2อ่านนิยายตัวเองแล้วเราไม่อิน เพราะเราเขียนห่วยจริงๆหรือเพราะรู้เนื้อเรื่องทั้งหมดกันแน่?
4ผิดไหมที่จะเขียนนิยายทำนองที่ว่า"หลายปีต่อมา"เพราะคนอาจจะโตตามตัวละครไม่ทัน(ทางความคิด)
5เขียนนิยายยังไงให้เป็นปรากฏการณ์เหมือนแฮร์รี่พอต์เตอร์
6วิธีเพิ่มผู้ติดตาม
7ข้อสุดท้าย วิธีรีไรท์นิยาย15รอบแบบไม่เหนื่อยมาก
12 ความคิดเห็น
ผมจะตอบแบบง่ายๆสไตล์ผม รอให้คนเก่งกว่ามาแย้งละกันฮะ
1. อันนี้สังเกตจากคอมเม้นท์เอาละกำันครับ ว่าเขามีการวิจารณ์หรืออินไปกับตัวละครใดๆรึเปล่า ถ้าไม่มีพูดถึง หรือไม่มีคอมเม้นท์ก็อย่าเพิ่งด่วนสรุป ลองสังเกตจากกำลังใจหรือยอดวิวดูว่ามันสัมพันธ์อะไรกันไหม บางทีท่านนักอ่านเงาอาจจะอินก็ได้แต่ไม่แสดงออก(ไม่ซึนนะ แต่เงาจริงๆ555)
2. อันนี้ตอบยาก อย่างผมสนุกทุกครั้งที่ได้นำเสนอออกมาเว้นแต่จะเป็นบทแนวที่เราไม่ถนัด และสนุกทุกครั้งที่ได้เขียนฉากสำคัญที่เฝ้าใจจดใจจ่อรอ ถ้าคุณกลัวไม่สนุก ก็แนะนำว่าให้ลองสร้าง Epic Scene ขึ้นมาดู(ผมมาสายหนังมากกกว่านิยาย ฉากแบบนี้ก็เลยมีเยอะ แต่ไม่ยัดเยียด) แล้วมันจะเป็นเหมือนจุดเช็คพอยต์ให้คุณผลักตัวเองเขียนไปถึงได้
3. หาเหตุผล ปรัชญา หลักแนวคิดต่างๆมาใช้อ้างอิง อย่างผมนี่มีเพียบเลย จนบางทีก็เอาแฟนตาซีหรืออะไรแนวๆศาสนามาตีความเป็นไซไฟซะสนุกเลย แนะนำนิยายผมคงไม่รู้เรื่องดีพอ แต่ถ้าแนะนำหนังลองไปดูพวก Inception / Memento / Interstellar / Lucy บลาๆอะไรแบบนี้ดู หรือไปดู Godzilla Netflix Trilogy ดูก็ได้ เนื้อหาเน้นปรัชญามากกว่าฉากแอคชั่นของไคจู ไม่ก็ไปหาบทความหนังอ่านซะ ยิ่งเป็นหนังที่คุณชอบ คุณจะแบบ อ่านยังงี้ทั้งวันยังได้!(เสียงแคปเมกา)
4. ตอบยาก แต่ส่วนตัวมองว่าไม่ผิด แต่ก็อย่ากระโดดเกินไปล่ะ ถามว่าผมทำมั้ย? ตอบเลยว่าทำเป็นว่าเล่น555
5. โอ้โห....ตอบยาก เอาเป็นว่าเนื้อหาสนุก จับต้องได้ทุกวัย อ่านง่ายเข้าใจง่าย แต่ทว่าก็ต้องมีหลากประเด็นมากมายที่ซับซ้อนแต่ไม่ทำให้มึนงง จนทำให้ผู้อ่านอยากจะค้นหาและแก้ไขคำถามมากมายเหล่านั้น...โอย ข้ามไปละกัน ตอบไปมาชักจะไปทางหนังเกิน
6. อัพให้ถูกเวลาที่คนจะเข้าแอพหรือเว็บกันเยอะ ลงรัวๆเพื่อไม่ให้โดนเรื่องอื่นเบียดจนหายไปจากสารระบบหน้านนิยาย (อย่าทำแบบนิยายผมนะ ตั้ง 5 เดือนละคนตามแค่ 80 กว่าคน555 แต่น่าจะมาจากการเขียนที่แย่มากกว่า)
7. ห๊ะ? รีไรท์ 15 รอบแบบไม่เหนื่อย? จะไปทำตั้ง 15 รอบทำไม หรืออันนี้พูดถึง 15 ตอนรึเปล่า? ถ้าใช่ก็รีไรท์แบบค่อยเป็นค่อยไป อย่ารีบ รีบไปก็เละเหมือนไม่ได้รีไรท์ ใช้หัวใจใส่ลงไปในงาน(เย๊วววว เขียนไรเนี่ยเรา5555) ว่างก็ทำไปเรื่อยๆ หรือถ้าถามว่า รีไรท์ 15 รอบยังไงไม่ให้เหนื่อย ก็ขอตอบว่ารีไรท์ซัก 2-5 รอบพอ แล้วก็ไม่ใช่ทำติดๆกันจนคนอ่านหนีหมด แต่เน้นกลับมาทำเรื่อยๆหลังเรามีประสบการณ์แล้ว
พอละ รอท่านอื่นมาตอบละกันครับ ผมก็ไม่รู้จะตอบไงให้ดี555
โอเคครับ แต่ผมอ่านภาษาอังกฤษไม่ออกเลย555
ธีมศาสนาแนะนำ His Dark Materials แบบซีรี่ย์นะ ชอบมาก 555
ปรัชญาหนัก เกี่ยวกับความเป็นมนุษย์แนะนำ Westworld กับ Altered Carbon
ลืม Westworld ไปได้ไงหว่าเรา555
ได้ยินชื่อ Westworld ก็จะได้ยินเสียงโดโลเรสขึ้นมาทันที 555
1. ดูจากคอมเม้น แต่อย่าไปสนใจนักเพราะเขียนกว่าจะได้คอมเม้นมันยาก เขียนให้ตัวเองสนุกกับการเขียนก่อน
2. ผมอ่านนิยายตัวเองแล้วอินนะ
3. มโนเอา
4. คนเขียนต้องเข้าใจตัวละครหลัก ถ้าไม่เข้าใจหรือเรียกว่า จูนกับตัวละครหลักไม่ได้ มันเขียนต่อไปไม่ได้หรอกนะ
5. หลังจากแฮร์รี่ฯก็มีหลายเรื่องที่ดี แต่คิดว่ามีสื่อบันเทิงหลายอย่างมาแย่งความสนใจจากวัยรุ่นไปก็เลยไม่มีนิยายอะไรที่ทำได้เท่ากับแฮร์รี่
6. ความเก่งความขยัน สะสมแต้มบุญ
7. รีไรท์นิยายเองยังไงก็เหนื่อย
1. อินมากจนอยากทำร้ายตัวละคร
2. คนอ่านคิดว่ามันเป็น"ความบันเทิง" ส่วนเราคิดว่ามันเป็น"งาน" ไม่สนุกก็ไม่แปลก
3. เวลาไปเจอปัญหาและความทุกข์ในชีวิต ให้จำความรู้สึกเหล่านั้นและไปใช้กับนิยาย
4. ไม่ผิด
5. ไม่รู้สิ... แต่ถ้าสมัยนี้ ตัวนักเขียนเองต้องเรียกร้องความสนใจแบบเอาให้หมั่นไส้จนมีคนตั้งกระทู้ หรือตั้งโพสต์ด่าเราและต้องทำนิยายให้สนุกเองครับแต่ถึงทำยังงั้นก็คงจะเทียมแฮร์รี่ยากอ่ะ
6. ทำตัวเองให้ดี และอย่าไปบังคับคนอื่น
7. ลดจำนวนรอบลงมาให้เหลือรอบเดียวหรือสองรอบดีไหมครับ?
555 แต่เจเคโรล์ลิ่งเองก็รีไรท์ตั้ง15รอบนะครับ หนังสือ20ปีแฮร์รี่พอต์เตอร์ของอ่ะเดย์บอกว่าเจเคทำแบบนั้นน่ะ
อื้อ ฮือ... อันนั้นเก่งจริงต้องยอมรับครับ
1.ดูจากยอดวิว ยอดคนติดตาม และเนื้อหาในคอมเม้นต์
2.ถึงจะรู้บทสรุปอยู่แล้วแต่เราก็อินกับการอ่านนิยายของตัวเองนะ
3.ข้อมูล + นโน (แต่ควรจะหมายเหตุบอกนักอ่านเอาไว้ด้วยนะคะ)
4.ไม่ผิด แต่เนื้อหาไม่ควรจะโดดจนคนอ่านไม่เข้าใจ หรือตามไม่ทัน
5.ขนาดระดับเจเคโรว์ลิ่งกว่าจะได้ตีพิมพ์เรื่องแฮร์รี่ฯยังถูก สนพ. ปฎิเสธจนนับครั้งไม่ถ้วน รีไรท์จนจำจำนวนรอบไม่ได้ คิดจะเขียนให้เทียบเท่าบอกได้คำเดียวว่า ยาก
6.เขียนให้สนุก ถ้าพล็อตดี สำนวนได้ ต่อให้ลงอาทิตย์ละตอนก็มีคนตามอ่าน (ไม่ได้บอกให้ทำตาม เพราะในกรณีนี้คือต้องสนุกจริง ๆ อ่ะนะ)
7.รีไรท์ยังไงก็เหนื่อย โดยเฉพาะรีไรท์เพื่อตีพิมพ์ยิ่งเหนื่อยเป็นสองเท่า
ข้อสาม - อ่านพวก non-fiction เอามาใช้อ้างอิง หลายอย่างไม่จำเป็นต้องคิดเองว่าโลกของเรา/พฤติกรรมคน/การตีความเกี่ยวกับพระเจ้า มันเป็นยังไง มีคนอื่นคิดไว้ให้แล้ว แค่ไปหาอ่าน วิเคราะห์ แล้วเอามาปรับใช้
เช่นสมมติเขียนนิยายที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชนชั้นปกครอง ก็หาหนังสือแบบ The Prince มาอ่าน
1. เราจะรู้ได้ยังไงว่าคนสนุกกับการอ่านนิยายของเรา
- ดูจากคอมเม้นท์ เช่น " สนุกดี : รออ่านครับ " แค่ 1 หรือ 2 คอมเม้นท์ ก็ถือว่าโอเคแล้ว และถ้ามีคนติดตามเยอะขึ้นเรื่อยๆ ก็พอจะเป็นคำตอบให้กับตัวเองได้แล้วว่า เราทำได้
2. อ่านนิยายตัวเองแล้วเราไม่อิน เพราะเราเขียนห่วยจริงๆหรือเพราะรู้เนื้อเรื่องทั้งหมดกันแน่?
- ยังอินไม่พอ ถ้าอินแล้วจะมองและคิดเหมือนกับตัวละครของเรา และมีความรู้สึกร่วมกับเหตุการณ์ในขณะนั้น
3. ทำไงถึงจะเขียนนิยายได้สมเหตุสมผลแม้ว่าจะเป็นแนวแฟนตาซีก็ตาม(เพราะบางสถานการณ์เราก็ไม่เคยเจอ)
- หาข้อมูลเพิ่มเติม ดูหนังเกี่ยวกับนิยายที่เราเขียน อ่านนิยายของคนอื่นที่มีแนวเดียวกันกับของเรา เพื่อให้มองเห็นภาพ และสามารถบรรยายออกมาได้ ( มุมมองของเราอาจแคบไป อ่านผลงานคนอื่นก็พอช่วยได้บางครั้ง )
4. ผิดไหมที่จะเขียนนิยายทำนองที่ว่า"หลายปีต่อมา"เพราะคนอาจจะโตตามตัวละครไม่ทัน(ทางความคิด)
- ไม่ผิด แต่อย่า ถี่ เช่น 1 ตอน ใช้มากกว่า 2 ครั้ง แล้วไม่พอตอนถัดมาใช้อีก อันนี้ก็เกินไป แนะนำให้ไปเรียบเรียง timeline ของเรื่องมาใหม่ แล้วเขียนให้กระชับ หรือเพิ่มเหตุการณ์เข้ามาช่วย
5. เขียนนิยายยังไงให้เป็นปรากฏการณ์เหมือนแฮร์รี่พอต์เตอร์
กรุงโรมไม่ได้สร้างภายในคืนเดียว แฮร์รี่พอต์เตอร์ต้นฉบับถูกดองอยู่ที่สำนักพิมพ์ตั้งนานกว่าจะเป็นที่รู้จัก
พัฒนาการเขียนต่อไปเรื่อยๆ บางครั้งอาจจะเรียกได้ว่า จังหวะชีวิต
6. วิธีเพิ่มผู้ติดตาม
อ่านบทความ กลเม็ดเคล็บลับการเป็นนักเขียน ในเวปเด็กดี ดูว่าเราทำได้กี่ข้อ
7. ข้อสุดท้าย วิธีรีไรท์นิยาย15รอบแบบไม่เหนื่อยมาก
เพื่อความสมบูรณ์ของนิยายที่เราเขียน ท่องเอาไว้
1 เราจะรู้ได้ยังไงว่าคนสนุกกับการอ่านนิยายของเรา
คนเขียนคือคนอ่านคนแรก ถ้าตัวเราเองสนุกก็นับว่าเนื้อเรื่องไปได้แล้วล่ะค่ะ ที่เหลือคือวิธีการเขียนว่าจะสามารถสื่อให้คนอ่านรับรู้และเข้าใจความสนุกที่ว่าได้มากน้อยแค่ไหน อันนี้คงต้องสังเกตเอาจากคนเข้ามาดู หรือคอมเมนต์
2. อ่านนิยายตัวเองแล้วเราไม่อิน เพราะเราเขียนห่วยจริงๆ หรือเพราะรู้เนื้อเรื่องทั้งหมดกันแน่
ถ้าเราอ่านแล้วไม่อิน คิดว่าอาจไม่ใช่รู้เนื้อเรื่องทั้งหมด เพราะหลายคนที่เป็นแบบนี้ เลือกที่จะไม่เขียนเลยมากกว่าค่ะ (คือ คิดเรื่องไป อ๊ะ คิดจบแล้ว เนื้อเรื่องจบแล้ว นอนดีกว่า จะเขียนทำไมในเมื่อรู้ตอนเจบแล้ว) อาจเป็นที่วิธีการนำเสนอที่ยังไม่สามารถสื่อสารเนื้อเรื่องออกมาได้ดีพอ เรื่องอาจจะสนุก 100 แต่ถ้าคนเขียนยังขาดทักษะการเขียน อาจทำให้ความสนุกลดลงเหลือ 70 เป็นต้น
3. ทำไงถึงจะเขียนนิยายได้สมเหตุสมผลแม้ว่าจะเป็นแนวแฟนตาซีก็ตาม(เพราะบางสถานการณ์เราก็ไม่เคยเจอ)
ความสมเหตุสมผลมีหลายมุมมองมาก ถ้าความสมเหตุสมผลของฉาก จะไปตกอยู่ที่เงื่อนไขของสภาพสังคมเป็นยังไง ไม่ว่าจะเป็นฉากย้อนยุค ต้องดูบริบทว่าเงื่อนไขสังคมนั้นๆ คืออะไร เช่น จีนย้อนยุค ชายหญิงไม่ควรเข้าใกล้กัน แต่เนื้อเรื่องหนุ่มโสดสาวโสดแทบจะตบหัวหยอกล้อกันกลางตลาด อันนี้ไม่สมเหตุสมผลแล้ว
ถ้าตัวละคร สิ่งที่ต้องสนใจคือ "แรงจูงใจ" ในการกระทำค่ะ บางครั้งตัวละครทำอะไรที่คนอ่านไม่ซื้อเพราะเขาไม่มีแรงจูงใจพอที่จะทำสิ่งนั้นๆ บทความนี้เป็นตัวอย่างหนึ่ง ลองไปอ่านดูได้ เราขี้เกียจเขียนเยอะ
<บทความ> Action = Reaction หนึ่งในวิธีที่ทำให้นิยายสมเหตุสมผล
https://www.dek-d.com/board/view/3972564/
4. ผิดไหมที่จะเขียนนิยายทำนองที่ว่า"หลายปีต่อมา"เพราะคนอาจจะโตตามตัวละครไม่ทัน(ทางความคิด)
ไม่ผิด สามารถทำได้ถ้าในช่วงเวลาที่ "หลายปีต่อมา" ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ก็กระโดดข้ามไปตอนที่มีผลกับเนื้อเรื่องเลยดีกว่า
เพียงแต่ประโยคประเภท "หลายปีต่อมา" ที่ใส่ลงไปในนิยาย ออกแนวไม่ค่อยมีชั้นเชิงในการเขียนสักเท่าไหร่น่ะนะ ที่เคยอ่านแล้วคิดว่าพอได้อยู่ ก็เล่าประมาณว่า น้องชายพระเอกสอบได้คะแนนน้อยกว่าพระเอก เขาตั้งปณิธานว่าการสอบอีกสี่ปีข้างหน้าจะต้องเอาชนะพระเอกให้ได้ แล้วก็จบบท พอขึ้นย่อหน้าใหม่ คนเขียนเล่าต่อว่า สุดท้ายการสอบครั้งต่อมา ผลประกาศออกมา น้องชายก็ยังคงได้ลำดับที่น้อยกว่าอยู่ดี ดังนั้นคนอ่านรู้ได้ทันทีว่า เวลากระโดดข้ามไปเป็นสี่ปีเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนอกจากจะรู้ว่าเวลาผ่านไป เนื้อความนี้ยังบอกอีกว่า พระเอกเป็นคนเก่งมาก และน้องชายที่พยายามแข่งกับพี่ชายก็ยังคงพ่ายแพ้อยู่ดี (cr. นิยายเรื่องนี้ข้าไม่ได้เขียน)
5. เขียนนิยายยังไงให้เป็นปรากฏการณ์เหมือนแฮร์รี่พอต์เตอร์
ก่อนจะถามว่าเขียนยังไง ขอถามกลับว่า แล้วอ่านอะไรมาล่ะ
กินอะไร ร่างกายก็เป็นแบบนั้น อ่านหนังสืออะไร ก็ซึมซับสำนวนและทัศนคติแบบนั้น
ใช่ว่าทุกคนที่อ่านหนังสือดีๆ จะเป็นนักเขียนที่สร้างปรากฏการณ์ แต่นักเขียนที่สร้างปรากฏการณ์ พวกเขาอ่านหนังสือดีๆ แน่นอนค่ะ ลองไปอ่านประวัติของนักเขียนเหล่านั้นดูได้ เรียกได้ว่า input ที่ดีคือ ขั้นพื้นฐานที่สุดที่พึงจะสร้างปรากฎการณ์ดังกล่าวค่ะ ส่วนที่เหลือ มีบทวิเคราะห์ความสำเร็จของคนเขียนมากมาย คุณจขกท สามารถหาอ่านได้นะ
6. วิธีเพิ่มผู้ติดตาม
ท่านอื่นบอกไปแล้ว มีกระทู้มากมายที่ถาม สามารถ search จากกระทู้เก่าๆ ได้ค่ะ
7. ข้อสุดท้าย วิธีรีไรท์นิยาย15รอบแบบไม่เหนื่อยมาก
15 รอบ ยังไงก็เหนื่อยค่ะ ทำไมไม่ลดจำนวนลงเหลือแค่ 2-3 รอบ? แบบนี้ไม่ง่ายกว่าหรือ ถ้าเขียนมาถึงจุดหนึ่งจะรู้ว่า นอกจากการวางแผนในการสร้างเนื้อเรื่องแล้ว ยังต้องวางแผนในกรณีในอนาคตเผื่อรีไรท์ด้วยค่ะ ไม่งั้นคงมีชีวิตอยู่กับเรื่องเดียว แก้แล้วแก้อีก แก้มันอยู่นั่น ไม่สามารถก้าวต่อไปข้างหน้าได้
1. ดูฟีดแบคจากคอมเม้นต์
2. ทั้งสองอย่าง
3. ใช้สามัญสำนึก
4. ไม่ผิด เพราะตัดข้ามมาสู่ช่วงสำคัญดีกว่า
5. เขียนไปจนกว่าจะเจอแนวทางของตัวเอง
6. เขียนให้จบ
7. รักผลงานตัวเองก่อน มองว่ามันจะดีได้มากกว่านี้ อ่านงานคนอื่นเยอะๆ แล้วค่อยกลับมารีไรท์
ขอตอบข้อ2.นะคะ สำหรับเรา หากตัวเองยังอ่านแล้วไม่สนุก ต่อให้คนอื่นชมแทบตายว่าสนุก มันก็ยังไม่สนุกค่ะ เราถือว่ายังใช้ไม่ได้
ตอบอย่างนี้เพราะ เพิ่งอ่านของตัวเองมาสดๆ ร้อนๆ คือตอนแรกแค่จะแวะไปอ่านสัก 2-3 ตอน แต่รู้ตัวอีกทีก็อ่านจนจบภาค แล้วจากนั้นก็กรีดร้องเองเหมือนคนบ้าว่า ทำไม๊ ทำไม ทำไม แก ไม่เขียนต่ออออ (ด่าตัวเองซะงั้น)
แต่ในขณะที่บางเรื่อง ต้องใช้ความอดทนมากๆ กว่าจะอ่านจบตอน รู้สึกเพลียทั้งกายและใจ จากนั้นเราก็จะถามตัวเองเหมือนคุณนี่แหละค่ะ
ไม่รู้สินะ สำหรับเราหากจะอ้างว่ารู้เนื้อเรื่องทั้งหมดแล้วไม่อิน แล้วนิยายในดวงใจที่เราๆ ท่านๆ อ่านซ้ำๆๆๆๆ เป็นสิบๆ รอบ อ่านมาตั้งหลายปีแต่หยิบมาทีไรไม่เคยเบื่อเลย จะอ้างว่าอะไรดี
1 ถ้าเราอินซะอย่าง อะไรๆก็ง่ายขึ้นค่ะ
2 ก็คงเหมือนกับข้อที่1ค่ะ อะไรๆก็ง่ายขึ้น เมื่อเราอินไปกับมัน เขียนและอินไปกับมันเอ็นจอยไปกับมัน แล้วผลที่ได้จะดีมากค่ะ
3 ก็คงต้องบอกว่า ใช้จากการประเมินผล ประเมินสถานการณ์ว่าในช่วงตอนนั้น มันจะอะไรเกิดขึ้นบ้าง ผลดีหรือผลร้ายอันนี้แล้วแต่ผู้เขียนกำหนดจริงๆแหละ
4 ไม่ผิดเลยค่ะ เราไม่จำเป็นต้องให้ตัวเองโตขึ้นก่อน หรือปล่อยให้เนิ่นนานเหมือนกับ (แฮรรี่พอตเตอร์)เลยค่ะ ขอยกตัวอย่างแล้วกัน มันดีมากเสียอีกนะคะ ที่จะให้ตัวละครได้เติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว นักอ่านเขาอาจจะรอลุ้นอยู่แล้วก็ได้ ว่า"เมื่อไหร่จะโตสักที!"
5 มันก็แล้วแต่ว่าเราจะพลิกแพลงมันยังไง ถ้าเป็นเรานะ จะค่อยๆคิดไปเรื่อยๆ แล้วก็จดค่ะนำเอาความคิดตัวเองที่ตัวเองคิดขึ้นมา จำลองสถานการณ์ในหน้าหนึ่งกระดาษ แล้วลองนำมาปรับปรุงดูใหม่ และพิจารณาดูว่า มันจะเป็นไปได้ไหม แล้วเอามาเขียนลงค่ะ ถ้าอันไหนคิดว่าเป็นส่วนเกินหรือไม่จำเป็นต้องเขียน ก็ตัดมันออกไปค่ะ และลองอ่านทบทวนดูอีกครั้ง เพื่อเป็นการมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองเขียนลงไป
6 จะสร้างผู้ติดตามได้อย่างไร ต้องบอกว่า มันแล้วแต่กลยุทธ์ของแต่ละคนนะคะ ก็อย่างแรกเลย เราต้องทำให้ผู้อ่านมีความเชื่อมั่น มั่นใจว่าเราจะเขียนจบไหม? นั่นแหละ! คือข้อสำคัญเลยค่ะที่จะต้องทำให้ได้นะคะ เพราะนักอ่านมักจะตั้งใจอ่านนิยายเรื่องใดเรื่องนึงที่เขาชอบจนกว่าจะจบไปข้างหนึ่งเลยล่ะค่ะ(ยกมือขึ้น เราก็เป็นแบบนั้นเช่นกันค่ะ)^^ เพราะนักอ่านถ้าได้ชอบและถูกใจกับเรื่องนั้นๆเมื่อใด มักจะติดตามเสมือนเป็นเงาเลยค่ะ555 และแน่นอนข้อต่อไปก็คือ ความสนุกและลื่นไหลของเรื่อง นิยายทุกเรื่องก็จะขาดไปไม่ได้เลยจริงๆค่ะ เพราะถ้าขาดมันไปแล้ว อาจต้องมีเฮ เทกันไปเลยค่ะ (แยกย้ายๆ)เพราะงั้นเราต้องทำให้มีความสุขไปกับการเขียนด้วยนะคะ สู้ๆค่ะ
7 ข้อสุดท้ายนี้ ต้องขอบอกเลยว่า(อย่าทำให้ตอนของเรื่องนั้นดูเยอะจนเกินไป)เลยนะคะ ถ้าไม่อยากเหนื่อย อย่างมากก็แค่50ขึ้นไปก็พอแล้วค่ะ เอาแบบไม่เกิน90ตอนก็แล้วนะคะ (จะได้ไม่เหนื่อยเนาะ)เอาใจช่วยค่ะ
สู้ๆนะ
ขอบคุณครับ
ขอตอบแบบรวม ๆ ก็แล้วกัน - ถ้าเป็นนักเขียนที่ยังไ่ม่เคยเขียนจบสักเรื่องเลย แล้วมีโปรเจ็คท์ยิ่งใหญ่อลังการอย่างแฮรี่ พ็อต เตอร์ (เจ็ดเล่มโต ๆ สร้างโลกใหม่ อะไรใหม่มากมาย) อยากแนะนำว่า ให้เริ่มด้วยก้าวเล็ก ๆ ก่อน เขียนโปรเจ็คท์เล็ก ๆ ให้จบก่อนสักหนึ่งเรื่อง เราจะเรียนรู้อะไรได้มากมายจากการเขียนนิยายจบ มันคนละเรื่องกับการมีไอเดียในหัวแค่ไม่กี่ฉาก เพราะเราต้องหาอะไรต่าง ๆ มากมายมาเติมช่องว่างให้เรื่องของเราสมบูรณ์ จนเดินไปถึงตอนจบได้ ไม่รู้ว่าเจ้าของกระทู้เคยเขียนจบหรือยัง แต่ว่ามันยากมากเลยนะ ทรมานมากๆ หากไม่เคยเขียนจบสักเรื่องมาก่อน เพราะเราจะอยากเขียนแต่ฉากที่เราฉากเขียน แต่กว่าจะถึงเราต้องบิ๊วก่อน บิ๊วนานเหลือเกิน เมื่อไหร่มันจะถึงสักทีว้อย
- พอเขียนจบแล้ว ลองเก็บเข้าลิ้นชักไปสักเดือนสองเดือนก่อนให้ลืม แล้วค่อยหยิบมาอ่านใหม่ โอ้โห คราวนี้เราจะอ่านเหมือนว่าเราไม่ได้เขียนเอง เพราะว่าเราลืมไปแล้ว และเราจะเห็นจุดบอดจุดบกพร่องจุดยอดเยี่ยม ข้อดีข้อเสียของมันได้ชัดขึ้น คราวนี้เราจะรีไรท์อย่างสนุกสนาน (หรือเปล่านะ 555)
- เรียนรู้เรื่องการวางแผนการเขียน จะช่วยได้มาก
- นิยายแฟนตาซีที่ดี คือนิยายที่สร้างโลกใหม่ได้สมเหตุสมผล หาเหตุหาผลมารองรับได้หมด ซึ่งยาก ดังนั้นคนที่ทำได้ คือ นิยายเขาขึ้นหิ้ง ซึ่งเราจะเห็นได้จากการลองกลับมาอ่านงานตัวเองใหม่หลังจากลืมไปแล้ว คราวนี้เราจะจับผิดตัวเองได้รัว ๆ อ้าว ทำไมไม่อย่างนั้น ทำไมไม่อย่างนี้
- จะเห็นว่า ทุกอย่างต้องใช้เวลา เราต้องอดทน ใจเย็น ๆ เราต้องสั่งสมประสบการณ์ไปเรื่อย ๆ มีความสุขกับการเขียน ทดลองทำอะไรแปลก ๆ เขียนฉากที่ไม่เคยเขียน ทดลองสื่อสารทั้งอารมณ์และเรื่องราวใหม่ ๆ ไปเรื่อย ๆ แล้วเราจะเห็นว่า อะไรที่เราทำได้ดีแล้ว อะไรที่เรายังทำได้ไม่ดีพอ
- คนที่เขียนเรื่องแรกแล้วดังเลย มันก็คงมี แต่มันน้อย หนึ่งในแสนในล้านในสิบล้าน ถึงแม้เราจะไม่ใช่คนคนนั้น แต่เรามีความสุขที่จะเขียน เราก็อาจจะไปถึงฝั่งฝันได้สักวันเน้อ (บอกตัวเองด้วย 555)
ขอบคุณมากครับ ส่วนเรื่องคำถามที่ว่าผมเคยเขียนจบรึยังนั้น...ผมเขียนจบแล้วครับ(ภาค1)
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?