[ชวนคุย] ขอทราบรายชื่อนิยายที่เป็นตัวจุดประกายให้เพื่อนๆ เริ่มเขียนนิยายหน่อยค่ะ
ตั้งกระทู้ใหม่
ตัวจขกท. เองก็มีหนังสือเล่มโปรดหลายเล่มที่เป็นแรงบันดาลใจ ทำให้อยากเริ่มเขียนนิยายจริงๆ จังๆ และมีหนังสือตีพิมพ์เป็นของตัวเองสักครั้ง
เราเชื่อว่าหลายคนคงไม่ได้มีหนังสือเล่มโปรดเพียงเล่มเดียว เพราะหนังสือแต่ละเล่มก็อินสไปร์คนอ่านในรูปแบบต่างๆ กัน อย่างเช่น เราอาจชอบการใช้ภาษาของหนังสือเล่มแรก ส่วนเล่มที่สองชอบพล็อต เล่มที่สามชอบตัวละคร เป็นต้น
วันนี้เลยอยากมาแชร์หนังสือเล่มโปรดของตัวเองและอยากทราบของเพื่อนๆ ด้วยเหมือนกันว่ามีเล่มไหนบ้าง และชอบอะไรในหนังสือเล่มนั้นๆ
1. Harry Potter
ในวรรณกรรมชุดนี้ จขกท. ชอบการสร้างโลกแฟนตาซีของเจ.เค. มากเลยค่ะ ตัวละครมีคาแร็กเตอร์หลากหลายทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และเป็นนิยายที่ทำให้เรารู้จักภาษาละตินเป็นครั้งแรก เพราะนักเขียนใช้ภาษานี้ในการตั้งชื่อตัวละคร สิ่งของ และพวกคาถาต่างๆ มากมาย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราศึกษาภาษานี้และนำมาใช้กับนิยายที่ตัวเองกำลังเขียนด้วยเหมือนกัน
2. The Lord of The Ring
สิ่งที่เราชอบในนิยายเรื่องนี้คือภาษา ไม่ได้หมายถึงสำนวนการเขียนนะคะ แต่หมายถึงภาษาเอลฟ์ที่นักเขียนสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในหนังสือของตัวเอง ซึ่งภาษานี้สามารถนำไปใช้งานได้จริง เพราะมีโครงสร้างครบหมดทั้งไวยากรณ์และคำศัพท์ รวมถึงเปิดเป็นคอร์สสอนในมหาวิทยาลัยระดับโลกด้วย เรามองว่าการสร้างภาษาของนักเขียนทำได้น่าทึ่งมาก ถ้าเขียนนิยายแฟนตาซีเราก็อยากสร้างภาษาที่ใช้ได้จริงแบบนี้ขึ้นมาบ้าง คงเป็นอะไรที่สุดยอดเลย แต่ก็คงต้องใช้เวลาเยอะเหมือนกัน
3. A Song of Ice and Fire
คนที่ไม่เคยรู้จักนวนิยายชุดนี้ อาจรู้จักในชื่อ Game of Thrones จขกท. เองก็รู้จักเรื่องนี้ในรูปแบบของซีรี่ส์มาก่อนที่จะมีโอกาสได้อ่านนิยายเหมือนกัน สิ่งที่เราชอบที่สุดก็คือตัวละครค่ะ เพราะตัวละครมีความเป็นคนจริงๆ ถ้าเทียบกับนิยายอื่นๆ ที่เคยอ่านมา (ไม่ได้นับรวม 2 เรื่องด้านบนนะ) ตัวละครทุกตัวมีนิสัยหลากหลาย และไม่ได้มีแค่ด้านเดียว ทำดีได้ ทำเลวได้ ทำผิดพลาดได้ กลางๆ เทาๆ และมีการพัฒนา เปลี่ยนแปลง เติบโตตามสถานการณ์ที่ตัวเองเผชิญอย่างเห็นได้ชัด A Song of Ice and Fire เป็นนิยายเรื่องหนึ่งที่โดยส่วนตัวแล้วเรามองว่าพล็อตเกิดขึ้นจากการตัดสินใจของตัวละคร และทุกๆ การตัดสินใจอิงนิสัยของตัวละครอย่างแท้จริง ไม่ลำเอียงว่าคนดีๆ ต้องเจอแต่เรื่องดีเสมอไป และนอกจากตัวละคร เราชอบการตั้งชื่อคน สถานที่และอื่นๆ ของนักเขียน การสร้างโลกแฟนตาซีใบใหญ่ของเขา ประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยิ่งใหญ่และสมเหตุสมผลในตัวมันเอง รวมถึงศาสนาความเชื่อมากมายที่นักเขียนสร้างสรรค์ขึ้นมา สำหรับเรามันเป็นอะไรที่ใหญ่มากๆ เพราะต้องศึกษาค้นคว้า และอีกอย่างหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือชั้นเชิงในการใช้คำพูดเวลาตัวละครปะทะคารมกัน ซึ่งคนเขียนทำได้ดีมากๆ ในจุดนี้
4. ดั่งดวงหฤทัย
นวนิยายเรื่องนี้คงเป็นงานของคนไทยเรื่องเดียวที่จขกท. จะยกมา เราประทับใจเรื่องนี้มากและอ่านมา 5 รอบแล้ว สิ่งที่เราชอบที่สุดคือสำนวนการเขียนที่มีเอกลักษณ์ ภาษาสวย แต่ไม่ได้อ่านยากขนาดต้องมานั่งแปลไทยเป็นไทย ถือว่าเป็นงานเขียนของคนไทยเรื่องหนึ่งที่เรายกขึ้นหิ้งแล้วเรียบร้อย
จริงๆ จขกท. ยังมีหนังสืออีกเยอะมากที่เป็นแรงบันดาลใจ แต่ยกเรื่องหลักๆ มาแชร์ให้เพื่อนๆ ฟังก็พอเพราะเดี๋ยวจะยาวเกิน
แล้วเพื่อนๆ มีนวนิยายเล่มโปรดเรื่องไหนกันบ้างคะ อยากรู้ของทุกๆ คนเลยค่ะ มาแชร์ให้ฟังเยอะๆ น้า จขกท. ตามอ่านเม้นต์ของทุกคนเลย
27 ความคิดเห็น
ของเรามี
- หัวขโมยแห่งบารามอส จริง ๆ ไม่ได้มีผลขนาดนั้นแต่เป็นแรงบันดาลใจสมัยเด็ก ๆ
- Le Morte d' Arthur อ่านเวอร์ชั่นภาษาไทยแล้วได้แรงบันดาลใจเกี่ยวกับความอัศวิน 555 เพิ่งได้มาอ่านเวอร์ชั่น Middle English แล้วอินสุด ๆ ได้แง่คิดเยอะเลย
- Les Miserables ติดใจการใช้บทบรรยายมากกกก (เวอร์ชั่นแปลไทยก็ดี) แต่ยังอ่านไม่จบเลยค่ะ อ่านย๊ากยาก
- Arthurian Romances ของ Chertien de Troyes อันนี้เอาเป็นว่าชอบละกัน 555
เราเคยอ่านหัวขโมยแห่งบารามอส กับ Les Miserables ค่ะ แต่อีกสองเรื่องไม่เคยอ่านเลย
- หัวขโมยแห่งบารามอส เราเคยอ่านตอนอยู่มอต้น แต่ก็ผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว บ่งบอกความแก่ 555 จำได้ว่าสนุกดีแต่เนื้อเรื่องเป็นยังไงนี่ลืมไปหมดแล้ว แต่เราก็ยังมีหนังสืออยู่ที่บ้าน ว่างๆ คงหยิบมาอ่านรำลึกความหลังซะหน่อย
- Les Miserables เราเคยอ่านนิดหน่อยค่ะ นิดหน่อยจริงๆ ฮ่าๆๆ ไปเจอที่ห้องสมุดสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เลยคุ้นๆ ว่าเอ๊ะ เคยดูหนังเรื่องนี้นี่หว่า ฉบับแปลไทยอ่านยากมากจริงๆ ภาษาปราณีตละเมียดละไมเกิน ตอนนั้นเลยยกธงยอมแพ้เลย
เราอ่านบารามอสตอน ป.ห้า มั้งคะ นานมากกกกกก 555
ส่วนตอนอ่าน Les Miserables ตอนนั้นเปิดเน็ตไปเจอมิวสิคัลละชอบมาก เลยเดินไปแบกหนังสือจากศูนย์หนังสือจุฬา แบบที่เป็นปกแข็งห้าเล่ม 555 จำได้ว่าตอนนั้น ม.ห้า นอนอ่านทั้งวันไม่ทำอะไรเลยละแบบ รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง 555 แต่ความรู้สึกคือประทับใจมากกกก
Les Miserables เราดูเวอร์ชันภาพยนตร์เพลงที่ Anne Hathaway กับ Hugh Jackman แสดง ประทับใจมาก เพลงก็เพราะ แต่กับหนังสือนี่ยอมแพ้เลย อ่านไม่รู้เรื่อง 555
จับมือค่ะ ชอบมากจนร้องได้เกือบทุกเพลง
เอ้าา I dreamed a dream ลอยมาาา
ทางนี้ชอบ Stars, Do you hear the people sing? กับ Who am I? ค่าาาาา
ส่วนเราชอบ I dreamed a dream, On my own, Bring him home กับ Castle on a cloud ค่ะ
ลืม A little fall of rain อีกเพลง ฟังแล้วปวดจัยยย
เรานี่กุมขมับตั้งแต่ต้นเรื่อง รันทดเกินนน
- นิยายเรื่องนี้ข้าไม่ได้เขียน
ชอบมากคะ เป็น The best เลย แต่ผิดหวังกับตอนจบนิดหน่อยคะ
- นิยาย นักอ่านกับพระเอกน่ะต้องคู่กันอยู่แล้วนี่ Y
- นิยายแนวรักแฟนตาซี,แฟนตาซี,เกมออนไลน์,รักโรแมนติค,จีนโบราณ เยอะมากจนจำชื่อเรื่องไม่ได้
นิยายวายเราไม่เคยอ่านเลยค่ะ ไม่ใช่แนวเยยย แต่ก็มีดูซีรี่ส์บ้าง
ส่วนใหญ่เราจะอ่านนิยายรัก แฟนตาซี รักแฟนตาซี แต่ช่วงนี้อินแฟนตาซีค่ะ ดูน่าจะเขียนยากดีเลยอยากลองดู ส่วนจีนโบราณเราก็เคยติดช่วงประมาณ 5-6 ปีก่อน มากกว่ารักของแจ่มใสกองอยู่บ้านเพียบเลย แต่ก็ดองไว้เยอะเหมือนกัน อ่านไม่หมดสักที
์Narnia - The Lion, the Witch, and the Wardrobe
(นาร์เนีย - ตู้พิศวง) ค่ะ :D
แต่ก่อนแต่งเหมือนเขาเลยค่ะ ตัวเอกสี่คน ชายสองหญิงสอง ทะลุมิติไปดินแดนน้ำแข็ง เป๊ะ
พอโตถึงรู้ว่า อ๋อ เขาเรียก แฟนฟิค 55555
งื้อออ เราก็อยากอ่านนาร์เนียยยย
รู้จักแต่ที่เป็นเวอร์ชันภาพยนตร์ อยากซื้อมาลองอ่านดูเหมือนกันว่าหนังสือสนุกป่าววว
อยากแต่งตอนอ่าน Fanfic นารูโตะ แล้วพอมาแต่งก็แต่งนิยายแนว แฟนตาซี เน้นไปทางพัฒนาความสัมพันธ์ของตัวละคร แบบนี้ไม่แปลกไปใช่ไหม555
ก็ไม่แปลกน้าาา นารูโตะก็แฟนตาซี (แบบญี่ปุ่นๆ)
อีกอย่างเราคงผ่านตาพวกภาพยนตร์แฟนตาซีมาบ้าง แต่มาเกิดจุดประกายตอนอ่านฟิคนารูโตะพอดิบพอดี
ของผมคือมีพล็อตวางไว้อยู่แล้วในหัวน่ะนะ แต่ว่าไม่ได้คิดจะสร้างเป็นนิยายเลยสักนิด กะว่าจะหาเพื่อนที่วาดรูปเก่งๆแล้วชวนไปทำเว็บตูนกันแบบเอาสนุก
สักพักระหว่างนั่งบนรถเมล์ก็นั่งอ่านบทความ Cthulhu mythos ของ H. P. Lovecraft ที่ผมกำลงสนใจในตอนนั้น สักพักก็เริ่มคิดแล้วว่า เอ...ถ้าเรามามัวแต่นั่งจำกัดความตัวเองแล้วเมื่อไหร่มันจะได้ทำตามฝันสักทีหว่า? วาดไม่เก่งแล้วทำไงดีหว่า งั้นลองแต่งนิยายดูละกัน
ผลก็คือนั่งแต่งนิยายทั้งๆที่ทั้งชีวิตจับหนังสือแบบไ่ม่มีรูปแบบนับครั้งได้ (เด็กชายในชุดนอนลายทาง/เส้นเลือดสีขาว/ต้นส้มแสนรัก/บารามอสไม่กี่หน้ากระดาษ/แฮรี่พ็อตเตอร์ที่เลิกอ่านแล้วไปดูหนัง)
กรรมที่ตามมาคือเขียนนิยายได้ออกมาหายนะมากครับ ไม่ตรงกับพล็อตที่วางไว้สักเท่าไหร่จนต้องมารีไรท์และเสียเวลาไปอีกหลายเดือน
ว่าแต่ตอบแบบนี้คือตรงหัวกระทู้ไหมหว่า555 เพราะนิยายไม่ได้เป็นแรงบัลดาลใจเท่าไหร่ แต่ถ้าหนังล่ะก็ใช่แน่
ไม่ตรงก็เข้ามาพูดคุยกันได้ค่าา ไม่ว่ากันนน
จริงๆ เราก็มีหนังหรือซีรี่ส์ที่เป็นแรงบันดาลใจเหมือนกันค่ะ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่หนังสือ
หนังซีรี่ส์บางเรื่องสร้างจากหนังสือ แล้วก็มีหนังสือบางเรื่องที่เขียนจากหนัง
เรามองว่าไม่ว่าอะไรก็เป็นแรงบันดาลใจได้หมดเลย
แต่ถ้าจะเขียนหนังสือดีๆ สักเล่ม การอ่านหนังสือเพื่อเก็บประสบการณ์ วิธีการเขียน คำศัพท์ และการเรียบเรียงความคิดสำคัญมากเลยค่ะ ถ้าจะดูหนังอย่างเดียวแล้วเขียนนิยาย งานมันก็จะไม่สมบูรณ์อย่างที่นิยายควรเป็น เพราะตัวนิยายกับสคริปต์หนังมันต่างกันโดยสิ้นเชิง
งั้นกล้าพูดเลยครับว่าหนังและการ์ตูนของญี่ปุ่นเป็นอิทธิพลสำคัญในการรังสรรค์จักรวาลหนัง/นิยาย ของผมเลยครับ จำได้ว่าตอนเด็กๆอยากสร้างการ์ตูน(ก็นะยังเด็กอะครับ555)หลายๆเรื่องที่มีเรื่องราวเชื่อมต่อกัน แต่ละเรื่องก็จะเป็นคนละแนวกันที่แตกต่างออกไป หนังเรื่องหลักๆที่สร้างอิทธิพลให้ผมชื่นชอบในสื่อบันเทิงก็คงเป็นขบวนการ 5 สีที่ได้ดูในยุคนั้น(ส่งผลให้ชอบสีแดงมาก) ไอออนแมนที่ฉายสมัยช่วงป.1 ก็อตซิลล่าที่เคยได้ดูตอนเด็กแล้วก็จูแรสสิคปาร์ค
พอโตขึ้นบทการ์ตูนก็เปลี่ยนไปตามทัศนคติและสิ่งที่ผมเจอ บทมันเริ่มกลายเป็นซีรี่ส์โทคุคัทสึ จากนั้นก็เริ่มกลายเป็นหนังที่มีกลิ่นอายของความเป็นการ์ตูนญี่ปุ่นเข้ามา
แต่จุดเปลี่ยนหลักที่ทำให้ผมเริ่มเขียนนิยายก็คงเป็นการที่ชื่นชอบตัวเอกหญิงที่มีลักษณะนิสัยโหดๆเหี้ยมๆ(มีปัญหาทางจิต)นี่แหละ ผมอยากจะลองเอาตัวละครแนวนี้เพิ่มเข้าไปในจักรวาลหนังของผมที่ตัวละครส่วนใหญ่นั้นมักจะเป็นคนปกติ
อีกทั้งด้วยความที่ว่าตอนนั้นผมกำลังเริ่มดูสตาร์วอร์สแบบจริงจังด้วยนี่แหละ(เพิ่งเปิดใจดูช่วง ม.1 เพราะที่บ้านไม่ชอบก็เลยไม่ชอบตาม) เลยอยากสร้างตัวเอกหญิง ในตีมแนวอัศวิน ที่มีการต่อสู้และเสกลสงครามยิ่งใหญ่อลังการ และเนื้อหาที่แสนจะแฟนตาซีผิดแผกไปจากเรื่องอื่นๆที่ดูจับต้องได้มากกว่า
แต่กว่าจะได้เริ่มเขียน ก็ล่อเข้าไปตอนที่จะจบมัธยมปลายแล้วนี่แหละครับ555
//ยาวไปหรือป่าวครับ พอดีว่างแล้วดันติดลมบน
//การ์ตูนตีแบตที่ว่านี่ นางเอกก็จิตไม่ปกตินะครับ ถึงได้อ่านจนติดงอมแงม
เสริม*การ์ตูนตีแบตที่ผมว่าไปตอนต้น มีนางเอกที่จิตไม่ค่อยจะปกติครับ* แต่เนื้อเรื่องเข้มข้นนะครับ555
เราเองก็ดูอนิเมะเหมือนกันค่ะ บางครั้งจะได้บางฉาก บางเหตุการณ์มาใส่ในนิยายที่ตัวเองเขียน ดูสื่อหลากหลายแนวมีประโยชน์มากนะเราว่า
ตัวละครแนวโหดๆ โรคจิตเราก็มีในดวงใจเหมือนกัน เราชอบ 'ฮันนิบาล เลคเตอร์' มากค่ะ ไม่เคยอ่านเวอร์ชันนิยาย เรารู้จักตัวละครนี้ครั้งแรกตอนดูหนัง 'The silence of the lamb' หนังเก่ามากแล้วแต่คลาสสิคดี นักเขียนเขาสร้างสรรค์ตัวละครออกมาได้มีมิติดี แล้วก็อีกเรื่องนึง 'Phycho' เรื่องนี้ก็น่าสนใจนะ ตัวละครมีอาการทางจิตเหมือนกัน หนังเก่ามาก แถมยังเป็นต้นแบบของหนังฆาตกรรมยุคหลังๆ ลองหาดูนะคะถ้ายังไม่เคยดู
อ่านการ์ตูนเรื่องลุ้นรักสลับขั้วแต่วาดรูปไม่ค่อยเก่งเลยหันมาแต่งนิยายแทนเพราะขัดใจที่ต้องรอเล่มต่อไป....พอนึกได้ก็20ปีมาแล้วน้า~ ...ลองหันมองกลับไปที่นิยายตัวเอง นอนตายแปบ
เออเนอะ เราก็มีนิยายที่อ่่านค้างไว้แล้วนักเขียนเทเหมือนกัน
เอาไปเอามา แต่งเองซะเลย 5555
เริ่มจากอ่านแต่มังงะและชอบดูภาพยนตร์ครับ
ด้วยความที่ชอบทำหนังสั้น ชอบเขียนบทภาพยนตร์หรืออยากเล่าอะไรสนุก ๆ สักอย่างกับเพื่อน จึงหันมาแต่งนิยายครับ
นิยายที่อ่านมีน้อยมากและที่ถูกใจจริง ๆ ก็นิยายในเด็กดีนี่ล่ะครับ
ศึกษาสำนวนและโวหารจากการอ่านเว็บนี้แหล่งเดียวเพราะสะดวกและมีแนวถูกจริตที่หาอ่านยากน่ะครับ
//พอพูดถึงเรื่องนี้ ทำให้ผมนึกถึงวรรณกรรมเรื่องแรกที่อ่านในวัยกระเตาะขึ้นมาแบบงง ๆ : The Little Prince (มีใครรู้จักไหมครับ) จำได้ยังไงตั้งสิบกว่าปี 55 ขอบคุณกระทู้นี้ที่ทำให้ผมระลึกชาติได้นะครับ (ว่าไปนั่น)
The Little Prince เราเคยอ่านค่ะ ชอบมากๆ
แล้วก็อ่านวรรณกรรมอีกหลายเรื่องเลย อย่าง ต้นส้มแสนรัก เด็กชายในชุดนอนลายทาง
เราว่าแนวนี้น่าสนใจแล้วก็เขียนยาก ให้ความรู้สึกแบบที่นิยายแนวอื่นทำไม่ได้
Last fantasy, white road ทำให้อยากเขียนนิยายบ้างครับ
Last Fantasy นี่มหากาพย์มาก เราอ่านไม่เคยจบอ่ะ 555
แจ่มใสเลย เป็นสำนักพิมพ์แรกที่อ่านตอนประถม555 คนแต่งคือเจ้าปลาน้อย พออ่านเล่มนั้นจบแล้วรู้ว่าเด็กดีเป็นมีเว็บแต่งนิยาย เราก็เขียนตั้งแต่ตอนนั้นแต่ไม่เคยจบ (เปลี่ยนไอดีมากกว่าสิบ -.- ) แต่ตอนนี้จริงจังแล้วแหละ จบไปหลายเรื่องแล้ว โตแล้ว ให้เขียนจบบ้างเถอะ55
เราก็ติ่งแจ่มใสเหมือนกันตอนมัธยม ติ่งยาวไปถึงช่วงเรียนมหาลัยเลย
แต่ตอนนี้ก็ไม่ค่อยกรี๊ดเหมือนแต่ก่อนแล้ว ตามแค่พี่ May112 คนเดียวเลย
ตอนนี้ไม่กรี้ดแล้วเหมือนกันค่ะ555
ถ้าเอาที่รัสเซียนิยายที่เป็น The Best of All Time ของเราจะยกมา 3 เรื่อง
1. Fathers And Sons (1862)
2. War And Peace (1863-1869)
3. Anna Karenina (1875-1877) (ชอบที่สุด)
ถ้าเป็น Global นักเขียนที่ชอบที่สุดก็คงจะมีแค่ 2 คนคือ
1. J.K. Rowling นักเขียน Harry Potter
2. Stefani Meyer นักเขียนเรื่อง Twilight
นอกจากนี้นิยายผู้ใหญ่ที่ชอบก็มี Fifty Shades กับ The Hunger Games ค่ะ
สำหรับเราแนวเขียนที่ถนัดสุดก็คงจะโรแมนติกดราม่าค่ะ (แต่ไม่ Y นะคะ)
นอกจากนี้นิยายหรือบทประพันธ์ที่สร้างเป็นหนังแล้ว พวกซีรีย์อเมริกานี่ก็เป็นหนึ่งแหล่งที่เอากิมมิคของแต่ละเรื่องมาเขียนเป็นนิยายได้ค่ะ เช่นซีรีย์พวกแวมไพร์ทั้งหลายแหล่อย่าง The Vampire Diaries, The Originals, The Legacies หรือถ้าแนวเวทมนตร์ก็เรื่องนี้เลยค่ะ The Magicians
เราก็ชอบแนวแฟนตาซีกับดิสโทเปียเหมือนกันค่ะ
แต่สมัยก่อนอ่านแต่แนวรักวัยรุ่นทั้งนั้นเลย ในหัวมีแต่เรื่องรักๆ เต็มไปหมด 555
โดยส่วนตัวแล้วเราว่าแนวรักนี่แหละค่ะเขียนง่ายสุด เพราะไม่ได้หาข้อมูลเท่าแนวอื่น
นนิยายเรื่องแรกที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขียนนิยายคือ ภาพยนต์เรื่อง
โทน ภาพยนต์ 16 mm.
โทนเอ๊ยโทน เพื่อนโทนผู้น่าสงสาร อวดทะยานหมายเอื้อมปองเด็ดดอกฟ้า
นิยายเรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เขียนนิยาย ก็เลยเขียนนิยายลงในถนนนักเขียน พันทิป เป็นที่แรก ประมาณ20ปีก่อน ทำไมภาพยนต์เรื่องนี้ถึงจุดประกายให้เขียนนิยาย? คำตอบคือ เพราะพล๊อตนิยายค่ะ พล๊อตนิยายเรื่องโทน เป็นนิยายเรื่องแรก(ในช่วงนั้น) ที่นางเอกไม่ใช่หญิงพรหมจารี เพราะถูกตัวร้ายย่ำยีไปแล้ว แต่ความคิดของพระเอกล้ำยุคมาก เมื่อเทียบกับสภาพสังคม ค่านิยมสมัยนั้น
ส่วนภาพยนต์อีกเรื่องที่ทำให้ผู้เขียน ไม่ค่อยชื่นชอบฉากข่มขืน จำได้ว่าสมัยเป็นเด็ก อายุ5-6ขวบ ไปงานวัดกับแม่ แล้วเห็นหนังกลางแปลงเรื่องหนึ่ง เป็นหนังแนวระเบิดภูเขาเผากระท่อม คุณสรพงษ์รับบทพระเอก ไปทำไร่ เมียกับลูกอยู่ในกระท่อม เมียพระเอกถูกข่มขืนต่อหน้าลูก แล้วถูกตัวร้ายยิงทิ้ง แล้วจับลูกชายพระเอกแขวนคอตาย ฉากนั้นติดตามาจนทุกวันนี้ค่ะ ร่างเปลือยโชกเลือดของผู้หญิง กับเด็กอายุสามสี่ขวบถูกจับแขวนคอ จนผู้เขียนอายะขนาดนี้แล้วภาพนั้นยังติดตาอยู่เลยค่ะ ดามพ์ดัสกร เลยกลายเป็นตัวร้ายที่ผู้เขียนเกลียดมาก สมัยเป็นเด็ก
เราก็ไม่ชอบนิยายที่มีฉากข่มขืนหรือข่มเหงไม่่ว่าแบบไหนเหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะถ้าผู้กระทำเป็นพระเอก แถมสุดท้ายนางเอกยังหลงรักในตอนจบอีก เราว่ามันไม่ realistic เท่าไหร่ สมัยก่อนอาจจะอินอาจจะฟินแต่ตอนนี้เราไม่อ่านเลย รู้สึกว่าไม่สร้างสรรค์
เราก็เหมือนกันค่ะ แรงบันดาลใจไม่ได้มาจากแค่ในหนังสือ แต่มาจากสื่ออื่นๆ ที่เราเสพด้วยเหมือนกัน
1.พวกหนังสือเรื่องย่อละครเล่มละ 20 บาทกับ 25 บาท
-ตอนเด็กๆชอบและเอาไปชั่งกิโลขายหมดแล้ว
แต่สมัยนี้ ถ้าไม่ใช่ละครที่เราชอบหรือถูกจริต เราจะไม่ซื้อมาเก็บสะสม
2.พวกสปอยละครในหนังสือพิมพ์บันเทิง
-สมัยนี้ไม่มีใครอ่านข่าวกับอ่านสปอยละครตามหนังสือพิมพ์กันแล้วเนอะ
3..พวกวรรณคดีไทย
4..พวกนิทานพื้นบ้านไทย
พวกตำนานนิทานเราก็ชอบเหมือนกันค่ะ แต่ชอบของโซนยุโรปน้า เพราะเราเขียนนิยายแฟนตาซียุโรปตะวันตก
จริงๆ ของไทยก็ชอบ อย่างรามเกียรติ์ หรือสามก๊กของจีน แค่ไม่ได้หยิบมาใช้ในนิยาย เราชอบเพราะว่ามันเป็นงานทรงคุณค่า
จริงๆ แรงบันดาลใจที่ทำให้มาเขียนนิยายไม่ได้มาจากหนังสือเล่มโปรดค่ะ แต่มาจากการอ่านนิยายเรื่องหนึ่ง ชื่อเรื่องเพลย์บอยอะไรสักอย่าง อันนี้ต้องขอโทษจริงๆ จำไม่ได้ว่าชื่อเรื่องจริงๆ ชื่ออะไร เพราะอ่านมานานมากแล้ว สรุปก็คืออ่านแล้วไม่ได้ดั่งใจ เราก็เลยเขียนเองค่ะ แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ก็ต้องขอบคุณหนังสือเล่มนั้นที่ทำให้เขียนมาจนทุกวันนี้
ถ้าพูดถึงหนังสือเล่มโปรด ส่วนตัว...ชอบอียิปต์กับทะเลทรายเป็นพิเศษค่ะ
ช่วงหนึ่งเราอ่านแนวทะเลทรายเยอะเหมือนกันค่ะ ของสำนักพิมพ์สถาพร
สนุกดีนะ ได้เห็นวัฒนธรรมหลายอย่าง
ค่ะ ถ้าชอบทะเลทราย แนะนำของคุณมุกเรียง กับคุณวรรณวรรธน์ ค่ะ สนุกหลายเรื่อง
ขอบคุณน้าค้า เดี๋ยวเราไปตามอ่าน
เราแปลกไหมที่ไม่มีเรื่องไหนเลยทำให้อยากเขียน
เราคิดว่าเราชอบอ่านมากกว่า อยากเป็นนักอ่านมากกว่า
แต่การว่างงานทำให้เราคิดหารายได้จากการเขียนก็เลยลองดู
แต่หากให้เลือก เราขอเลือกอ่านอย่างเดียว สบายใจกว่าการต้องนั่งปวดหลังคิดพล็อตพิมพ์นิยายเยอะเลย
แต่ตอนนี้เลือกไม่ได้...เศร้าจัง คิดถึงช่วงเวลานอนอ่านนิยายชิลๆ
ไม่แปลกเลยยย เราก็เป็น 5555
แบบว่าบางทีมันมีเรื่องราวในหัวนะ แต่ขี้เกียจสร้างสรรค์ออกมาให้เป็นรูปเป็นร่าง
อยากเห็นหนังสือของตัวเองแต่ขี้เกียจเขียน แฮปปี้กะการนอนอ่านชิลๆ มากกว่า
บอกว่าเป็นแรงบันดาลใจน่าจะไม่ค่อยใช่ แต่บอกว่าเป็นแรงผลักดันน่าจะถูกต้องกว่า...เป็นช่วงที่เรียนพวกวรรณคดีแล้วเครียด อยากปลดปล่อยค่ะ =__=
เรื่องที่เรียนในตอนนั้นเป็นเรื่องสั้นหนึ่งในชุด Dubliners เขียนโดย James Joyce กล่าวถึงคนเมืองที่เป็นอัมพาตในหลายมิติ บางเรื่องอาจเป็นความรู้สึก บางเรื่องอาจเป็นทางศีลธรรม (ถ้าไม่ใช่อัมพาตก็เรียกว่าตายเลยก็ได้) ซึ่งเขียนในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 พอหลังปฏิวัติอุตสาหกรรม สภาพสังคมเปลี่ยนแปลง มีความเป็นเมืองมากขึ้น ผู้คนเริ่มขาดความเป็นมนุษย์ไปทุกที
ช่วงที่เรียน เป็นช่วงที่กรุงเทพสร้างรถไฟฟ้าได้ไม่นาน สภาพสังคมเมืองเริ่มชัดเจนขึ้น พวกอสังหาริมทรัพย์ติดรถไฟฟ้าเริ่มมากขึ้น และคนต่างเข้าไปอยู่ในกล่องเหล่านี้อย่างล้นหลาม วิถีผู้คนเปลี่ยน มันเลยเหมือนได้เห็นของจริงกับตา (แม้เรื่องนี้เขียนมาได้ร้อยปีก็ตาม) แล้วมันชวนให้ขบคิด
งานเขียนต้นๆ ของเราจึงยึดเรื่อง Stereotype กับ Urbanization เป็นหลักค่ะ ใช้มาสักครึ่งทศวรรษได้ แล้วค่อยเปลี่ยนมาเป็นแนวฟีลกู๊ดหรือให้กำลังใจค่ะ
ของเราสมัยเรียนวรรณกรรม ได้อ่านหนังสือที่เน้นเรื่อง Social System บ่อยค่ะ ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดอ่านเลยเพราะไม่สนใจ แต่พอได้อ่านแล้วก็ชอบนะ เปิดมุมมองหลายๆ อย่างดี พวกนิยายของ George Orwell น่ะค่ะ เขียนเสียดสีระบบสังคมการเมืองได้ฉลาดดี
แต่ก็ยังอ่านไม่เยอะพอจนอยากเขียนแนวนี้หรอกนะ 555 สนุกอ่านอย่างเดียวเลย
เซต Percy Jackson เราก็ตามอยู่ช่วงหนึ่งเหมือนกันค่ะ แต่อ่านจบแค่ 5 เล่มหลักของเพอร์ซี่ เรื่องที่แตกแขนงแยกออกมาเราซื้อมาดองไว้เป็นปีๆ ไม่ได้อ่านสักที มันเยอะเกินน
Pretty Little Liars เราเคยเห็นเวอร์ชันซีรี่ส์ผ่านๆ ตามาบ้าง เพิ่งรู้ว่ามีเป็นหนังสือด้วย เดี๋ยวต้องไปหาอ่านหน่อยแล้ว
ส่วน Twilight นี่เราชอบนะ จุดที่สร้างสรรค์แวมไพร์ออกมาได้แปลกใหม่น่าสนใจดี เราก็เขียนนิยายแนวแวมไพร์อยู่เหมือนกันแต่ไม่มีอะไรเหมือนทไวไลท์เลย
เรายังไม่ได้เขียนตัวนิยายออกมาเลยค่ะ แหะๆ อยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมข้อมูล
ของเรานะคะ
1.Girls and a doll เล่มแรกดึงเรามาอ่านนิยาย
2.ผ่ามิติแหกกฎมนตรา แนวทางการเขียนนิยายของเราช่วงแรก ทำให้นิยายของเราจะคล้ายกับไลฟ์โนเวท ภายหลังเริ่มปรับบ้างแล้ว
3.โลกเวทย์มนตร์ของคาออส ที่มาของแนวคิดโลกที่เป็นเบสในนิยายออริของเราเลย
เราก็อ่านไลท์โนเวลบ้างเหมือนกันค่ะ ที่บ้านมีเรื่อง SAO แต่อ่านไม่เคยจบเลย ยอมแพ้ซะก่อน หันมาเอนจอยกับการดูอนิเมะเอามากกว่า 55
เอาจริงๆเราก็ติดเมะนะ แต่พอดีมันอยู่ช่วงที่ไม่รู้จะดูอะไรเลยลองอ่านไลฟ์โนเวทดู สรุปดูเมะสนุกกว่า
ของเรามีเรื่องหนึ่งเป็นแรงบันดาลใจมาจากเรื่องนั้นโดยตรงเลยค่ะ คือเรื่องตะวันที่ปลายฟ้า จำได้คร่าวๆว่า เป็นหนังสือการ์ตูนนิยาย ที่มีเด็กสาวมัธยมญี่ปุ่นถูกดึงลงไปในหนองน้ำ แล้วทะลุไปยังมิติหนึ่ง ซึ่งอีกมิตินั้นเป็นยุคสมัยที่มีทั้งฮิตไทต์เป็นคู่อริกับอียิปต์กัน ในสมัยที่มีเจ้าชายคาอิล เราก็เลยส่งให้คนจีนไปแทนค่ะ เป็นนักเขียนสาว แต่การย้อนเวลามันแตกต่างกันสุดขั้ว และเราก็ละเลงเขียนเล่าเรื่องไลต์สไตล์ของเราเอง ไปเรื่อยๆ จนเรื่องใกล้ๆจะสำเร็จไปด้วยดีแล้วด้วย(อิอิ)
ส่วนเรื่องอื่นนั้น เราดูซีรีส์และติดซีรีส์มากด้วย เลยเขียนไปทำนองนิยายจีนแฟนตาซีทั้งนั้น มีทั้งย้อนเวลา และก็พวกเทพเซียน อย่างซีรีส์หลายๆเรื่องน่ะนะ
เราก็ได้รับอิทธิพลจากนิยายหรือซีรี่ส์เยอะมากเหมือนกันค่ะ
เราอินกับอะไรที่เป็นแฟนตาซีมากช่วงนี้ เอะอะๆ ก็แฟนตาซี 555
แต่เรื่องปัจจุบันนี่หลังๆนี้เริ่มกร่อยๆแล้วอ่ะ เหมือนจะเริ่มปล่อยลงทะเลซะแล้ว555 ( ยังไม่ได้ไปเขียนเลย)สงสัยต้องเริ่มตีๆให้มันกลับที่เสียแล้วล่ะ อิอิ
เอาใจช่วยน้าาา
ขอบคุณคร้าา เอาใจช่วยเช่นกันค่ะเป็นกำลังให้ เขียนต่อไป ไปด้วยกันนะคะ
ของเราเป็นหนังสือเรียนภาษาไทย555 แบบว่าชอบมาก555 แบบว่าพอโตมาหน่อยก็ฝึกเขียนใส่กระดาษเอสี่แล้วเย็บเล่มให้เพื่อนอ่าน ทีนี้เพื่อนคนหนึ่งบอกว่าเหมือนๆแกเขียนด่าฉัน ส่วนเพื่อนอีกคนบอกแกอย่าได้เลิกเขียนอย่าได้คิดจะเลิกทำแบบนี้นะ555 แบบตอนนั้นเขียนทั้งนิยาย เขียนทั้งแบบที่เป็นนิตยสารที่มีพาร์ทกัดจิกสังคม555 แต่เป็นเย็บเล่มเองนะ พูดไปแล้วก็คิดถึงเพื่อน555 คิดว่าเมื่อก่อนมันสนุกมากเลย
ตอนอยู่มอต้นเราก็ชอบเขียนใส่สมุดของโรงเรียนเหมือนกัน
เงินที่แม่ให้ไปซื้อขนมเอาไปซื้อสมุดหมด 555 แต่ไม่เคยเขียนจบเล่มเลย
ของเราเริ่มจากการอ่านนวนิยายที่ลงเป็นตอน ๆ ในนิตยสารอย่าง สกุลไทย พลอยแกมเพชร ขวัญเรือนค่ะ เพราะที่บ้านรับนิตยสารเหล่านี้ทำให้ซึมซับแนวทางการเขียนนิยายแนวนี้ค่ะ
เราไม่เคยอ่านนิยายในนิตยสารเลยแหะ เคยแต่อ่านเรื่องผีใน iLike
ชุดนิยายสืบสวนสอบสวนของอากาธ่า คริสตี้ครับ (เน้นเฉพาะตอนที่มีเฮอร์คูล ปัวโรต์เท่านั้น) แอบจิ๊กของแม่มาอ่าน แล้วที่เหลือซื้อมาสะสมเอง (ฮา) ปัจจุบันนี้ก็ยังอ่านไม่จบทุกเล่ม บางเล่มซื้อมาก็ไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว ย้ายบ้านทีหายหมดเลย เศร้า...
จขกท.ชอบแนวสืบสวนสอบสวนเหมือนกันค่ะ แต่ของอากาธา คริสตี้ไม่เคยอ่านเลย
เป็นแฟนเชอร์ล็อก โฮล์มส์ค่ะ แต่เคยได้ยินชื่อปัวโรต์มาบ้างตอนดูโคนัน
เชอร์ล็อค โฮมส์ก็เคยอ่านอยู่ครับ แต่ไม่ค่อยประทับใจเท่าของอกาธ่า คริสตี้
ถ้าไม่เคยอ่าน แนะนำลองเริ่มจากตอนแรกสุดอย่าง "ความลี้ลับเหนือเคหาสน์สไตลล์" ที่เป็นตอนเปิดตัวของปัวโรต์ดูครับ ตอนอื่น ๆ ที่แนะนำคือ "ฆาตกรรมวิปริต" "คดีฆาตกรรมโรเจอร์ แอคคอย" "สี่อาชญากร" (ซึ่งจริง ๆ ที่คนส่วนใหญ่ชอบจะเป็นตอนอื่น และบางตอนก็เอาไปทำเป็นภาพยนตร์มาแล้ว แต่ส่วนตัวผมชอบอันที่แนะนำมากกว่าครับ แบบตอนเฉลยนี่คือเฮ้ยอย่างนี้ก็ได้เหรอ? 555)
เล่มแรกที่อ่านคือของญี่ปุ่นฮะ ชื่อเรื่อง"น้องสาวคนที่ผมชอบน่ะ ไม่ใช่น้องสาวคนนี้ซักหน่อย!"
ของอาจารย์เซจิ เอบิสุ ครับ เป็นไลท์โนเวลแปลที่ผมไม่ดูลายเส้นครับ เป็นแนวน้องซึนเดเระตรงตามมาตรฐานเลย แน่นอนว่าน้องสาวแบบมาตรฐานก็หน้าอกหน้าใจแบนทุกคนแหละฮะ แต่เหมือนพระเอกที่เป็นพี่ชายจะต้องเป็นตัวแทนนักเขียนแทนน้องที่เป็นตัวจริง เพราะน้องขอ
หลังจากนั้นผมก็ติดมังงะอีกฮะ ชื่อเรื่องของมังงะเล่มแรกมันเก่าแล้วล่ะครับ เปียกน้ำด้วย เหมือนจะชื่อว่า"แกะกระหายเลือด"อะไรสักอย่าง ลืมละครับ
เราอ่านนวนิยายญี่ปุ่นบ้างเหมือนกันค่ะ เรื่อง 'คำสารภาพ' เป็นเรื่องหนึ่งที่ชอบมากเลยค่ะ
นักเขียนเขียนเก่งดี
นิยายเรื่องแล้วเราก็ได้แต่งงานกัน ของพี่กรรัมภาคะ
ชอบเพราะพระเอกเป็นหน่อยชีล(ชอบหน่วยชีลทั้งหน่วยเลย) พี่เขาแต่งสนุกด้วยจ้า
ช่วงสองสามปีก่อนเราก็ตามอ่านงานพี่เขาเหมือนกัน ชอบมากเลยค่ะ
หลังๆ ไม่ค่อยได้อ่าน ไม่รู้มีนิยายออกใหม่กี่เล่มแล้ว
ล่าสุดคือร้ายหวงรักจ๊ะชอบๆๆๆ
เดี๋ยวเราไปตามอ่านนน อิอิ
ไม่มีหรอกคะ อ่านไปเรื่อย เเต่ชอบดูหนังมากกก เเต่ชอบมโนไปเรื่อยๆ เเละฟังเพลงที่ชอบ มีอะไรใหม่ๆออกมาก็ไปดูให้หมด
จขกท. ก็ชอบดูหนังค่า
ของเราเรื่องบารามอสเนี่ยแหละ แต่งแนวโรงเรียนเวทมนตร์ตาม
แต่งได้ตั้งห้าภาค ตอนนี้เผาทิ้งไปหมดแล้ว
เราก็เขียนแนวโรงเรียนแฟนตาซีเหมือนกันค่ะ แต่เป็นโรงเรียนแวมไพร์นะ 555
ว่าแต่เผาทิ้งทำไมอ่ะ เสียดายยย
นิยายของบริษัทชูการ์เรนแต่หลายเรื่อง ยกมาให้ได้บางเรื่ง
Love Code รหัสรัก รหัสใจ ของยัยแก้มใสกับนายรุ่นพี่ เรื่องนี้ชอบความพระเอกเข้าใจนางเอกผิดอ่ะพอดีกันแล้วน่ารักเชียวแหละ
King of Monvick [special#2] พิกัดรักละลายใจ เรื่องนี้ชอบตอนนางเอกคนนึงจะโดนข่มขืนละนางบอกว่านางท้องแต่คนร้ายไม่เชื่อแฟนนางมาช่วยทันโดยก่อนจะอัดคนร้ายแฟนนางบอกว่า จะให้พ่อเด้กมายืนยันไหม ตอนนั้นอ่านไปกรี๊ดไปอ่ะ (เรรามีเล่ม1-2เลยละเรื่องนี้)
ปล.ไม่ว่าเราจะอ่านเรื่องอะไรก็ตามแต่สุดท้ายสิ่งที่จะทำให้เรานั้นเริ่มแต่งเริ่มเขียนได้เพราะมีใจรักในการแต่งการเขียน และกำลังใจจากคนรอบข้างและนักอ่านนิยายของเราเน้อ
สมัยก่อนเราก็อ่านนิยายรักวัยรุ่นเยอะค่ะ แต่จะเน้นหนักไปทางแจ่มใส สนพ.อื่นอ่านบ้างประปราย
แต่ก็จริงค่ะ นักเขียนต้องเขียนเพราะมีใจรัก
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?