Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เขียนนิยายในออนไลน์ได้รับแต่ความเงียบเหงาเราเลยลองเปลี่ยนแนวไปเขียนส่ง สนพ.แทน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ตามหัวข้อเลยเนื่องจากฐานแฟนคลับเราน้อย
นิยายเราค่อนข้างยาวและเครียดอีกต่างหาก
เขียนออกแนวแหวกตลาด สอดแทรกสาระใส่ศีลธรรมหนักลงไป
ผลที่ออกมาคือป่าช้ายังชิดซ้าย

คนอ่านน้อยถึงน้อยมากเพราะเราสังเกตจากจำนวนคนที่มีส่วนร่วมในนิยายจริงๆคือ 4~5 คนที่คอยคุยกับตัวละครเราและตอนไหนที่ไม่นำไปโปรโมทยอดอ่านไม่มีเลยส่วนตอนที่นำไปโปรโมทยอดอ่านขึ้น(แค่คลิกเข้ามาดูไม่ได้อ่านต่อ)

มันเงียบเหงาจนเราท้อแล้วท้ออีกแทบไม่รู้เลยว่านิยายตัวเองบกพร่องตรงไหน
จนตัดสินใจปิดลบทุกอย่างเอาไว้ไม่ไปต่อแล้วในออนไลน์
แต่ก็ใช่ว่าเราจะเลิกเขียนนะเพราะการเขียนนิยายมันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต
เราเลยลองเอางานที่เขียนค้างในไหดองหลายใบและที่จบแล้วมาขัดเกลาสำนวน
แล้วลองส่งไปสำนักพิมพ์

โหผลที่ได้คือน้ำตาเราแทบไหล

~เราได้รับคำวิจารณ์ที่ตรงไปตรงมา ได้รับคำติที่เป็นยาขนานแรง
~ได้รับรู้ว่าการใช้คำ ใช้วรรคต่างๆนานาว่าเวลาสำนักพิมพ์จะทำหนังสือสักเล่มมันไม่ใช่แค่จะเขียนๆส่งๆเลยทุกอย่างต้องใส่ใจมากมายขนานแท้แม้แต่คำ จ๊ะ กับ จ้ะ หรือแม่แต่การเว้นวรรคในรูปแบบต่างๆ

แม้ผลที่ได้คือนิยายเรายังไม่ผ่าน แต่สิ่งที่เราได้กลับมามันคือการเติบโตทางความคิด การรับรู้จุดบกพร่องมากมายของตัวเองบางทีเราคิดแค่ว่าอยากเขียนลงออนไลน์จะใช้คำผิดคำถูกอย่างไรก็ได้แม้เราตรวจแล้วบางคำเราก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการใช้มันถูกหรือผิด เช่น พราง กับ พลาง

ในออนไลน์เราตั้งใจเขียนให้อ่านฟรีและบางทีก็คาดหวังคำวิจารณ์และคำติจากนักอ่านแต่มันน้อยมากจริงๆที่จะได้รับไม่ว่าจะคำติหรือคำชมทำให้เราหลงเข้าข้างว่าตัวเองเขียนดีแล้วทำไมไม่มีคนอ่านเลยแต่เอาเข้าจริงเรายังเขียนไม่เข้าขั้นคำว่าดีเลยนะบางทีเราก็หลงผิดหลงเข้าข้างตัวเองในออนไลน์

เราเลยตั้งใจว่าจะหน้าด้านส่งงานไปสำนักพิมพ์ไปเรื่อยๆเป็นงานหลักเลยเพราะคำวิจารณ์คือยาที่เราต้องการเพื่อที่เราจะได้พัฒนาตัวเองต่อไปและหวังว่าสักวันสำนักพิมพ์จะเปิดใจรับเราและส่วนลงให้อ่านในออนไลน์เราแทบไม่คาดหวังอะไรแล้วเขียนส่งสำนักพิมพ์อย่างน้อยก็ยังได้รู้ว่าเขาไม่รับงานเราเพราะอะไร

เขียนลงในออนไลน์เราแทบไม่รู้เลยว่าเราบกพร่องอะไรสุดท้ายได้รับแต่ความท้อแท้เรากลัวหมดไฟ

อย่างน้อยสักวันเราก็หวังว่าสำนักพิมพ์จะเห็นความพยายามเรา
เรื่องไหนเขาไม่รับเราก็พับเก็บไว้อ่านเองต่อให้เราอยากแบ่งปันจินตนาการมากแค่ไหนแต่คนไม่อยากอ่านงานแนวเน้นปรัชญาและศีลธรรมเขาก็ไม่อ่านมันอยู่ดีอย่างน้อยเพื่อนนักอ่านของเราก็คือสำนักพิมพ์ที่เขาไม่อ่านฟรีๆและไม่นิ่งดูดายที่จะให้คำแนะนำเรากลับมาเสมอ

อย่างน้อย บก.ก็คือนักอ่านคนเดียวของเราไม่อยากอ่านก็ต้องอ่านเพราะมันเป็นงานของเขาส่วนนักอ่านในออนไลน์เขามีทางเลือกมากมายอยู่แล้วอ่ะนะเราจึงบังคับเขามาอ่านนิยายเราคนเดียวไม่ได้

ส่วน บก.สำนักพิมพ์ห่วยแค่ไหนก็ต้องอ่านเพื่อแนบคำวิจารณ์และเหตุผลของการไม่รับกลับมาให้นักเขียน

เหมือนโดนบังคับอ่าน อย่างน้อยเราก็มีแฟนนิยายเป็น บก.เลยนะโว้ย
ดีกว่าแฟนเงียบในออนไลน์มากเลยล่ะ

แวะมาปรับทุกข์พูดคุยนะคะ คิดถึงบอร์ดหลังจากปิดนิยายไป
ตอนนี้ไม่เหงาแล้วเพราะกำลังแก้ไขจุดบกพร่องตัวเองจากคำวิจารณ์ของ บก.
โหหลายจุดมาก โดยเฉพาะคำทันสมัยต่างๆ น่ะค่ะ ล่ะ ละ มั้ย เหรอ หรอ 
ในออนไลน์ดูชิลมากผิดถูกไม่ว่ากัน แต่งานสำนักพิมพ์ ญาติ ญาต อนุญาติ อนุญาต อุบัติเหต อุบัตเหตุ 
แต่………แต่ วรรค เขามีคำแนะนำให้มากมายเลยพึ่งรู้ว่า บก.ก็คือครูภาษาไทยดีๆนี่เอง

ไปแก้งานต่อล่ะ โชคดีนะคะเพื่อนนักเขียนและนักอ่าน
หวังว่าสักวันเราจะเก่งและมีโอกาสพบกันผ่าน สนพ.ที่ไหนสักแห่งที่เขาจะอดทนกับการตื้อให้อ่านของเราบ้างนานแค่ไหนเราก็จะไม่ท้อเพราะอย่างน้อยเราก็มี บก.อ่านนิยายที่เราเขียนอยู่นั่นเอง(ไฟล์บังคับอ่าน)


เพราะ บก.ก็คือนักอ่านนิยายที่ดีนี่เอง(เกิดอารมณ์อยากเป็น บก.ขึ้นมาเลยทีเดียว)

แสดงความคิดเห็น

>

15 ความคิดเห็น

23Warapon 19 ก.พ. 64 เวลา 11:27 น. 1
นิยายเราตอนลงแรกๆ ก็แทบไม่มีคอมเม้นท์เลยค่ะ และปัจจุบันก็มีคอมเม้นท์แค่หนึ่งคนต่อตอนเอง (ซึ่งก็ดีใจและพอใจแล้ว) นานๆ ทีจะมีสองคอมเม้นท์ ซ้ำยังเป็นคอมเม้นท์ที่ขอให้เพื่อนเก่ามาช่วยวิจารณ์นิยายให้อีก


นิยายที่ฟีดแบ็คน้อย คนเขียนก็ย่อมใจเสียเป็นธรรมดาค่ะ แต่ถ้าเราอยากดึงคนอ่าน ก็ต้องเขียนแบบแนวที่ตลาดชอบ ถ้าเลือกเขียนแนวที่ตัวเองชอบ ผลมันก็คือตลาดอาจไม่ชอบน่ะค่ะ


นิยายเราก็เน้นศีลธรรมและปรัชญาเหมือนกัน เวลาเขียนก็เกร็งว่าคนอ่านจะรับได้ไหม แต่ตอนนี้นิยายเราก็ใกล้อวสานแล้ว เราก็เริ่มปรับตัวปรับใจได้


วิธีแก้ของเราคือ เราจะเปิดนิยายสองแบบค่ะ


แบบแรกคือแนวตลาดชอบ เน้นความบันเทิงเป็นหลัก ดึงคนอ่านอย่างเดียว แต่ต้องไม่เป็นพิษเป็นภัยกับเยาวชน


แบบที่สอง เขียนตามใจตัวเอง ไม่สนยอดวิว ไม่สนยอดแฟบ เพราะมันไม่ใช่แนวตลาดอยู่แล้ว


เราเข้าใจคุณนะคะ ตอนที่นิยายเรามีผู้ติดตามแค่ 12 คน เราโคตรช็อคเลย อิอิ แล้้วก็ไม่มีคอมเม้นท์ติดต่อกันเลยตั้งหลายตอน


ทุกวันนี้ เราปรับปรุงตัวด้วยการอ่านนิยายหลายเรื่องในแต่ละวัน เพื่อสะสมคลังศัพท์ เคยเอานิยายของนักเขียนดังมาแกะเป็นฉากๆ ว่าแต่ละฉากเล่าเรื่องอะไร นับร้อยฉาก เพื่อดูวิธีการเรียงเรื่องราวในนิยาย เขียนลงสมุดด้วยลายมือนับร้อยฉาก


แล้วเราคาดหวังอะไร ก็แค่หวังจะเป็นนักเขียนนิยายคนหนึ่ง แค่ออนไลน์ก็ได้ มีคนอ่านสักกลุ่ม รายได้จากอีบุ๊คแค่เดือนละพันกว่าบาทหรือศูนย์บาทก็ยังได้ แต่ขอมีผลงานลงวางขายในmeb ก็พอใจแล้วค่ะ

0
19 ก.พ. 64 เวลา 12:07 น. 2

สู้ ๆ นะคะ เราว่าบก.ท่านนี้เมตตามาก เคยเห็นมีหลายคนบอกว่า ส่งไปแล้วบอกอย่างเดียวคือ "ไม่ผ่าน" แต่ไม่มีการให้เหตุผลอะ


เรื่องจุดบกพร่องที่มองเห็นยาก ๆ ก็คิดว่าจำเป็นแหละ ที่จะต้องมีคนมาคอยแนะนำให้ แต่เราต้องเข้าใจว่านักอ่านไม่ใช่นักวิจารณ์ บางทีเขาบอกได้แค่พอใจ/ไม่พอใจกับนิยาย แต่เขาอาจจะไม่รู้ว่าทำไมถึงพอใจ/ไม่พอใจอะ


ส่วนเรื่องสำนักพิมพ์ที่บอกว่าเขียนส่ง ๆ ไม่ได้ อืม...ลองหยิบหนังสือที่ขายบนชั้นมาสักเล่มแล้วเปิดดู เราก็ไม่คิดว่านั่นเป็นการเขียนส่งเท่าไรนะ...


แต่เราไม่ค่อยคิดว่าใช้การคำผิด มันเป็นจุดบกพร่องที่ชิลเท่าไร นิยายเว็บเรื่องไหนผิดเยอะๆเราเองก็ปิดไปเลย


มันควรเป็นความรับผิดชอบของนักเขียนอะ ถ้าไม่แน่ใจอยากให้ตรวจสอบคำก่อน นักเขียนตรวจสอบสะกดคำได้ชิลๆจากเว็บออนไลน์เลยนะ คนอ่านอย่างเราก็จะปิดทิ้งได้อย่างชิล ๆ เลยเหมือนกันถ้าเจอคำผิดเยอะ ๆ เพราะกะแค่คำผิดทำไมจะช่วยตรวจดูให้ก่อนอัพนิยายไม่ได้


เดี๋ยวนี้อะ ทั้งคนเขียนและคนอ่าน เสพคำผิดจนคิดว่ามันเป็นคำถูกไปแล้วล่ะมั้ง...


แต่เข้าใจนะว่ามันเหงาขนาดไหน เวลาเขียน ๆ ไปแล้วสนุกอยู่คนเดียวอะ

0
XYZ 19 ก.พ. 64 เวลา 12:18 น. 4

คุณเจอ บก. ใจดีมากค่ะ ขอแก้ไขความเข้าใจผิดหน่อยนะคะ คำทันสมัยน่ะเรียกว่า ภาษาพูด มันมีรูปภาษาเขียนของอยู่เช่น มั้ย - ไหม และเรื่องคำผิดก็เป็นส่วนหนึ่งแต่ไม่ใช่ทั้งหมดของการตัดสินใจว่าจะพิมพ์หรือไม่พิมพ์นิยายเล่มนั้นๆ บอกตรงๆ ว่าเรากดเข้าไปอ่านงานของคุณ ระยะทางอีกยาวไกลค่ะ

1. พลอตเรื่องคุณไม่ได้แหวกตลาดขนาดนั้น

2. คุณลองตีโจทย์ใหม่นะ คุณเขียนนิยายทำไม บางทีนักอ่านไม่ได้อยากอ่านธรรมะหรือการสอดแทรกศีลธรรมใดๆ อ่านเพื่อความสนุกหรือหลบหนีจากโลกที่มันเครียดอยู่แล้ว

0
smiley_moon 19 ก.พ. 64 เวลา 15:01 น. 5

ถ้าจะบอกว่า ถึงจะมีคนอ่านแค่คนเดียวก็รู้สึกตื่นเต้นแล้วจะประหลาดมั้ย...

เคยแต่เขียนนิยายรักให้เพื่อนอ่านคนเดียว

แถมยังเขียนแบบที่คิดจะเขียนอีกต่างหาก

พอมีคนอ่านมากกว่าหนึ่งคนแล้วรู้สึกว่า เออ มีคนอ่านเรื่องเราด้วย


ถ้ามีคน comment เรื่องที่เขียนจนจบ คิดว่าจะพิมพ์ให้แฟนคลับคนนั้นสักเล่ม...




0
IzaBelle 19 ก.พ. 64 เวลา 15:30 น. 6

เข้าใจค่ะ เข้าใจ แนวนิยายที่ไม่ใช่แนวตลาดคนอ่านน้อยนิดเป็นเรื่องปกติมากๆ เราเองก็เขียนแนวที่ไม่ใช่แนวตลาดแถมแนวนี้ถูกอีกแนวหนึ่งเบียดตกอย่างไม่มีที่ให้โงหัวเลยแหละค่ะ แต่ถามว่าท้อไหม คำตอบคือ โคตร เอ้ย ไม่ใช่ๆ ท้อมากๆ แต่ๆ ว่าถ้าหากเราเริ่มท้อเมื่อไร เราจะเข้ามาอ่านคอมเม้นท์หน้านิยายตัวเองทันที ต่อให้มีแค่เม้นท์เดียวแต่มันก็คือกำลังใจมหาศาลจากนักอ่านคนหนึ่ง


เราตั้งอ่านล่วงหน้าแล้ว ทีแรกไม่คิดว่าจะมีคนจ่ายต่อให้มันจะราคาบาทเดียวก็ตามแต่ๆ ก็มีคนจ่าย เงินที่ได้มาก็ตีเป็นเกือบสามบาท แต่ไม่ว่านักอ่านคนนั้นจะเป็นใคร เราอยากจะกอดคอแล้วหอมเขาสักแรงๆ เอาหลายๆ ฟอดด้วย


ตอนนี้คือกำลังใจมาเต็ม ท้อน่ะท้อ แต่กำลังใจมีมากกว่าพุ่งแซงนำหนักมาก


อืม จะว่าไงดี เราคิดว่าการเขียนนิยายลงออนไลน์คำผิดและหลักเกณฑ์เขียนจัดย่อหน้า เว้นวรรคอะไรในภาษาไทยคือมีอยู่เยอะนะ หลักเกณฑ์การเว้นวรรค คำสะกดที่ถูกต้องตามราชบัณฑิต พวกนี้คือมีการ เอ่อ บัญญัติ (หรือเปล่า?) ไว้อยู่นะคะ


เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราจะสื่อก็คือ การคำนึงถึงเรื่องพวกนี้ด้วยก็ดีเหมือนกันค่ะ เพราะเราอ่านหนังสือเป็นเล่มๆ มากกว่าอ่านออนไลน์ เราเลยเป็นนักอ่านที่ค่อนข้างซีเรียสเรื่องนี้

0
Briss 19 ก.พ. 64 เวลา 16:02 น. 7

อืม... เราว่าอาจไม่ใช่เรื่องศีลธรรมหนักไปอะไรขนาดนั้นค่ะ


เราเป็นหนึ่งคนที่ไม่ชอบอ่านนิยายที่แทรกรูปลงไปมากเกินไป หรือมีแนวการเขียนที่ค่อนข้างไม่ใช่รูปแบบมาตรฐานเท่าไร ซึ่งตรงจุดมาตรฐานเราสามารถหยิบนิยายสักเรื่องมาศึกษาได้นะคะ หรืออ่านเกณฑ์การส่งต้นฉบับของแต่ละ สนพ. ที่มีก็สามารถตรวจสอบได้เช่นกันค่ะ


อย่างแรกเลยเราแนะนำให้คุณ จขกท. ลองดูแนวทางการเขียน การจัดวางรูปหน้าของนิยายออนไลน์เรื่องอื่นๆ ประกอบด้วยก็ได้ค่ะ แบบว่า 5 บรรทัด 4 ย่อหน้าแล้วมีรูปแทรกขึ้นมาแบบนี้สำหรับคนอ่านนิยายเรารู้สึกชะงักอยู่เหมือนกัน ลองลบรูปที่แทรกลงไปดูไหมคะ แล้วใช้การบรรยายเชื่อมต่อหรือตัดเนื้อหาให้เนียนมากกว่าเดิม


เราว่าเราพูดบ่อยมากเลย ก็คือการที่จะมีคนมาแนะนำเรา เราสามารถแลกเปลี่ยนนิยายอ่านกับนักเขียนด้วยกันเองก่อนก็ได้นะคะ มันคือการ give and take น่ะค่ะ เราใช้วิธีนี้มานานจนเพื่อนที่คอยตรวจงานให้เราเยอะหลายคนเลย


เราคาดหวังที่จะให้นักอ่านหลงมาเห็นเราได้ยาก แต่เราสามารถเริ่มต้นจากการเข้าหาคนที่เขียนนิยายและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันได้นะคะ

0
ผู้รับใช้ซาตาน 19 ก.พ. 64 เวลา 17:31 น. 9

เราก็เคยท้อเพราะแทบไม่มีคอมเมนต์ จนดองนิยายไปหลายเรื่อง หลังๆ หันมาจับแฟนฟิคเพราะรุ่งกว่าเยอะ ไม่ต้องโปรโมทอะไรคนก็วิ่งเข้ามาหา แต่ช่วงหลังอยากมีงานตีพิมพ์ของตัวเองโดยไม่อยากอาศัยชื่อเสียงของต้นฉบับเลยหันมาจับงานออริแทน ตอนนี้ก็ยังพยายามอยู่ค่ะ

แต่งลงเว็บไป เป้าหมายก็จะลองส่งสนพ.ไปด้วย ถ้าไม่ผ่านค่อยลงมือขายเอง

ขอสอบถามหน่อยค่ะ คำว่า มั้ย ในนิยายเรามีในบทสนทนาบางจุดเพื่อให้ได้เสียงที่ต้องการ แต่บางจุดเราก็ใช้ ไหม เลยอยากถามว่าถ้าส่งสนพ.ต้องแก้จาก มั้ย เป็น ไหม ทั้งหมดเลยรึเปล่าคะ

0
Relita Callister 19 ก.พ. 64 เวลา 20:26 น. 10

ว่าด้วยเรื่องของการวิจารณ์


หากอยากมีคนคอยวิจารณ์ให้ แนะนำว่าให้หาเพื่อนนักอ่านนักเขียนไว้ค่ะ ยิ่งสนิทและยิ่งมีีความรู้ด้านงานเขียนมากเท่าไหร่ยิ่งดี และต้องสนิทในแง่ที่ว่าเราจะไม่โกรธหากเขาวิจารณ์ตรงๆ และตัวเขาเองไม่เกรงใจเราขนาดมาอวยงานว่าดีแล้วสนุกแล้วทั้งที่ไม่เป็นความจริง เราถือว่าโชคดีค่ะที่มีเพื่อนสมัยเรียนวรรณกรรมค่อนข้างเยอะ เพื่อนกลุ่มนี้แน่นอนว่าเขาอ่านมาเยอะและมีความรู้เรื่องงานเขียนจริง เราเลยได้ประโยชน์มากเวลาให้เพื่อนเหล่านี้อ่านให้


ส่วนเรื่องการส่งสนพ. นั้น ต้องบอกว่าคุณโชคดีที่บก. เขาชี้จุดบกพร่องให้ บางที่เขาไม่สละเวลาขนาดนั้น เช่นเดียวกับการลงนิยายในเว็บ ปกตินักอ่านเขาไม่เขียนวิจารณ์ยาวยืดให้กับนิยายทุกเรื่องที่เขาเข้าไปอ่านแล้วเกิดไม่ถูกใจหรอกนะคะ เพราะเขาไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรนอกจากเสียเวลา กดปิดแล้วหาเรื่องใหม่อ่านง่ายกว่า ส่วนใหญ่บทวิจารณ์ที่คุณได้เห็น ก็เกิดจากตัวนักเขียนและคนวิจารณ์เขาดีลกันไว้อยู่ก่อนแล้วว่าเดี๋ยวจะไปเมนต์วิจารณ์หน้านิยายให้ หรือไม่ก็เมนต์ในกระทู้ที่นักเขียนเขามาขอคำวิจารณ์นี่แหละ


และทั้งนี้ทั้งนั้น หากเป็นนักเขียนที่อ่านหนังสือมากพอ พวกคำผิด รูปแบบคำ หรือรูปแบบการเขียนส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมาชี้จุดบกพร่องให้ค่ะ รู้ได้ด้วยตัวเองจากการสั่งสมประสบการณ์การอ่านและศึกษาให้มาก เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องสุดแสนจะพื้นฐาน การเขียนผิดเขียนถูกนอกจากจะทำให้เสียอรรถรสในการอ่านแล้ว ยังสื่อถึงความไม่ใส่ใจและไม่เป็นมืออาชีพของผู้เขียน แต่ปัญหาการเขียนบางส่วนแน่นอนว่าอาจจำเป็นต้องให้คนอื่นเป็นคนชี้ เช่น info dump, เล่ารู้เรื่องไหม, เหตุผลการดำเนินเรื่องหรือการตัดสินใจของตัวละครแน่นพอหรือยัง และอีกจิปาถะที่ตัวผู้เขียนอาจมองว่าดีแล้ว แต่คนอ่านเห็นต่างกัน

0
NESPR 20 ก.พ. 64 เวลา 01:23 น. 11

มันไม่สำคัญหรอกครับยอดวิวหรือกำลังใจ ที่สำคัญคือการทุ่มเทใจของเรามากกว่า ถ้ามันไม่มีใครอ่านนักงั้นเราก็อ่านเองก็ได้ครับ ลองให้คนอื่นอ่านที่ไม่ใช่ในออนไลน์ รึบางทีเนี่ย การที่เราสนุกไปกับมันแค่นั้นก็ดีพอแล้วครับ


ปล.อย่ามาคุยภาษามนุษย์กับผม (ฮา)

0
Xiaoai 20 ก.พ. 64 เวลา 08:22 น. 13

เข้ามาให้กำลังใจบวกรับกำลังใจค่ะ เราเองก็กำลังเขียนส่งสนพ.เหมือนกัน ระหว่างเขียนคือโพสต์ลงไม่ไ้ด้เลย เหงามากๆ ก็จริง แต่ทำไงได้ เราตัดสินใจไปแล้ววว ก็ได้แต่หวังว่าตัวเองจะสามารถตั้งใจเขียนจนจบได้น่ะค่ะ


หวังว่าจขกท.จะได้ตีพิมพ์นะคะ สู้ๆ

0
Nyx 22 ก.พ. 64 เวลา 19:49 น. 15

โอ้ ไม่น่าเชื่อว่าสมัยนี้ยังมีคนเชื่อเรื่อง "ตะกร้าสร้างนักเขียน"** อยู่ เห็นแล้วก็ดีใจและเป็นกำลังใจให้ครับ


**หมายถึง ตะกร้าทิ้งต้นฉบับนิยายที่ บก. ปฏิเสธที่จะตีพิมพ์ สำนวนนี้มีนัยยะที่หมายถึงเมื่อนักเขียนนิยายที่ไม่ยอมแพ้และขัดเกลาตนเอง แก้ไขงานเขียนของตัวเองจนได้มาตรฐาน นิยายก็จะได้ตีพิมพ์

0