Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เมื่อไหร่ผมจะโตเป็นผู้ใหญ่ซักที : อดิเรก

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
คนมีงานอดิเรกทั่วโลกโปรดรับรู้ คุณเป็นคนประเภทที่ผมล่ะอิจฉามากที่สุดเลย คุณมีสิ่งที่คุณทำแล้วมีความสุขไปด้วยได้ เป็นสิ่งๆหนึ่งที่คุณรู้ว่าอย่างน้อย ๆ ชีวิตนี้ถ้าคุณไม่รู้จะหาความสุขจากที่ไหน งานอดิเรกจะอยู่เป็นคำตอบให้คุณเสมอ สิ่ง ๆ หนึ่งที่คุณรู้สึกว่ามันลงตัวกับคุณ แล้วคุณก็ค้นพบมัน มันคงมีความรู้สึกเหมือนกับพบรักแท้ยังไงหยั่งงั้น

ทั้งที่ชีวิตผม ผมก็รู้สึกมาตลอดว่าตัวเองครบถ้วนสมบูรณ์ เป็นเด็กดีเชื่อฟังพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ ครูอาจารย์ ผมควรจะเป็นคนนึงที่ออกมาสู่โลกภายนอกแล้วพบว่าตัวเองสมบูรณ์พร้อม สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณภาพ 

แต่วันที่ผมมีสิทธิกับชีวิตตัวเองจริง ๆ แล้ว ผมรู้สึกโหยหาสิ่งที่สร้างความสุขให้ผมได้ เวลามองคนรอบตัวทำสิ่งที่ตัวเองรักพร้อมกับใช้ชีวิตในสังคมดูเป็นคนที่สมบูรณ์พร้อมมากกว่า เขามีความสุขและภูมิใจกับสิ่งมีตัวเองทำ และมันก็เป็นตัวบอกทุกคนให้รู้ถึงความเป็นตัวตนของเขา

เวลาที่ผมมองดูพวกเขาเฉิดฉายอยู่บนเวทีของตัวเอง ผมมักย้อนกลับมารื้อหาสิ่งที่ผมทำได้ดี ทำแล้วมีความสุข พอใจและภูมิใจในฝีมือของตัวเอง แล้วมันก็ว่างเปล่าทุกที

ผมหามันไม่เจอ ผมทิ้งไปแล้วรึเปล่า ? หรือผมลืมไว้ซักที่ ? หรือมันไม่เคยมี ?  ผมเคยมีงานอดิเรกมั้ย ? ที่ผ่านมาผมเคยเจอสิ่งที่ลงตัวกับผมมั้ย ? อะไรซักอย่างที่ผมอยากทำหรือทำได้ตลอดเวลา มันเคยมีอยู่มั้ย ?

--------------------------------------------------------------------------------------


ผมให้สัตย์สาบานต่อหน้าชาวกระทู้ DekD เลย ช่วงวัยเด็กของผม ผมพยายามทำตัวเป็นเด็กดีกับทุกคนจริง ๆ ผมเคยหงุดหงิดงอแงบ้าง ดื้อบ้าง แต่ผมนึกถึงความสบายใจของคนอื่นเสมอ และไม่ได้จะบอกว่าผมเป็นคนดี พ่อพระมาเกิด อภิชาตบุตรหรืออะไร ผมทำเพราะผมพยายามเลี่ยงปัญหา สมัยเด็กผมคิดเสมอว่า ถ้าทุกคนสบายใจ ผมก็จะไม่เจอปัญหา ฉะนั้นที่ผมเชื่อฟังผู้หลักผู้ใหญ่ก็เพื่อหวังความเอ็นดูเพียงเท่านั้น

อย่างนั้นผมก็เคยมีความสุข รู้สึกทัชกับดนตรีและจังหวะ ที่ชัดกับผมมากคือการเต้น ผมรู้สึกสนุกกับมันมาก มีครั้งนึงผมจำไม่ได้แล้วว่าช่วงไหน น่าจะเด็กมาก ๆ มันเป็นงานเต้นโรงเรียน ทุกคนในห้องได้เต้นหมด กับเพื่อนผู้ชายในวัยเดียวกัน แหงล่ะว่าซ้อมไปทีเล่นทีจริง ไม่ได้ใส่ใจมาก

แต่กับผม ผมตั้งใจและสนุกมาก ครูให้ซ้อมกี่รอบผมก็ซ้อมทุกรอบ ผมหวังให้ครูให้ซ้อมรอบต่อไปด้วยซ้ำ จนเพื่อนเดินมาทัก

"นาย เราดูนายเต้นแรงมากอ่ะ" (เป็นสมัยที่ขึ้น-กูกันไม่เป็น) "นายเคยเต้นป้ะเนี่ย" , "นาย ๆ ซ้อมให้หน่อยดิ" , "นายเป็นตุ๊ดป่าว ? "  , "นายเป็นตุ๊ดแน่แลย" , "เป็นตุ๊ดก็ไม่บอก" 

ผมสงสัยว่าเต้นมันเป็นตุ๊ดยังไง เพลงนั้นถ้าจำไม่ผิดก็น่าจะเป็นคนใจง่ายของไอซ์ ศรันยู เขาก็เต้นเท่จะตาย ผมเถียงกับเพื่อนซักพัก ก็เริ่มตะคอก แล้วก็ร้องไห้ เดินไปบอกครู ครูก็ปลอบผมว่าเป็นอะไร พอผมบอกว่าโดนเพื่อนเรียกว่าตุ๊ด ครูก็ถามกลับว่า "เอ้า หนูไม่ได้เป็นเหรอลูก"

ตอนนั้ผมเข้าใจคำว่าตุ๊ดอยู่ แต่ผมไม่เข้าใจว่าอะไรของผมเป็นตุุ๊ด ตอนโตแล้วผมก็เคยถามพ่อแม่เรื่องนี้เหมือนกัน เขาบอกว่า ตอนเด็ก ๆ ผมเรียบร้อยมาก จับวางตรงไหนก็อยู่แต่ตรงนั้น ให้ทำอะไรก็ทำ ไม่ได้ซนเป็นลูกลิงเหมือนเด็กผู้ชายคนอื่น

ยังไงซะ จากวันนั้นผมก็ไม่เคยเต้นแบบสุดตัวเลย มักจะเก้ ๆ กัง ๆ ให้เหมือนเพื่อน เหมือนอย่างที่ผมบอกไว้ เพื่อเลี่ยงปัญหามันเป็นวิธีที่ดูง่าย ๆ และได้ผล ถ้าทำแล้วมีปัญหาก็ไม่ต้องทำ แล้วผมก็ทิ้งมันไปทั้งอย่างนั้น

จะมีสองสามครั้ง ที่ gungnum style กำลังบูม กับตอนที่กระแสเต้น shuffle มาแรง แล้วมันดูเท่ด้วย เพื่อนมีเชียร์ มีให้สอน มันก็สนุกบ้าง แต่มันก็หายไป พอไม่มีกระแสเต้นอะไรอีก ผมก็โหวงเหวง ไม่รู้จะทำอะไร

พอช่วงนี้ที่เพิ่งได้ออกมาใช้ชีวิต ผมก็อยากจะกลับไปเต้นอีก แบบว่าทำให้มันเป็นกิจจะลักษณะ หากลุ่มชุมนุม หรือที่เป็นสมาคมที่รวมคนชอบเต้น แรก ๆ ก็หวังว่ามันจะมี แต่หาจริง ๆ แล้ว ถ้าไม่ใช่เต้น cover เพลงเกาหลี ก็เป็นคอร์สสอนเต้น ไม่มีอะไรที่เป็นสมาคนเต้นแบบฟรีสไตล์อย่างที่หวัง 

มันก็รู้สึกเฟล แต่ผมก็หาอย่างอื่นทดแทนได้อยู่ ลองหาว่าอะไรอีกที่ให้อารมณ์คล้ายกัน หาเล่นดนตรีก็พอได้ หรืออีกอย่างที่ผมชอบทำเวลารู้สึกเฟล ๆ ก็คือเขียนบทความซักตอนนึง นั่งรอว่าใครจะอ่าน ใครจะแสดงความคิดเห็น  มันก็ช่วยฮีลใจให้ผ่านเรื่องนั้น ๆ ไปได้ 

มันก็เป็นเหตุผลนึงที่ผมมานั่งเขียนกระทู้ด้วยล่ะครับ ผมหวังว่ามันจะกลายเป็นงานอดิเรกให้ผมได้ จะเขียนนิยายผมก็ไม่มีประสบการณ์การอ่านนิยายมากพอ ทั้งจินตนาการและพลังใจผมก็คิดว่าคงมีไม่พอ พิสูจน์จากนิยายเก่า ๆ ที่เคยเขียนทิ้งไว้ใน word ที่มีเกริ่น บทที่ 1 แล้วก็พบว่ามันหนักมากจนเลิกเขียน กลับมาดูอีกทีก็ไม่มีแรงบันดาลใจจะเขียนแล้ว ถูกทิ้งไว้เป็นหนึ่งเรื่องในชีวิตที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ผมคงมีแรงแค่เขียนบทความไร้แก่นสารได้เดือนละเรื่องเท่านั้นเองมั้ง

ผมเลยบอกตั้งแต่เกริ่นว่าผมอิจฉาคนมีงานอดิเรกมาก และผมก็ชื่นชมพวกคุณมาก เพราะเวลาผมพยายามจะทำอะไรซักอย่างให้เป็นงานอดิเรกได้ มันเหนื่อยจริง ๆ แปลว่าพวกคุณมีทั้งใจรักและแรงใจมหาศาลมากกับสิ่งที่คุณรักจริง ๆ ยิ่งคนที่ใช้งานอดิเรกมาเป็นงานประจำได้ผมรู้สึกว่าพวกคุณประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วล่ะ คุณหาจุดลงตัวของตัวเองได้แล้ว ชีวิตของคุณเป็นความฝันและเป็นที่อิจฉาของใครหลาย ๆ คน มีผมละคนนึง

และผมก็ขอให้คุณทุกคนที่เจองานอดิเรกของตัวเองแล้ว  "เก็บมันไว้" ทำมันต่อไป ค่อยหาทางทำให้มันมีประโยชน์กับชีวิตประจำวันของคุณ ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม ให้คุณใส่แรงใจไปกับมันต่อไป เพราะผมชื่นชมพวกคุณมาก ชื่นชมพวกคุณมาโดยตลอด และขอเป็นกำลังใจให้คุณ ผมเฝ้ารอผลงานของคุณอยู่นะ

--------------------------------------------------------------------------------------


- จริง ๆ แล้วผมมีหัวข้อที่อยากเขียนอยู่อีกสองสามเรื่อง อย่างเช่น นิยามความรัก , การเคารพผู้ใหญ่ กับ สังคมความเท่าเทียม ซึ่งผมรู้สึกว่าหัวข้อ งานอดิเรก จะตรง mood ผมตอนนี้ที่สุด อีกอย่าง หัวข้ออื่นมันก็ดูละเอียดอ่อน ซึ่งผมอยากใช้เวลากลั่นกรองความคิดของตัวเองให้ตกผลึกจริง ๆ ก่อนจะเขียน ถ้าเขียนออกมากำกวม ก็ลบทิ้งอยู่ดี

และจริง ๆ แล้วในทุกบทความ (หรือกระทู้) ผมก็อยากจะให้เป็นพื้นที่แสดงความคิดเห็นของทุกคน ตั้งแต่กระทู้ <ที่ระบายสำหรับผม และใครก็ตาม> แล้ว เพราะผมก็ใช้มันระบายส่วนของผมเหมือนกัน และผมก็ชอบอ่านความคิดเห็นมาก ๆ ด้วย หลายครั้งที่ผมอ่านความคิดเห็นแล้วสัมผัสความสบายใจจากตัวอักษรได้ ผมก็รู้สึกมีความสุข ยิ่งกว่าการได้เขียบทความซะอีก

เรื่องต่อไปจะมาเมื่อไหร่ หรือจะมามั้ยผมก็ยังตอบตัวเองไม่ได้เลย แต่ผมเขียนกระทู้เวลารู้สึกไม่ดีอยู้แล้ว แล้วชีวิตก็มีเรื่องให้ผิดหวังมากมายจริง ๆ ยังไงผมกับชาวกระทู้ DekD ก็คงได้เจอกันอีก -

แสดงความคิดเห็น

>

4 ความคิดเห็น

cekimkmitl 27 มี.ค. 64 เวลา 01:33 น. 1

ถ้าเราสนใจสิ่งไหน ให้สิ่งนั้นเป็นเเรงบัลดาลใจ เป็นเเรงผลักดันเป็นความสุขต่อไปครับ

บางทีสิ่งนั้นอาจอยู่ใกล้ตัวเราก็ได้เช่นสิ่งที่เราชอบทำบ่อยๆ เล่นฟังเพลงดูหนัง เล่นเกม

บางทีงานอดิเรกเราอาจไม่จำเป็นต้องมีสาระก็ได้ เช่นงานอดิเรกบางคนเลี้ยงเเมลง บางทีถ้าคิดไม่ออกก็ลองไปเยอะๆครับ เหมือนการสาดปืนกลไปยังเป้าหมาย ยิงไปเยอะๆ ลองทำไปหลายๆอย่าง ยิงเยอะหน่อยเเต่ต้องมีสักนัดที่โดนเป้า ถ้าไม่รู้ว่าจถทำอะไรดีก็ลองเปิดศึกษาพวกที่เขามีงานอดิเรกเเปลกๆ เช่นเลี้ยงสัตว์เเปลกๆ เที่ยวบ้าง กินของอร่อยบ้าง สู้ๆครับผม

1
Arhemp 27 มี.ค. 64 เวลา 10:11 น. 1-1

ขอบคุณจริง ๆ ครับ สำหรับคำแนะนำ ตอนที่เขียนผมก็ลืมอะไรง่าย ๆ ไปเลย กลับมาอ่านอีกทีผมเลยรู้สึกว่าตัวผมอาจต้องการอะไรที่จับต้องได้เฉย ๆ ไม่ได้หมายถึงงานอดิเรกจริง ๆ อ่านไปก็อายไป (ฮา)

ถ้าไม่มีความคิดเห็นนี้ผมก็คงไม่ย้อนดูตัวเองตอนนี้เลย โอ้ยยยตอนนี้ผมรู้สึกอายตัวเองมากเลย แทบอยากจะลบทิ้ง

0
จักรพรรดิ_หน่อง 27 มี.ค. 64 เวลา 12:28 น. 2

ผมอยากมีเวลาทำงานอดิเรกเยอะๆ แต่ตอนนี้ทำงานประจำ (จริงๆก็เหมือนข้ออ้าง เพราะตอนมีเวลาก็ดันอยากพักผ่อน อยากนอนเยอะๆ อันเนื่องมาจากความอยากพักหลังทำงาน) เมื่อก่อนผมก็หากิจกรรมนั่นนี่ทำ แม้จะมีผิดๆถูกๆ บางอย่างก็ทำได้ดีแต่ไม่ดีก็เยอะ ก็ลองทำดู อย่างแต่งนิยายนี่ผมก็บังเอิญในชีวิตก็มีตีพิมพ์กับเขาสองเรื่อง (ดีใจมากมาย) ที่อ่านมา ผมว่าเรื่องเต้นก็ดีนะ ผมยังอยากเต้นเป็นเลย แต่สังขารไม่ไหว อย่างตอนนี้อยากเล่น Surfboard ก็กลัวเจ็บ (แต่อันนี้ผมว่าจะพยายามทำให้ได้) ส่วนการแต่งนอยาย นี่ก็เริ่มกลับมาเขียนใหม่ แต่งไปได้สามตอนแล้วก็เบรคตัวเองไป ตอนนี้กำลังใจเริ่มมี ก็อยากลองอีกครั้ง คุณเองก็ลองหาเวลาว่าง ทำเลย อะไรชอบ ทำไปเลย ทำจนกว่าเราจะไม่ไหวกับมัน แต่ต้องเพราะจากใจเราไม่ไหวเองนะ ส่วนคนภายนอกเป็นเพียงองค์ประกอบ ถ้าเขาไม่ได้มีอำนาจตัดขาดเราหรือหยุดกิจกรรมเรา ก็ทำกิจกรรมเราต่อไป :)

0
IzaBelle 27 มี.ค. 64 เวลา 19:06 น. 3

คืองานเขียนนิยายมันไม่ใช่แค่งานอดิเรกเลยอ่ะสำหรับเรา เรารักมันมากเลยนะแต่ก็นั่นแหละ โลกแห่งความจริง โลกของผู้ใหญ่มันไม่เคยสวยหรูนะ เราเคยพยายามกับมันมากๆ แต่ตอนนี้คือไปต่อแทบไม่ไหวแล้ว เจอพายุมรสุมกับคำพูดเป็นห่วงเป็นใยแต่สวนทางกับที่เราได้ยิน เราก็กลับไปเขียนนิยายเรื่องเดิมไม่ได้อีกเลย เพราะหากเรากลับไปเขียนก็จะนึกถึงคำพูดพวกนี้อีก


เราไม่ได้อยากทำงานประจำ อยากทำงานอิสระ อยากเขียนนิยายเป็นอาชีพหลักและความรู้ด้านกราฟิกก็เอาไปหารายได้เสริม แต่ก็ทำไม่ได้อ่ะค่ะ อดตายแน่นอน ขอบอกอย่างไม่โลกสวยว่าเงินคือปัจจัยสำคัญสำหรับเราจริงๆ ไม่มีเงิน ก็เลี้ยงแมวไม่ได้ ไม่มีเงินก็ซื้อของกินมาทำให้ตัวเองอิ่มท้องไม่ได้


โอเค กลับเข้าประเด็นเดิม เขียนนิยายมันต้องอาศัยความอดทนมากๆ จริงๆ มันควรทำเป็นเวลา เวลาเดิม เป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตร ไม่ใช่มีแรงบันดาลใจเมื่อไรค่อยเขียน มันก็อาจจะจบได้นะแต่ต้องใช้เวลานานมากๆ ไม่เหมาะสำหรับคนจะยึดอาชีพนักเขียนเป็นอาชีพหลักอย่างยิ่ง


จะระบายอะไรก็ทำได้เลยค่ะ อย่างน้อยก็ไม่ต้องมานั่งอดทน ทำให้ตัวเองเป็นระเบิดเวลานับถอยหลังเร็วขึ้นเนอะ ส่วนเรื่องงานอดิเรกต้องค้นหาให้เจอนะคะว่าแท้จริงแล้วในชีวิตนี้คุณชอบอะไร อย่างเราเขียนนิยายทั้งวันได้โดยไม่เบื่อหรือวาดรูปกราฟิกทั้งวันได้โดยไม่หยุดจนกว่างานจะเสร็จ


ป.ล. เราก็ชอบมาระบายอะไรในกระทู้นะคะ ครั้งหนึ่งเคยจะมาระบายความในใจทั้งเรื่องปัญหานักเขียนและปัญหากับพ่อแม่ กะว่าจะปรึกษานักเขียนหลายๆ ท่านในบอร์ดนักเขียนแต่ดันถูกย้ายหมวดเฉย แล้วก็ไม่ได้มุมมองของคนในบอร์ดนักเขียนเท่าไร รู้สึกเจ็บเล็กๆ เลยค่ะ 555 ไม่เข้าเด็กดีมาเป็นสัปดาห์เลยค่ะ


เดี๋ยวคุณก็ต้องหางานอดิเรกตัวเองเจอนะคะ อยากทำอะไรก็ทำไปเลย ให้รู้ว่าเราชอบหรือเปล่าเนอะ https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-01.png

0
varunyanee 27 มี.ค. 64 เวลา 19:46 น. 4

งานอดิเรก มีหลายรูปแบบ ต้องเป็นแบบที่ชอบ ทำแล้วผ่อนคลายจริงๆ

อย่างปลูกต้นไม้ เขียนไดอารี่ เล่นเกม นอน (555 ที่ไม่รู้เป็นไหม แต่พอเลิกงาน การนอนนี่...สำคัญ )

กระทู้ที่ จขก.เขียนนี่ จัดเป็นไดอารี่ ....ได้เลยนะ

เราว่า ...รวบรวมไดอารี่ หมวดหมู่เดียวกัน แล้ว....เขียนเป็นเรื่องสั้น

เป็นผลงานของตัวเอง

วันหนึ่งที่ใครเข้ามาอ่านจะได้หาง่าย ใส่ไว้ในนี้ พรุ่งนี้ มีกระทู้มาเบียด ก็หายไปแล้ว ..

0