โควต้าแพทย์เพื่อชนบท การคัดเลือกมันถูกต้องแล้วหรือ?
ตั้งกระทู้ใหม่
โควต้า จะ รับ 6 จังหวัด ใน อัตราส่วน ที่ไม่เท่ากัน
สมมุติ จังหวัด ก. รับ 8 คน. จังหวัด ข. รับ 18 คน
เด็กจังหวัด ก. ได้คะแนน 500. ซึ่งเป็นอันดับ 9 ของ จังหวัด
เด็ก จังหวัด ข. ได้ 400 เป็น อันดับ 1 ของจังหวัด
สรุป เด็กที่ได้เข้าเรียน คือ เด็ก ข. แต่เด็ก ก ไม่ได้
ยังงี้ มันถูกต้องในการ รับเข้าเรียน หรอคะ ?
มันควร จะเลือกตามคะแนน หรือเปล่า และมันควรจะแบ่ง อัตรารับ จังหวัด ให้เท่ากัน หรือไหม ?
5 ความคิดเห็น
มันน่าจะแล้วแต่การคัดเลือกแต่ละมอ การแบ่งการรับที่ไม่เท่่ากันเป็นเพราะขึ้นอยู่กับขนาดของจังหวัดแล้วอัตราของแพทย์ว่่าในแต่ละจังหวัดต้องการแพทย์แค่ไหน
มันก็ไม่ถูกอะคะ. อีก 6 ปี คุณจะรู้ได้ไง ว่า จ. ไหนขาด จ. ไหน พอ
สรุปเด็กเก่ง ไม่ได้เรียน เพราะ อยุ่ผิด จังหวัด
เพราะเค้าดูประวัติการขาดแคลนแพทย์ในแต่ละปีไงครับว่าจะต้องมีการเสริมปีละเท่าไรในแต่ละจังหวัด ถ้าจะให้แบ่งเท่ากันแล้วจังหวัดนึงขาดแคลนแพทย์มากแต่มีการเสริมของแพทย์ที่ไม่พอ แต่อีกจังหวัดนึงแพทย์ล้นไม่มีโรงพยาบาลให้ลง ก็จะเกิดปัญหาขึ้นอีก
สวัสดีครับ
ผมมีประสบการณ์มากกว่านั้นอีก
เรื่องจริงมีหรอต่างกันขนาดนั้นปกติจังหวัดที่ได้โควตาเยอะน่าจะคะแนนดีกว่านะเพราะถ้าเข้ามาแต่ไม่จบก็เสียโควตาเปล่า
หมายถึงคะแนน 500 คงไม่ใช่อันดับ 9 ที่เข้า CPIRD เข้ามชรอบ 2 ยังได้แถมถ้าได้คะแนน กสพท.ดีเข้าแพทย์ท็อปๆในกรุงยังได้
อันนี้สมมุติ คะแนน ขึ้นมาค่ะ
ถ้าเราอ้างตัวว่าเราเก่ง ทำไมไม่สอบเข้ารอบ 3 ไปเลยหล่ะ โควต้าคือความพยายามจัดสรรแพทย์ของประเทศ ถ้าให้เป็นธรรมจริงคงต้องสอบรอบเดียวพร้อมกันหมดทุกคน แต่เคยทำมาแล้วพบว่าไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยที่ไหน นร.ในกรุงเทพ (บางทีอาจเป็นนร.ตจว.ที่มาเรียนมัธยมในกรุงเทพ) สอบได้เกือบทั้งหมด จึงมีพัฒนาการมาเป็นแบบนี้ และความต้องการคงจะมีการสำรวจ ถ้าวันนึงในอนาคตพบว่าชนบทไม่มีความต้องการแพทย์อีกเลย วิธีนี้ก็คงจะถูกเลิกไปด้วยซ้ำ ผมแนะนำให้สอบเข้ารอบ 3 ดีกว่าถ้ามีความสามารถ จะไม่เบียดที่คนอื่นครับ
แต่โควต้า สมัยก่อน คือ เด็กในเขตนั้นๆ มาสมัครกัน แล้ว เรียงคะแนน ได้เข้าเรียน จบ 6 ปี ใชทุน ในจังหวัดตนเอง หากที่อื่นขาด ก็เอาเด็กจังหวัดที่เกินไปเติม
แต่ ปัจจุบัน กลับ เรียงตามจังหวัด เด็กที่ควรได้กลับไม่ได้
โครงการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท เปิดมาเพื่อกระจายแพทย์กลับสู่ท้องถิ่น ซึ่งจังหวัดที่รับจะแปรผันตามจำนวนประชากรในจังหวัดนั้นๆ ซึ่งโครงการเขาก็จะมีการพยากรณ์เอาไว้แล้วว่าผลิตแพทย์ช่วงนี้จะมีแพทย์เข้าสู่ท้องถิ่นในแต่ละช่วงเวลามากน้อยแค่ไหนครับ ส่วนที่ จขกท ตั้งข้อสังเกตว่าควรรับในอัตราจังหวัดที่เท่ากันมั้ย ก็ขอถามกลับนะครับ
ยกตัวอย่างเพชรบูรณ์มีประชากร 9 แสนคนกับ อุตรดิตถ์มีประชากร 4 แสนคน ควรรับแพทย์ชนบทเท่ากันหรือไม่ครับ โดย logic ก็ควรเทโควต้าไปให้จังหวัดที่มีประชากรเยอะกว่า เพื่อลดความหนาแน่นของแพทย์ต่อประชากรให้ลดลงไงครับ
ปัจจุบัน แต่ละจังหวัดยังมีความเหลื่อมล้ำกันอยู่มาก ดังนั้น การแยกโควต้าแต่ละจังหวัดมันก็ดูมีความสมเหตุสมผลดีอยู่แล้วนะครับ
โครงการแพทย์ชนบท มีสัดส่วนการรับประมาณครึ่งหนึ่งของแต่ละมหาวิทยาลัย อาจจะมีขาดมีเกินบ้าง แต่อีกส่วนหนึ่งคือมาจากการรับจากทั่วประเทศ อีกทั้งตามมหาวิทยาลัยหัวเมืองยังมีโควต้าภูมิภาคอีก เช่น มช มข มอ ก็มีการรับโควต้าภูมิภาคแยกออกมาอีก ดังนั้น มันก็เป็นตัวเลือกให้กับเด็กอยู่แล้วครับ ส่วนคนที่อยากมาเรียน กทม ก็ยื่น กสพท ไป ก็ตามพื้นฐานของแต่ละคนครับ
เอาจริงนะ ภ้าจะเรียนแพทย์ แล้ว ไม่เก่งด้าน ชีววิทยา เคมี คณิตศาสตร์ นี่มีร่วงกลางอากาศตอนเรียนได้ คือรับโควตา ถ้าสามารถเข้ารอบได้ลึกๆคือเก่งมาตั้งแต่ คะแนนได้ทันที คงไม่มาเหวี่ยงแง๊วๆ ยังงี้แน่นอน จริงมะ ส่วนแพทย์ต้องถามตัวเอง ทำไมอยากเรียน คนเรียนแพทย์นี่ ต้องบุคลิก ใจเย็น คิดเป็นขั้นตอนแบบวิทยาศาสตร์มากมาย อารมณ์ดราม่า ศิลป์ ล้วนไม่ค่อยเจอ
ถ้าพลาดตอนนี้แล้วใจมุ่งมั่น เรียนสายวิทยาศาสตร์ ชีวภาพ ไปก่อนสี่ปี หลังจากนั้นไปสอบ มธ. แพทย์ชนบทเช่นกัน เรียนเพิ่มเติม ทันตแพทย์ สายแพทย์อีก ห้าปี ก็ไม่สาย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็มีรับเพิ่มนะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?