Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ถ้ารายได้จากนิยายไม่เป็นอย่างที่หวัง จะเลิกเป็นนักเขียนไหมคะ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เขียนนิยายมาได้เกือบปีแล้วค่ะ นับตั้งแต่ตกงานจากโควิดปีทึ่แล้ว รายได้ยังไม่เข้าเป้าทึ่หวังไว้ ควรจะสู้ต่อไป หรือหางานอย่างอื่นทำดีคะ ตอนนี้งานใหม่ก็หายากเหลือเกิน

มีใครตกอยู่ในสถานการณ์เหมือนเราบ้างไหมคะ แล้วท้อใจกันบ้างหรือเปล่า

แสดงความคิดเห็น

>

18 ความคิดเห็น

YoungYoung 1RatIndra 16 พ.ค. 64 เวลา 20:29 น. 1

เราค่ะ ! เรา เรา!!! เรายกมือสูงมาก 5555 ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันเลย คนอื่นมาอ่านอาจนึกว่าเราล็อกเอาท์มาโพสต์ทู้ 555

สถานการณ์เหมือนเราเป๊ะ เราก็เขียนนิยายมาเกือบปีแล้วค่ะ ตกงานตั้งแต่มีนาปีที่แล้ว แต่ระหว่างนี้เรารับงานฟรีแลนซ์ตามสายอาชีพจริงไปด้วยค่ะ แต่งานไม่ได้มีมาบ่อยเพราะงานเราโดนผลกระทบจากโควิดโดยตรงมาก ๆ งานใหม่หายากมากเพราะฐานเงินเดือนเราค่อนข้างสูงแล้วน่ะค่ะ ที่สำคัญงานเราเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ตราบใดยังไม่เปิดประเทศเราก็หางานใหม่ยากค่ะ

คนอ่านนิยายเราน้อย ยอดขายเราก็ไม่ได้ปังค่ะ แต่ทั้งนี้เราก็หาอย่างอื่นทำเสริม ๆ ไปด้วย มีช่วงหนึ่งทำขนมขายด้วยค่ะ แต่มันมีช่วงที่เราเลิกขายเพราะเราใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ (นัดกันไปกินข้าว นั่งรถคันเดียวกัน เสี่ยงสูงมาก) เราเลยเลิกขายและเลิกขายไปเลยเพราะกลัวติดไม่รู้ตัวแล้วเสี่ยงแพร่เชื้อให้คนอื่นค่ะ

ถามว่าท้อใจไหม? มีอยู่แล้ว เพราะเราคิดว่าเราไม่ได้เขียนแย่มากนักนะ (หรืออาจแย่มาก แต่เราไม่รู้ตัวก็ได้) คือไม่ได้เขียนเลิศเลอแต่ก็ไม่ได้แย่และพยายามเขียนพล็อตให้แหวก ๆ ด้วย จนมีนักอ่านบางท่านบอกว่าเราชอบเขียนพล็อตอินดี้ 555

เราท้อบ่อยมากค่ะ แต่เราคิดว่าเราเคยเจอหนักหนาสาหัสกว่านี้มาแล้ว เรื่องโควิดนี่กระจอกไปเลยค่ะ เราเคยถึงขนาดที่ว่าไม่มีบ้านซุกหัวนอน ไม่รู้ว่าวันต่อไปจะเอาเงินที่ไหนกินข้าวแบบนี้เลยค่ะ เราเลยคิดว่าหนักกว่านี้เราก็ผ่านมาแล้ว ฉะนั้นเรื่องนี้ฆ่าเราไม่ตายค่ะ 555

ถ้าเจ้าของกระทู้ท้อก็ท้อได้นะคะ แต่อย่าท้อนาน ท้อนาน ๆ แล้วจะหมดความฮึดสู้เอา ลองดูอีกสักตั้ง หาอย่างอื่นทำด้วย อย่าไปหวังกับนิยายอย่างเดียวค่ะ ให้นิยายมันเป็นค่าขนม ค่าน้ำชาเราไปก็พอ คนอื่นที่เขาแต่งปัง ๆ ขายได้กันเดือนละหมื่นเดือนละแสนก็มี ถ้าอยากเป็นอย่างเขาอาจต้องใช้เวลาค่ะ แต่อย่าไปคาดหวังมาก ทำเอาพอที่ใจเราไม่ช้ำค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ

0
varunyanee 16 พ.ค. 64 เวลา 20:42 น. 2

อาชีพนักเขียน เหมาะสำหรับเป็นอาชีพเสริมเฉยๆค่ะ

ในอดีต นักเขียนแต่ละท่านฝ่าฟันอุปสรรคมากันไม่น้อย

โชคดีที่เราอยู่ในยุคที่การเป็นนักเขียนแสนง่าย ...ใครก็เป็นได้

แต่เราก็ต้องฝ่าฟันเหมือนกัน ...เพื่อแลกกับการได้มาเพื่อผลประโยชน์หลังจากนั้น

ไม่มีใครจะโชคดีทุกคน เขียนแนวเดียวกันบางคนปัง บางคน...เหมือนเดิม

ถ้า...เราเป็นนักเขียนเพราะชอบ ต่อให้รายได้เท่าไหร่ เราก็ยอมรับได้ค่ะ

แต่ถ้าเราหวัง แค่ผลประโยชน์ ....เราจะไม่มีความสุขเลยค่ะ เพราะรายได้มันไม่แน่นอนหรอก

0
G.Tenju 16 พ.ค. 64 เวลา 21:08 น. 4

ส่วนตัวจะถามตัวเองว่า "ถ้าชีวิตมีพร้อมทุกอย่างแล้ว จะยังเขียนนิยายอยู่หรือเปล่า?" ซะมากกว่า


เรามองว่างานเขียนมันต้องใช้เวลาศึกษาตลอดชีวิต สะสมเทคนิคประสบการณ์​และฐานแฟนคลับไปเรื่อยๆ มันไม่ใช่งานที่... เปลี่ยนจากอาชีพอื่นมาทำแทนได้ทันที อย่างพวกกระทู้​ของทีมงานที่โปรโมทกันเหลือเกินว่า เจอโควิทแล้วมาเขียนนิยายเรื่องเดียวแล้วปังเลยเนี่ย สำหรับเรามันค่อนข้างขายฝันนะ ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้แบบนั้น แล้วถ้าลองสังเกตดีๆ แนวงานที่เขาเขียนมักจะอยู่ในกระแสด้วย นั่นหมายความว่าถ้าเขาไปจับแนวอื่น มันอาจจะออกมาไม่สวยแบบตอนนี้


ถ้า จขกท. ต้องการเงินด่วนจริงๆ เราคิดว่าไปทำอย่างอื่นเวิร์ค​กว่าเขียนนิยายนะ ไม่งั้นคุณก็ต้องศึกษาเกี่ยวกับนิยายในกระแสหลักโดยเฉพาะ​ ถึงจะได้รับความสนใจจากคนอ่านเพียงพอที่จะหาเงิน

0
Read2Fun 16 พ.ค. 64 เวลา 21:15 น. 5

กรุงโรมไม่ได้สร้างภายในวันเดียว มือใหม่ทุกคน ไม่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จได้ในเวลาอันสั้น

งานเขียนต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา แนะนำให้ โพสนิยายให้คนอื่นวิจารณ์งานเขียน เพื่อจะได้รู้จุดด้อยของตัวเอง และพัฒนาให้ดีขึ้น

0
หยิบสิ 16 พ.ค. 64 เวลา 21:24 น. 6

ผมอาจเป็นคนโง่เขลา เพราะผมไม่ใช่ส้มของแม่สิตางศ์ุ ผมเลยไม่หยุด ตอนนี้ก็หลบซ่อนตัวเองอยู่ในเมืองทิพย์ อวยยศตัวเองให้เป็นเจ้าพระยานักเขียน แต่ความจริงแล้วเป็นแค่ขุนนางขั้น 9 เป็นเสมียนธุรการที่จดอะไรงก ๆ เงิ่น ๆ ไปวัน ๆ เวลาว่างก็ไปฝึกวิชาที่เขาเหลียงซาน เผื่อหวังว่าสักวันจะได้เป็นผู้กล้าแห่งเขาเหลียงซานแบบคนอื่นบ้าง แต่เส้นทางนั้นช่างแสนยาวไกล ทะเลที่มองเห็นตอนนี้ก็มีสีดำไม่มีแสงไฟ ลุลาก็ถามกับผมว่า "เธอกลัวหรือไม่"


ผมก็ตอบกลับลุลาไปว่า "ได้ยินเสียงเธอจะกลัวอะไร" เธอก็จับมืิอผมเอาไว้ ตอนนั้นหัวใจของผมก็พลันอบอุ่นขึ้นมา ตอนนี้แม้จะเหน็บหนาวทุกคราวที่เจอะคลื่นลม แต่ผมก็ไม่กังวลอีกต่อไปแล้ว เพราะผมได้ความอบอุ่นมาห่มหัวใจ แม้ตอนนี้ไม่เห็นเส้นขอบฟ้าเพราะมันไกล แต่ก็ยังมีแสงดาวที่คอยนำทางให้เราก้าวไป เธอถามผมว่า "จะเลิกนักเขียนไหม หากรายได้จากนิยายไม่เป็นดังหวัง"


ผมก็ตอบกลับเธอไปว่า "ไม่" เธอถามผมว่าแน่ใจหรือเปล่า


ผมก็ตอบกลับเธอไปว่า "ผมแน่ใจ"

0
ทิตภากร : กันต์ระพี 16 พ.ค. 64 เวลา 21:24 น. 7

การเขียนนิยายต้องใช้ความอดทนพอสมควรค่ะ ปั๋งหรือไม่ปั๋ง บางทีก็อยู่ที่ดวง นักเขียนเก่งๆ ที่ว่าแน่ ก็ใช่ว่าจะขายดีไปเสียทุกเรื่อง ยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้ด้วยแล้ว นักอ่านจะควักกระเป๋ายากขึ้นค่ะ อีกอย่าง...อาชีพนักเขียนก็ไม่มั่งคงค่ะ เหมาะสำหรับเป็นการหารายได้เสริมมากกว่า


เท่าที่อ่านข้อความของจขกท. เหมือนลังเล

ดังนั้น...จขกท.ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนค่ะ ว่าคุณยังอยากเขียนอยู่ไหม?

- ถ้าสนุกที่จะเขียน ก็เขียนต่อไปเถอะค่ะ คิดซะว่าเป็นการหารายได้ (ยังไงก็ตังค์อะนะ)

- ถ้ายิ่งเขียนยิ่งเครียด ยิ่งตัน ไม่สนุกที่จะเขียน ลองพักสักหน่อยแล้วกลับมาเขียนใหม่ค่ะ ถ้ายังเป็นอยู่อย่างนั้นซ้ำๆ บางที...นี่อาจจะไม่ใช่ทางของคุณค่ะ


ส่วนตัว...เราก็มีท้อบ้าง อะไรบ้างอะนะ เรื่องนี้...เราว่าเป็นกันทุกคนนั่นแหละ แต่เราก็เขียนมาเรื่อยตลอด 10 กว่าปี ถึงยอดวิวยอดเฟบจะไม่มากมาย หรือเขียนช้าจนเต่าเรียกพี่ เราก็ยังเขียนอยู่ เพราะสนุกที่จะเขียน ก็เลยยึดเส้นทางนี้ไว้เป็นอาชีพเสริมมาตั้งแต่ปี 51

//เป็นกำลังใจให้ค่ะ

0
Asmarah 16 พ.ค. 64 เวลา 21:26 น. 8

แวะมาให้กำลังใจค่ะ เขียนนิยายมาครบปีแล้วเหมือนกัน ตั้งแต่โควิดปีที่แล้ว เขียนจบไปแล้วสามเรื่อง รายได้ก็พอสมควร(เฉลี่ยห้าหลักต่อเดือน) แต่ไม่เคยคิดจะยึดอาชีพนี้เป็นงานหลักค่ะ โดยส่วนตัวแล้วเราว่าควรหางานอย่างอื่นทำไปด้วยอย่าหวังแต่รายได้จากนิยายอย่างเดียวเลยค่ะ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เราจะเกิดอาการหมดไฟ หรือพล็อตตันขึ้นมา


เราเองกว่าจะมีงานที่มั่นคงทำอย่างทุกวันนี้เคยทำมาแล้วสารพัด (ที่จะเล่าต่อไปนี้โปรดอย่าคิดว่าเราโอ้อวดอะไรเลยนะคะ แค่อยากเล่าให้ฟังว่าทุกคนต่างก็ต้องเคยผ่านความยากลำบากมาแล้วทั้งนั้น)

จบใหม่ๆ เราทำงานเป็นไกด์คอย'จับแขก'ตามสถานีรถไฟ ให้ซื้อแพ็คเก็จทัวร์ (ตอนนั้นที่ประจำคือสถานีหลังสวน ชุมพร สนุกมาก แต่ละบริษัทวิ่งไล่ตามแขกกันขาขวิด) ต่อมาที่บ้านรู้เข้าไม่พอใจให้กลับมาอยู่เฝ้าร้านขายเสื้อผ้าและร้านขายหนังสือของที่บ้าน แต่รายได้เป็นแบบกงสี เราเลยขอแยกออกมาตั้งแผงขายผลไม้เอง กับทำขนมอบขาย และเปิดสอนพิเศษ


ต่อมาก็สอบเป็นลูกจ้างประจำศาลากลาง ลูกจ้างอบต. ลูกจ้างกศน.(ควบคู่กับงานสอนพิเศษภาษาอังกฤษมาโดยตลอด) จนกระทั่งสอบเข้ารับราชการได้ ก็รีบเรียนต่อปรับวุฒิสอบอัพให้ก้าวข้ามขั้นไปเร็วๆ จนมาถึงจุดที่อยู่ทุกวันนี้ เราใช้เวลานับจากวันที่เดินทางกลับจากชุมพรวันนั้นไปทั้งหมด 15 ปีค่ะ


พอทุกอย่างลงตัวจึงหันกลับมาสานฝันวัยเด็กของตัวเองที่อยากเป็นนักเขียนอีกครั้ง การเขียนงานโดยไม่กดดันตัวเองในเรื่องรายได้ จะทำให้เราเขียนอย่างมีความสุขและผ่อนคลายมากกว่า งานเขียนเป็นงานศิลปะ เราไม่อาจทำขึ้นมาอย่างลวกๆ ได้เหมือนงานอื่น เพราะคนอ่านเขาจะเป็นผู้ที่ตัดสินงานของเราว่าจะได้ไปต่อหรือไม่


พอเราเอาเรื่องรายได้มาเป็นตัวตั้งว่าเราจะไปต่อหรือพอแค่นี้ ความเครียดจะทำให้ความสุขในการเขียนมันหายไปทันทีเลยค่ะ บางคนรีบเร่งผลิตจนรู้เลยว่าเป็น 'งานหยาบ' มันขาดความละเมียดละไม ทำให้ยิ่งเขียนยิ่งขาดกำลังใจและไปต่อไม่ได้ในที่สุดค่ะ


ด้วยรัก..และกำลังใจ จากนักเขียนที่ยังไม่ดังคนหนึ่งเช่นกันค่ะ

0
yurinohanakotoba 16 พ.ค. 64 เวลา 21:48 น. 9

ถ้ามีภาระก็ควรหางานที่มีเงินเดือนแน่นอนทำ ถ้าไม่เดือดร้อนอะไรแล้วรักชอบทางนี้ก็เขียนไปเถอะ

0
DayDreamW 16 พ.ค. 64 เวลา 22:29 น. 10

ตอนนี้ไม่ตกอยู่ในสถานการณ์นี้ครับ แต่เคยตกเมื่อช่วงต้นปี คิดเสียว่าผมมาแชร์ประสบการณ์นะครับ


ผมเริ่มเขียนนิยายจริงจังมาปีกว่า ๆ (1ปี 3เดือน) ตอนแรกที่ผมทำ ผมแค่มองเห็นว่ามันมีโอกาสที่เราสามารถเป็นนักเขียนได้ ผมจึงชุบตัวใหม่ เปลี่ยนมานามปากกา มาเริ่มแบบจริง ๆ จัง ๆ เพียงแค่คิดว่า อยากมีหน้าปกนิยาย แบบไม่ต้องควักเงินในกระเป๋าตัวเองซื้อ (ตอนนั้นลาออกจากงาน มาทำธุรกิจของที่บ้าน ไม่อยากรบกวนเงินที่บ้าน โชคดีที่ไม่มีภาระ)


เดือนสองเดือนแรกผมสามารถหาเงินจากการเขียนนิยายได้หลักร้อย โอ้ ยังจำความรู้สึกที่เงินเข้าได้อยู่เลย ตอนนั้นแอบด่าทางเว็บด้วยที่เขาเก็บค่าดำเนินการ (ฮา)


แต่แล้วผมก็เริ่มมองเห็นความเป็นไปได้ในงานเขียน ผมลองเขียนแบบเขียนทุกวัน เฮ้ย เราได้วันละ 20 บาทจากการเขียนเลยเหรอ แล้วผมก็เขียนมันไปเรื่อย ๆ


เดือนที่สองเงินเพิ่มขึ้นจากวันล่ะ 20 บาท เป็นวันล่ะ 30 บาท (ผมลืมบอกไป ผมคิดเงินจากการเขียนเป็นเงินเดือน แล้วเอามาเฉลี่ยปลายเดือนว่าเราได้เงินจากมันตกวันละกี่บาท)


พอขึ้นเดือนที่สาม รายได้เพิ่มขึ้นอีก 10 บาท เป็น 40 บาท ผมเริ่มทำความเข้าใจกับนิยายแล้ว ผมตกผลึกตอนนั้นว่า นิยายมันไม่ใช่สิ่งที่สร้างเงินเป็นกอบเป็นกำอีกต่อไป (มันสร้างได้ แต่โอกาสน้อยมากที่จะเป็นเช่นนั้น) เพราะฉะนั้น ผมมองมันเป็นการลงทุน ผมลงทุนคิด ลงทุนเขียน เพื่อให้มันออกดอกออกผลในแต่ละเดือน


ผมลงทุนด้วยการตื่นเช้าขึ้น นอนเร็วขึ้น พอเริ่มเดือนที่ 6 ผมเริ่มได้เงินจากการเขียนนิยายวันละร้อย อ่า ถามว่าเยอะไหม ตอบเลยว่าไม่ แต่ก็เหมือนที่ผมบอกไป ผมโชคดีที่ไม่มีภาระทางการเงิน และผมมีธุรกิจส่วนตัว นิยายจึงเป็นงานเสริมของผม


จนสุดท้าย ผมเขียนนิยายจบ ใช้เวลาประมาณ 8 เดือน กับรายได้วันละ 200 บาท (ในตอนนั้น) แล้วทีนี้ เหมือนฟ้าแกล้ง เหมือนหุ้นที่ลงทุนเอาไว้ดิ่งเหว จากรายได้วันละ 200 บาท พอเปิดนิยายใหม่ รายได้กลับไปที่ 30 - 100 บาทต่อวันอีกครั้ง ผมได้แต่ถามตัวเองว่าทำไม


แล้วนิยายเรื่องใหม่ผลตอบรับไม่ดีเท่าที่ควรเสียด้วย หลังจากคิดว่าจะเลิกไป ในวันที่คิดจะเลิกเขียน ก็มาคิดได้ ในเมื่อเราเริ่มจาก 0 ได้ ตอนนี้เราเริ่มที่ 30 - 100 ถ้าเราเขียนเรื่องนี้จบ เราได้อีก 30 - 100 ถ้าเราเขียนจบ 20 เรื่อง นั่นแปลว่าเราจะสามารถมีเงิน 600 - 2,000 บาทต่อวันเลยเหรอ (มโนหนัก)


ตอนนี้ผมอายุ 20 ปลาย ๆ ถ้าผมเขียนนิยายจบปีละเรื่อง (ผมเขียนแฟนตาซี แต่ละเรื่องคง 100 ตอน ++) เท่ากับตอนอายุ 40 ปลาย ๆ ผมก็ได้อยู่สุขสบายแล้ว


การเขียนนิยายนี่คือการลงทุนจริง ๆ (ขออภัยที่มโนหนัก ฮา)

0
P.S.HOPE 17 พ.ค. 64 เวลา 05:20 น. 11

อดทน และอย่าทำตามอารมณ์ พยายามอย่าบอกว่าวันนี้ฉันแต่งไม่ได้ ฉันจะไม่เขียน

เขียนวันละ 6 ชั่วโมง +++

ศึกษาตลาด หาอ่านงานเขียนดี ๆ

6 เดือน - 1 ปี กว่าจะเห็นผล แรก ๆ ต้องลงเกือบทุกวัน

สู้ ๆ จ้า

แนะนำว่าจนกว่าจะมีรายได้จากงานเขียนจริง ๆ ให้ทำงานไปก่อน

0
CigButt 17 พ.ค. 64 เวลา 06:53 น. 12

ต้องท้อแน่นอนครับ แต่ยังเลิกไม่ได้

ตอนนี้รายได้มาจากช่องทางเดียวเท่านั้น คือนิยาย

แม้จะต่ำเตี้ยเรี่ยดินแค่ไหน ก็ยังต้องเขียนต่อ

งานอื่นหายากมากจริงๆ ครับ


กอดคอสู้กันต่อไป ท้อได้ แต่อย่าเพิ่งถอย

0
ZeroSSS 17 พ.ค. 64 เวลา 09:13 น. 13

อย่ายอมแพ้ครับ ผมในฐานะนักอ่านเจอนักเขียนมาหลายรูปแบบ บางคนเขียนดีแต่เขียนไม่จบ เขียนจบแต่แต่งไม่ดี เนื้อเรื่องสั้นไป เล่าเรื่องเร็วจนไม่สามารถเข้าถึงอารมณ์ของตัวละคร เล่าเรื่องช้าจนเกินไปจะทำให้เบื่อ ตัวเอกมีมากกว่า2ตัว(นอกจากพระเอก-นางเอก)ทำให้ผู้อ่านรำคาญ

1.ต้องดูการใช้คำของเราครับว่าประโยคมันไหลลื่นรึป่าว เพราะคนอ่านชอบอ่านแบบไหลลื่นเพื่อที่จะได้คิดตามให้ทันและสนุกไม่ขาดตอน

2.ตรวจสอบคำผิดให้ดี ปัญหานี้เจอบ่อยมากซึ่งหลายๆเม้นจะเข้ามาด่าผู้เขียกันเยอะ ต้องตรวจให้ดีๆครับ

3.อย่าให้มีตัวเอกเยอะจนเกินไปมันจะทำให้ผู้อ่านรำคาญ

4.ลองเปลี่ยนแต่งหลายๆแนวดูครับเพื่อพัฒนาฝีมือการเขียน

5.โปรไฟล์ ตัวนี้สำคัญมากครับ เช่นผม สิ่งแรกที่ผมดูคือโปรไฟล์ โปรไฟล์ควรขึ้นอยู่ตามความนิยมในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น

https://image.dek-d.com/27/0553/2488/131948589 https://image.dek-d.com/27/0553/2488/131948588 https://image.dek-d.com/27/0553/2488/131948587 https://image.dek-d.com/27/0553/2488/131948586

ลองเอาลงหลายๆแอปดูครับ ไม่จำเป็นต้องเป็นแอปเดียว และพยายามอย่าเก็บเหรียญบ่อยและแพงครับ เอาคนละนิดละหน่อยก็พอแล้วครับ


ขอบคุณครับ



0
IzaBelle 17 พ.ค. 64 เวลา 12:57 น. 14

ิเราก็หวังว่ารายได้จะถึงหมื่นสักวันเนอะแต่อันนี้มันเป็นความฝันเรามากกว่า แบบความฝันหลักคืออยากเป็นนักเขียนมืออาชีพ ความฝันย่อยเริ่มจากก้าวเล็กๆ ก็คือขาย E-book ได้เงินสักหนึ่งหมื่นต่อเดือน แล้วค่อยๆ ขยับไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงฝันเรา


เพราะฉะนั้นตอนนี้เรายึดอาชีพนักเขียนอย่างเดียวก็ใช่และยังดีที่ครอบครัวเข้าใจก็เลยให้เราทำไป แต่ก็นะความฝันของเรายังอีกยาวไกล ระหว่างนี้เราจะทำอะไรกับชีวิตล่ะ เกาะพ่อแม่กินไปวันๆ อย่างงี้เหรอแม้ว่าที่บ้านจะมีหอพักแต่สถานการณ์ในประเทศคือมีแต่ย่ำแย่ ตอนนี้เราเริ่มคิดได้และกำลังจะหางานประจำทำ คงทำไปสักห้าปี เก็บเงินแล้วตั้งใจว่าจะเอามาประกอบธุรกิจเล็กๆ ของตัวเองดีกว่าหรือทำงานฟรีแลนส์แทน เพราะโดยส่วนตัวเราไม่ชอบงานที่เรียนมา เข้าขั้นเกลียด ไม่รู้จะทนทำได้ถึงเมื่อไร เราคงไม่มีวันทำไปตลอดหรอก อันนี้เรามั่นใจเลย


เพราะฉะนั้นรายได้ไม่ถึงที่หวังเราจะเลิกไหม คำตอบคือไม่ เพราะเราชอบเขียนนิยายมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว การได้เขียนมันคือความสุข รายได้คือค่าตอบแทนเหมือนกับกิ่งไม้คอยเป็นเชื้อไฟให้เรามีแรงมุ่งมั่นผลักดันให้เดินไปถึงเส้นชัยต่อไปเท่านั้นค่ะ

0
ลูเซีย The jar's modeller 17 พ.ค. 64 เวลา 18:40 น. 15

อยากบอกว่า งานนิยายเป็นอะไรที่ติสต์มาก

หนึ่งคือใช้ความติสต์ของคนเขียน

สองคืออาศัยความติสต์ของคนอ่าน


มันมีปัจจัยหลายอย่างมากๆ ที่จะส่งผลให้นิยายทำรายได้ดีหรือไม่ดี บางครั้งเราทำนายได้ แต่บางครั้งเราก็ทำนายไม่ได้


โดยส่วนตัวแนะนำให้หางานอย่างอื่นทำไปก่อนเลยค่ะ มีรายได้สองทางยังไงก็ดีกว่าทางเดียว อีกอย่างงานนิยายไม่ต้องทำตลอดทั้งวันก็ได้ อยากทำตอนกลางคืนก็ได้ แค่ต้องสละเวลาพักผ่อนของเรามาทำเท่านั้นเอง


ถ้ารายได้ไม่ถึง จะพักผ่อนให้น้อยลงก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรอคะ


โดยส่วนตัวแล้วไม่เคยยึดงานเขียนเป็นรายได้หลักมาก่อน เลยไม่รู้สึกเดือดร้อนเท่าไหร่ ยอดขายขึ้นบ้างลงบ้างก็เลยไม่ค่อยเดือดร้อน

0
18 พ.ค. 64 เวลา 08:09 น. 16

ผมว่าการตั้งเป้าหมายแรกของการเขียนนิยายคือการหาเงิน มันดูจะเป็นแนวทางที่ค่อนข้างจะแปลกๆไปสักหน่อย หากเราไม่ใช่นักเขียนมืออาชีพ เพราะมันไม่มีอะไรมารับประกันได้เลยว่านิยายของเราจะขายได้หรือถูกใจนักอ่าน และเมื่อมันไม่ได้ตามที่หวังมันจะกลายเป็นการกดดันตัวเราเองไปสะเปล่าๆ

0
Whiteflower Ri 18 พ.ค. 64 เวลา 20:11 น. 17

เราตั้งเป้าหมายไว้น้อยมาก แบบคิดว่า ไม่คิดว่า มันจะขายได้ กังวลว่า นิยายของเราจะสู้คนอื่นไม่ได้ แต่ไม่ลองไม่รู้ ก็ลง ๆ ไปดีกว่า เอาไว้เฉย ๆ ไหน ๆ ก็เขียนจบแล้ว แต่พอลงติดเหรียญได้ซักพัก ก็มีคนหลงมาซื้อด้วย ดีใจมาก ลุ้น ๆ เพราะต้องขายได้ครบ 3 คน เราถึงจะถอนเงินได้ ว่าแล้วก็มีคนซื้อต่อ ว้าว....สรุปว่า เราขายได้ 8000 กว่าบาท อึ้ง ทึ่ง งงไปเลย มีคนซื้อนิยายเรา 200 คน แค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว เราไม่รู้เป้าหมายการขายของคุณคืออะไร แต่ของเรา แค่มีคนมาซื้อบ้าง เราก็ดีใจ ปลื้มใจมาก ๆ เลย ดีใจที่มีคนชอบนิยายที่เราเขียนบ้าง....ก็พอ....

0
petchLalida 23 พ.ค. 64 เวลา 20:53 น. 18

ถ้ารายได้น้อยโดยส่วนตัวเราคงไม่ถอดใจจากการเป็นนักเขียนค่ะเพราะเรารู้สึกว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวติไปแล้วเห็นอะไรก็จับมาเป็นพอตนิยายยังไงก็สู้ๆนะคะ เราขอฝากนิยาย

https://writer.dek-d.com/petchLalida/writer/view.php?id=2221493 ของเราไว้ได้วยนะคะ

0