ต้องเขียนดี และเก่งระดับไหน คนถึงจะกล้าอ่านนิยายเรา?
ตั้งกระทู้ใหม่
ใช่ครับ! ตามหัวข้อกระทู้เลย เราต้องเขียนนิยายให้ดีระดับไหน หรือ ความเก่งของนักเขียนมีผลมากน้อยแค่ไหนในการเลือกอ่านนิยาย เช่น นักเขียนชื่อดังเปิดตัวเรื่องไหนคนก็ตามอ่านตลอด นักอ่านก็ตามอ่านเฉพาะนักเขียนที่มีผลงานมามากแล้วในระดับ
การเป็นนักเขียนหน้าใหม่ต้องใช้เวลานานในการสร้างความนิยมให้ตัวเอง จนบางครั้งก็เกิดท้อกลางทาง นักอ่านบางท่านก็เลือกที่จะไม่อ่านนิยายของนักเขียนหน้าใหม่เลยหรือแค่กดเข้าไปดูผ่านๆ
ผมอยากรู้ว่านักเขียนหน้าใหม่หรือหน้าเก่ามีแนวทางยังไงในการทำให้นิยายตัวเองเป็นที่รู้จัก (ยกเว้นการแปะลิ้งค์ตามกลุ่มต่างๆ) หรือ ทำยังไงให้นักอ่านลองเปิดใจอ่านนิยายของเราครับ
18 ความคิดเห็น
ก็เขียนให้สนุก ต่อให้เป็นนักเขียนหน้าใหม่ ตั้งเรื่องแรกเลย ถ้าสนุกก็มีคนอ่านเยอะ
ความประทับใจแรก ( ภาพปก/ชื่อเรื่อง/แท็ก/คำโปรย/ 1-3บางทีอาจ5ตอนแรก มีแนวทางการดำเนินเรื่องที่ชัดเจนและน่าสนใจ ) เป็นตัวตัดสินเลยว่าคนจะอ่านต่อไหม
(บางทีเวลาเราไปซื้ิอหนังสือ ภาพปกแย่ หน้าเบี้ยวๆ หน้าผากกว้างตาตี่ ดูไม่สมมาตรเราก็ไม่หยิบนะ ถึงจะพลาดเรื่องดีๆไปเราก็ไม่สนใจหรอก นิยายดีๆมีให้อ่านเยอะไป)
อย่างคนจะติดตามอ่านนิยายของคนๆนั้นเพียงแค่เปิดเรื่องก็มีคนอ่านเยอะแล้ว นั่นก็เพราะ
คนคนเดียวกัน จะมีการบรรยายที่ไม่ต่างจากเดิมมาก ทั้งภาษาที่ใช้และพลอตที่ชัดเจน ลักษณะการเขียนก็สนุก การใช้คำ และการดำเนินเรื่องแต่ละฉาก
แต่ถ้าหากเป็นในเว็บเด็กดี(เอาแค่เว็บนี้ก่อนนะ)
นิยายเรื่องก่อนๆที่เราเขียนจะเป็นตัววัดว่า
มีความรับผิดชอบต่องานไหม (คือเขียนจบไหมนั่นแหละ)
ถ้าเป็นสายดองมันก็เป็นตัวบั่นยอดลงไปอีก เนื่องจากดูแล้วว่า ยังไงนิยายเรื่องนี้มีไม่จบ
และส่วนใหญ่คนก็มักจะกลัวว่าจะเขียนนิยายไม่สนุก มันก็เลยทำให้ดองเรื่อยไป
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะครับ ช่วยได้เยอะเลย
เราเพิ่งเข้ามาทำจริงจังได้ประมาณ 3-4 เดือนเอง ถือว่าหน้าใหม่มาก จนตอนนี้ก็ยังไม่ดังอย่างคนอื่น แต่เราไม่เคยมองเชิงเปรียบเทียบกับคนอื่นเลยนะ มองแค่ว่าคนที่เขาดังๆ มียอดวิวหลักแสนหลักล้านก็ต้องผ่านที่เรากำลังเดินด้วยกันทุกคน สักวันเราต้องไปให้ถึงจุดที่คนดังๆเขายืนให้ได้ ไม่จำเป็นต้องไปอิจฉา ไปเปรียบเทียบกับเขาให้เป็นการลดคุณค่าตัวเองเลย เอาเวลาคิดแบบนั้นมาพัฒนางานของตัวเองดีกว่า ตอนนี้เลยต้องมีความพยายาม ต้องศึกษาหาข้อมูลเติมคลังคำศัพท์ให้เต็มอยู่ตลอดเวลา ต้องคอยพัฒนาฝีมือ
เราไม่เคยกลัวคนไม่อ่านงานของเราเลยนะ เพราะเราคิดว่าตั้งแต่คิดที่จะเปิดเรื่องนั่นคือเปิดความรับผิดชอบ ที่ไม่ว่าจะมีคนชอบไม่ชอบ มีคนอ่านน้อยหรือไม่มีคนอ่านเลยยังไงก็ต้องพาเรื่องนี้ไปให้จบ เพราะนิยายเรื่องหนึ่งจะมีเราเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะทำให้มันสมบูรณ์ได้ เพราะงั้นเรื่องเล็กน้อยพวกนั้นอย่าไปสนใจมาก สนใจแค่คำติชมว่าสำนวนแบบไหน ต้องพัฒนาตรงไหนจะเป็นประโยชน์กว่า อย่าลืมว่าต่อให้มีคนอ่านเพียงคนเดียว คนติดตามเพียงคนเดียวนั่นก็แปลว่ายังมีคนที่ต้องการชมผลงานของเราอยู่
ถามว่าท้อมั้ย เราถามกลับดีกว่า เคยทั้งรักทั้งเกลียดนิยายที่ตัวเองเขียนมั้ย วันหนึ่ง ๆ อยากจะเขวี้ยงมันทิ้งวันละเป็น 10 รอบ เราเชื่อว่าหลายคนก็เป็น ท้อ เหนื่อย คอมเม้นไม่ดี แต่ถ้าเราผ่านช่วงเวลาแบบนั้นไปได้ จุดหมายปลายทางก็มักจะสวยงามเสมอ
สำหรับเราไม่มีวันไหนที่ไม่ท้อ ไม่มีวันไหนที่ไม่เหนื่อย ยิ่งไม่ปังยิ่งหมดแรง แต่เราก็หน้าด้านทำมันต่อไป หาจุดบกพร่องแล้วค่อย ๆ ปรับแก้
เชื่อเถอะคนที่เขาดังๆก็ต้องเคยผ่านจุดนี้มาเหมือนกันทุกคน ถ้าหากเรามัวแต่ท้อ ท้อแล้วเลิก หาข้ออ้างว่ารี๊ดเม้นไม่ดีแล้วหมดไฟเลยเลิกเขียน อย่างนั้นก็อย่าถามหาความสำเร็จเลย
ขอบคุณสำรับข้อคิดดีๆครับ
ได้แง่คิดดีมากเลยค่ะ อ่านแล้วมีแรงทำต่อไป
ตอนผมเริ่มผมก็ไม่ได้เก่งนะ อาศัยความขยันเข้าว่า เน้นลงเป็นประจำทุกวัน พอเรามีความสม่ำเสมอมาเรื่อยๆ คนอ่านก็ค่อยๆเข้ามาเอง
นิยายที่ผมเขียนทุกวันนี้ผมบอกได้เลยว่าช่วงที่สนุกก็พอมี ช่วงที่น่าเบื่อก็มีไม่น้อย แต่ผมก็ยังดันตัวเองมาติด Top ได้ยาวเป็นเดือนแล้ว เพราะอาศัยความขยันลงล้วนๆ
เริ่มจากอัพนิยายหลายตอน สม่ำเสมอ รู้ว่านิยายเราต้องการนำเสนออะไรแล้วนำเสนอมันออกมาได้ดี เหมือนเอานิยายไปอยู่ในร้านค้า คนเข้ามาก็ต้องเด่นแบบไหนคนถึงจะหยุดมองนั่นล่ะ
แนวทางตลาดก็สำคัญ
ถ้ามีเป้าหมายว่าต้องการคนอ่านเยอะๆ ก็ต้องเข้าหาคนอ่านก่อนว่าเขาชอบอะไร
ไม่ใช่ติ๊งต่างว่าชั้นเขียนแนวอินดี้นะ ขายแต่ความอินดี้ ขายแต่ความใต้กระแส อยากให้คนอ่านเปิดใจอ่าน เราว่าการรอคอยแบบนั้นมันไร้ความหมาย ต้องขายของเยอะๆ //การไล่แปะลงกลุ่มนิยายก็เป็นอีกทางเลือกที่สำคัญ
ชื่อเรื่องกับบทโปรยต้องดึงดูด แต่ทั้งนี้ถึงเวลาเนื้อหาข้างในต่างหากที่สำคัญ
ไม่มีอะไรถูกผิด แต่สิ่งที่ออกมาขึ้นกับว่าไปโดนใจคนกลุ่มไหนมากกว่า เด็ก วัยรุ่น คนโต ก็มีกลุ่มที่แต่งต่างกัน กลุ่มไหนที่จะเปย์กลุ่มไหนที่จะอ่านเยอะแต่ยอดซื้อน้อย อยากไปอยู่กลุ่มไหนต้องดูด้วย
อ่อ แล้วนักอ่านก็คนแบบเราๆนี่ล่ะ ไม่ได้วิเศษวิโสมาจากไหน เราเขียนนิยายแล้วก็ทำตัวเป็นนักอ่านตามปกติ จ่ายเงินซื้อนิยายบ้างไรบ้าง ไม่ต้องไปคิดอะไรมากมายหรอก อยากเขียนก็เขียน เขียนใจรักก็ทำตามความชบหรืออยากเขียนเอาเงินก็ทำความเข้าใจคนหมู่มากก็พอ
น่าจะไม่เกี่ยวกับความกล้านะ
อย่างแรก น่าจะเกี่ยวกับ ความชอบ
ไม่ใช่แนว ก็มองข้าม
แต่ที่น่ากลัวคือ อุปทานหมู่
คนไหนดัง ก็ดูดีไปหมด
เหมือนอารมณ์เวลาคลั่งไคล้ ประมาณนั้น
นักเขียนมือใหม่ก็เหมือนพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ ที่ลูกค้าอาจชำเลืองมอง และไตร่ตรอง ว่าจะอุดหนุน หรือไม่ก็เดินผ่านไปอย่างไม่ไยดี
เอาตามความคิดผมนะ เก่งธรรมดากับเก่งแบบคนอ่านผ่านตาก็เลิฟเลยก็คือ ถ้าเรื่องมันสนุก คนเขียนก็ตามครับกับคุณต้องอัพให้สม่ำเสมอให้คนอ่านเชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่ได้คนเขียนเทแน่นอน กับถ้าดำเนินไปเรื่อย ๆ ไม่ถูกจริตเขาก็ไปกับคนใหม่เข้ามา ถ้านักอ่านประจำเขาชอบ เขาก็อยู่กับคุณไปนาน ๆ ครับ ตามประสบการณ์ 1 ปีที่ผมประสบมา หวังว่าจะมีประโยชน์ขอบคุณครับ ซ้ำคือเขาต้องการความแน่นอนถ้ามีพลิกก็ดราม่าเล็กน้อนนะครับ แหะ ๆ
ลงนิยายทุกวันถ้าทำได้ค่ะ เนื้อเรื่องมีประเด็นให้ชวนติดตาม
สำหรับเราเวลาเลือกอ่านนิยาย ดูจากเนื้อหาค่ะ คือถ้าตอนแรก ๆ สนุกน่าติดตาม เราก็จะติดตามอ่านเรื่องนั้นตลอดค่ะ
อีกทั้งคำโปรยและปกก็ทำให้นักอ่านสนใจนิยายค่ะ
ความเก่งฝึกฝนกันได้นะคะ แต่เราต้องเริ่มเดินขึ้นบันไดขขั้นแรกก่อนเสมอถึงจะเดินไปถึงจุดมุ่งหมายได้ค่ะ
เป็นกำลังใจให้นักเขียนทุกท่านนะคะ^^
บางทีนักอ่านก็ไม่ต้องการอะไรเยอะแยะ ไม่ได้หวังว่าจะได้อ่านนิยายเลิศหรูซูซ่า อ่านแล้วอยากประดับขึ้นบนหิ้งหรอก ขอแค่พล็อตน่าสนใจ เขียนแล้วอ่านรู้เรื่อง ลงสม่ำเสมอก็พอแล้ว
ซึ่งสามอย่างนี้แหละ ที่นักเขียนหน้าใหม่มักจะละเลยกัน
-วางพล็อตแบบขอไปที เน้นด้นสดเผลอแปบเดียวออกไปอยู่กลางอ่าวไทย จนคนอ่านงงว่ามันมาถึงจุดนี้ได้ไงฟะ ส่วนนักเขียนก็งงเหมือนกัน จะวกเข้าฝั่งยังไงดี
- เขียนแล้วอ่านไม่รู้เรื่อง อ่านแล้วงง พยายามใช้คำซับซ้อนทั้งที่คำง่ายๆ ก็ใช้ได้ ไม่รู้จักการใช้pov บรรยายวกไปวนมาบางทีก็กระโดดข้ามไปมาเป็นจิงโจ้เลย
- ไม่ลงต่อเนื่องสม่ำเสมอ ข้ออ้างหลักคือไม่ว่าง ทำงาน การบ้านงานเยอะ ซึ่งมันก็จริงแต่แก้ไขได้ด้วยการสต็อกตอน ก็ไม่ค่อยจะทำกัน เน้นเขียนสดลงสด สดจนงงว่าได้อ่านทวนที่เขียนบ้างหรือเปล่าน่ะ อีกข้ออ้างนึงคืออารมณ์มันไม่มาเลยไม่ได้เขียน กว่าจะรออารมณ์ของคุณคนเขียน บางทีต้องรอเป็นสัปดาห์ บางทีเป็นเดือน บิ้วด์นานจนงง นักอ่านเขาก็โบกมือบ๊ายบายก้นหมดแล้ว
ถ้าทำสามอย่างนี้ได้ ต่อให้ไม่ได้ดีมาก ยังขาดเทคนิคอีกเยอะ แต่ก็ถือว่าน่าอ่าน น่าเอาใจช่วยในระดับนึง
ต้องเขียนดีและเก่งระดับไหน คนอ่านถึงจะกล้าอ่านนิยายเรา…อ่านแล้วนึกถึงเพลง Blowing in The Wind ของ บ็อบ ดิลลัน ที่เริ่มต้นว่า How many roads must a man walk down before you call him a man? ซึ่งถ้าจะให้ตอบก็คงต้องตอบแบบเดียวกับเนื้อเพลงที่ว่า The answer is blowing in the wind.
แต่หนทางไปสู่การประสบความสำเร็จก็พอมีรูปแบบของมันอยู่ สมมุติว่าคุณเปิดร้านขายบะหมี่แบบใหม่เอี่ยมถอดด้าม ไม่เคยมีใครเคยได้ยินชื่อมาก่อน แถมยังทุนรอนน้อย อยู่ในทำเลที่หาคนเห็นยาก จะทำยังไงให้กลายเป็นร้านมีชื่อ ลูกค้าคับคั่ง คงพอเห็นภาพว่ากว่าจะทำให้ร้านบะหมี่นี้เป็นที่กล่าวขวัญถึง ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างมาก เช่น ต้องตกแต่งร้านให้น่าเข้าไปลองทาน ต้องโปรโมทร้านให้เป็นที่รู้จัก กินบะหมี่แถมส่วนลด ฯลฯ
ข้อสำคัญบะหมี่ของคุณต้องเด็ดจริง กินแค่ครั้งเดียวลูกค้าซึมซับความอร่อยได้ทันที ทำให้อยากจะกลับมาอีก นอกจากนี้ยังต้องอาศัยความมานะบากบั่น เปิดร้านสม่ำเสมอ มันจะมีช่วงเวลาวัดใจว่าร้านบะหมี่ของคุณ จะทนแรงกดดันจากชะตากรรมที่ฟ้าดินมอบให้ได้ขนาดไหน เช่น เกิดโรคระบาดแบบโควิด เกิดสงคราม เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ฯลฯ ถ้ามีปัจจัยครบโอกาสที่ร้านบะหมี่จะมีลูกค้าจำนวนหนึ่งเป็นแฟนพันธุ์แท้ก็มีเปอร์เซ็นต์สูงมาก และสักวันหนึ่งอาจจะกลายเป็นร้านมิชลิน 3 ดาวไปก็ได้…ใครจะรู้
จงทำในสิ่งที่คนถูกใจ อย่าทำในสิ่งที่คิดว่าดี
สำหรับไอดอลที่เต้นเก่ง ร้องเก่งก็แล้วไป แต่กับคนเต้นไม่เก่ง ร้องไม่เก่ง แต่หน้าตาดี แล้วมีคนชอบเยอะก็ไม่แปลก ก็เขาชอบแบบนั้น เขาจะตามแบบนั้น ไอดอลคนนั้นก็แค่ไปหาวิธีที่ทำให้ตัวเองหล่อและสวยยิ่ง ๆ ขึ้นไปก็พอ หรือบางทีอาจจะไม่ต้องหน้าตาดีก็ได้ แต่อาจจะยิงมุกเป็น บางคนที่ชอบแบบนี้เขาก็มีเหมือนกัน กลับไปหัดยิงมุก เต้นและร้องแค่พอเป็นพิธีมันก็ได้แล้ว แบบนี้คนก็ตามเยอะเหมือนกัน
เรานักเขียนหน้าใหม่ง่ะ
รอให้แก่ลายครามอยู่ง่ะ แต่ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน
เราไม่ได้เก่งและก็ไม่ดังค่ะ แต่อาศัยฐานคนอ่านกลุ่มเล็กๆที่ส่วนใหญ่จะเคยเห็นว่าเคยอ่านนิยายเรื่องแรกของเรามา **เราไม่เคยแปะลิงก์ในกลุ่มโฆษณานิยายนะคะ เรื่องโซเชียลมีเดียก็พึ่งเปิดเฟสบุ๊คเพจและทวิตเตอร์ไป ตอนแรกคือโลกส่วนตัวสูงมาก ตอนนี้ก็มีบ้างที่แชร์นิยายไปทวิตเตอร์ของตัวเอง **เรื่องทำยังไงให้เป็นที่รู้จักเราว่ามันอยู่ที่นิยายเลยค่ะ พลอตตรงจริตใคร คนนั้นก็เข้ามาอ่าน อัพสม่ำเสมอมีผล
ความดี ความเก่งในการเขียนเราว่ามีผลแค่ 25% ส่วนการตลาด 75% อาจจะมีบางเรื่องที่ไม่ต้องโปรโมตอะไรเยอะก็ขายดิบขายดี แต่ไม่ใช่กับนิยายส่วนมากที่ต้องอาศัยการตลาด+การโปรโมทเข้าช่วย เราเห็นมาเยอะแล้วนิยายดี ๆ ที่ได้วางขายตามร้านหนังสือชั้นนำ แต่ขายได้ไม่นานก็ถูกถอดออกเพราะขายไม่ค่อยได้ คนไม่ค่อยซื้อ คนเขียนอาจจะคิดว่านี่คือผลงานชิ้นโบว์แดงของตัวเอง เป็นนิยายที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ อ่านสนุก น่าติดตาม แต่กับคนอ่านเขาไม่รู้ด้วยหรอก รู้แค่เห็นชื่อเรื่องแล้วไม่ค่อยน่าสนใจ หน้าปกไม่สวย เรื่องย่องง ๆ ภาษาเขียนแปลก ๆ แค่นี้เขาก็เดินผ่านแล้ว ไม่คิดจะหยิบมาเปิดอ่านบทนำด้วยซ้ำไป ยอมรับเลยว่าตอนเราจะซื้อนิยายมาอ่านสักเล่ม เราก็มองแค่ภายนอกแหละ ถ้าไม่ถูกใจเรา ก็คือเดินผ่านเลย ไม่ซื้อ
เขียนแนวที่มีคนอ่านเยอะ ๆ ครับ ส่วนฝีมือควรเขียนให้ได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ คำผิดน้อยหรือไม่มีเลย ลดการใช้คำซ้ำ สำนวนอ่านง่าย ภาษาสละสลวย มีการเล่นคำ อุปมาอุปไมยตามหลักภาษา เนื้อหาดี ไม่ใส่ทัศนคติที่ไม่ดีลงไปในงานของตัวเอง พล็อตมีความเป็นเอกลักษณ์ ถ้าทำได้ครบหมดทุกข้อก็น่าจะมีโอกาสดังมากขึ้นครับ
ปล. ต้องขยันโปรโมตอย่างมีชั้นเชิงด้วยครับ
สำหรับผมที่เป็นคนอ่าน ก็เลือกตัดสินใจนิยายที่จะลองอ่านตามลำดับประมาณนี้นะครับ
1 ชื่อเรื่องน่าสนใจ และตรงกับความสนใจช่วงนั้น
2 คำโปรยเนื้อเรื่องย่อ (มีหรือไม่มีสำหรับผมข้อนี้จะไม่เน้น แต่ก็ใช้ประกอบตัดสินใจอ่าน)
3 จำนวนตอน และจำนวนคำต่อตอน (เนื่องจากชอบอ่านมาก ก็อยากได้เรื่องดีอ่านได้ยาว ๆ)
4 สำนวนบรรยาย การใช้คำอ่านลื่นไหลพอประมาณ
5 ความสมเหตุสมผลต่อทุก ๆ เหตุการณ์ของเรื่องราว
6 ความสนุกน่าติดตาม
ซึ่งในระยะยาวที่ทำให้อ่านได้เรื่อย ๆ ก็ขึ้นอยู่กับข้อ 5 และข้อ 4 นี่ละครับ บางเรื่องถึงจะสนุกน่าติดตามมาก แต่หากสองข้อนี้ไม่ดีมากเข้าจะทำให้เสียอรรถรสจนจำต้องตัดใจเลิกติดตามไป
จากใจคนที่เปิดนิยายมา 31 เรื่องนะคะ ยังไม่มีเรื่องไหนปังเลยค่ะ ฮ่าๆ ไม่ต้องท้อนะสักวันคงมีคนเห็น
นิยายเรื่องปัจจุบันที่ผมลงอยู่ เป็นเรื่องแรกที่ลงอย่างต่อเนื่องตามกำหนด (จ.-ศ.) ไม่ได้มาๆหายๆเหมือนเมื่อก่อน ผ่านไปหนึ่งเดือนผลตอบรับถือว่าเรื่อยๆ แบบว่าพอจะเห็นแสงสว่างรำไรอยู่นะครับ คิดว่าความสม่ำเสมอสำคัญ แต่การเขียนนิยายให้ตรงตามตลาดก็จำเป็นพอกันเลย สังเกตจากเรื่องก่อนที่วางมือไปแล้ว อัปบ่อยใกล้เคียงกัน แต่เรื่องนั้นอัตราเติบโตน้อยกว่ามาก
สรุปคือเขียนดี เขียนเก่งมันเป็นปัจจัยหนึ่ง แต่การพยายามอย่างต่อเนื่องก็ต้องมีครับ ทำให้มันสมดุลกันทั้งสามอย่างน่าจะโอเค
นักเขียนหน้าใหม่ ส่วนมากที่เจอคือชอบทับถมปม ไว้ตั้งแต่ต้นเรื่อง ซึ่งดูทรงแล้วน่าจะเอาไม่อยู่
การเคลียร์ปมนี่สำคัญ แม้แต่นักเขียนเก่งๆ ก็ต้องจัดวางให้เหมาะสม
อันนี้แค่ส่วนหนึ่ง ที่เจอ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?