แม่เราเป็นพยาบาลแต่แม่อยากให้เราเรียนเภสัชมากกว่า เราไม่เข้าใจแม่เลย
ตั้งกระทู้ใหม่
เราลูกคนเดียว แม่เป็นพยาบาลส่วนพ่อตอนนี้ไม่สบายค่ะเป็นโรคทางจิตเวชกินยาหลายตัวทำงานไม่ได้ เรากำลังจะจบ ม.6 แม่อยากให้เรียนเภสัชเพราะอยากให้เรามาดูแลยาพ่อ จริงๆเราอยากเรียนพยาบาลมากกว่าเพราะเราไม่เก่งเคมีไม่เก่งคำนวนแต่เราชอบวิชาท่องจำ เราไม่ได้มีทัศนคติที่ไม่ดีกับเภสัชเลย เราว่าเรื่องยาก็สนุกดีมันน่าค้นหา แต่เราแค่คิดว่าถ้าเรียนพยาบาลแม่เราก็ช่วยเราเรื่องเนื้อหาการเรียนได้อยู่แล้ว แต่แม่เราไม่อยากให้เราเป็นพยาบาลนี่สิทั้งๆที่ตัวเองก็ทำอาชีพนี้ซึ่งเราไม่เข้าใจแม่เลยจริงๆ แม่ถึงขนาดบอกว่าถ้าเข้ารัฐบาลไม่ได้แม่ยอมส่งให้เรียนเภสัชเอกชน ในใจเราเราคิดว่าพยาบาลก็เก่งเรื่องยานะเพราะเห็นแม่ก็ต้องยุ่งเกี่ยวกับยา
Risa_D
4 พ.ย. 64 เวลา 08:56 น.
2,351
views
11 ความคิดเห็น
ต้องพูดคุยกันอ่ะครับ คุณแม่ของน้องอาจจะเห็นข้อเสียของการเป็นวิชาชีพพยาบาล เช่น การทำงานหนัก ต้องขึ้นเวรลงเวร ไม่มีการพักผ่อน ต้องรับมือกับผู้ป่วยที่มีอาการสารพัด เป็นปราการด่านแรกที่จะสื่อสารกับผู้ป่วยหรือญาติกรณีเกิดปัญหาทางด้านรักษา ฯลฯ
น้องต้องสร้างความมั่นใจให้เค้ารู้อ่ะครับว่าเราสามารถรับมือกับสิ่งพวกนี้ได้ เมื่อถึงเวลาปฏิบัติงานจริง
ขอบคุณพี่มากค่ะ แม่เพิ่งไลน์บอกหนูแบบที่พี่บอกเลยว่างานมันเหนื่อยแล้วบ้านเราก็มีกันแค่ 3 คนแม่ก็ไม่มีเวลาว่างมากมายนักเพราะขึ้นเวรไม่เป็นเวลาแม่เลยอยากให้หนูเป็นเภสัชเพราะจะได้มีเวลาดูพ่อด้วยในอนาคตเพราะถ้าทำงานพยาบาลต่างคนก็ต่างยุ่งแล้วใครจะดูแลพ่อ ถ้าหนูต้องเรียนเภสัชเพื่อเหตุผลเกี่ยวกับพ่อหนูก็คงยินดีค่ะพี่ เพราะหนูไม่รู้ว่าต่อไปอาการพ่อจะหนักกว่าเดิมมั๊ย อย่างที่หนูบอกค่ะด้วยความที่หนูไม่เก่งเคมีหนูเลยกลัวจะเรียนไม่ไหวแต่หนูไม่ได้ไม่ชอบเภสัชนะคะเพราะหนูก็สนใจเรื่องยาค่ะชอบหาข้อมูลเรื่องยาที่พ่อกิน (แม้ว่าจะอ่านละไม่ค่อยรู้เรื่องก็ตาม) และหนูก็คงต้องฟิตเคมีกับคณิตเพิ่มขึ้นอีกค่ะเพื่อพาตัวเองให้รอดถ้าได้เรียนเภสัชจริงๆ
ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ
เราเป็นเภสัช เราจะแนะให้เรียนทันตะ 5555
เอาจริงๆตามความสนใจเลย พยาบาลเหนื่อย เสี่ยงมากกว่า แต่ก็สามารถดูแลคนอื่นได้
เป็นจิตอาสาก็จะช่วยได้เยอะ ในการดูแลบุพการีถ้าในเรื่องการดูแลคนไข้พยาบาลน่าจะดีกว่า แต่ในเรื่องเวลา เภสัชน่าจะมีมากกว่า สามารถเปิดร้านยาที่บ้านได้
การเรียนเภสัชจริงๆ ส่วนใหญ่จะความจำ อยู่ที่จะเป็นเภสัชด้านไหน ถ้าด้านวิจัย หรือผลิต ต้องเก่งเคมีกะคณิต
ถ้าเภสัชร้านยา หรือ รพ ก็ไม่ค่อยเน้นเท่าไหร่
เราว่าถึงเภสัชจะดีกว่าเพราะเรื่องเงินเดือนหรืออะไรก็ตามที่เขาว่ามา แต่จะเรียนอะไรต้องดูที่ความถนัดของตัวเราค่ะ อย่าเรียนเพราะคนอื่นบอกว่ามันดีหรือแย่ เราเรียนคณะที่ต้องใช้ความรู้วิทยาศาสตร์ ตอนแรกก็คิดว่าน่าสนุกดีคงไม่เป็นไรหรอก+คนรอบข้างไซโค(ทั้งๆที่ตัวเองไม่เก่งวิทย์เลยด้วยนะ)สรุปตอนเข้าไปเรียนนรกชัด ๆ
จะเรียนคณะอะไรควรดูที่ความถนัด+ชอบค่ะ เพราะงั้นไม่ใช่แค่4ปีที่ทรมานตอนเรียน แต่เป็นทั้งชีวิตนะ (ถ้าเลือกทำงานตรงสาย)
ปล.นี่จบคณะเกี่ยวกับวิทย์แต่จะเป็นนักเขียน555555555
เคสนี่คงมาจากประสบการณ์ตรงครับ เพราะตัวเขาเองก็เป็นพยาบาล และด้วยหน้าที่เขาก็คงได้คลุกคลีกับคนที่เป็นเภสัชมาไม่มากก็น้อย คงจะเห็นอะไรบางอย่างจากจุดนั้นแหละ ไปลองคุยกับเค้าดูครับว่าเค้าเห็นอะไรมา ทำไมถึงดันให้จขกท.ไปทางเภสัช
เชื่อแม่เถอะค่ะ พี่เป็นพยาบาลคนหนึ่ง เมื่อวัยเท่าน้องคิดว่าเป็นพยาบาลจะได้ดูแลคนในครอบครัว แต่ความจริงคือเราต้องดูแลพ่อแม่คนอื่น เวลาในการดูแลพ่อแม่ตนเองน้อยมาก ถ้ามั่นใจในตัวเอง สอบเภสัชฯและตั้งใจเรียนค่ะ จบมาอยู่สายสุขภาพเหมือนกัน ดูแลพ่อแม่ได้มากกว่า ความกดดันในอาชีพต่อผู้รับบริบาลน้อยกว่า ** แม่เป็นพยาบาลแล้ว แม่พยาบาลตนเองและพ่อได้ ***
ขอบพระคุณพี่พยาบาลมากนะคะ หนูแค่คิดว่าถ้าหนูเรียนพยาบาล GPA แต่ละเทอมของหนูคงดีมากกว่าเภสัชอ่ะค่ะเพราะแม่น่าจะสอนการบ้านหรือติวให้หนูได้ แต่เท่าที่ถามแม่แม่ก็บอกว่าอยากให้หนูได้สิ่งที่ดีที่สุดที่เหมาะกับความสามารถหนู แม่ไม่หวังให้หนูเป็นหมอหรือเป็นหมอฟันเพราะแม่บอกหนูว่าแม่รู้ว่าความสามารถหนูพอจะไปได้แค่ไหนและแม่ไม่อยากกดดันหนูอ่ะค่ะ ตอนม.5 แม่เคยถามหนูว่าสนใจเภสัชมั๊ยเพราะแม่เห็นหนูชอบเอายาพ่อไปเสริชกูเกิ้ล หนูก็ตอบไปแค่ว่าหนูคงเรียนไม่ได้หรอกเพราะหนูไม่เก่งเคมี แม่ก็บอกว่าเคมีทางเภสัชคือเคมีประยุกต์เป็นพื้นฐานในบางวิชาแต่ไม่จำเป็นต้องลึกหรือเก่งระดับคณะวิทย์เอกเคมี ส่วนที่เหลือคือการท่องจำ แม่เชื่อว่าหนูจะเรียนและผ่านมันไปได้ แม่พูดกับหนูประมาณนี้อ่ะค่ะ แต่พี่พูดถูกเลยค่ะหนูคิดแบบนั้นจริงๆว่าเรียนพยาบาลจะได้ดูแลคนในครอบครัวแต่หนูลืมนึกไปว่าตั้งแต่หนูเด็กจนโตแม่หนูที่เป็นพยาบาลก็ไม่ได้ทำหน้าที่นั้นสักเท่าไหร่ ขอบคุณที่ให้แง่คิดดีๆกับหนูนะคะ
ดีทั้งคู่ครับ / แอบเชียร์ว่าถ้าไหวก็เข้าหมอแล้วต่อเฉพาะทางจิตวิทยาเลยครับ / อย่างไรก็ดี ช่วงที่น้องเรียน วางแผนเรื่องการดูแลคุณพ่อด้วยนะครับว่าจะแบ่งเวลาอย่างไร เพราะน้องเองก็อาจจะยุ่งกับการเรียน
ต่อเฉพาะทางเป็นสิบๆ ปีเลยน๊า ถ้าใจไม่เอาไม่สู้จริงลำบากค่ะ
พยาบาลงานหนักกว่าที่คิดนะคะ
ยิ่งถ้าเป็นลูกคนเดียว เดี๋ยวต้องขึ้นเวรหนัก จนไม่มีเวลาดูแลคนในครอบครัวตัวเอง ส่วนใหญ่พี่พยาบาลจะไม่อยากให้ลูกเรียนพยาบาล ความรักลูกแหละ ไม่อยากให้ลำบากเหมือนตัวเอง
ถ้าเลือก Pharm D เภสัชไม่ได้เน้นเคมีขนาดนั้นนะน้อง เรียนโครงสร้างยาหลักๆ ไม่ถึง 10 หน่วยกิต ที่เหลือท่องจำล้วนๆ ค่ะ ท่องจำเยอะกว่าที่คิด จำจนอ้วกแตก ทำไมพี่ถึงกล้าพูด เพราะตัวพี่เองซิ่วจากวิศวะเคมี ไปเรียนต่อเภสัช บอกเลยไม่ได้ใช้ส่วนของเคมีที่เรียนมาจากวิศวะถึง 1/10 เนี่ยความคิดว่าฉันได้เปรียบเพื่อนเป็นอันต้องตกไป โถ่…เรียนเคมียานิดหน่อยเอง กลายเป็นว่าต้องปรับตัวหนักมาก เพราะไม่ถนัดจำเลย ถ้าตัดเรื่องเภสัชไม่ต้องทำหัตถการกับคนไข้ เดี๋ยวนี้เภสัชเรียน 6 ปี หัวสมองต้องจำทุกสิ่งอันพอๆ กับเรียนหมอเลยค่ะ จำร่างกายให้ได้ ไม่เน้นขนาดหมอแต่ก็ต้องรู้ จำกลไกยาออกฤทธิ์ยังไง ใช้ยังไง หมอวินิจฉัยมาแบบนี้ใช้ยาตัวนี้ถูกมั้ย บางอย่างต้องไปดูเกณฑ์วินิจฉัยหมออีก ขนาดยาเท่าไหร่ ขนาดยาคนปกติเท่าไหร่ ขนาดยาในเด็ก คนแก่ คนท้องกินได้มั้ย คนไตไม่ดีต้องปรับขนาดมั้ย คนไข้มียาหลายตัว ยาแต่ละตัวกินพร้อมกันได้มั้ย ยาตีกันหรือเปล่า ต้องกินก่อนหรือหลังอาหาร ยาบางตัวต้องกินให้ถูกเวลาก็ต้องจำ ยาบางตัวทำไมห้ามกินพร้อมอาหาร ให้กินนานเท่าไหร่ น้ำหนักตัวเท่านี้กินกี่เม็ด ในคือเฉพาะยากินนะ ยาฉีดก็ต้องจำอีก ฉีดทุกกี่ชั่วโมง ฉีดเข้าเส้นเลือด กล้ามเนื้อ หรือใต้ผิวหนัง ต้องผสมยากับอะไร น้ำ น้ำเกลือ หรือน้ำตาล ผสมแล้วเก็บได้นานมั้ย ยาบางตัวมีราคาแพง ต้องดูความคงตัวอีกไง ถ้าผสมแล้วสามารถเก็บไว้ใช้ครั้งต่อไปอีกก็จะดี ยาฉีดให้กี่ ml ต่อ ชั่วโมง หมอโทรมาถามเภสัชคนไข้ได้ยาเท่านี้ๆแล้วยังไม่ได้ผล ปรับยาขึ้นอีกได้มั้ย ปรับยังไง บางอย่างที่ละเอียดต้องจำด้วยว่าจะไปหาคำตอบได้จากไหน เรื่องจำไม่ต้องห่วงจ้า บอกแล้วจำจนอ้วก คำนวณนิดหน่อยเอง
จริงๆ งานเภสัชก็ไม่ได้สบายนะคะ ถ้าเป็นเภสัช รพ. บอกเลยงานหนักมาก รพ.รัฐ มีจำนวนเภสัชแค่ขอบล่าง เช่น ถ้ากรอบกำหนดมีเภสัชได้ 4-7 คน ส่วนใหญ่ก็จะมีเภสัชแค่ 4 คน ใน รพ.นั้น งานที่เภสัชต้องทำ จ่ายยาคนไข้นอก (ตรวจรับยากลับบ้าน ถ้าวันนั้นมีคนไข้ 1000 เคส เภสัชคนแรกเช็คใบสั่งยา คนที่ 2 เช็คยาก่อนจ่าย อีก 2 คน จ่ายยาคนละ 500 เคส พูดจนเสียงแหบ เป็นจุดสุดท้ายที่คนต้องมานั่งรอ ช้าก็โดนบ่น), จ่ายยาคนไข้ใน (คนไข้ที่นอน รพ.), ฝ่ายผลิตเตรียมยา เช่น ยาบางตัวสำหรับคนไข้เฉพาะรายที่หมอสั่งใช้พิเศษ, งานปฐมภูมิ เช่น ออกไปจ่ายยาคนไข้ตามอนามัย ต่างๆ ลงชุมชน เยี่ยมบ้าน ผู้ป่วยติดเตียงที่มียารักษาโรคหลายตัว, งาน คบส คุ้มครองผู้บริโภค, งานคลัง บริหารเวชภัณฑ์ จัดซื้อยา เครื่องมือแพทย์ ให้มีพอใช้ใน รพ. ตอนนี้ก็มีเรื่องบริหารวัคซีน ที่ดึงเภสัชออกไปช่วย ตามจุดต่างๆ ทำให้งานใน รพ.ตึงมือ
เภสัช รพ.จริงๆ ทำงานหลายอย่างมาก แต่คนอื่นมักจะบอกว่าเภสัชสบายนั่งทำงานในห้องแอร์
ถ้าแม่น้องเป็นเภสัช อาจจะไม่อยากให้เรียนเภสัชก็ได้ค่ะ
ยกเว้นมีเป้าหมายชัดเจนว่าไม่ทำงาน รพ.รัฐ
เรากำลังจะมาตอบแบบคุณเลย เภสัชไม่ได้สบายนะ แต่เขาแค่เห็นส่วนหนึ่งของหน้าที่เภสัชเท่านั้น อยากให้ไปเรียนทันตะค่ะน้อง
หมายถึงจบมาแล้วตอนทำงานสบายกว่า ไม่ต้องเข้าเวรอดหลับอดนอน ไม่ได้บอกว่าตอนเรียนสบายกว่าน๊า ^^
ไม่สบายกว่าแต่นอนค่ะ เภสัชก็มีเวร เช้า บ่าย ดึก อดหลับอดนอนเช่นกัน แล้วบางที่เภสัชมีจำนวนน้อย ถ้าลงเวรดึกแล้วยังต้องมาทำงานตอนเช้าต่อค่ะ ไม่ได้ off เหมือนพยาบาลนะคะ
เดี๋ยวนะ มันคนละหน้างานป่ะคุณ ทำไมเภสัชต้องทำหัตถการละ ในเมื่อไม่ใช่หน้าที่ เพียงแค่จะบอกว่าแต่ละอาชีพมันก็มีความหนักเบาของมัน มีความเสี่ยงของมัน จะเอามาเปรียบเทียบกันตรงๆ ไม่ได้หรอก คุณพยาบาลคุณเห็นในมุมที่ว่าเภสัชเขาสบาย มองเข้าไปอยู่แต่ในห้อง แต่ถามว่าคุณเคยมาทำงานตรงนี้มั้ยละตอนยุ่งๆ ได้มาเห็นบ้างมั้ย อย่ามองแคบแต่บนวอร์ดของคุณ ออกมาดูชาวบ้านบ้าง งงมากแค่อธิบายให้เด็กมันฟังจะมาพาลเอาอะไรคะ ฉันบอกตรงไหนว่างานพยาบาลสบาย แล้วฉันพูดว่าเภสัช รพ ก็หนักไม่ต่างกัน ไม่ได้พูดถึงเภสัชสายงานอื่นๆ เลยค่ะ อย่าคิดไปเองว่างานตัวเองหนักกว่าชาวบ้านถ้าไม่ได้มาทำดู ทุกอาชีพใน รพ มีใครสบายบ้าง แล้วดูจำนวนคนด้วย พยาบาลอย่างน้อยๆ เวร บ่ายดึกต้องมี อย่างต่ำวอร์ดละ 2 คน ผู้ช่วยพยาบาล พนักงานอื่นๆอีก ก็ยังยุ่งวุ่นวายกันใช่มั้ยละ แล้วเภสัชละ บางที่ ทั้งเวรมี 1 คน เภสัช 1 คน ทั้ง รพ ไม่มีเจ้าหน้าที่คนอื่นช่วย ทำงานอยู่คนเดียวในห้องยา ทำทุกอย่าง จัดยา จ่ายยา IPD จ่ายยา ER รับสาย consult ต่างๆ อีก ทั้งเวรก็ไม่ได้นั่งอยู่เฉยๆ สบายๆ นะคะ
เดี๋ยวนะ เราไม่ได้เป็นพยาบาลค่ะ 555 และเราไม่ทราบจริงๆ ค่ะ ขอโทษด้วย
พอดีดูมาจากในซีรีส์บางส่วนและจากข่าวค่ะ ไม่เคยสังเกตห้องเภสัชเลยค่ะ ผ่านๆ ตาเวลาไปเยี่ยมญาติเฉยๆ ส่วนใหญ่เห็นคุณพยาบาลงานยุ่งกันทั้งวัน คนไข้ในโรงพยาบาลแถวชนบทบางทีก็ถามคำถามเดิมกับพยาบาลซ้ำๆ บางทีเราเห็นพยาบาลดุหรือเสียงดังใส่ผู้ป่วย ถ้าไม่มีความอดทนหรือควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ก็เกม และต้องเป็นคนรักการบริการ ถ้าใจไม่รักคงทนไม่ได้นาน ต่างจากเภสัช(ในความคิดเห็นของเราซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริง)ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับคนไข้มากเลยไม่ต้องเจอคนแปลกๆ แค่จัดยาให้เฉยๆ เลยนึกว่าสบายกว่าค่ะ ซึ่งเกิดจากความเข้าใจผิดของเราเอง เราไม่ใช่พยาบาลค่ะ ไม่ได้เรียนพยาบาลด้วยกลัวคนจะเข้าใจผิดว่าเราแอบอ้าง ข้อมูลทั้งหมดที่เราพิมพ์ล้านผ่านมุมมองของคนนอก ดังนั้นอาจไม่ถูกต้องทั้งหมดค่ะ เข้าใจว่าคนละหน้างานกันภาระหน้าที่คนละอย่างกัน ตอนนี้เข้าใจแล้วค่ะ ขอโทษนะคะ
อีกอย่างพยาบาลรับแค่สายวิทย์-คณิตนี่คะ จริงๆ ก็อยากเรียนเหมือนกันค่ะ แต่เราจบไม่ตรงสาย 5555
พี่เป็นพยาบาลค่ะน้อง เข้าใจทั้งในส่วนของคุณแม่และของน้องนะคะ ของน้องอยากเรียนเพื่อมาดูแลคุณพ่อ ส่วนคุณแม่อยู่ในวิชาชีพนี้ท่านไม่อยากให้น้องลำบาก พยาบาลเรียนหนัก เรียนจบแล้วก็ทำงานหนัก ขึ้นเวรลงเวร เวลาว่างไม่มีหรือถ้ามีก็น้อย/ว่างไม่ตรงชาวบ้าน ส่วนใหญ่เวลาก็หมดไปกับการดูแลผู้ป่วยอันนี้คือเรื่องจริง ผู้ป่วยที่ว่าคือผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่เราได้รับผิดชอบ ไม่ใช่พ่อแม่พี่น้องญาติที่บ้าน อันนี้แทบไม่มีเวลาดูแลเลยค่ะ(เพราะพี่ก็เป็น) ในส่วนของเรื่องยาเราผ่านการเรียน Pharmacology มา แต่เป็นตัวพื้นฐาน ไม่ได้ครอบคลุมหรือเจาะลึกมากๆ เท่าเภสัชค่ะ ถ้าเป็นพยาบาลสาย Med ก็อาจจะรู้เยอะกว่าเพราะส่วนใหญ่อายุรศาสตร์จะให้การรักษาด้วยยาเป็นส่วนมาก
ลองเปรียบเทียบและชั่งน้ำหนักดูดีๆ นะคะ พี่จะไม่แนะนำว่าควรจะไปทางไหนดีเพราะคนตัดสินใจคือน้องเอง อันนี้พี่แนะนำในส่วนของประสบการณ์ที่พี่เจอตั้งแต่ ม.ปลาย ที่อยากเข้าพยาบาลจนกระทั่งตอนนี้ที่จบมาเป็นพยาบาลวิชาชีพจริงๆ
บางท่านบอกให้ไปเป็นหมอบ้างล่ะ ให้ไปเรียนทันตะบ้างล่ะคือตอบไม่ตรงคำถามแล้ว1 เขาถามระหว่างเภสัชกับพยาบาลค่ะสาว
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?