ไล่ตามความฝันที่เป็นของฉัน
สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
ก่อนอื่นเลยต้องขอบอกว่าเราเรียนจบแล้วและปัจจุบันก็ทำงานเป็นทนายความอยู่บริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง ซึ่งทุกคนอาจจะคิดว่า “มันก็ดีแล้วนิ” “มันสุดยอดเลย” หรือ “โอ้โหเก่งจัง” ซึ่งกว่าจะได้เป็นอาชีพนี้มันไม่ง่ายเลยจริงๆ ชีวิตในมหาลัยใดๆ ก็คืออ่านแต่หนังสือ หรือไม่ก็ท่องประมวลกันตาเหลือกเลยทีเดียว และการสอบทนายผ่านก็ใช่ว่าจะสอบกันได้ง่ายๆ จริงไหมคะ
(เราภูมิใจในความสำเร็จของเรานะ และเราก็รักและก็ให้เกียรติกับอาชีพนี้เสมอ)
จุดเริ่มต้นจากเด็กเรียนไม่เก่งคนหนึ่ง ลอกการบ้านเพื่อนตลอดในทุกๆ เช้า ไปโรงเรียนเพราะอยากเล่นกับเพื่อน เป็นคนติดเพื่อนมาก ไปไหนไปกัน (ถึงขนาดไม่อยากมีแฟนเพราะว่าติดเพื่อน) แต่เมื่อเราอยู่ม.6 เทอม 2 ชีวิตเราต้องตัดสินใจสอบเข้ามหาลัยวิทยาลัย เราก็ตามเพื่อนอีกเช่นเคยเพื่อนสอบอะไรเราก็สอบด้วยหมด เพราะอยากไปเรียนกับเพื่อนด้วย (แต่เงินสอบเราหาเองนะเราไม่ได้ขอพ่อกับแม่ เพราะเราเริ่มทำงานพาสไทม์ตั้งแต่ม.3 และไม่เคยขอเงินพ่อกับแม่อีกเลย ยกเว้นการจ่ายค่าเทอม) จนกระทั้งเพื่อนสนิทเรา 1 คนตัดสินใจเรียนปวส. เพื่อนอีก 2 คน เรียนครู ส่วนเราตอนนั้นคือเคว้งคว้างมากเราไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะสิ่งที่เพื่อนเลือกเราไม่ชอบเลย เราจึงมองหาอาชีพใกล้ตัวเรามากที่สุด ก็คือ พยาบาล เราก็ไปสอบอีกเช่นเคย วันที่ผลประกาศสอบออก เราร้องไห้หนักมาก เราสอบไม่ผ่าน เหมือนเราทำให้พี่สาวและแม่ผิดหวัง เราเกียจตัวเองเลยแหละตอนนั้น หลังจากนั้นเราก็หาสอบมาเรื่อยนะๆ แต่ไม่ติด เราเลยตัดสินใจเรียนราชภัฏฯ และก็เลือกอาชีพใกล้ตัวอีกเช่นเคย คือ นิติศาสตร์ เราไม่รู้ว่าที่ตัวเองไปเลือกไปเราชอบหรือไม่ชอบ แต่ดูแล้วตอนนั้นมันดูมีอนาคตสุดแล้วก็เลยเลือก ด้วยความที่เราเป็นเด็กเรียนไม่เก่งอยู่แล้ว พอขึ้นมหาลัยปี 1 เราก็ใช้วิธีการเรียนเหมือนโรงเรียนเลยปรากฎว่าผลคะแนนสอบเทอมแรกออกมาเราได้เกรดเฉลี่ยที่ 2.2 เอง อีกนิดเราจะโดนไล่ออกแล้วจริงๆ เราก็เพิ่งคิดได้แหละว่าถ้าใช้ชีวิตแบบนี้คงไม่จบมหาลัยแน่ๆก็เลยตั้งใจเรียนเลย (ตั้งใจเรียนคือตั้งใจเรียนจริงๆ นะ แบบอ่านหนังสือตลอด ท่องประมวลได้แบบเป๊ะๆ และไหนๆเราก็เลือกเส้นทางนี้แล้ว จะทำให้คนอื่นผิดหวังไม่ได้แล้วนี่เนอะ) เราก็ไล่ขึ้นมาเป็นคนเรียนเก่งของคลาส จำได้ว่าเถียงอาจารย์ด้วยว่าสิ่งที่อาจารย์สอนมันไม่ถูกนะ และอาจารย์ก็หมายหัวเราไปเลย และก็ไล่เราออกจากห้องด้วย แบบว่า “ถ้าคิดว่าสิ่งที่อาจารย์สอนมันไม่ใช่ ก็ออกไปจากคลาสได้เลยค่ะ” บอกนิดนึงเด็กนิติฯ ไม่มีสอบเก็บคะแนนหรือคะแนนจิตพิสัยนะ วัดกันปลายภาคเลยทีเดียว ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ตกและลงเรียนใหม่ เราเลยไม่แคร์อาจารย์ที่สอนแบบผิดๆ แบบนี้เท่าไหร่ จนกระทั้งเรียนจบปี 4 ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 แบบสวยๆ นะคะทุกคน มีคนร่วมแสดงความยินดีกับเรามากมาย ขอบคุณที่มีวันนั้น และความทรงจำดีๆ แต่ชีวิตเริ่มต้นการสอบทนายและการทำงานของเรา……
5 ความคิดเห็น
ชื่นชมนะคะ ชีวิตมันไม่ได้ง่ายเลยจริงๆ
แนะนำให้คุณเขียนเก็บไว้เป็นเรื่องสั้นค่ะ
วันหนึ่ง คุณเองหรือใครเข้ามาอ่านจะได้เห็น
แต่ถ้าเก็บไว้ในกระทู้ ยากแก่การค้นหาโดยบังเอิญค่ะ
#ชีวิตทนาย ไม่ง่าย.......เคยมีคนรู้จักกว่าจะสอบเนติได้นี่....แทบตาย
>> แนะนำเขียนเก็บเป็นเรื่องสั้นค่ะ ^^
ขอบคุณค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่เราเขียนลงในเว็ปเด็กดีเลย ^^
เขียนได้น่าสนใจค่ะ มาติดตามค่ะ
ขอบคุณค่ะ ^^
เก่งมากเลยค่ะ^^
ขอบคุณค่ะ^^
ฮา ในชีวิตทนายจริงๆ การอ่อนน้อมต่อผู้พิพากษาหรืออะไรจะทำให้เราทำงานง่ายกว่าน่ะครับ
มันคือวงการที่ต้องใช้พรรคพวกทำงาน
ขอบคุณสำหรับการเข้ามาอ่านะคะ แต่เราเชื่อในการตัดสินคดีความของผู้พิากษาอยู่นะ เรื่องการอ่อนอ้อมถ่อมตน เราว่าไม่ได้แค่สายกฎหมายหรอก แต่มันควรมีทุกสายอาชีพ และแวดวงการทำงานทุกสาขาเลย การมีพรรคพวก มีเพื่อน เป็นเรื่องที่ดีค่ะ ^_^
นั่นคือมุมมองของคนพึ่งเข้าวงการล่ะครับ เจอเหตุการร์อะไ-รเยอะๆ ความรู้สึกบางทีก็ท้อได้
น่าชื่นชมที่ไล่ตามความฝันของตัวเองครับ
ผมก็เป็นคนที่ไล่ตามความฝันเช่นกันครับ
บอกตัวเองเสทอว่าถ้ายังไปม่ถึงฝันก็จงอย่าท้อ
สู้ต่อไปทาเคชิ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?