ม.ในเครือราชภัฏเด่นด้านอะไร นอกจากครู
คือได้เห็นดราม่าใน Facebook กลุ่ม tcas 65 เรื่องเกี่ยวกับราชภัฏ แล้วรู้สึกกังวลกับอนาคตของตัวเองมากเพราะติดมหาลัยในเครือนี้ และได้ทำการจ่ายค่ายืนยันสิทธิ์กับทางมหาลัยไปแล้ว (จำนวนเงิน 5 หลักเลยค่ะ) ซึ่งสาขาที่ติดก็ไม่ถูกใจสักเท่าไรเลย แล้วก็ไม่ใช่ครูด้วย แล้วตอนนี้ก็ลังเลมาก ๆ ว่าจะทิ้งเงินจำนวนนี้แล้วไปสู้ต่อในรอบ 3 ดีไหม (แต่คะแนนก็อยู่ในจุดที่น่ากังวลอยู่เช่นกัน) หรือว่าจะเอาที่นี่แหละ แล้วก็สู้ตอนเรียนจบเพื่อหางานในสายวิชาชีพที่เรียนมา หรือเรียนไปก่อนแล้วค่อยมาเป็น dek 66 ดี เพราะหนทางต่างๆ มันก็มีความไม่เเน่นอนมาก (อยากอ่านเหตุผลจากทุกๆ คน เพื่อมาพิจารณาหาหนทางต่อจริงๆ เลยนะ) (สาขาที่ติดคือแพทย์ไทยก็อยากจะอ่านหนทางในการทำงานที่หลากหลาย นอกเหนือจากการเปิดร้านเอง)
17 ความคิดเห็น
โดยส่วนตัว มหาวิทยาลัยราชภัฏก็มีจุดเด่นทางดานวิชาชีพครู แต่หลายๆมหาวิทยาลัยก็สร้างจุดเด่นอื่นๆเพิ่มขึ้นมา เช่น สวนดุสิต จะเป็นกลุ่มคหกรรม สวนสุนันทา ก็จะเป็นนิเทศศาสตร์ เป็นต้น
ส่วนกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ แม้ว่าอาจจะไม่โดดเด่น แต่การที่จะเปิดสอนได้นั่นคือต้องมีองค์กรทางวิชาชีพรับรองหลักสูตร และเมื่อเรียนจบไปแล้วก็จะต้องสอบเพื่อขอรับใบประกอบวิชาชีพ ดังนั้น ก็สามารถเชื่อมั่นได้ว่าถ้าเราสอบใบประกอบวิชาชีพได้นั่นคือเราก็ทำงานได้ครับ
ดังนั้น ต้องตอบตัวเองก่อนว่าถ้าอยากเรียนแพทย์แผนไทยจริงๆ ก็เรียนไปก่อนครับ ส่วนเรื่องซิ่วเป็นเรื่องของอนาคต เพราะบางทีเรียนไปแล้วถ้าเจอเพื่อนดี อาจารย์ดี เราก็อาจจะอยากเรียนจนจบก็ได้
ม.สวนดุสิต ไม่มีคำว่าราชภัฏนำหน้าแล้วนะคะ เปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัยสวนดุสิตตั้งแต่ปี58 แล้วค่ะ
ไม่มีครับ ถ้าคิดจะเรียนสาขาอื่น แนะนำมหาวิทยาลัยอื่นดีกว่า
มีสิ เช่น สวนสุนันทา โลจิสติคส์
ตามนั้นครับ
ถ้าจะเรียนคหกรรม การโรงแรม สื่อสารมวลชน
ขอแนะนำสวนดุสิต สวนสุนันทา
เพราะสวนดุสิตเด่นทางด้านคหกรรม สื่อสารมวลชน
สวนสุนันทาเด่นทางด้านการโรงแรม สื่อสารมวลชน
เพื่อนสมัยเรียนมัธยมปลายหลายคนที่เลือกเรียนราชภัฏ
ส่วนใหญ่เรียนจบจากสวนดุสิต (ในยุคที่ยังเป็นราชภัฏ) กับสวนสุนันทากันหมด
มีไม่กี่คนที่เรียนจบจากราชภัฏอื่น
ขนาดครูที่ว่าเด่น ก็ใช่ว่าจะดี เพื่อนติดครูภาษาอังกฤษ ยังใช้แกรมมาร์ม.ต้นไม่ถูกเลย เวท
ไปเรียนที่ ม.การกีฬา ค่า ถูกกว่า ม.ราชภัฏ หลายเท่า จบๆๆๆ
เท่าที่เราเห็นตอนนี้ ก็จะเป็นพวกเกี่ยวกับงานเพื่อสังคม
เพื่อชุมชนอะไรพวกนี้กำลังเด่น
โครงการส่งขยะพลาสติกไปทำถนน
กับพวกโครง สสส. รณรงค์เหล้าอะไรพวกนี้
อาจารย์ราชภัฏทั้งนั้นที่ทำ ในพื้นที่ที่เราอยู่ (เชียงใหม่)
แต่ถ้าเป็นเราเรียนที่อื่นดีกว่า พูดตรงๆว่าเพื่อนเราที่จบจากที่นี่ ไม่ค่อยมีงานทำอ่ะ ส่วนใหญ่ก็กลับบ้านไปค้าขายที่บ้านไปทำงานกับที่บ้านอ่ะ
แล้วแต่ว่า ม.ไหน ครับ ราชภัฎแต่ละที่อาจมีจุดเด่นไม่เหมือนกัน แต่ที่มีเหมือนกัน คือนอกจากด้านครู ก็เป็น มหาลัยที่วางตำแหน่งตัวเองไว้ที่การผลิตบุคลากรป้อนท้องถิ่น ภาพรวมไม่ได้ดังเท่า มหาลัยมีชื่อแน่ๆ คอนเนคชั่นไม่สู้ สังคมงั้นๆ วิชาการก็เฉยๆ แต่สิ่งที่มีคือ เข้าเรียนไม่ยาก ค่าเทอมไม่แพง อาจตอบโจทย์ให้น้องๆที่ เรียนไม่เด่น และ ไม่ค่อยมีทุนทรัพย์ จะได้เรียนในสาขาที่ชอบ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ใช่ว่าเรียนแล้วจะไม่มีอนาคต ถ้าน้องจะสอบราชการ งานราชการไม่สนว่าจบที่ไหน ถ้าสอบติดก็คือติด (แต่จะก้าวหน้าไหม อยู่ที่ตัวเรา กับวัฒนธรรมองค์กรนั้นๆ ว่าเค้าอิง connection แค่ไหน ) หรือถ้าน้องแน่พอเจ๋งพอ มีความอดทนความพยายามมากพอ ฝึกประสบการณ์อาชีพของเราจนแน่นพอ มีประสบการณ์ในงานสูงๆ การหางานก็ไม่ยาก เพราะใครๆก็ชอบ คนที่มีประสบการณ์ทำงานเยอะๆ ในด้านที่เค้าต้องการ มากกว่าคนที่ไม่มีประสบการณ์อยู่แล้ว ตอบคำถามของน้องว่าควรหยุดที่ราชภัฎ หรือไปต่อ แนะนำว่า ถ้าน้องสามารถไปต่อในมหาลัยดังๆได้ ไม่ว่าจะเป็นคะแนน หรือค่าเทอม แนะนำให้ไปมหาลัยดังครับ แต่ถ้าน้องดูคะแนนตัวเองแล้ว ยังไงก็ไม่ได้ หรือลุ้นไม่ขึ้น ก็ลองเรียนราชภัฎไปก่อน ถ้าเจอเพื่อนดี สังคมดี วิชาการดี อาจารย์เก่ง ก็อยู่ต่อ แต่ถ้าสิ่งที่ว่ามาไม่โอเค ก็ลองหาที่ใหม่
สำหรับเรา เราว่าดนตรีอะ เด็กราชภัฏคณะศิลปกรรมดนตรีแน่นมาก ตั้งแต่การสอบไม่มีสอบข้อเขียนนะที่เราเคยไปสอบ ไม่รู่ว่ารอบโควต้ามั้ยแต่ไม่มีข้อสอบเลย ตอนนั้นเราเลือกสอบเอกเปียโน ก็ไปเรียนกับอาจารย์ราชภัฏมา แกเก่งมากสอนดีแต่ค่อนข้างเป๊ะเลยผิดนิดหน่อยจี้ละ55555 แล้วคือเด็กในสาขาที่แกสอนก็ฝีมือดีแบบเกรด5-6 กันแล้วอะ ตอนสอบก็เข้มงวดเรื่องสเกล เรื่องจังหวะมาก ทำให้เราเชื่อเลยดนตรีราชภัฏนี่แหละของจริงไม่ได้ด้อยกว่าใครเลย
ตอนนี้พี่เรียนอยู่ที่นี่ไหมครับ ผมขอถามในแชทส่วนตัวทีได้ไหมครับ
สาขาที่เลือกเรียนในระดับมหาวิทยาลัย คือ อาชีพที่จะประกอบทำมาหากินในอนาคตครับ
ปัจจุบัน ตอนนี้ ไม่ต้องเป็นราชภัฏหรือราชมงคล จุฬา ธรรมศาสตร์หรือมหาลัยชื่อดัง คนที่เข้าไปเรียนได้ ก็ใช่ว่าจะเป็นเด็กที่เรียนเก่ง (เหมือนสมัยก่อนๆ ) เพราะปัจจุบัน เด็กเกิดน้อยลง ทำให้ตำแหน่งที่ว่างในการเข้าของมหาวิทยาลัยมีมากขึ้น ทำให้เด็กๆ ที่เรียนในมหาลัยใหญ่ในปัจจุบัน ก็ไม่ใช่เด็กเก่งเสมอไปครับ อาจจะมีภาคพิเศษ ภาคสมทบ ที่จ่ายเงินมากขึ้น ก็เรียนมหาลัยชื่อดังของรัฐได้ ขอให้เลือกเรียน และตั้งใจเรียนครับ
ขอแย้งหน่อยเถอะนะ R Uni กับ ม.ท็อป มันไม่ได้ต่างแค่เด็กเก่งกับไม่เก่งนะ จริงอยู่ที่ ม. ท็อป อาจจะมีเด็กไม่เก่งเข้าไปบ้าง แต่ด้วยสภาพแวดล้อม การศึกษา ทัศนคติ และการแข่งขัน จะเป็นตัวบีบให้สุดท้ายหลายคนไม่ได้ไปต่อจนต้องหลุดจาก ม. ไป
ส่วนความต่างมีหลายอย่างคือ
1. สวัสดิการ นี่เคยเรียนทั้ง R Uni กับ ม. ระดับกลางมา เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะที่ห้องสมุด สถานที่ออกกำลังกาย สถานที่พักผ่อน หอใน หอนอกในเครือ (บริเวณ ม.)
2. เกณฑ์การสอบวัดวิชาต่างๆ ความยากง่าย กล้าพิมได้เลยว่าบางที อ. ต้องทำให้ข้อสอบไม่ยากเกินไป เพราะถ้ายากเกิน เด็ก F เยอะ อาจารย์ก็โดนสอบอีก เพราะฉะนั้นตอนสอน อ. ก็สอนเนื้อหาที่ไม่ยากจนเกินไป เพราะถ้ายากเกิน เด็ก หลายคนอาจจะรับไม่ไหว
3. ทัศนคติเด็กที่เข้าไปเรียน นี่เป็นส่วนสำคััญมาก ให้เลย 100 จะมีเด็ก ไม่เกิน 20 คน หรอก ที่มีทัศนคติที่พร้อมจะตั้งใจเรียน เก็บเกี่ยวความรู้ให้ได้มากที่สุด เพื่นพัฒนาศักยภาพของตนเพื่อพร้อมต่อการทำงาน ส่วนที่เหลือก็จะเรียนๆ ไปงั้น เรียนให้จบ ไม่ต้องอะไรหรอก ถ้าอยากดูทัศนคติ ดูข่าวหลายปีก่อนได้เลย ที่มีเกณฑ์การไม่รับพนักงานที่จบ R Uni ทำให้ อธิการในเครือบางคนไม่พอใจ จะให้ ม. ยกเลิกการทำ ธุรกรรม กับทางธนาคารนั้น
4. เรื่องระบบการรับน้อง ช่วงนี้โควิดเรียนออนไลน์อาจจะไม่ได้เห็น แต่ตอนนี่เรียนที่ R Uni คือเจอมาเกือบหมด ทั้งอมลูกอมเดียวทั้งสาขา เพื่อแสดงถึงความรักใคร่ของเพื่อนๆ ทั้งสาขา (ขนาดแค่นี้บ่งบอกแล้วไหมว่า พวกรุ่นพี่ขนาดเรียนระดับ ป.ตรี แล้ว ยังไม่มีความรู้เลยจริงๆ ว่าการทำแบบนี้มัน ไม่สะอาดและทำให้เกิดโรคติดต่อได้) ส่วนตอนเรียน ม.ระดับกลาง คือจะไม่เจอ อย่างมากเจอระเบียบแบบให้แต่งตัวเรียบร้อย ต่างๆ
ที่คิดออกความต่างใหญ่ๆ ก็มีเท่านี้ ส่วนตัวเคยเจอมาแล้ว เพราะเคยทั้งอยู่ทั้งสองที่ ก็กล้าพิมได้เลยว่าเจอแบบที่บอกข้างต้นจริงๆ แล้วเลิกได้เลิกเถอะ วลีที่ว่า เรียนที่ไหนก็เหมือนกัน มันไม่เหมือนกันค่ะ แค่ 4 ข้อด้านบนก็ไม่เหมือนกันแล้ว ยิ่งบอกว่า ภาคพิเศษง่าย ก็อาจจะง่ายกว่าภาคปกจริง แต่ก็ไม่ได้ง่ายถึงขนาดนั้น ไม่งั้นคนจะแห่แอดเข้าทำไม
ส่วนใหญ่คนไม่เก่ง ไม่ค่อยจบนะจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ เรื่องจริง เรียนไม่ไหว สมองไม่ถึง อาจารย์หรือเพื่อนไม่ช่วยจริงๆ มหาลัยให้ออก บางคนเหมือนจะเก่งจากโรงเรียนมาแต่มาเรียนไม่ทันเพื่อน ตัดเกรดอิงกลุ่มถ้ามีคนเก่งอยู่มากคนไม่เก่งตายแน่นอน ติด F คนเรียน 200 คน อาจจะจบไม่ถึง 100 คน เพราะอาจารย์สอนโหด ตัดเกรดโหด เขียนข้อสอบ 7-8 หน้า ไม่ใช่คำตอบ ให้ 0 คะแนน ไม่มีคะแนนความสงสาร เคยดูข่าวจะเห็นนิสิตจุฬาฯ นักศึกษาธรรมศาสตร์ เครียดจากการเรียน บางคนเป็น...ไปเลย หรือมีข่าวฆ่าตัวตาย เพราะการเรียนหนัก เน้นคุณภาพ เพื่อนก็แข่งขันกันตัดคะแนนอิงกลุ่ม อาจารย์ก็โหด
มันก็มีคนจบ จุฬา มธ. แบบท้ายๆ เกรดไม่ถึง 3.00 -คนที่เรียนเก่งจากโรงเรียน- แต่คุณภาพอาจเท่ากับคนได้เกรดเกิน 3.00 หลายมหาวิทยาลัย คนจบมหาวิทยาลัยภูมิภาคยังติด 0 เกรดไม่สูงที่โรงเรียน มีเพื่อนที่โรงเรียน เรียนไม่เก่ง ติด 0 แต่จบมหาวิทยาลัยเหมือนได้คะแนนฟรีกัน
ขอ FB ได้ไหมงับอยากทักไปคุยด้วย
ถ้าอยากได้ความคิดเห็น จะบอกว่าไม่เด่นด้านไหนเลยจะเชื่อไหม ถ้าซิ่วได้ก็ซิ่ว หรือไม่ก็ เอกชน ดีๆ หน่อยก็ได้ ภายในไม่โอเคหลายอย่างทั้ง ระบบ ทั้งสวัสดิการ อุปกรณ์การสอนอีก (ม. อื่นๆ ได้งบเยอะกว่า R Uni เยอะทำให้เค้ามีศักยภาพในการให้สวัสดิการ อุปกรณ์การเรียนการสอนให้กับ นศ. เยอะกว่า) ถ้าจะซิ่ว ใหม่ ก็เลือก ม. ที่ดีที่สุดที่เราทำได้ แต่ถ้าเลือกได้ ม. พวกวิทยาเขต ให้เลือกเป็นตัวเลือกรอง (เพราะ ม. วิทยาเขตส่วนใหญ่จะโดนหั่นงบลงมาจาก ม. หลัก แต่บางที่ก็ปกครองตัวเองไม่ได้รองบจาก ม.หลัก) ค่าเทอมแต่ละที่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ใช่ถูกๆ เลือกให้มันดีที่สุดอ่ะ R Uni บางที่ แพงพอๆ กะเอกชนเลย แต่ระบบภายในก็ไม่ได้ดีขนาดนั้น แต่ถ้าอยากได้ความกระจ่างลองเรียนไปก่อนก็ได้ แล้วค่อยไปซิ่วปี 66
ราชภัฏ ด้านครู ราชภัฏบางแห่งการโรงแรม,คหกรรม
ภาพรวมในประเทศไทย มหาวิทยาลัยที่มีความโดดเด่น 1-3 อันดับแรกของประเทศไทย 1.จุฬาฯโดดเด่นทุกด้าน 2.ธรรมศาสตร์โดดเด่นสายสังคม มนุษย์ ภาษา คอมพิวเตอร์ สถิติและคณิตศาสตร์ สายวิทย์สุขภาพตั้งใหม่แต่คะแนนสูงที่ 2-3 ของไทยต่อมหิดล วิศวะระหว่างประเทศแห่งแรก ภาพรวมก็เด่นรองจากจุฬาฯ 3.มหิดล เด่นสายวิทย์สุขภาพ สายวิทย์คะแนนรองจุฬาฯ สายดนตรี วิศวะชีวการแพทย์ ภาพรวมเด่นรองจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ 4.ม.เกษตรศาสตร์ เด่นสายวิทย์เท่าๆกับมหิดล วิศวะเป็นรองจุฬาฯ สัตวแพทย์ติด 1ใน3 สายสังคมมนุษย์ ภาพรวมเป็นมหาลัยเด่นระดับกลางๆของไทย มีสาขาอันดับ 1-2 ของไทย อันดับ 1 มหาวิทยาลัยดังส่วนใหญ่ไม่เปิด ประมง เกษตร วนศาสตร์ อันดับ 2 วิศวะที่ต่อจากจุฬาฯ 5.มศว เด่นด้านครู ศิลปกรรมด้านการแสดง ภาพรวมระดับกลาง 6.ศิลปากร เด่นด้านศิลปะ สถาปัตยกรรม โบราณคดี ภาพรวมระดับกลาง 7.กลุ่มพระจอมเกล้าฯเด่นด้านวิศวะ อุตสาหกรรม
มหาวิทยาลัยอื่นๆเด่นระดับกลางลงไป ไม่มีสาขาติดอันดับ 1-2 ของมหาวิทยาลัยไทย
จุฬา ไม่ใช่เทีย1นะ
ตอบความเห็น 8 บุญเติม ที่บอกคนเรียนจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ สมัยนี้ เป็นคนเรียนไม่เก่ง อาจารย์ส่วนมากจบจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ สายวิทย์เพิ่มมหิดล หรือต่างประเทศ (มหาวิทยาลัยอื่นในไทย รายชื่ออาจารย์มีีคนจบจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ มหิดล)
ส่วนใหญ่คนไม่เก่ง ไม่ค่อยจบนะจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ เรื่องจริง เรียนไม่ไหว ความคิดไม่ถึง อาจารย์หรือเพื่อนไม่ช่วยจริงๆ มหาลัยให้ออก บางคนเหมือนจะเก่งจากโรงเรียนมาแต่มาเรียนไม่ทันเพื่อน ตัดเกรดอิงกลุ่มถ้ามีคนเก่งอยู่มากคนไม่เก่งตายแน่นอน ติด F คนเรียน 200 คน อาจจะจบไม่ถึง 100 คน เพราะอาจารย์สอนโหด ตัดเกรดโหด เขียนข้อสอบ 7-8 หน้า ไม่ใช่คำตอบ ให้ 0 คะแนน ไม่มีคะแนนความสงสาร เคยดูข่าวจะเห็นนิสิตจุฬาฯ นักศึกษาธรรมศาสตร์ เครียดจากการเรียน บางคนเป็น...ไปเลย หรือมีข่าวฆ่าตัวตาย เพราะการเรียนหนัก เน้นคุณภาพ เพื่อนก็แข่งขันกันตัดคะแนนอิงกลุ่ม อาจารย์ก็โหด
มันก็มีคนจบ จุฬา มธ. แบบท้ายๆ เกรดไม่ถึง 3.00 -คนที่เรียนเก่งจากโรงเรียน- แต่คุณภาพอาจเท่ากับคนได้เกรดเกิน 3.00 หลายมหาวิทยาลัย คนจบมหาวิทยาลัยภูมิภาคยังติด 0 เกรดไม่สูงที่โรงเรียน มีเพื่อนที่โรงเรียน เรียนไม่เก่ง ติด 0 แต่จบมหาวิทยาลัยเหมือนได้คะแนนฟรีกัน
เราก็ยื่น มรภ. เหมือนกันค่ะ(แต่ไม่ได้ยืนยันสิทธิ์เพราะติดมหาลัยภูมิภาค) ถ้าถามว่า มรภ. เด่นด้านไหนนอกจากครูในหัวเรามีไม่กี่ที่เองค่ะ555 ถ้าพวกนิเทศ,ภาษาให้สวนสุนัน คหกรรมอาหารให้อดีตราชภัฎอย่างสวนดุสิต ส่วนถ้าเป็นวิทย์สุขภาพเราให้ มรภ.บ้านสมเด็จค่ะ ที่เราไม่เอา มรภ. หลักๆ เลยคือคอนเนคชั่นค่ะ ด้วยความที่เทียบกันแล้วในทั้งค่าเทอมและค่าครองชีพมอที่เรายืนยันไม่ต่างกับเรียนราชภัฏ เราเลยเอาอีกที่ค่ะ55555 แต่ถ้า จขกท. ไม่ซีเรียสเรื่องคอนเนคชั่นใดๆ เราว่าราชภัฏก็ประหยัดค่าใช้จ่ายมากๆ เลยนะคะ
เด็กสมัยนี้ยึดติดกับการเรียน ที่มหาวิทยลัย ต้อง ม.นั้น ม.นี้ จริงๆ เรียนที่ไหนก็ได้ คณะอะไรก็ได้ที่หางานง่าย มีเพื่อนอยู่คนจบคอมฯแต่ก่อนชีวิตรันทดมาก งานก็โดนบีบให้ออก ระเหเร่ร่อนไปเรื่อย มาค้นพบตัวเองตอนอายุ30 เรียนสุโขทัยฯต่อ ไม่จบ ต้องไปเรียนรามรัฐศาสตร์ต่อเปลี่ยนสายใหม่ ค่าเทอม 25 บาทต่อหน่วยกิจ ถึงเวลาก็ไปสอบ ตอนนี้เป็นหัวหน้าสำนักงานปลัดไปเรียบร้อยแล้ว มีเพื่อนอีกคนไม่จบในรุ่นและไม่จบ ป.ตรี ตอนนี้รวยสุดกว่าเพื่อนที่จบด็อกเตอร์
ถ้าจ่ายเงินไปแล้วก็คงต้องเรียนไปก่อนค่ะแล้วค่อยหาทางซิ่ว แต่ถ้าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาอยากให้ลองไปต่อรอบ 3 ถ้าไม่ติดก็ยังมีรอบ 4 ถ้ายังไม่ติดอีกก็เรียนรามรอสอบใหม่ค่ะ
(ราชภัฏเหมือนกันยังไม่เท่ากันเลยค่ะ ครูแนะแนวเราเคยบอกว่าถ้าจะเรียนราชภัฏควรเข้าสวนนันค่ะ เพราะมีผลตอนเรียกสัมภาษณ์งาน แต่สมัยนี้แล้วยังมีคนเหยียดราชภัฏอยู่อีกเหรอคะเนี่ย ไม่ไหวเลย ค่าเทอมก็จ่ายเหมือนกันไม่ได้เรียนฟรีนะ 5555 ถ้ามาตราฐานเท่ากันทุกภูมิภาคก็คงดีค่ะ)
จุดเด่นของคนที่เรียน มหาวิทยาลัยราชภัฏ ต้องเป็นคนที่สามารถปรับตัวได้ง่ายสามารถพบปะผู้คนได้เยอะๆ ถ้าคิดจะทำอาหารขายก็สามารถเข้าถึงลูกค้ากว่า เหล่ามหาวิทยาลัยไฮโซ เพราะมหาวิทยาลัยไฮโซ ต้องเน้นสายเฉพาะทางจริงๆ ครับ
เนี่ย หลายๆคนเห็นหรือยัง นี่คือตัวอย่างของความบ้ง ความพังของตรรกะ ทัศนคติที่แย่เอาเป็นว่าเด็กๆ ที่กำลังจะแอดเข้าก็ดูเอาแล้วกัน ถ้าอยากเจอเพื่อนๆ แนวๆ ทัศนคติแบบนี้ก็ตามนั้นแหละ
มหาวิทยาลัยไฮโซ ก็เข้าถึงคนรากหญ้า คนในท้องถิ่น อีโก้สูง เกินปายย เข้ากับเพื่อนๆไม่ได้ ยังมีนะ บางคน เรียนจบสูงเเต่มานั่งนอนกินสมบัติพ่อเเม่ บางคนออกมาทำอาชีพอิสระ ก็ยังมีจ้าา ใดๆเล่าไม่ควรเหยียด นิ้วเรายังไม่เท่ากันเลย
เห้อ เครือราชภัฏไม่มี เด้อ มีเเต่กลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏ ไปเรียนการใช้ภาษา ก่อนสา
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?