Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

(ภาคต่อ) กระทู้รีวิวปี4 ชั้นคลินิค แพทย์แม่ฟ้าหลวง by นศพ.จบปี4 หมาดกำลังจะเป็นปี 5จ้า

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดีทุกๆคนค่า นักศึกษาแพทย์แม่ฟ้าหลวงคนดีคนเดิมที่เคยเขียนรีวิวชั้นพรีคลินิคไปเมื่อปีก่อน
ตามกระทู้นี้   
https://www.dek-d.com/board/tcas/4007606/
(ตกใจเหมือนกันตอนที่มีคนมาบอกว่ากระทู้ขึ้นกระทู้แนะนำของเด็กดี เป็นกระทู้ติดดาว-- ขอบคุณทีมงานเด็กดีนะคะที่เห็นกระทู้เล็กๆนี้มีประโยชน์.... 55555เผื่อผ่านมาเห็น)
ตอนนี้อัพเกรดเลเวลตัวเองเป็นนักศึกษาชั้นคลินิคอย่างเต็มตัวแล้วค่า   จบปี4 สัปดาห์นี้ สัปดาห์หน้าเป็นปี5 แล้วค่า 55555 ชีวิตมันรวดเร็วแบบนี้แหละค่า   พอดีกับช่วงนี้ในฐานะที่ว่างซักสามสี่วันก่อนกลับไปเป็นนศพ ปี5 ต่อ เลยขอใช้เวลามานั่งหน้าคอม ทบทวนรีวิว สะบัดปลายปากกาเป็นนักเขียนในปีที่ผ่านมาซักนิดดีกว่า พอดีกับช่วงๆนี้ที่เข้าสู่ฤดูกาลเลือกอันดับเข้ามหาวิทยาลัยกันอีกแล้ว เลยอยากแชร์ประสบการณ์ต่อ เห็นจากกระทู้ก่อนมีหลายคนเลยเข้ามาตอบเยอะเลยว่า อยากให้รีวิวพาร์ทปี4 ต่อๆไป อ่ะได้เลย  ขออนุญาตออกตัวก่อนนะคะว่าบางอย่างเช่น เรื่องของคนไข้เราอาจจะไม่ได้เล่าเนาะ เพราะเราควรต้องรักษาความลับของคนไข้ไว้น้า อ่ะเริ่มกันเลย

ชีวิตพรีคลินิคของนักศึกษาพรีคลินิค  มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง รุ่นที่ 6 ตอนนั้นจบลงที่ ม.แม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย  และถูกเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในฐานะนักศึกษาแพทย์ชั้นคลินิคในกรุงเทพมหานคร โดยรุ่นของพี่เนี่ยนะเป็นรุ่นที่ 6 ซึ่งเราจะวนอยู่ 2 โรงพยาบาล คือ โรงพยาบาลกลาง และโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โดยทั้งสองโรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร เราก็จะได้เรียนกันอย่างเข้มข้นทีเดียว 
เล่าเรื่องทั่วๆไปก่อนดีกว่า
-   สวัสดิการนักศึกษา เราก็จะได้หอพัก มีสิทธิการรักษาเวลาเจ็บป่วยไม่สบาย  คนที่ดูแลเราก็มีทั้งพี่ๆศูนย์แพทยศาสตร์ศึกษาไปจนถึงอาจารย์กิจการนักศึกษา อาจารย์ที่ปรึกษาของเราเอง อาจารย์ประจำหอผู้ป่วยที่เราไปวนในแต่ละวอร์ด อาจารย์ที่ปรึกษาของแต่ละวอร์ด อาจารย์ประจำหอพัก บลาๆ เยอะแยะเต็มไปหมด แต่ทุกคนดูแลเราดีจริงๆ ปลื้มใจจริงๆ ใครที่กังวลเรื่องที่อยู่ ที่พัก ที่กิน ไม่ต้องกังวลเลย ที่นี่ดูแลเราดีมากๆ 

เนื่องจากว่าในปีที่ผ่านมาเนี่ย  เป็นปีที่โควิดหนักหน่วงมากเลยประมาณหนึ่ง ตามปกติการวนวอร์ดของชั้นคลินิคที่นี่เราจะแบ่งนักศึกษาออกเป็น 2  กลุ่ม กลุ่มละ 16-17 คน วนคนละโรงพยาบาลแล้วก็สลับกันไป โดยตามปกติ เน้นว่าในสถานการณ์ปกติ ที่นี่เราจะเริ่มเรียนกันในภาควิชาที่เรามักเรียกติดปากกันว่า ภาควิชา Major ก็จะปรักอบไปด้วย ดังนี้ เริ่มที่ภาควิชาอายุรศาสตร์กันก่อน >> กุมารเวชศาสตร์>>สูตินรีเวช>> ศัลยศาสตร์ ก็จะครบใน 4 ภาควิชาMajor แล้วก็จะได้กลับไปวนเวชศาสตร์ชุมชนกับเรียนการพัฒนาทักษะวิชาชีพแพทย์ที่แม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงรายปีละครั้ง หลังจากนั้น เราจะกลับมา เริ่มภาควิชา ที่เราเรียกกันว่า Minor อีก 2 ภาควิชา ก่อนจะทรานสฟอร์มตัวเองกลายเป็นปี 5 ได้แก่ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ และภาควิชาจักษุวิทยา  ก็จะครบหลักสูตรของปี 4 โดยครบถ้วยสมบูรณ์
แต่ว่าทีนี้ ปีนี้ที่บอกไปข้างต้นว่าโควิดหนักหน่วงมากจริงๆ เราเลยโดนปรับเปลี่ยนการเรียนให้เรียนภาควิชา Minor กันก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับคนไข้ในหอผู้ป่วย หลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อไปในตัว
เรามาเริ่มกันที่ภาควิชาแรกที่เจอก่อนเลย

1) ภาควิชาจิตเวชศาสตร์
ภาคนี้ พี่วนที่โรงพยาบาลกลางทั้งหมด แต่ว่าเรียนเลคเชอร์เรียนที่เจริญกรุงนะ (ในการวนวอร์ดแต่ละวอร์ดโดยปกติจะมีหนึ่งสัปดาห์ที่เรียกว่า Core week โดยจะเป็นสัปดาห์แรกของการวนในภาควิชานั้น ไว้ให้อาจารย์ทุกๆท่านในภาควิชามาสอนเลคเชอร์เนื้อหาที่เราจะต้องใช้ในวอร์ดนั้นๆสำหรับการดุแลคนไข้ ทั้งการวินิจฉัย การรักษา หรือการส่งแลปใดๆ)   วอร์ดนี้ก็เป็นอย่างนั้นแล ก็สนุกดีสำหรับวอร์ดนี้เราจะได้ออกไปตรวจผู้ป่วยนอกกันเป็นหลัก หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า ออก opd วอร์ดนี้มักไม่ค่อยมีผู้ป่วยใน เราก็จะได้วิธีซักประวัติ การฟังแบบ deep listening ฟังแบบเข้าใจเหตุผล เข้าใจสตอรี่เรื่องราวของคนไข้  โดยการดูแลคนไข้นั้นอาจารย์จะให้เรามีโอกาสมีส่วนร่วมได้เป็นเจ้าของไข้  ภายใต้การดูแลของอาจารย์ พอเราคุยกับคนไข้เสร็จอาจารย์จะเข้ามาดูรีเช็คอีกครั้ง สั่งยา ทำการนัด และเราก็จะปล่อยคนไข้กลับบ้าน 

โดยส่วนตัวแล้ววอร์ดนี้สนุกนะ อาจารย์วอร์ดนี้น่ารักมาก มีวิธีการสอนให้เราแบบจำได้ เข้าใจเนื้อหาคือเราจะได้นั่งฟังสตอรี่คนไข้ เหตุผลทำไมเค้าคิดแบบนี้ เข้าใจในเหตุผลของเค้าไปพร้อมๆกัน แต่ว่าความสนุกไม่ได้จบตรงนี้555555 เนื่องจาก คิดว่าหลายๆคนคงจะเคยได้ยินนศพ คลินิคเค้าคุยกันว่า "รายงานเหนื่อยมาก กว่าจะเสร็จ ไม่ได้นอนเลย" อะไรประมาณนี้ก็คือทุกๆวอร์ดที่เราวนจะมีงานที่เราต้องส่งสำหรับการประเมินผลนอกจากการสอบ คือ การเขียนรายงานผู้ป่วย เราก็จะเลือกเคสผู้ป่วยที่เราดูแล น่าสนใจสามารถเขียนรายงานได้มาเขียนตั้งแต่ ประวัติ   อาการเจ็บป่วย จนไปถึงขั้นวินิจฉัยวางแผนการรักษา ซึ่งหนักหน่วงมากจริงๆ555 เพราะเราต้องไปอ่านหนังสือเพิ่มกันค่าา เพื่อให้รู้ทุกกระบวนการรักษา  อาการเหมือนโรคไหนมั่งนะ ทีนี้ค่ะน้องๆมันจะมีหลายๆโณคที่แบบคล้ายๆกันเลย เราก็จะเอ๊ะ สรุปโรคไหนหว่า เราก็จะเรียกว่าเป็นการ differential diagnosis การนี้เองที่เราต้องไปอ่านไอพวกโรคเหล่านั้นมาด้วย เพราะต้องเอามาเขียนนี่แหละค่าาา5555  แต่มันก็ทำให้เราได้เรียนรู้หลายๆโรคนะ เป็นการเรียนที่ดีมากก และเหนื่อยมากเช่นกันนน

2) ภาควิชาจักษุวิทยา
ภาคนี้เคร่งเครียดกันมากตอนนั้น5555 เพราะเป็นนศพที่ยังไม่เคยวนวอร์ดอายุรกรรมเลยค่า55555 งงไปหมด การวิเคราะห์แนวทางมันต้องคิดประมาณไหนนะ แต่ว่าอาจารย์ก็คือดีมาก สอนให้เราสามารถเดินตามได้ วอร์ดนี้โดยทั่วๆไปก็จะเน้นการวินิจฉัย สาเหตุ รวมไปถึงมีหัตถการที่เราต้องทำได้เอง นั่นก์คือ การรักษาตากุ้งยิงนั่นเองงงง   มีการใช้เครื่องมือส่องดูจอตาหรือที่เราเรียกว่าเรตินา มีการสอนวัดสายตา พอมันมีหัตถการก็แปลว่าจะมีสอบ osce นั่นเอง 555555 (เดี๋ยวรวมเรื่อการสอบไว้ท้ายๆนะจ๊ะ) สุดท้ายก็่ผ่านมากันได้
ก็พอผ่านวอร์ดนี้ไป เราจะเข้าไปเรียน major กันแล้ว ครั้งนี้เค้าปรับเปลี่ยนให้เริ่มที่กุมารเวชศาสตร์กันก่อน  โดยเค้าแพลนกันไว้ว่าจะเริ่มที่วอร์ดนี้แต่พอเอาเข้าจริงๆ โควิดมาอีกระลอกค่าา กลายเป็นเปลี่ยนไปให้เรียนเลคเชอร์ให้ครบ 4 ภาควิชาทีเดียว แล้วก็ขึ้นวอร์ดทีเดียว จากเดิมที่เราจะเลคเชอร์วอร์ดนั้นตามด้วยขึ้นวอร์ดวอร์ดนั้นๆไป สรุปกลายเปนขึ้นศัลย์ก่อน

3) ศัลยศาสตร์ Major
ภาควิชานี้ใครเป็นแฟนคลับบรรดาซีรีย์ทั้งหลาย Hospital playlist , Dr. Romantic คงแบบจินตนาการไว้ว่าคงจะได้เข้าเคสผ่าตัดแบบเข้มข้น ได้เรียนผ่าตัด ในความเป็นจริง ไม่ใช่จ้าาา แต่ เราได้เข้าฟิลด์ผ่าตัดร่วมกับอาจารย์และพี่ๆ Resident จริง แต่เราจะเป็นแค่ผู้ช่วยได้ช่วยถืออุปกรณ์บางอย่าง  อย่างมากอาจจะได้ช่วยเย็บบ้าง เช่นการผ่าตัดไส้ติ่ง แต่ว่าเค้าไม่ได้เน้นว่าเราจะต้องผ่าตัดได้เน้อ งานหลักๆของนศพ นั่นคือการดุแลบรรดาคนไข้ในวอร์ดนั่นเอง ตอนเช้าเราต้องไปดูแลคนไข้ในความดูแลของเรา ต้องมาก่อนที่พี่จะมา ก่อนอาจารย์จะมา ง่ายๆคือราวน์ของเราให้เสร็จก่อนพี่ คือก่อนเจ็ดโมงนั่นเองง เสร็จแล้วก็เขียนโพรเกรสโน้ตไว้ว่าวันนี้คนไข้เป็นอย่างไร ดีขึ้นมั้ย ปัญหาอะไรที่ยังเป็นปัญหาที่ active อยู่ เราแพลนการรักษายังไงต่อไป แล้วก็ลงชื่อเรา พี่ resident จะมาเซ็นชื่อทับกำกับเราไว้ทุกๆครั้ง  หลังจากนั้นเราก็จะแยกย้ายไปตาม activity ของตัวเองในแต่ละวัน ได้แก่ ไปออก opd กับอาจารย์ ไป orไปเข้าเคสผ่าตัดดับอาจารย์  หรือไปเรียนตามที่ตารางจัดสรรไว้ให้ วอร์ดนี้หัตถการที่นศพ ปี4ต้องทำได้ เช่น การทำแผล การดูแลแผลหลังผ่าตัด การเย็บแผล การใส่ชุด Sterile เข้าฟิลด์ผ่าตัด รวมไปถึงการล้างมือที่ถูกต้องใดๆ การใส่ถุงมือ ก็เป็นอีกวอร์ดที่สนุกดี สำหรับใครที่เป็นสายชอบ or ชอบห้องผ่าตัด ชอบเข้าเคสก็จะเริ่มมองละว่าจบไปฉันอยากเป็นหมอผ่าตัด ฉันอาจจะอยากเรียนศัลย์

4) อายุรศาสตร์
วอร์ดนี้ไฮไลต์ของปี 4 กันเลยทีเดียว55555 เราเรียกกันสั้นๆว่าเมด มากจาก Internal Medicine วอร์ดนี้หนักหน่วงมากถึงมากที่สุด เพราะเราดูแลตั้งแต่หัวจรดปลายเท้ากันดีเดียว เวลาเราไม่สบาย หมอที่เราไปเจอส่วนใหญ่ก็หมออายุรกรรมนี่แหละ ปวดท้อง ปวดหัว อาเจียนเป็นเลือด หมดสติ อายุรกรรมนี้และจะมาดูแล แล้วคนไข้ของวอร์ดนี้มักไม่ค่อยเจ็บป่วยด้วยโรคเดียวแต่มักเป็นคนไข้อายุมากๆที่มีโรคประจำตัวหลายๆอย่าง หมออายุรกรรมก็เหมาไปเลยย รักษาดูแลหลายๆปัญหาของคนไข้นี่แหละ กล่าวคือคนไข้ในวอร์ดนี้เป็นปกติมากที่เรามักจะเห็นคนไข้ใส่เครื่องช่วยหายใจ หรือเห็นการปั๊มหัวใจ การเซ็นยินยอม NR หรือ No resuscitation  กรณีผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้น  สำหรับคนที่ชอบวอร์ดนี้จะรู้สึกสนุกที่ได้เรียนรู้หลากหลาย ได้รู้กว้างๆ แต่ถ้าไม่ชอบวอร์ดนี้จะหกลายเป็นยาขมเลยทีเดียว แต่เอาตามตรงเลยวอร์ดนี้แหละเป็นพื้นฐานในทุกๆวอร์ด ซึ่งถ้าเราวนวอร์ดอื่นๆต่อไป อาจารย์มักจะชอบถามเราว่า ผ่านเมดมายัง ซึ่งถ้าผ่านแล้ว อาจารย์จะจะรู้สึกโล่งในระดับนึงว่า เราคงเรียนรู้ basic มาแล้วแหละ   แต่ยืนยันจริงๆว่าวอร์ดนี้สำคัญมากๆ และต้องอ่านหนังสือ อ่าน guideline เยอะมากๆ
5) กุมารเวชศาสตร์
วอร์ดนี้จะมีคำพูดติดปากทุกคนว่า "เด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็ก"  ซึ่งเค้าหมายความตามนั้นจริงๆนั่นแหละ จริงๆส่วนตัวแอบรู้สึกว่าวอร์ดนี้เหมือนเป็นอายุรกรรมคู่ขนาน เป็นอายุรกรรมสำหรับเด็ก แต่การรักษาในเด็กกับผู้ใหญ่การดูแลเด็กไม่ใช่อายุรกรรม งงมั้ย5555 คือเด็กละเอียดอ่อนมากๆ เราดูแลตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยรุ่น มีเรื่องให้ต้องระวังต้องโฟกัสมากมาย บางคนถึงกับบอกว่าเป็นวอร์ดที่วุ่นวาย จุกจิกที่สุด เพราะไม่ใช่แค่ดูแลเฉพาะการเจ็บป่วยเท่านั้นแล้ว เรายังดูแลไปถึง well-being ของเด็ก สิ่งที่วอร์ดนี้ต้องเพิ่มมาคือ โภชนาการ  วัคซีน พัฒนาการ ไอสามตัวนี้แหละที่วุ่นวาย55555 เราต้องรู้ไปจนถึงว่าเด็กแต่ละช่วงวัย ดูแลอย่างไร แรกเกิด กับวัยเรียนก็ต่างกันแล้ว ถ้าเป็นแรกเกิดในด้านโภชนาการเราอาจจะต้องดูแลว่าเด็กกินนมอย่างไร กินมากแค่ไหน แค่ไหนถึงเพียงพอ เริ่มกินอาหารได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่ ควบคู่ไปกับพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย อายุเท่านี้ต้องทำอะไรได้ แบบไหนเรียกปกติ แบบไหนเรียกช้า อะไรรอได้ อะไรรอไม่ได้ วัคซีนนี่ก็เป็นอีกส่วนที่สำคัญเราจะได้โอกาสไปออกwell baby clinic เค้าจะพาเราไปตรวจร่างกายเด็ก แนะนำวัคซีนคุณแม่ เอาง่ายๆคือในหัวต้องมีแผนภาพวัคซีนของสมาคมโรคติดเชื้อเด็กในแต่ละปีเลยว่ากี่เดือน กี่ขวบ ต้องฉัดตัวไหน ฉีดแล้วมี side effect อย่างไรบ้าง  แนะนำคุณแม่ไป แต่วอร์ดนี้เองก็จะมีความสนุกในตัวของมันเองนะ อาจจะแค่จุกจิกหน่อยและต้องอ่านหนังสือเยอะมากเหมือนคล้ายวอร์ดอายุรกรรมเล้ย
6) สูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา
วอร์ดนี้มีความพิเศษตรงที่คนไข้เราจะเป็นผู้หญิงหมดเลยย  มีทั้งผู้หญิงและสตรีตั้งครรภ์รวมไปถึงถ้าเราต้องดูแลผู้ป่วยหลังคลอด เราก็จะดูแลแม่และเด็ก  ในส่วนของสู เราจะเรียนตั้งแต่ได้ออก opd ดูแลคุณแม่ที่มาปรึกษาเรื่องการตั้งครรภ์ ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ไปจนถึงใกล้คลอด ใต้ ultrasound ดูอวัยวะเด็ก  การให้คำแนะนำอาหาร การดูแลตนเองกับคุณแม่ ได้เรียนรู้การเจาะน้ำคร่ำในคุณแม่อายุเกิน 35 ปี รวมไปถึงเราจะได้ไปวนห้องคลอด ดูการเปิดปากมดลูก เรียนรู้การคลอด ได้โอกาสเป็นผู้ช่วยคลอด ได้ทำหัตการหลายๆอย่าง เช่นการเจาะถุงน้ำคร่ำ การตัดสายสะดือ การทำคลอด การตรวจภายใน หรือการเก็บสิ่งส่งตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก  ส่วนนรีเวชจะเน้นการดูแลหญิงที่มีปัญหาเรื่องของผู้หญิงๆ ไม่ว่าจะเป็นประจำเดือนมามาก มาน้อย ตกขาวผิดปกติ กระบังลมหย่อน หรือมีก้อนบริเวณมดลูกใดๆ เราก็จะเริ่มดูแลตั้งแต่การตรวจวินิจฉัย การแพลนการรักษา การเตรียมผู้ป่วยผ่าตัด การดูแลในห้องผ่าตัด  เราจะได้มีโอกาสเข้าเคสกับอาจารย์ด้วยตั้งแต่การผ่าตัด ทางนรีเวช การผ่าตัดคลอด รวมไปถึงหลังผ่าตัด การติดตามการรักษา  วอร์ดนี้โดยส่วนตัวเป็นวอร์ดที่เหนื่อยที่สุดเลย55555 เป็นวอร์ดที่แอคทีฟมากๆ และเราต้องแอคทีพไปพร้อมกับการละเอียดอ่อนเพราะเราดูแลคุณแม่ตั้งท้อง คุณแม่หลังคลอด

สำหรับการสอบ ในชั้นคลินิคสำหรับปี4 จะแบ่งการสอบหลักๆออกเป็น 3 แบบ ได้แก่
1) MCQ 
เราก็จะสอบเป็นข้อสอบช้อยส์ องค์ความรู้ในวอร์ด อะไรที่ต้องรู้
2) MEQ
อันนี้จะสอบเป็นข้อเขียน มีข้อมูลคนไข้มาหนึ่งหน้า เราจะสอบเป็นข้อสอบแบบค่อยๆเปิดไปตามเวลา ับเวลาในแต่ละข้อ พอหมดเวลาหนึ่งข้อ จะมีเสียงกริ๊งให้เราเปิดหน้าถัดไป ห้ามย้อนกลับมาทำอีก ซึ่งหลายๆครั้งเราก็มักจะพบคำตอบของข้อก่อนหน้ามาในรูปแบบของข้อมูลโจทย์เพิ่มเติมในหน้าถัดไป เป็นข้อมูลที่ค่อยๆเพิ่มมา และก็จะรู้สึกเจ็บใจ55555 แต่ก็ยังต้องทำต่อไปจนครบกระบวนการ ตั้งแต่ ให้อาการสำคัญมา ให้เราซักประวัติเพิ่ม ให้เราตรวจร่างกายเพิ่ม จะส่งแลปอะไรเพิ่มเติม วินิจฉัย วินิจฉัยแยกโรค และขั้นตอนการดูแลรักษา เรียกได้ว่าใช้องค์ความรู้ครบถ้วนเลยทีเดียว
3) OSCE
มีคำกล่าวที่เรามักชอบพูดกันว่า OSCE = OSCAR คือจะเป็นการสอบที่เราจะต้องนำประสบการณ์ที่เราทั้งได้เรียน ได้ซักประวัติ ได้ทำหัตถการ ได้ตรวจร่างาย ให้คำแนะนำจากการดูแลผู้ป่วยในวอร์ด มาใช้ในการสอบกับผู้ป่วยจำลอง ฟังไม่ผิดค่ะ มีผู้ป่วยจำลองจริงๆ อาจารย์จะหาผู้ป่วยจำลองมาหนึ่งคนให้เราสอบ โดยแต่ละข้อ เราเปิดประตูเข้าไปจะเจออาจารย์นั่งอยู่หนึ่งคนโดยจะไม่พูดอะไรกับเราเลย จะทำแค่นั่งดูฟังติ๊กคะแนนให้เรา เราก็อ่านโจทย์ละคุยกับคนไข้ไป หมดเวลาจะมีกริ่งดัง ข้อละ 5 นาที แล้วเราจะจะต้องรีบย้ายห้องไปทำแบบนี้กับห้องอื่นๆอีก เรียกว่าสอบเสร็จหมดพลังกันเลยทีเดียว

ส่วนเรื่องการอยู่เวร อาจารย์แต่ละภาควิชาจะมีจัดตารางเวรให้เราอยู่ โดยแต่ละภาควิชาก็จะแตกต่างกันไป บางวอร์ดได้อยู่เวรนึงหลายคน บางวอร์ดอยู่คนเดียว
อายุรกรรม อยู่คนเดียว เริ่มอยู่ตั้งแต่ 7.00- 23.00 ในวันหยุด และในวันทำการ 17.00- 23.00
กุมาร   อยู่กันเป็นกลุ่ม เริ่มอยู่ตั้งแต่ 7.00- 23.00 ในวันหยุด และในวันทำการ 17.00- 23.00
ศัลยศาสตร์   อยู่กันเป็นกลุ่ม เริ่มอยู่ตั้งแต่ 7.00- 22.00 ในวันหยุด และในวันทำการ 17.00- 22.00
สูตินรีเวช อยู่คนเดียว/2 คน เริ่มอยู่ตั้งแต่ 7.00- 24.00 ในวันหยุด และในวันทำการ 16.00- 24.00

ส่วนการทำกิจกรรม สำหรับสายกิจกรรม
เราก็ยังมีการทำกิจกรรมเหมือนเดิมเลยจ้า โดยเรามีสโมสรนักศึกษาแพทย์ชั้นคลินิค ดำเนินการโดยนักศึกษาแพทย์ชั้นคลินิค ปี 4-5-6 โดยกิจกรรมก็จะเป็นกิจกรรมเล็กๆน้อย กรุบกริบเพราะเราก็จะไม่ค่อยมีเวลากันอยู่แล้วด้วยการเรียนที่แน่นมากๆ แต่ทั้งนี้การดูแลก็ยังอยู่ภายใต้อาจารย์กิจการนักศึกษาชั้นคลินิค อาจารย์ก็จะให้คำแนะนำการทำกิจกรรมต่างๆ  นายกสโมสรนักศึกษาแพทย์ชั้นคลินิคจะเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 5 โดยเราจะทำการเลือกกันเองภายใน ก่อนที่จะขึ้นปี 5 มีตำแหน่งต่างๆให้เราร่วมกันสรรค์สร้างกิจกรรมเหมือนเดิมเลย ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมไหว้ครู หรือกิจกรรมใดใด กิจกรรมพี่สอนน้อง  ทั้งนี้ขอยืนยันว่าใครชอบกิจกรรมก็ยังมีให้ทำเหมือนเดิมจ้า

 ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ได้เก่งมาก5555
ท้ายที่สุดแล้ว เหมือนเดิมเลย พี่อยากจะฝากถึงน้องๆทุกคนที่อยากจะเรียนแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ที่ไหนก็ตาม ตอนนี้เราก็คงต้องอาศัยการมีใจรักในวิชาชีพนี้ ทั้งความพยายาม ความอดทน อะไรหลายๆอย่าง ตั้งแต่การสอบเข้ามาจนถึงการเรียนจนจบ โดยเฉพาะชั้นคลินิคเหนื่อยมากจริงๆ แตกต่างจากชั้นพรีคลินิคสุดๆ แต่ใดใดแล้ว อาจารย์และพี่ๆทุกคนดูแลซัพพอร์ตเราดีมากๆ 
สำหรับคนที่สนใจเรียนแพทย์ แม่ฟ้าหลวงก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจค่ะ 
ตอนนี้ทางสำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเอง ก็ได้มีการพัฒนาในทุกๆด้านอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เรามีศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงของเราเองแล้ว โดยทางผู้ก่อตั้งมีความคาดหวังให้เป็นศูนย์กลางการรักษาของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เราเริ่มมีอาจารย์แพทย์เฉพาะทางของเราเอง เริ่มมีการเปิดรับแพทย์ใช้ทุน และจะเริ่มมีการเปิดรับเป็นต่นสังกัดสำหรับการเข้าฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านแล้ว และเรายังมีวารสารทางการแพทย์ของเราเองด้วย มีชื่อว่า  GMSMJ Great Mekong Subregion Medical Journal เข้า ThaiJO เรียบร้อยแล้ว
หวังว่ากระทู้รีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่ยังลังเล ไม่แน่ใจ ก็ขอยืนยันว่าถึงแม้ว่าแม่ฟ้าหลวงจะเป็นมหาวิทยาลัยใหม่ แต่เราก็ไม่น้อยหน้าใครทั้งในด้านการเรียน ความรู้ที่อัดแน่น กิจกรรม ความเอาใจใส่นักศึกษาของอาจารย์และพี่เจ้าหน้าที่ศูนย์แพทยศาสตร์ศึกษาชั้นคลินิคทุกๆคน
ก็ขอแนะนำค่า  มาเป็นลูกแม่ฟ้าหลวงกันนะคะ :))

พี่ก็ขอให้น้องๆทุกคนโชคดีนะคะ

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น

jazz789 24 พ.ค. 65 เวลา 15:39 น. 1

สอบถามหน่อยค่ะ แพทย์แม่ฟ้าหลวง ตอนมาเรียนชั้นคลินิกที่กทม. ทำไมถึงยังต้องสลับไปเรียนทั้ง 2 โรงพยาบาลละค่ะ ทำไมถึงไม่เรียนชั้นคลินิกประจำที่โรงพยาบาลใดโรงพยาบาลหนึ่งไปเลย

1
ฝปค. 28 ก.พ. 67 เวลา 19:05 น. 1-1

ปีปัจจุบัน 2567 แยก แล้วนะครับ โดย เด็กโคต้าภาคเหนือล่าง8คน วนที่ รพ.กลางครับ ส่วนเด็ก รอบ กสพท. วนที่รพ.เจริญกรุงครับ

0
Ploy 5 ก.ย. 66 เวลา 16:38 น. 2

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ รีวิวอ่านตามสนุก น่าประทับใจมากเลยค่ะ ลูกชายตอนนี้อยู่ปี 2 แพทย์แม่ฟ้าหลวงค่ะ

0