Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

How to ถึงหลุดพอร์ตก็ยังติดหมอศิริราชรอบ 3 ได้ (3/4)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดีค่ะ เราเป็น dek66 จบจากโรงเรียนแห่งหนึ่งแถวสามย่าน ตอนนี้ติดคณะแพทย์ศิริราชรอบกสพท ด้วยคะแนนรวม 72.2892 นะคะ ตอนแรกตั้งใจจะเข้าคณะแพทย์ในรอบ1 portfolio ยื่นพอร์ทไปหลายที่มากๆทั้งในกรุงเทพ อินเตอร์ และต่างจังหวัด แต่หลุดหมดทุกที่เลยค่ะ วันนี้เราเลยอยากจะมารีวิวว่าที่ผ่านมาเราทำยังไงให้สอบรอบ3 ได้ในเวลาที่เหลือจากรอบพอร์ทไม่มากค่ะ

 

อันนี้คือคะแนนของเราค่าIMG_3028.jpeg

เราจะมีทั้งหมด 4 กระทู้นะคะ อันแรกจะเป็นเกี่ยวกับ timeline การเตรียมตัวของเราทั้งรอบ1 และรอบ3 เล่าถึงข้อผิดพลาดต่างๆของเรา

กระทู้ที่สองเกี่ยวกับรายละเอียดการเตรียมตัวแต่ละวิชา หนังสือ ที่เรียนพิเศษของเรา

ส่วนกระทู้ที่สามเกี่ยวกับทริคที่เราใช้ตอนม.6 

และกระทู้สุดท้ายคือการเตรียมตัวช่วงสัปดาห์ก่อนสอบค่ะ

ลิ้งค์กระทู้แรก https://www.dek-d.com/board/view/4088631 

ลิ้งค์กระทู้ที่ 2 https://www.dek-d.com/board/view/4088636 

ลิ้งค์กระทู้ที่ 3 กระทู้นี้เลย

ลิ้งค์กระทู้ที่ 4 https://www.dek-d.com/board/view/4088642
 

วิธีการที่เราใช้เรียน หนังสือ ที่เรียนต่างๆ เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเราเท่านั้น  แต่ละคนมีวิธีการเรียนที่เหมาะกับตัวเองต่างกัน สิ่งที่เหมาะกับเรา อาจจะไม่เหมาะกับคนอื่นๆก็ได้นะคะ ถ้าผิดพลาดประการใดขออภัยมา ที่นี้ด้วยนะคะ

.
.
.

สวัสดีค่ะทุกคน ในกระทู้นี้เราจะเล่าถึงเทคนิคที่เราใช้ในช่วงม.6 หลังจากสอบของรอบพอร์ท การสอบที่ทำให้เรารู้ว่าต้องเตรียมสอบรอบ 3 แน่แล้วนะคะ เราจะเล่าให้ฟังว่าราวๆ 5 เดือนที่เหลืออยู่เราเตรียมตัวยังไงจนติดแพทย์ได้นะคะ

 

ทริคที่เราใช้

  1. สู้ด้วยกลยุทธ์ : ด้วยความที่เรามีเวลาเตรียมตัวน้อยกว่าคนที่เตรียมรอบ 3 มาอย่างเดียว เราสู้ด้วยความขยันอย่างเดียวไม่ได้ โอกาสที่จะตามคนอื่นทันมันน้อย เราก็นั่งคิดเอาเลยว่าเราถนัดวิชาอะไร ไม่ถนัดวิชาอะไร ในเวลาที่มีจำกัด ถ้าพัฒนาวิชาอะไรจะทำให้คะแนนรวมเราเพิ่มได้มากที่สุดค่ะ (แต่อย่าลืมว่าวิชาอื่นต้องไม่ถ่วงจนต่ำกว่า 30 คะแนนนะคะ) เวลาทำข้อสอบก็รีบหาข้อที่เราทำได้ก่อน อาจจะเริ่มจากเปิดไปบทที่ปกติเราทำได้ เราถนัดก่อน ข้อไหนทำไม่ได้ก็เว้นไว้แล้วค่อยกลับมาทำทีหลังค่ะ (แต่มันก็จะมีบางกรณีเหมือนกันที่ข้อสอบปีนั้นบทที่เราถนัดเราทำไม่ได้ แต่อย่าเพิ่งลนว่าเราจะทำข้อสอบทั้งชุดไม่ได้นะคะ เราจะใช้วิธีคิดว่าบางทีปีนั้นบทที่เราชอบอาจจะออกยาก แต่ลดความยากบทอื่นลงก็ได้ค่ะ)
 
  1. Active learning : สำหรับวิชาความจำพวกชีวะกับสังคม ถ้าเราใช้วิธีอ่านหนังสือวนไปหลายๆรอบหรือไฮไลต์ข้อความ ส่วนตัวแล้วเราจะจำไม่ได้ค่ะ เราจะใช้วิธีการสอนคนอื่นเป็นหลัก (ตอนที่ไม่มีเพื่อนให้สอนก็ไปสอนแม่ตัวเองนี่แหละ 555) ข้อดีคือเราจะได้ทวนความจำตัวเองว่าจำได้แค่ไหน แล้วเวลาที่ผู้ฟังถามอะไรกลับมาเราก็จะได้ทวนความคิดตัวเองอีกทีด้วย ส่วนวิชาพวกคำนวณเราว่าไม่ควรใช้เวลานั่งท่องสูตรท่องเนื้อหาอย่างเดียวนานเกินไป พอเจอโจทย์เราจะไปไม่เป็น ถ้าเรียนจากการทำโจทย์เยอะๆจะเข้าใจการใช้สูตรต่างๆได้ดีกว่าค่ะ ก่อนหน้านี้เราก็พลาดไป เสียเวลาไปพอสมควรเลย
 
  1. ใช้ประโยชน์สูงสุดจากโจทย์แต่ละข้อ : ด้วยความที่ยังไงข้อสอบก็ออกไม่เหมือนข้อสอบเก่าเป๊ะๆอยู่แล้ว อย่าจำคำตอบ สำหรับพวกวิชาคำนวนให้เรียนรู้วิธีคิด ดูเหตุผลว่าทำไมเค้าถึงเลือกใช้วิธีนั้น ส่วนวิชาจำเราจะตั้งโจทย์เพิ่มโดยอิงจากโจทย์เดิมด้วย ดูว่าเราจะต้องเปลี่ยนโจทย์ยังไงให้คำตอบที่ถูกเปลี่ยนไปเป็น choice อื่น แล้วก็เช็คว่าในแต่ละ choice มีเนื้อหาอะไรที่เราลืมหรือไม่เข้าใจรึเปล่าค่ะ
 
  1. ฝึกจับเวลาทำโจทย์ : เราจะจับเวลาแบบจำลองเหมือนอยู่ในห้องสอบจริง กำลังทำข้อสอบแต่ละชุดจริงๆ ไม่ใช่จับเวลาว่าแต่ละข้อใช้เวลาเท่าไหร่ค่ะ เพราะถ้าเราจับเวลาแบบนี้ เราจะได้ฝึกการบริหารว่าจะทำพาร์ทไหนก่อน พาร์ทไหนควรข้าม พาร์ทไหนใช้เวลานาน พาร์ทไหนควรเก็บก่อน รวมทั้งฝึกตัดใจจากบางข้อด้วย เพราะสุดท้ายเเล้วจุดประสงค์ของเราคือการได้คะแนนเพียงพอต่อการสอบติด ไม่ใช่ทำให้ได้ 100 คะแนน (แต่ตอนทำข้อสอบจริงก็เต็มที่ เอาให้ได้เยอะที่สุดนะ ไม่ใช่กะๆว่าได้คะแนนเท่านี้ก็พอ แล้วเทข้อที่เหลือ!!) เพราะฉะนั้นเราตั้งเป้าว่าจะทำถูกให้มากที่สุดดีกว่านั่งงมกับข้อยากบางข้อจนเสียเวลาเก็บข้อที่ได้คะแนนมาไม่ยากอีกหลายข้อค่ะ
 
  1. ช่วงใกล้สอบมากๆเลิกรวมคะแนนไปเลย : อันนี้แล้วแต่คนนะคะ คือด้วยความที่เราทำข้อสอบไปก็ได้คะแนนไม่ดี นอกจากจะจิตตกแล้วความกังวลยังไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นอีกต่างหาก เราก็เลยเลิกนับคะแนนไปเลย มองแค่ว่าเออ จะมีอีกข้อที่เราไม่ผิดซ้ำในห้องสอบเเล้วแล้วก็เรียนรู้จากโจทย์ข้อนั้นไป
 
  1. หาแรงจูงใจในการเรียน : บางทีเราก็ขี้เกียจเรียน เราเลยโหลดแอพจับเวลาการเรียนของเรามา แล้วก็สนุกสนานกับการเเข่งกับตัวเองและดูผลว่าวันนี้เรียนได้เยอะ ยิ่งจำนวนชั่วโมงที่เรียนเยอะ สีตรงปฏิทินของวันนั้นๆก็จะเป็นสีเข้มมากขึ้น แต่อย่ายึดติดกับจำนวนชั่วโมงในการเรียนมากเกินไปนะคะ ถ้าเราเรียนติดกันเป็นเวลานานแต่เนื้อหาไม่เข้าหัว มันก็ไม่ดีเท่าเสียเวลาพักเบรคไป 5 -10 นาทีเพื่อให้สมองรับไหวใหม่นะคะ ส่วนแอพที่เราใช้ชื่อ YPT ค่ะ

IMG_3150.png
IMG_3151.jpeg
IMG_3152.jpeg
IMG_3153.jpeg

นอกจากการเรียนแล้ว สภาวะจิตใจของเราก็เป็นสิ่งที่สำคัญนะคะ อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป ในบางครั้งเราก็ต้องไปฝ่าฟันอุปสรรคทั้งๆที่เรารู้สึกว่าเราไม่พร้อม (และในบางครั้งก็รู้สึกว่าไม่เคยพร้อมซะด้วย) เราก็ทำให้เต็มที่ อดีตที่ผ่านไปแล้ว เราแก้ไขอะไรมันไม่ได้ การที่เราไปนึกถึงมัน คอยโทษตัวเองว่ารู้งี้จะทำแบบนู้นแบบนี้ ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมา และการไปกลัวกับอนาคตที่ยังไม่ถึง อนาคตที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นมั้ยด้วยซ้ำ จะยิ่งทำให้เรากดดันตัวเองและเครียดกว่าเดิมเสียอีก ถ้าความกังวลนั้นเป็นตัวผลักดันให้วันนี้เราสู้มากขึ้น นั่นก็เรื่องหนึ่ง แต่ถ้ามันทำให้เราท้อและหมดไฟ การไม่นึกถึงมันเลยแล้วโฟกัสกับปัจจุบันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีกว่านะคะ



กระทู้ถัดไปเป็นกระทู้สุดท้ายของซีรีย์ติดหมอศิริราชหลังหลุดรอบพอร์ตแล้วนะคะ เราจะเล่าว่าในช่วง 5 วันก่อนสอบเราเตรียมตัวยังไง และในวันสอบจริงเราทำอะไรบ้างนะคะ
 

แสดงความคิดเห็น