อยากถามนักเขียนที่ยอดอ่านน้อยแบบมากๆ (ไม่เกินหลักสิบ) อะไรที่ทำให้นักเขียนยังอยากที่จะลงงานต่อ อยากทราบเหตุผลนั้นฮะ
ตั้งกระทู้ใหม่
ที่จริงแวะมาขอกำลังใจแหละ ตอนนี้อยู่ในช่วงสองจิตสองใจ อยากหาเหตุผลเพื่อลงงานต่อให้คอมพลีท
41 ความคิดเห็น
เป็นกำลังใจให้นะคะ
ในเว็บที่เขาว่ายอดวิวดี ตอนนี้ยอดวิวรายตอนในเว็บนั้น เราได้แค่หลักหน่วยเป็นส่วนใหญ่ ทั้งที่เหมือนก่อนได้เยอะค่ะ
แต่ทุกวันนี้ก็ยังลงค่ะ เพราะแม้มีคนอ่านหนึ่งคนก็คือผู้ที่กำลังรอนิยายคุณอยู่ค่ะ
เราถือคติแบบนี้ค่ะ เดินต่อไปแม้จะช้า ถ้าไม่หยุดเดิน สักวันก็จะถึงเป้าหมายค่ะ หากท้อก็ลองหาความสุขที่ปรากฏตามทางดูนะคะ
แค่มีความสุขในการแต่งและอ่านนิยายที่เราถ่ายทอดออกมาก็เป็นพลังให้อัปนิยายค่ะ
เรื่องแรกยอดวิวแต่ละตอน 10-30วิว พอเขียนจบรีไรท์เลยติดเหรียญแบบแพ็คเก็จที่เด็กดี ปรากฏว่ายอดพุ่งกระฉูดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน งง ทึ่ง อึ้งไปเลย มันเหลือเชื่อจริงๆ นิยายเราขายได้ 8000 บาท ยอดวิว 55000 มีคนซื้อ 260 คน ผู้ติดตาม 1999 เขียนให้จบเรื่องมหัศจรรย์อาจรอคุณอยู่
เขียนจบแล้วค่อยลงแบบตั้งเวลา ยอดมากยอดน้อยก็เขียนจบไปแล้ว จะไม่ลงก็กระไรอยู่ แค่นี้แหละค่ะ
นิยายที่ไม่จบไม่มีค่าอะไรเลย ถ้ามันไม่เกินแรงก็ลงให้จบเถอะ
ถ้าชีวิตมีอย่างอื่นสำคัญกว่าก็ทิ้งมันไปเท่านั้นเอง
เป็นกำลังใจให้นักเขียนหน้าใหม่ทุกคนครับ เป็นเรื่องปกติมากที่เรื่องแรกๆ อาจจะไม่ปัง
เดี๋ยวพอเขียนไปหลายๆเรื่องเข้า ก็จะเริ่มรู้เองว่าต้องทำยังไงถึงจะมีคนอ่าน
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขียนจนจบเรื่องให้เป็นนิสัยครับ ไม่งั้นจะติดพฤติกรรมเปิดเรื่องใหม่ไปเรื่อยๆ ซึ่งยิ่งแต่จะทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ
เขียนเพราะชอบ
การเป็นนักเขียนที่มีผลงานไม่แมส มีคนติดตามน้อย ไม่มีคนติดตาม
ไม่มีคอมเมนต์ และมีคอมเมนต์น้อยมีข้อดีนะคะ
เพราะไม่มีคนตามมาทวงงาน ลงตอนไหนก็ได้
จินตนาการมันยังไม่สิ้นสุด จะหยุดต่อเมื่อสำเร็จ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
เราเขียนงานต่อเพราะเราชอบที่จะเขียนออกมาค่ะ ไม่รู้สิ ยังรู้สึกสนุกอยู่ ยังอยากเห็นคำว่า ‘จบ‘ เหมือนเริ่มเดินทางแล้วต้องไปให้ถึงจุดหมายให้ได้ ลองนึกถึงครั้งแรกที่อยากเขียนสิ อยากเขียนเพราะรักที่จะทำ หรืออยากเขียนเพราะอยากได้คนอ่าน ใช่ค่ะ ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าเราต้องการคนอ่าน แต่ถ้าเลือกสักทางจะเลือกทางไหนที่ชอบที่สุด ถ้าตอบได้ ก็ไปต่อได้ ถ้ารักเขียนก็เขียนต่อได้ ถ้ารักเพราะอยากให้คนอ่านก็เขียนต่อได้ แค่นี้ก็เขียนก็ลงต่อได้อย่างมีความสุขแล้วค่ะ แม้คนน้อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีคนอ่านเลยนะคะ
ถ้าเขียนไม่จบ มันจะกลายเป็นนิสัยค่ะ คราวนี้จะเขียนกี่สิบเรื่องก็ไม่จบ แถมยังไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย
เราเคยติดลูปนี้ กว่าจะเขียนเรื่องสั้นจบได้สักเรื่องยังรากเลือด ดังนั้น เราไม่อยากกลับไปลูปนั้นอีกแล้วค่ะ ถ้าเริ่มแล้วก็ต้องต่อให้จบ
ใคร ๆ ก็คงอยากได้ยอดอ่านเยอะ แต่ในเมื่อมันไม่ได้ ก็คือไม่ได้
นิยายที่เราเขียน อาจจะไม่สนุกสำหรับคนอื่น อันนี้ต้องยอมรับความจริงให้ได้
หรือ เราอาจจะยังเขียนไม่เก่งพออันนี้ก็ต้องขยัน และฝึกฝนไปเรื่อย ๆ
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องถามว่าตัวเองว่า ตัวเราสนุกกับงานที่เขียนไหม ถ้าสนุกก็เขียนต่อไป ใครจะอ่าน ใครจะไม่อ่านก็ช่างมัน เราบังคับให้ใครมารักมาชอบนิยายเราไม่ได้หรอกนะ มีแต่เรานี่แหละที่รัก และสนุกกับก่อนเป็นคนแรก...
แต่งเป็นงานอดิเรกครับ ยอดน้อยยังไงก็จะแต่ง
เป็นกำลังใจให้นักเขียนยอดอ่านน้อยทุกคนรวมถึงตัวเราด้วยนะคะ ><
สำหรับเราการเขียนให้จบมันคือความสำเร็จลำดับแรกในฐานะนักเขียนสำหรับตัวเราเองค่ะ และเราคิดว่ามันคือการให้ตอบแทนน้ำใจของผู้อ่านที่เข้ามาดูงานเขียนและสร้างพลังใจให้กับเรา แม้ว่าจะมีผู้อ่านเพียงไม่กี่คนหรือว่าคนเดียวก็ถือว่าเป็นพลังใจอย่างมากสำหรับเราค่ะ ^^
สำหรับผมก็แค่อยากทำอะผมแค่เขียนนิยายไปเรื่อยเขียนเอาตัวเองสนุกคนอื่นจะอ่านรึป่าวก็ช่าง อยู่ที่ว่าเราเขียนเพราะอะไร
ตัวเองลองย้อนคิดอีกทีมั้ยคะว่าเป้าหมายในการแต่งนิยายแรกๆ คืออะไร
สมมติเป็นการอยากปลดปล่อยจินตนาการของตัวเองเฉยๆ งั้นก็เขียนต่อเถอะค่ะ มาทำเป้าหมายให้สำเร็จไปด้วยกันนะ
แต่ถ้าอยากตามหาคนอ่าน ลองหาคอมมูหรือพื้นที่แลกเปลี่ยนนิยายดูก็ดีจ้า ถ้าได้แลกกันอ่านก็จะได้พูดคุยคอมเมนต์กันด้วย ถึงยอดวิวจะไม่ได้เติบโตพรวดพราดแต่น่าจะช่วยปลุกไฟให้คุณได้นะคะ เป็นกำลังใจให้น้า
อยากเขียนเฉย ๆ ไม่หวังอะไรทั้งนั้น แอคเคาท์ก็แอคเคาท์เรา อยากทำอะไรก็ทำ ไม่มีคนอ่านก็ช่าง แต่อยากลง มีคนอ่านสักคนมาเมนต์ก็ดีใจมาก ๆ แล้ว
เราขอเป็นกำลังใจให้นะ
ช่วง 1 เดือนแรกที่เพิ่งหัดเขียนและเปิดเรื่องจะมีไฟอยู่ เพราะงั้นเราก็เลยไม่ได้เอานิยายไปลงที่ไหน ไม่มีอะไรมารบกวนสมาธิในการโฟกัสกับตัวงานด้วย
เดือนที่ 2 หรือก็คือเมื่อมกราที่ผ่านมา เราเริ่มนำนิยายไปลงบนเว็บแล้ว นิยายที่มีจำนวนตอนน้อยๆ ไม่มีใครเหลียวแลเป็นธรรมดา เราจึงตัดสินใจลงรวดเดียวสิบตอน โดยใช้เนื้อหาที่ดองมาจากเดือนแรกนั่นล่ะ
เดือนนี้ ปัจจุบัน เราเพิ่งเจอคำวิจารณ์แบบหนักๆ จนท้อไปบ้าง ถึงอย่างนั้นก็คิดย้อนกลับไปตอนที่เพิ่งจะเริ่มเขียน ว่าเราเดินทางมาไกลและนานมาก อยู่กับตัวละครในเรื่องเป็นเดือนๆ จนผูกพันกัน อีกอย่างมันก็ใกล้จะจบแล้ว แค่หมื่นคำเอง แค่ห้าหมื่นอักษรเอง ไหนจะคำสัญญาที่ให้ไว้กับเพื่อนสนิทที่รออ่าน ไหนจะความรับผิดชอบในฐานะผู้เขียนที่ตั้งใจไว้ว่า "ถ้าไม่มั่นใจว่าจะเขียนจบ ก็จะไม่เริ่มเขียนมันตั้งแต่แรก" เลยต้องรับผิดชอบต่อผู้อ่านน่ะ
ไม่อยากติดค้างตัวเองค่ะ ตั้งใจแล้วก็ทำให้เต็มที่ให้รู้ว่าสองมือของเราทำอะไรได้บ้าง
ไม่คาดหวัง ไม่ผิดหวัง ทุกวันนี้คือลงไปเฉยๆ นานๆค่อยเข้ามาดูทีว่ามีคนอ่านไหม พบว่ายอดนิ่งมาหลายปีละ ก็ไปอ่านนิยายคนอื่นต่อ ฮา
เป็นกำลังใจให้คร้าบบ มันขึ้นกับตัวจขกทเองเลยว่าอยากลงรึเปล่า ยังอยากให้คนเห็นผลงานของเราไหม
พูดในฐานะคนอ่านที่เคยอ่านนิยายซึ่งมีคนอ่านไม่เกินหลักสิบ อ่านด้วยความปรารถนาดีอย่างเปี่ยมล้นที่จะเห็นผู้แต่งก้าวต่อไปเพราะเห็นอะไรบางอย่างในนั้น
การเขียนนิยายดูไปก็คล้ายกับการวิ่งมาราธอน เพราะความเจ็บปวดทั้งหลายทั้งปวงผู้วิ่งต้องแบกรับไปเต็มๆ ตลอดระยะทางก็มีอะไรร้อยแปดพันเก้าที่ทำให้อยากถอนตัว นอกจากสภาพร่างกายแล้วยังต้องอาศัยความอึด ความมุ่งมั่นและศรัทธาในตัวเองจำนวนมหาศาลเพื่อผลักดันให้ถึงเส้นชัย อาจจะใช้เวลายาวนานจนผู้คนกลับกันไปหมดแล้ว แต่ถ้าคุณวิ่งถึงเส้นชัยได้ครั้งหนึ่ง ครั้งต่อไปโอกาสที่จะสำเร็จก็มีมากขึ้น
อย่าลืมว่าคุณภาพของนิยายไม่ได้อยู่ที่จำนวนคนอ่าน ไม่ได้อยู่ที่ยอดขาย แต่อยู่ในตัวของมันเอง และงานระดับมาสเตอร์พีซน่ะอมตะ แม้แต่กาลเวลาก็ยังทำอะไรไม่ได้
ชอบการเปรียบเทียบมากค่ะ ทำให้มีพลังใจในการเขียนขึ้นมากเลย ขอบคุณมากค่ะ
เขียนให้ตัวเองอ่านค่ะ นิยายจะประสบความสบเร็จไม่ใช่เพราะมีคนอ่านเยอะ แต่เป็นนิยายที่คนเขียนมุ่งมั่นตั้งใจเขียนจนจบนะคะสำหรับเรา (นี่ยอดอ่านตอนละสามคน แต่เขียนมา 52 ตอนแล้วค่ะ แนวแฟนตาซีนะคะ)
มีคำกล่าวของตัวละครในนิยายเล่มหนึ่งที่ชอบมาก มันเป็นฉากที่นักเขียนเข้าไปอยู่ในนิยายตัวเอง แล้วตระหนักรู้อยู่ในใจว่าโลกนั้นเธอเป็นคนสร้าง เธอเป็นพระเจ้าของโลกนั้น ตัวเอกของเรื่องที่เราอ่านเขาบอกนักเขียนคนนั้นว่า "ต่อให้มีนักอ่านแค่คนเดียวก็ห้ามทอดทิ้งโลกที่คุณสร้างขึ้นมา"
ในฐาณะนักเขียนคนหนึ่ง ประโยคนั้นสะท้านไปถึงในส่วนลึกของใจเลยค่ะ พยายามไปด้วยกันนะคะ เพื่อโลกที่นักเขียนอย่างเราๆ สร้างขึ้นมา (สารภาพว่าเราคิดว่าตัวละครทุกตัวมีชีวิตจริงๆ ค่ะ และเพราะพวกเขามีอยู่ได้แค่ในโลกที่เราสร้าง เราก็เลยรักพวกเขามากจริงๆ ถ้ามีคนมาอ่านมารู้จักนิยายเรื่องนั้น ตัวละครก็จะได้มีชีวิตในจินตนาการนักอ่านด้วย)
**นิยายที่เราอ่านคือ มุมมองนักอ่านพระเจ้า ค่ะ
คล้าย ๆ กันค่ะ ตอนเริ่มเขียน เขียนแบบไม่สนสี่สนแปด จากที่อัปตอนใหม่แล้วตอนเก่ายอดอ่านยังกระปริดกระปรอย จนเขียนจบไปหลายปี ไม่ได้ทำอะไร โปรโมทก็ไม่เพราะขี้เกรงใจกับการโปรโมทและโฆษณา
อยู่ดีหรืออยู่ไม่ดี ยอดคนอ่านก็ค่อย ๆ ขึ้นมาเองจากสิบเป็นร้อย
ส่วนตัวคิดว่าผลงานทุกชิ้นที่ไม่ประสบความสำเร็จ พวกมันล้วนแล้วแต่เป็นทางผ่าน เพื่อนำไปต่อยอดสู่ผลงานลำดับถัดๆไปในอนาคต ถ้าเรามีเป้าหมายระยะยาวที่ชัดเจนแล้ว เตรียมใจรับความผิดหวังซ้ำๆซากๆก่อนสำเร็จไว้ได้เลย
อย่าเพิ่งไปคิดอะไรมากครับเรื่องยอดวิว ลงแล้วก็เขียนให้จบครับ สร้างบรรทัดฐานที่ดีแก่ตัวเรา และมันอาจเป็นการช่วยฟื้นฟูความไว้วางใจในนักเขียนไทยทางอ้อมด้วยเช่นกัน
ช่วยกันคนละไม้ละมือ ผมทำคุณก็ทำ สักวันมันต้องเป็นของเราครับ ทำให้เป็นเรื่องปกติของนักเขียนไทย เมื่อเราทุกคนช่วยกันสร้างบรรทัดฐานสำเร็จแล้ว คนไหนไม่ทำเขาก็จะอยู่ในวงการต่อไปไม่ได้เอง
การเปลี่ยนมันเริ่มจากจุดเล็กๆ คือตัวเรานี่ล่ะครับ ไม่ว่าผลงานชิ้นไหนจะยอดน้อยหรือเยอะ แต่ถ้าลงจนจบถือว่าเรามีส่วนร่วมผลักดันร่วมกัน ทำเพื่อสังคมที่ดีกว่าในปัจจุบันครับ
พอมองเป็นงานใหญ่ที่ต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน อาจทำให้คุณมองเห็นความสำคัญของนิยายตัวเองได้ถนัดกว่า อย่าคิดว่าขาดคุณไปก็ไม่เป็นไร ให้ลองมองว่าถ้ามีคุณเพิ่มอีกหนึ่งในตัวแปร มันจะดีมากแค่ไหนต่อส่วนรวม
เป็นกำลังใจให้ในฐานะเพื่อนนักเขียนคนหนึ่งครับ คุณเริ่มลงมือทำแล้วก็พยายามต่อไป ไม่มีใครมาหยุดคุณได้นอกจากตัวคุณเอง
ผมเขียนให้ตัวเองอ่านครับ แล้วก็แบ่งให้คนอื่นอ่านด้วย
รณรงค์ไม่ให้นักเขียนให้กำลังใจกันแบบผิดๆครับ
ประเภทว่านิยายของคุณมันมีคุณค่าในตัวมันเอง คิดว่าเขียนให้ตัวเองอ่านก็พอ รอให้ใครมาเจอมัน ยอดวิวไม่สำคัญหรอก นิยายที่ดีต้องเป็นแบบนี้ คุณทำถูกแล้ว
ตอนนั้นชอบนักเขียนที่ให้กำลังใจแบบนี้มาก เชื่อสุดใจเลยว่าเขาจะสนับสนุนงานเขียนของผม แล้วก็เกลียดนักเขียนที่มาจับผิดหรือพูดตรงๆจนดูเหมือน Toxic
สุดท้ายผมไปไม่รอดในเส้้นทางนักเขียน ทุกวันนี้ทำงานประจำไปแล้ว และอยู่ในวงการนิยายในฐานะนักอ่าน
ส่วนคนสนับสนุนผมลอยตัวเลย เพราะพวกนี้มีแค่อุดมการณ์ ส่วนใหญ่เขียนเป็นงานอดิเรก ไม่ได้มาหาเงิน แต่พยายามหาพวกจนลากเราเข้าไปเป็นนักเขียนไส้แห้ง พวกนี้ดูเหมือนจะแก่ประสบการณ์ แต่ถ้าส่องโปรไฟล์จะเห็นว่าเขียนมาหลายปีแล้ว แต่นิยายไม่แมสเลย อ้างว่าไม่จำเป็นต้องมีคนอ่าน แต่ก็ไม่รู้ว่า Publish ทำไม หรือบางคนมือถือสากปากถือศีล ชมนิยายเราว่าดีแต่ตัวเองเขียนนิยายกระแสหาเงิน หนักสุดคือบางคนตายไปจากวงการเหมือนผมเลย
นิยายที่ดีคือนิยายที่สนุก การที่นิยายไม่มีคนอ่านเป็นเพราะนิยายมันไม่สนุก นิยายไม่สนุกจะมีคุณค่าได้ยังไง ถ้าบอกว่ามันมีคุณค่าทางวิชาการ แล้วมันอ้างอิงประกอบงานวิจัยได้หรือเปล่า ถ้าบอกว่ามันช่วยพัฒนาชีวิตนักอ่าน แล้วทำไมไม่ไปเขียนหนังสือพัฒนาตนเอง มาเขียนนิยายทำไม นิยายดังๆทุกเรื่องต่อให้อ่านมาแล้วตีความได้ลึกซึ้งแค่ไหน เข้าถึงได้มากแค่ไหน แต่สุดท้ายสิ่งที่ทำให้คนอ่านมันคือความสนุก ไม่ใช่ความหมายที่ลึกซึ้ง
ใครก็ตามที่อ่านมาถึงตรงนี้ ถึงแม้สิ่งที่ผมบอกจะดู Toxic ไปบ้าง แต่ลึกๆแล้วผมอยากให้คุณผลักดันตัวเองผ่านการมองความจริง ไม่ปลอบโยนตัวเองแบบผิดๆ ใครๆก็อยากเป็นนักเขียนที่ได้รับการยอมรับทั้งนั้น พุ่งเป้าไปที่ความสนุกเลย นี่แหละหัวใจหลักของนิยาย ส่วนนักเขียนที่บอกว่าเป็นนักเขียนนิยายต้องหาข้อมูลเยอะๆ ต้องให้อะไรกับสังคม เล่าเรื่องต้องครบ5มิติ ต้องสมเหตุสมผล ถ้าเป็นแบบนั้นจริงแค่เขียน Diary ก็ดังเป็นพลุแตกกันทุกคนแล้ว โลกความจริงมันมือใครยาวสาวได้สาวเอา ถ้าเราไม่ปรับตัวเราจะไม่ทันกินคนอื่นและตายไปในที่สุด
การเกาะกระแสไม่ทำให้นิยายเรามีค่าน้อยลง แต่การไม่เกาะกระแสแล้วนิยายไม่เป็นที่ต้องการ ค่ามันน้อยลงอย่างชัดเจน เป็นตัวของตัวเองคืออะไร เพราะเราทุกคนต่างก็ถูกหล่อหลอมโดยสิ่งใกล้ตัวทั้งนั้น ถ้าเราเป็นเราได้เพราะแวดล้อม ทำไมเราจะเป็นเราในแบบอื่นไม่ได้
ก็แล้วแต่ ไม่ได้เดือดร้อนเงินทอง ผมเคารพความคิดเห็นของคุณครับ
แน่นอนว่ามันเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะ Publish นิยาย
แต่ถ้าให้พูดแบบตรงๆ ปัญหาที่ซ่อนอยู่คือแม้คุณจะไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินเรื่องทอง แต่ลึกๆแล้วคุณก็ต้องการหรืออยากได้การยอมรับใช่มั้ยละครับ ถึงได้เอามา Publish ให้คนอื่นอ่าน เพราะถ้าคุณไม่สนใจจริงๆ คงเก็บไว้อ่านเองไปแล้ว แต่เพราะคุณอยากให้คนอื่นชื่นชมก็เลยเอามาลง
ใครบ้างที่ไม่อยากได้รับการยอมรับ เวลามี Idea ที่คิดว่ามันดี แม้แต่การ comment ของผมในครั้งนี้ ผมยังคาดหวังว่าจะมีนักเขียนที่คิดได้แล้วพัฒนาผลงานตัวเองให้น่าสนใจมากขึ้นเลย ไมอย่างงั้นผมก็คงเก็บมันไว้ในใจไปแล้ว ไม่เอามาบอกต่อแบบนี้หรอก
มันก็เหมือนที่ผมชอบเรียนภาษาอังกฤษและญี่ปุ่น ที่ตอนนี้นั่งติวเอาเป็นเอาตายเพื่อไปสอบกับใช้เข้ามหาลัย ที่ผมเขียนเพราะผมชอบที่จะทำมัน แน่นอนผมก็มองเรื่องการขายเพื่อรายได้ในช่วงมหาลัยหรือปิดเทอมไว้เหมือนกัน แต่ตอนนี้ยังห่างไกลมากนัก ท้อไหม มีแน่นอน เหนื่อยไหม นี่ไม่ต้องถาม แต่ผมเชื่อว่า การอยู่ในขุมนรกที่เราชอบนั้น เป็นสิ่งที่ดี แม้มันจะทำเราเหนื่อย อยากถอดใจ อยากยอมแพ้ แต่เพราะสิ่งเหล่านั้นทำให้เรายิ่งห้ามหยุดเดิน เพราะว่าผมชอบที่จะทำมัน แค่นี้ก็เป็นเหตุผลที่มากพอในการทำอะไรสักอย่างหนึ่งหรือเดินหน้าต่อไปแล้ว แต่ก็นะคำว่า "ชอบ" ในบางสถานการณ์เองก็ใช้ไม่ได่้เหมือนกัน ตรงนี้ก็แล้วแต่คุณเจ้าของแล้วล่ะครับ แต่ที่อย่าทำแน่ ๆ คือเปิดเรื่องใหม่ไปเรื่อย ๆ อันนี้ไม่แนะนำแบบสุด ๆ เป็นกำลังใจให้นะครับ
ทางนี้ก็เหมือนกันครับ ก็เป็นกำลังใจให้ครับ อย่างน้อยเราเป็นคนแรกที่ได้สนุกกับเรื่องราวที่เราแต่งขึ้น ถ้าเราสามารถทำให้คนอ่านสนุกได้ เชื่อว่าต้องมีคนเข้ามาอ่านงานคุณแน่นอนครับ
หลักๆคือการระบายความเบ่ียวที่มีอยู่มาเนิ่นนาน สนองนี้ดล้วนๆ ความไร้สาระมาเต็ม แต่งเพื่อตัวเองเท่านั้น ผลลัพธ์ไส้แห้งครับ5555 เป้าหมายเราคืออยากแต่งนิยายให้จบด้วย ไม่ได้วางจำนวนยอดอะไรเป็นหลัก อย่างน้อยก็ไม่อยากเครียดกับงานอดิเรก อีกอย่างDynamic shipที่ชอบมันหายาก หรือหาเจอก็แต่งไม่ถูกใจเลยหันมาแต่งเองครับ
fulfill ตัวเอง
อย่าว่าแต่เขียนจบเล่ม เขียนจบแต่ละบทก็นับนะ
จากคำเป็นประโยค ประโยครวมเป็นย่อหน้า
หลายย่อหน้าได้ 1 บท
จะช้าจะเร็ว ประกอบสร้างทีละเล็กๆ ไปเรื่อยๆ
ไม่ละเลิกก่อน จะถึงวันที่งานเขียนกลายเป็นนิยาย บอกผู้อ่านได้ว่า จบแล้ว
เหตุผลหลักๆน่าจะเพราะไอเดียมันน่าจะยังไม่หมด บวกกับชอบเห็นเรื่องราวและโลกที่ตัวเองสร้าง ถึงจะมียอดวิวน้อยแต่มันก็คือผลงานที่เราสร้างขึ้นมา ถึงมันจะไม่ได้เพอร์เฟ็คสำหรับคนอ่าน แต่มันก็จะเพอร์เฟ็คสำหรับนักเขียนแบบเราครับ
ความหลงไหลครับ : )
ฝากด้วยครับ เน้อ
https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=2517396
ทุกวันนี้ก็แค่หลักสิบหลักร้อยเหมือนกันงับ ทั้งที่แต่ก่อนได้ถึงหลักพันเลย อาจเพราะเราดองไว้ช่วงนึงตอนไปต่างประเทศ กลับมาตลาดกับอะไรๆมันเปลี่ยนไปเยอะแล้ว มีนิยายผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด กลุ่มวายก็มาแรงมากๆด้วย แต่ว่าก็อัพต่อค่ะ เหตุผลคือ ทำตามปณิธานตนเองเขียนให้จบให้ได้ เราไม่ได้อะไรกับนิยายอยู่แล้วนอกจากสนอง Need ตัวเองล้วนๆ เงินคือไม่ได้เลยค่ะเพราะมันเป็นแฟนฟิค แต่เน้นรับผิดชอบสิ่งที่เริ่มไว้ให้จบ ยิ่งเวลาตอนนี้ไม่เหมือนสมัยมหาลัยแล้วจะมานั่งอัพนั่งแข่งกับเด็กๆคงยาก กับคนเขียนเป็นหลักยิ่งยากเพราะเราทำงานอื่นอยู่และงานที่หาเงินหลักๆมันหนักมากด้วย จะนั่งเทียนเขียนทีนึงคือแบบว่าวันนั้นต้องไม่หลับคาจอนะ อีกอย่างคือแอบสงสารคนที่ยังตามเหมือนกันก็เลยทิ้งไม่ได้ด้วยค่ะ ไปต่อให้จบ และจะต้องไม่จบแบบขอไปทีนะ 555
เป็นนักเขียนที่มียอดอ่านไม่ถึงสิบ แต่ก็ยังเขียนลงไปเรื่อยๆ ดีไม่ดีไม่รู้เพราะเขียนจะครบปีแล้วยังไม่มีใครมาเม้นท์ใดๆ มีแต่เข้ามาแวะดูและก็ผ่านไป กับมีมาติดตามอยู่บ้าง สาเหตุที่ยังเขียนเพราะสนุกไปกับมัน อยากส่งตัวละครที่ปั้นไปให้สุด และที่สำคัญคือเป็นทั้งคนเขียนและคนอ่านเอง ทุกวันจิตใต้สำนึกของนักอ่านก็จะมาไล่ทวงว่าตอนต่อไปเมื่อไหร่จะมา รอนานแล้ว ซึ่งตอนล่าสุดพึ่งเขียนเสร็จไปไม่ถึงชั่วโมง
///หากสงสัยเป็นคนเขียนเองแล้วไม่รู้เรื่องตอนต่อไปเหรอ รู้ค่ะ แต่ตอนร่่างงานกับลงมือจริงมันไม่เหมือนกัน อย่างเช่น (ร่าง)พระนางพบกันที่ตลาด (จริง)ฉากและบท เหตุการณ์ที่ทำให้พระนางพบกัน กับลูกเล่นที่อาจปิ๊งขึ้นมาตอนเขียนแล้วใส่ลงไป พอเขียนเสร็จแล้วกลับมาอ่านมันจะให้ความรู้สึกต่างกัน///
จาก จขกท ต้องขอขอบคุณทุกกำลังใจจากทุกคนมากๆ แต่อัปเดตเพิ่มเติม สรุปว่าทางนี้ขอลบงานทิ้งดีกว่า ไม่อยากถูกนักอ่านตัดสินว่างานห่วย แหะๆ
เขียนเป็นงานอดิเรกค่ะ ถ้ามีแรงก็ทำ ไม่มีแรงใจก็พัก
แต่เอาจริงพักไปกี่ครั้งก็กลับมาอยู่ดี
หากงานของเราไม่ถึงหลักสิบหลังจากการโปรโมทอย่างหนักหน่วงแล้ว
แสดงว่าต้องมีบางอย่างผิดพลาด
ถ้ามั่นใจในเนื้อเรื่อง และสำนวนการเขียน
แนะให้ดูที่ หน้าปก คำโปรย แนะนำเรื่อง บางทีสิ่งเหล่านี้อาจไม่ดึงดูดให้คนคลิ้กเข้าไปอ่านสักเท่าไร
เป็นกำลังใจให้นะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ เราก็เป็นหนึ่งคนที่ยอดวิวน้อย และเคยท้อจนต้องลบนิยายทิ้งไป แต่พอไปนั่งทบทวนดูว่าเราจะทิ้งนิยายที่แต่งไว้กลางทางจริง
เหรอ เราจึงตัดสินใจกลับมาเขียนต่อและเอามาลงใหม่อีกครั้ง แต่รอบนี้อุปสรรคดันมากับสุขภาพ เราเขียนใกล้จะจบแต่ดันมาป่วยและต้องได้หยุดพักการเขียนอีกครั้ง แต่พออาการเราดีขึ้นก็กลับมาเขียนและลงจนจบ บอกเลยว่าเหมือนยกภูเขาออกจากอก ในที่สุดก็จบจนได้ ถึงแม้ยอดวิวจะไม่ค่อยมีแต่ก็ถือว่าชนะใจตัวเองได้แล้วค่ะ สู้ๆนะคะ เอาชนะใจตัวเองก็พอค่ะ คนอื่นยังทำได้สักวันเราก็ต้องทำได้เหมือนกันค่ะ แค่วันนี้มันยังไม่ใช่และยังไม่ถึงเวลาของเราแค่นั้นเอง สู้ๆนะคะ ยอดวิวน้อยก็ยังดีกว่าไม่มียอดวิวเลยนะคะ
คิดว่า นี่เขียนเอาไว้อ่านคนเดียวค่ะ ทำอีบุ๊กก้อทำเอาไว้อ่านเอง เพราะเราชอบเรื่องประมาณนี้ แล้วมันจะหาอ่านที่ไหนไม่ได้ สนุกเองคนเดียวก้อได้ ก้อเราชอบแบบเนี้ยอ่ะ 555 ส่วนถ้ามีใครมาอ่านด้วยก้อถือเป็นกำไรเนอะ
ก่อนจะเขียนงาน เราจะทำแบล็คกราวน์ตัวละครไว้เยอะๆ ทำทรีตเม้นต่างๆ อ่านทวน แล้วรู้สึกผูกพันกับตัวละคร พอเริ่มเขียน ถึงจะดองจนหยากไย่ขึ้นยังไง แต่ยังไงก็ต้องจบเรื่องของพวกเขาให้ได้ แม้ยอดวิวจะน้อย หรือไม่แมสก็ตาม สรุปคือ เรารักงานที่เราเขียน รักตัวละครที่เราสร้าง เลยอยากทำให้มันสมบูรณ์ที่สุดค่ะ
เหตุผลง่ายๆเลย คือ พอใจที่จะเขียน ถึงแม้ว่าอยากได้ยอดวิวเยอะเหมือนกัน
แค่อยากเขียนให้จบเพื่อที่จะได้ไปซิมป์วีทูปแบบไม่มีอะไรค้างคาครับ ._.
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?