ว่าด้วยเรื่อง... อาชีพนักเขียน
ตั้งกระทู้ใหม่
อยากจะทราบว่า.. ท่านนักเขียน ที่ยึดอาชีพนักเขียนเป็นหลัก มีรายได้พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องกันไหม แล้ววันๆหนึ่ง เขียนนิยายได้กี่คำครับ หรือกี่อักษร
แล้วความกดดันที่พวกท่านต้องเจอมีอะไรกับบ้างครับ ..... ส่วนข้อสุดท้าย!! พวกท่านมีความสุขกับมันจริงๆหรือเปล่าครับ
ส่วนตัวผม ได้เขียนนิยายเป็นอาชีพเสริม ผมคิดว่างานเขียน เป็นงานที่ต้องใช้ความคิดเป็นอย่างสูง บางครั้งผมก็มีความสุขที่มีคนเข้ามาอ่านนะครับ แต่พอหันไปมองคนรอบข้าง ผมกลับรู้สึกเหมือนได้ละเลยพวกเขาไป ในเวลาว่างก็เอาแต่จดจ้องกับการเขียน บางครั้งก็นอนดึกๆดื่นๆ ทุกเช้าก็สมองเบลอพร้อมกับคำถามที่ผุดขึ้นมาในหัว ...นี่เรากำลังทำอะไรอยู่กัน!! แต่พอเลิกงาน สุดท้ายก็ยังคงพิมพ์ตัวอักษรเหมือนเดิม....
ส่วนท่านนักเขียนทั้งหลาย ในช่วงที่เขียนแรกๆ พวกท่านมีความรู้สึกอย่างไร เมื่อเทียบกับปัจจุบันครับ??
.
.
ขอบคุณครับ
8 ความคิดเห็น
คำถามอื่นขออนุญาตข้ามไปนะครับ เพราะถ้าจะให้คำตอบจริง ๆ อาจจะชวนค่อนข้าง 'จิตตก' ไปสักหน่อย และมันไม่ค่อยจะดีหากว่าจะให้พูดถึง
เว้นแต่ส่วนของเขียนครั้งแรก - ปัจจุบัน ถ้าให้ถามถึงความรู้สึก ณ เวลานี้คงเหมือนกับมันคือ Toxic Relationship ดี ๆ นี่เอง
ทั้งเกลียดและรัก แต่ก็ขาดไม่ได้ งานเขียนมันคือ 'ส่วนหนึ่ง' ในชีวิตไป และอาจเรียกได้ว่ามันค่อนข้างเป็นอะไรที่ 'แย่' เพราะเอาเข้าจริงการพยายามจะกลั่นกรองตัวอักษรมาแต่ละอย่าง ถ้าบรรยากาศไม่ให้ + อารมณ์ไม่มา หรือแม้แต่ไม่ได้วางแพลนไว้แบบรัดกุมจริง ๆ มีสิทธิ์จะไหลออกทะเลไปไกลได้
ส่วนเรื่องยึดเป็นอาชีพหลัก? อืม...ไม่ขอตอบส่วนนั้นแล้วกันครับ (เพราะรายได้ก้อนแรกที่ได้จากงานเขียนก็ได้แค่หลักร้อยเอง หลังจากนั้นก็แทบจะเงียบยาวเลย 5555)
นิยามคำว่า 'งานเขียน' สำหรับผมมันเหมือนการทำงานศิลปะน่ะ บางช่วงถ้าหัวแล่นมันก็ไหลได้ไปยาว ๆ แต่ถ้าหากจังหวะชีวิตมันเกิดสะดุดเมื่อไหร่ ก็เหมือนกับว่า Passion ทั้งหมดจะหายวับไปเลย (เหมือนช่วงนี้ที่ติดเก(ม) ซะเป็นส่วนใหญ่ แทบจะปั่นงานเขียนน้อยเอามาก ๆ แต่ใด ๆ คือก็รู้สึกไม่เครียดดีนะ 5555)
คงพูดได้เท่านี้แหละครับสำหรับ ณ ตอนนี้
เห็นด้วยครับ ทั้งรักทั้งเกลียดจริงๆ
ติดเกมส์เป็นอะไรที่แบบ…จะว่าแย่ก็ไม่เชิง บางทีหัวเราคิดงานไม่ออกเราเข้าไปเล่น แต่สุดท้ายมันกินเวลาไปยาว แต่คิดอยู่ตลอดว่าเล่นเกมส์ได้ งานก็ต้องมีลงให้นักอ่านด้วยสิ สู้ๆนะทุกคน ^^
ความกดดันที่ใหญ่ที่สุดคือ "ความคาดหวังของตัวเอง" ครับ
เมื่อไรที่เราสนุกมันก็ดีครับ แต่พอสนุกคนเดียวแล้วเห็นยอดวิวจนชวนท้อ สักพักจะคาดหวัง... และนั่นแหละครับ ปัญหาที่โคตรน่ากลัว
จริงครับ ไม่คาดหวัง (ไม่ผิดหวัง) แต่ใครจะทำได้จริง
นักเขียนอาชีพของประเทศเราแต่ไหนแต่ไรก็มีจำนวนแค่ยอดพีระมิดอยู่แล้ว สาเหตุส่วนหนึ่งก็มาจากจำนวนนักอ่านจริง ๆ มีน้อย ยอดที่เพิ่มขึ้นมาเป็นเรื่องของกระแส
ถ้าผลิตงานสนองความต้องการของตลาดได้คุณก็มีโอกาสเป็นนักเขียนอาชีพได้มากกว่าคนอื่นสำหรับประเทศนี้
สำหรับคนที่อายุยังน้อย อยากให้ดูสายงานที่เกี่ยวข้องด้วย การเขียนนิยาย เขียนบทความ เขียนบทภาพยนตร์ ก๊อปปีไรเตอร์ โกสต์ไรเตอร์หรืองานกองบรรณาธิการ มีความสามารถหลายหลายได้ก็ดีเพราะโอกาสไม่ใช่เรื่องของโชคอย่างเดียวเป็นเรื่องของความพร้อมและความสามารถด้วย
ถ้าอยากทำเป็นอาชีพหลัก ก็ลองดูผู้สนับสนุนของคุณดูครับว่าพอไหม มีนักเขียนหลายคนที่ปังเรื่องแรก แล้วไม่เคยปังอีกเลย เจอการแข่งขันหนัก ๆ ก็ท้อแท้ เวลาป่วยผลิตงานไม่ได้ก็หนัก ยามจินตนาการแห้งเหือดก็ถึงขั้นสาหัส
ถ้ายังหนุ่มมีความมั่นใจ มีเบาะรองหลังเป็น "คนที่เข้าใจ" ก็ลองดูครับ
ขอบคุณมากครับ สำหรับเรื่องคนที่เข้าใจ..TvT อาชีพหลักคงไม่ต้องพูดถึงเลยครับ
ทำเป็นอาชีพค่ะ เบิร์นเอ้าท์ทุกวัน มันต้องคิดอยู่ตลอดเวลาจนบางทีก็ถามตัวเองเหมือนกันว่าทำอะไรอยู่ เราจบปริญญาตรีเอกจีน ที่บ้านคาดหวังว่าจะต้องทำงานให้ตรงสาย แต่เราก็ดื้อเลือกทำอาชีพนักเขียน นอกจากจะสู้กับตัวเอง ที่บ้าน ยังต้องให้กำลังใจตัวเองเวลายอดอ่านน้อย ยอดขายไม่ได้ตรงตามที่คาดหวังเอาไว้ ซึ่งส่งผลกระทบกับการเขียนมาก ๆ บอกตัวเองเสมอว่า 'ถ้าสิ่งที่รักยังไม่สู้ แล้วอย่างอื่นเธอจะสู้่ไหวเหรอ' ดังนั้นก็เลยเขียนต่อไป
ส่วนเรื่องรายได้ตอนเยอะๆใจหาย ตอนน้อยก็น้อยจนน่าใจหายเหมือนกันค่ะ
ขอให้ท่านนักเขียนประสบผลสำเร็จครับ เรื่องที่ท่านจบป.ตรีเอกจีน ผมนี่ว้าวเลย ผมอยากเรียนภาษาจีน แต่สมองมันปฏิเสธ555 เลยจบตรีด้านอื่นแทน TT
ละครชีวิตเราเหมือนกันเลย ^^ จบเอกจีนเหมือนกัน แต่ก็ทำงานไม่ตรงสาย สุดท้ายมีวิชาไว้แค่ติดตัว เลือกทำในสิ่งที่เราชอบรู้สึกว่าไม่กดดันและมีความสุขกับมันนะ ต้องเปลี่ยนงานเขียนที่เป็นเงินเสริมให้เป็นงานหลักในสักวัน สู้ๆค่ะ ^^
สำหรับผม พี่ ลุง อายุเยอะแล้วพึ่งจะออกจากงานมาได้ 3 ปี ทุกวันนี้เขียนนิยายหาเลี้ยงชีพ
เขียนแนวอิโรติก ลงที่ฟิค ธัญ Raw เด็กดีไม่ได้ลงเพราะลงไม่ได้
รายได้หลักหมื่นนิด ๆ บางเดือนก็ไม่ถึง ถามว่าอยู่ได้ไหม
คำตอบคืออยู่ได้ แต่ถามว่าพอเก็บไหม
คำตอบคือ ไม่ จึงพยายามหาอย่างอื่นทำควบคู่ไปด้วย
ส่วนวันหนึ่งเขียนได้ 3 ตอน ก็ราว ๆ 600-700 คำ 2-3หมื่นตัวอักษร มั้งนะถ้าขยัน
เรื่องกดดันไม่มี ทำไมถึงต้องกดดัน นักเขียนอิสระ ไม่ได้มี บก. ไม่ได้มีสำนักพิมพ์มาเร่งงาน สองสิ่งที่ต้องมีคือความขยัน และวินัย
เรื่องความสุข แน่นอน ถ้าไม่ได้รักไม่ได้ชอบจะมาเขียนทำไม
ผม พี่ ลุง เองก็มีคุณพ่ออายุเยอะที่ต้องดูแล ซึ่งแน่นอนว่าต้องแบ่งเวลาไปดูท่านอย่างแน่นอน
แต่ถ้าจะให้พูดถึงสมัยก่อนตอนที่ผม พี่ ลุง ยัังมีงานประจำทำและพึ่งเขียนนิยายใหม่ ผมพี่ลุงก็ไม่ได้หมกหมุ่นกับงานเขียนจนนอนดึก ๆ ดื่น ๆ นะ
เช่นพักเที่ยงกินข้าวเสร็จก็หยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์นิยาย ไม่ก็คิดพล็อตนิด ๆ หน่อย ๆ วันหยุดก็ค่อยเขียนเต็ม ๆ
เลิกงาน รอรถ อยู่บนรถ ก็หยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ ได้สองสามบรรทัด ก็ทำ
อาจจะใช้เวลานานหลายวัน หรือเป็นหลายเดือนแต่สุดท้ายก็เขียนจบ
จขกท. อาจจะต้องปรับทุกอย่างใหม่นะครับ เพราะถ้าสิ่งที่ทำอยู่มันทำให้ตนเองรู้ว่าไม่มีความสุข ร่างกายอ่อนแอ ไม่ได้พักไม่ได้ผ่อน นอนไม่หลับกระส่ายกระสับ ตับพิการ อาหารไม่ย่อย แบบนั้นมันไม่เกิดผลดีหรอก เจ็บป่วยขึ้นมาเขียนนิยายไม่ได้ คนรอบข้างเดือดร้อนเสียใจหนักเข้าไปอีก..
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับ ผมต้องปรับทุกอย่างใหม่จริงๆนั้นแหละ
ส่วนตัวเขียนแฟนฟิคที่ไม่สามารถหารายได้ได้ ยอมรับคล้ายคอมเม้นแรกเลยว่ารู้สึกทั้งรักทั้งเกลียด เวลาเขียนงานโคตรมีความสุข แต่พออัพลงมันก็จะเห็นความจริงว่างานที่เราคิดว่าดี ในสายตาคนอื่นอาจไม่ดีก็ได้ ผลลัพธ์ก็คือแต่ละตอนคนอ่านน้อยนิดตามสภาพ มันก็จะเบื่อๆตัวเองช่วงนั้นสักหน่อย แต่ถึงเป็นแบบนั้นก็ยังชอบเเต่งนิยายอยู่ดี (Toxic relationshipแบบ เว่อร์)
สำนวนของท่านอ่านเพลินดีนะครับ ท่านน่าจะมีของตัวเองสักเรื่องนะครับ
ขอบคุณสำหรับคำชมและคำแนะนำค่ะ ส่วนคิดว่าจบฟิคเรื่องนี้คงโบกมือลาววการนักอยากเขียนยาวๆเลยค่ะ ตอนนี้ mental health พังพินาศมาก และความมั่นใจติดลบอย่างแรง555
ปกติผมไม่ค่อยอ่านฟิค แต่สำนวนท่านดีมาก ผมรู้สึกชอบจริงๆ ผมอ่านไปได้หลายตอน ถึงจะไม่เคยดูต้นฉบับเลยก็เถอะ
ส่วนเรื่องแย่ๆเดี๋ยวมันก็ผ่านไปครับ ผมขอเป็นกำลังใจให้นะครับ
ความกดดันด้านการสร้างผลงานครับ มาเป็นตอนเรื่องที่สอง กว่าจะปรับอารมณ์ได้ก็เล่นเอาแย่ เพราะผ่านมาแล้วหนึ่งเรื่องเลยกดดันตัวเองค่อนข้างมาก แต่พอผ่านจุดนั้นมาได้ก็มีความสุขเหมือนเดิมครับ
เรื่องคนรอบข้าง ส่วนตัวออกมาอยู่คนเดียวตั้วแต่ช่วงมัธยมค่อนข้างมีความสุขกับการอยู่คนเดียว เลยไม่ได้ติดขัดเรื่องสังคมรอบข้างที่เริ่มจางลงหลังจากเป็นนักเขียนครับ อันที่จริงตรงนี้ถ้าสามารถปรับเวลาเขียนงานให้เหมือนเวลาทำงานทั่วไป ก็แทบไ่ม่ส่งผลอะไรกับเรื่องคนรอบข้างครับ
ด้านความรู้สึกช่วงแรกเขียนเอาสนุกครับก็มีความสุขปกติ แต่หลังจากเขียนเป็นอาชีพแล้วก็สนุกเหมือนเดิมแต่แค่มีความกดดันแทรกเข้ามาบ้างเล็กน้อยตามปกติเมื่อเป็นงานครับ
ปล.จากที่เป็นคนพิมพ์ตอบคำถาม อธิบายอะไรเก่ง ๆ เซียน ๆ ก็เริ่มไม่เหมือนเดิมครับเพราะในหัวมีแต่นิยาย
ขอบคุณที่ตอบคอมเม้นต์ครับ ขอให้กิจการรุ่งเรืองครับ อีเนตรปากแซบผมชอบมากเลย
อ๊ากก ขอบคุณค้าบบ เขินจังเลยย นิยายของคุณหมาเมินพัฒนามากนะครับตั้งแต่ช่วงตอนแรกจนถึงตอนหลัง ผมว่าเรื่องสองคงได้เจอกันที่อันดับหน้าเว็บแน่ จะรอติดตามนะครับ
ยากเลยครับงานนี้ ขออยู่ในมุมมืดต่อไปดีกว่าครับ 555
ไม่ยากเลยครับสำหรับนิยายของคุณหมาเมิน ถ้าเราตอนเยอะขึ้นในเด็กดีจะมีคนสนใจอ่านเยอะขึ้นครับ คุณหมาเมินลองส่องยอดอ่านช่วง 3 ตอนแรก ว่ามียอดเยอะแต่เหมือนเขาอ่านแค่ไม่กี่ตอนไหม ถ้าใช่แปลว่ามีคนอยากอ่านครับ แต่การจัดหน้าของช่วงแรกอาจจะทำให้เขากดออก ถ้ามีเวลาลองกลับไปตบบรรทัดจัดหน้าเล่น ๆ ดูครับ ผมเชื่อว่ามีคนเข้าอ่านเยอะขึ้นแน่
จริง ๆ ผมก็ชอบอ่านนิยายเซียนประมาณนี้ถึงจะแต่งแนวโลวไลฟ์ก็เถอะ แฮะ ๆ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ ว่างๆผมคงต้องได้แก้ไขจริงๆ
เป็นนักเขียนต้องห้ามป่วยค่ะ เพราะอาชีพกับรายได้ของคุณขึ้นอยู่กับการสร้างผลงานให้เข้าตลาด ถ้าป่วยทำงานไม่ได้หมายถึงรายได้หดหายไปเลย เรานี่เองป่วยเกือบสองปีทำให้เว้นการเขียนนิยายไป พอค่อยยังชั่วกลับมาทำงานได้ ไฟแรงแต่ร่างกายไม่แรงตามไฟ แถมยังเจอการแข่งขันหนักหน่วงในตลาด ก็เริ่มท้อค่ะ เพราะช่วงที่หายไปแฟนนิยายหนีหมด แถมนักเขียนหน้าใหม่ผุดขึ้นมาเป็นหมื่นๆ คน การแข่งขันสูงมาก
เรื่องป่วยผมเข้าใจได้เลย บางครั้งอยากจะหยุด แต่ก็กลัวนักอ่านจะไม่พอใจ
ส่วนตัวผมยังดี เพราะผมยังมีรายได้อีกทาง แต่สำหรับท่านนักเขียนบางคน มันไม่ใช่แบบนั้น บางคนการเขียนนิยายคือความหวังของพวกเขา ถ้าป่วยนานๆก็จะเป็นเรื่องลำบากไปในทันที ผมก็ไม่รู้ว่าท่านเขียนเป็นอาชีพหรือไม่ แต่ผมขอเป็นกำลังใจให้นะครับ
พึ่งอยากเป็นนักเขียน รบกวนท่านทั้งหลายช่วยชี้แนะด้วยค่ะ
ผมคงไม่กล้าแนะนำใครหรอกครับ แต่ถ้าจะให้แนะนำจริงๆ ผมแนะนำว่าให้เขียนเรื่องสั้นขึ้นมาก่อน(เขียนให้จบ ) แนวเรื่องต้องดูทิศทางของผู้อ่านด้วยครับ ถ้ากระแสไปทางไหนก็เริ่มเขียนแนวนั้น(แต่การแข่งขันก็สูงมากเช่นกัน)
(ไม่แนะนำ) ส่วนตัว ผมเริ่มเขียนโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น กระแสไปทางไหนไม่สน คิดว่าเขียนยาวยิ่งดีและเพราะจำนวนตอนที่เยอะ พล็อตที่เขียนต้องแน่นตามไปด้วย ในจุดนี้เอง ที่มันได้กินพลังสมองอันน้อยนิดของผมไปจนหมด (อย่าหาทำ)
แต่ถ้าท่านเขียนด้วยความชอบ เขียนโดยไม่สนอะไร ไม่สนยอดวิว ไม่สนกระแส ท่านก็เริ่มเขียนได้เลยครับ เน้นอ่านงานนิยายเยอะๆ ตัวผมก็แนะนำได้เท่านี้ ผิดถูกต้องขออภัย เพราะผมก็มือใหม่เช่นกันครับ
ขอบคุณนะคะ ลองแต่งแล้วเรื่องนึงคะ
รอดูรีวิว
แต่งมานานหรือยังค่ะ ใช้นามปากกาว่าอะไร ขออนุญาตติดตามนะคะ
ปล. มือใหม่หัดแต่ง
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?