Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ว่าด้วยเรื่อง... อาชีพนักเขียน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

อยากจะทราบว่า.. ท่านนักเขียน ที่ยึดอาชีพนักเขียนเป็นหลัก มีรายได้พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องกันไหม แล้ววันๆหนึ่ง เขียนนิยายได้กี่คำครับ หรือกี่อักษร  



แล้วความกดดันที่พวกท่านต้องเจอมีอะไรกับบ้างครับ ..... ส่วนข้อสุดท้าย!! พวกท่านมีความสุขกับมันจริงๆหรือเปล่าครับ 



ส่วนตัวผม ได้เขียนนิยายเป็นอาชีพเสริม ผมคิดว่างานเขียน เป็นงานที่ต้องใช้ความคิดเป็นอย่างสูง บางครั้งผมก็มีความสุขที่มีคนเข้ามาอ่านนะครับ แต่พอหันไปมองคนรอบข้าง ผมกลับรู้สึกเหมือนได้ละเลยพวกเขาไป ในเวลาว่างก็เอาแต่จดจ้องกับการเขียน บางครั้งก็นอนดึกๆดื่นๆ ทุกเช้าก็สมองเบลอพร้อมกับคำถามที่ผุดขึ้นมาในหัว ...นี่เรากำลังทำอะไรอยู่กัน!! แต่พอเลิกงาน สุดท้ายก็ยังคงพิมพ์ตัวอักษรเหมือนเดิม....


ส่วนท่านนักเขียนทั้งหลาย ในช่วงที่เขียนแรกๆ พวกท่านมีความรู้สึกอย่างไร เมื่อเทียบกับปัจจุบันครับ??

.
.
ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น

>

8 ความคิดเห็น

Gasterious 9 ก.พ. 67 เวลา 20:07 น. 1

คำถามอื่นขออนุญาตข้ามไปนะครับ เพราะถ้าจะให้คำตอบจริง ๆ อาจจะชวนค่อนข้าง 'จิตตก' ไปสักหน่อย และมันไม่ค่อยจะดีหากว่าจะให้พูดถึง


เว้นแต่ส่วนของเขียนครั้งแรก - ปัจจุบัน ถ้าให้ถามถึงความรู้สึก ณ เวลานี้คงเหมือนกับมันคือ Toxic Relationship ดี ๆ นี่เอง


ทั้งเกลียดและรัก แต่ก็ขาดไม่ได้ งานเขียนมันคือ 'ส่วนหนึ่ง' ในชีวิตไป และอาจเรียกได้ว่ามันค่อนข้างเป็นอะไรที่ 'แย่' เพราะเอาเข้าจริงการพยายามจะกลั่นกรองตัวอักษรมาแต่ละอย่าง ถ้าบรรยากาศไม่ให้ + อารมณ์ไม่มา หรือแม้แต่ไม่ได้วางแพลนไว้แบบรัดกุมจริง ๆ มีสิทธิ์จะไหลออกทะเลไปไกลได้


ส่วนเรื่องยึดเป็นอาชีพหลัก? อืม...ไม่ขอตอบส่วนนั้นแล้วกันครับ (เพราะรายได้ก้อนแรกที่ได้จากงานเขียนก็ได้แค่หลักร้อยเอง หลังจากนั้นก็แทบจะเงียบยาวเลย 5555)


นิยามคำว่า 'งานเขียน' สำหรับผมมันเหมือนการทำงานศิลปะน่ะ บางช่วงถ้าหัวแล่นมันก็ไหลได้ไปยาว ๆ แต่ถ้าหากจังหวะชีวิตมันเกิดสะดุดเมื่อไหร่ ก็เหมือนกับว่า Passion ทั้งหมดจะหายวับไปเลย (เหมือนช่วงนี้ที่ติดเก(ม) ซะเป็นส่วนใหญ่ แทบจะปั่นงานเขียนน้อยเอามาก ๆ แต่ใด ๆ คือก็รู้สึกไม่เครียดดีนะ 5555)


คงพูดได้เท่านี้แหละครับสำหรับ ณ ตอนนี้

2
KarnBarn23 16 ก.พ. 67 เวลา 23:23 น. 1-2

ติดเกมส์เป็นอะไรที่แบบ…จะว่าแย่ก็ไม่เชิง บางทีหัวเราคิดงานไม่ออกเราเข้าไปเล่น แต่สุดท้ายมันกินเวลาไปยาว แต่คิดอยู่ตลอดว่าเล่นเกมส์ได้ งานก็ต้องมีลงให้นักอ่านด้วยสิ สู้ๆนะทุกคน ^^

0
ภูติปากกา 9 ก.พ. 67 เวลา 20:25 น. 2

ความกดดันที่ใหญ่ที่สุดคือ "ความคาดหวังของตัวเอง" ครับ

เมื่อไรที่เราสนุกมันก็ดีครับ แต่พอสนุกคนเดียวแล้วเห็นยอดวิวจนชวนท้อ สักพักจะคาดหวัง... และนั่นแหละครับ ปัญหาที่โคตรน่ากลัวhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-03.png

1
yurinohanakotoba 9 ก.พ. 67 เวลา 21:46 น. 3

นักเขียนอาชีพของประเทศเราแต่ไหนแต่ไรก็มีจำนวนแค่ยอดพีระมิดอยู่แล้ว สาเหตุส่วนหนึ่งก็มาจากจำนวนนักอ่านจริง ๆ มีน้อย ยอดที่เพิ่มขึ้นมาเป็นเรื่องของกระแส

ถ้าผลิตงานสนองความต้องการของตลาดได้คุณก็มีโอกาสเป็นนักเขียนอาชีพได้มากกว่าคนอื่นสำหรับประเทศนี้

สำหรับคนที่อายุยังน้อย อยากให้ดูสายงานที่เกี่ยวข้องด้วย การเขียนนิยาย เขียนบทความ เขียนบทภาพยนตร์ ก๊อปปีไรเตอร์ โกสต์ไรเตอร์หรืองานกองบรรณาธิการ มีความสามารถหลายหลายได้ก็ดีเพราะโอกาสไม่ใช่เรื่องของโชคอย่างเดียวเป็นเรื่องของความพร้อมและความสามารถด้วย


ถ้าอยากทำเป็นอาชีพหลัก ก็ลองดูผู้สนับสนุนของคุณดูครับว่าพอไหม มีนักเขียนหลายคนที่ปังเรื่องแรก แล้วไม่เคยปังอีกเลย เจอการแข่งขันหนัก ๆ ก็ท้อแท้ เวลาป่วยผลิตงานไม่ได้ก็หนัก ยามจินตนาการแห้งเหือดก็ถึงขั้นสาหัส

ถ้ายังหนุ่มมีความมั่นใจ มีเบาะรองหลังเป็น "คนที่เข้าใจ" ก็ลองดูครับ

1
หมาเมิน 9 ก.พ. 67 เวลา 22:09 น. 3-1

ขอบคุณมากครับ สำหรับเรื่องคนที่เข้าใจ..TvT อาชีพหลักคงไม่ต้องพูดถึงเลยครับ

0
sumiaoling(ซูเมี่ยวหลิง) 10 ก.พ. 67 เวลา 09:19 น. 4

ทำเป็นอาชีพค่ะ เบิร์นเอ้าท์ทุกวัน มันต้องคิดอยู่ตลอดเวลาจนบางทีก็ถามตัวเองเหมือนกันว่าทำอะไรอยู่ เราจบปริญญาตรีเอกจีน ที่บ้านคาดหวังว่าจะต้องทำงานให้ตรงสาย แต่เราก็ดื้อเลือกทำอาชีพนักเขียน นอกจากจะสู้กับตัวเอง ที่บ้าน ยังต้องให้กำลังใจตัวเองเวลายอดอ่านน้อย ยอดขายไม่ได้ตรงตามที่คาดหวังเอาไว้ ซึ่งส่งผลกระทบกับการเขียนมาก ๆ บอกตัวเองเสมอว่า 'ถ้าสิ่งที่รักยังไม่สู้ แล้วอย่างอื่นเธอจะสู้่ไหวเหรอ' ดังนั้นก็เลยเขียนต่อไป

ส่วนเรื่องรายได้ตอนเยอะๆใจหาย ตอนน้อยก็น้อยจนน่าใจหายเหมือนกันค่ะ

2
หมาเมิน 10 ก.พ. 67 เวลา 23:24 น. 4-1

ขอให้ท่านนักเขียนประสบผลสำเร็จครับ เรื่องที่ท่านจบป.ตรีเอกจีน ผมนี่ว้าวเลย ผมอยากเรียนภาษาจีน แต่สมองมันปฏิเสธ555 เลยจบตรีด้านอื่นแทน TT

0
KarnBarn23 16 ก.พ. 67 เวลา 23:28 น. 4-2

ละครชีวิตเราเหมือนกันเลย ^^ จบเอกจีนเหมือนกัน แต่ก็ทำงานไม่ตรงสาย สุดท้ายมีวิชาไว้แค่ติดตัว เลือกทำในสิ่งที่เราชอบรู้สึกว่าไม่กดดันและมีความสุขกับมันนะ ต้องเปลี่ยนงานเขียนที่เป็นเงินเสริมให้เป็นงานหลักในสักวัน สู้ๆค่ะ ^^

0
Black C. Yaguna 10 ก.พ. 67 เวลา 14:19 น. 5

สำหรับผม พี่ ลุง อายุเยอะแล้วพึ่งจะออกจากงานมาได้ 3 ปี ทุกวันนี้เขียนนิยายหาเลี้ยงชีพ

เขียนแนวอิโรติก ลงที่ฟิค ธัญ Raw เด็กดีไม่ได้ลงเพราะลงไม่ได้

รายได้หลักหมื่นนิด ๆ บางเดือนก็ไม่ถึง ถามว่าอยู่ได้ไหม

คำตอบคืออยู่ได้ แต่ถามว่าพอเก็บไหม

คำตอบคือ ไม่ จึงพยายามหาอย่างอื่นทำควบคู่ไปด้วย

ส่วนวันหนึ่งเขียนได้ 3 ตอน ก็ราว ๆ 600-700 คำ 2-3หมื่นตัวอักษร มั้งนะถ้าขยัน

เรื่องกดดันไม่มี ทำไมถึงต้องกดดัน นักเขียนอิสระ ไม่ได้มี บก. ไม่ได้มีสำนักพิมพ์มาเร่งงาน สองสิ่งที่ต้องมีคือความขยัน และวินัย

เรื่องความสุข แน่นอน ถ้าไม่ได้รักไม่ได้ชอบจะมาเขียนทำไม


ผม พี่ ลุง เองก็มีคุณพ่ออายุเยอะที่ต้องดูแล ซึ่งแน่นอนว่าต้องแบ่งเวลาไปดูท่านอย่างแน่นอน


แต่ถ้าจะให้พูดถึงสมัยก่อนตอนที่ผม พี่ ลุง ยัังมีงานประจำทำและพึ่งเขียนนิยายใหม่ ผมพี่ลุงก็ไม่ได้หมกหมุ่นกับงานเขียนจนนอนดึก ๆ ดื่น ๆ นะ

เช่นพักเที่ยงกินข้าวเสร็จก็หยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์นิยาย ไม่ก็คิดพล็อตนิด ๆ หน่อย ๆ วันหยุดก็ค่อยเขียนเต็ม ๆ

เลิกงาน รอรถ อยู่บนรถ ก็หยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ ได้สองสามบรรทัด ก็ทำ

อาจจะใช้เวลานานหลายวัน หรือเป็นหลายเดือนแต่สุดท้ายก็เขียนจบ


จขกท. อาจจะต้องปรับทุกอย่างใหม่นะครับ เพราะถ้าสิ่งที่ทำอยู่มันทำให้ตนเองรู้ว่าไม่มีความสุข ร่างกายอ่อนแอ ไม่ได้พักไม่ได้ผ่อน นอนไม่หลับกระส่ายกระสับ ตับพิการ อาหารไม่ย่อย แบบนั้นมันไม่เกิดผลดีหรอก เจ็บป่วยขึ้นมาเขียนนิยายไม่ได้ คนรอบข้างเดือดร้อนเสียใจหนักเข้าไปอีก..


1
หมาเมิน 10 ก.พ. 67 เวลา 23:02 น. 5-1

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับ ผมต้องปรับทุกอย่างใหม่จริงๆนั้นแหละ

0
issamany2 10 ก.พ. 67 เวลา 18:23 น. 6

ส่วนตัวเขียนแฟนฟิคที่ไม่สามารถหารายได้ได้ ยอมรับคล้ายคอมเม้นแรกเลยว่ารู้สึกทั้งรักทั้งเกลียด เวลาเขียนงานโคตรมีความสุข แต่พออัพลงมันก็จะเห็นความจริงว่างานที่เราคิดว่าดี ในสายตาคนอื่นอาจไม่ดีก็ได้ ผลลัพธ์ก็คือแต่ละตอนคนอ่านน้อยนิดตามสภาพ มันก็จะเบื่อๆตัวเองช่วงนั้นสักหน่อย แต่ถึงเป็นแบบนั้นก็ยังชอบเเต่งนิยายอยู่ดี (Toxic relationshipแบบ เว่อร์)

3
หมาเมิน 10 ก.พ. 67 เวลา 23:11 น. 6-1

สำนวนของท่านอ่านเพลินดีนะครับ ท่านน่าจะมีของตัวเองสักเรื่องนะครับ

0
issamany2 12 ก.พ. 67 เวลา 22:59 น. 6-2

ขอบคุณสำหรับคำชมและคำแนะนำค่ะ ส่วนคิดว่าจบฟิคเรื่องนี้คงโบกมือลาววการนักอยากเขียนยาวๆเลยค่ะ ตอนนี้ mental health พังพินาศมาก และความมั่นใจติดลบอย่างแรง555

0
หมาเมิน 12 ก.พ. 67 เวลา 23:22 น. 6-3

ปกติผมไม่ค่อยอ่านฟิค แต่สำนวนท่านดีมาก ผมรู้สึกชอบจริงๆ ผมอ่านไปได้หลายตอน ถึงจะไม่เคยดูต้นฉบับเลยก็เถอะ


ส่วนเรื่องแย่ๆเดี๋ยวมันก็ผ่านไปครับ ผมขอเป็นกำลังใจให้นะครับ

0
สะบัดอักษร 11 ก.พ. 67 เวลา 12:00 น. 7

ความกดดันด้านการสร้างผลงานครับ มาเป็นตอนเรื่องที่สอง กว่าจะปรับอารมณ์ได้ก็เล่นเอาแย่ เพราะผ่านมาแล้วหนึ่งเรื่องเลยกดดันตัวเองค่อนข้างมาก แต่พอผ่านจุดนั้นมาได้ก็มีความสุขเหมือนเดิมครับ


เรื่องคนรอบข้าง ส่วนตัวออกมาอยู่คนเดียวตั้วแต่ช่วงมัธยมค่อนข้างมีความสุขกับการอยู่คนเดียว เลยไม่ได้ติดขัดเรื่องสังคมรอบข้างที่เริ่มจางลงหลังจากเป็นนักเขียนครับ อันที่จริงตรงนี้ถ้าสามารถปรับเวลาเขียนงานให้เหมือนเวลาทำงานทั่วไป ก็แทบไ่ม่ส่งผลอะไรกับเรื่องคนรอบข้างครับ


ด้านความรู้สึกช่วงแรกเขียนเอาสนุกครับก็มีความสุขปกติ แต่หลังจากเขียนเป็นอาชีพแล้วก็สนุกเหมือนเดิมแต่แค่มีความกดดันแทรกเข้ามาบ้างเล็กน้อยตามปกติเมื่อเป็นงานครับ


ปล.จากที่เป็นคนพิมพ์ตอบคำถาม อธิบายอะไรเก่ง ๆ เซียน ๆ ก็เริ่มไม่เหมือนเดิมครับเพราะในหัวมีแต่นิยาย https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-big-01.png


5
หมาเมิน 11 ก.พ. 67 เวลา 23:14 น. 7-1

ขอบคุณที่ตอบคอมเม้นต์ครับ ขอให้กิจการรุ่งเรืองครับ อีเนตรปากแซบผมชอบมากเลย

0
สะบัดอักษร 11 ก.พ. 67 เวลา 23:33 น. 7-2

อ๊ากก ขอบคุณค้าบบ เขินจังเลยย นิยายของคุณหมาเมินพัฒนามากนะครับตั้งแต่ช่วงตอนแรกจนถึงตอนหลัง ผมว่าเรื่องสองคงได้เจอกันที่อันดับหน้าเว็บแน่ จะรอติดตามนะครับ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-big-06.png

0
สะบัดอักษร 12 ก.พ. 67 เวลา 11:53 น. 7-4

ไม่ยากเลยครับสำหรับนิยายของคุณหมาเมิน ถ้าเราตอนเยอะขึ้นในเด็กดีจะมีคนสนใจอ่านเยอะขึ้นครับ คุณหมาเมินลองส่องยอดอ่านช่วง 3 ตอนแรก ว่ามียอดเยอะแต่เหมือนเขาอ่านแค่ไม่กี่ตอนไหม ถ้าใช่แปลว่ามีคนอยากอ่านครับ แต่การจัดหน้าของช่วงแรกอาจจะทำให้เขากดออก ถ้ามีเวลาลองกลับไปตบบรรทัดจัดหน้าเล่น ๆ ดูครับ ผมเชื่อว่ามีคนเข้าอ่านเยอะขึ้นแน่


จริง ๆ ผมก็ชอบอ่านนิยายเซียนประมาณนี้ถึงจะแต่งแนวโลวไลฟ์ก็เถอะ แฮะ ๆ

0
Miraclemoon 12 ก.พ. 67 เวลา 16:38 น. 8

เป็นนักเขียนต้องห้ามป่วยค่ะ เพราะอาชีพกับรายได้ของคุณขึ้นอยู่กับการสร้างผลงานให้เข้าตลาด ถ้าป่วยทำงานไม่ได้หมายถึงรายได้หดหายไปเลย เรานี่เองป่วยเกือบสองปีทำให้เว้นการเขียนนิยายไป พอค่อยยังชั่วกลับมาทำงานได้ ไฟแรงแต่ร่างกายไม่แรงตามไฟ แถมยังเจอการแข่งขันหนักหน่วงในตลาด ก็เริ่มท้อค่ะ เพราะช่วงที่หายไปแฟนนิยายหนีหมด แถมนักเขียนหน้าใหม่ผุดขึ้นมาเป็นหมื่นๆ คน การแข่งขันสูงมาก

5
หมาเมิน 12 ก.พ. 67 เวลา 23:34 น. 8-1

เรื่องป่วยผมเข้าใจได้เลย บางครั้งอยากจะหยุด แต่ก็กลัวนักอ่านจะไม่พอใจ

ส่วนตัวผมยังดี เพราะผมยังมีรายได้อีกทาง แต่สำหรับท่านนักเขียนบางคน มันไม่ใช่แบบนั้น บางคนการเขียนนิยายคือความหวังของพวกเขา ถ้าป่วยนานๆก็จะเป็นเรื่องลำบากไปในทันที ผมก็ไม่รู้ว่าท่านเขียนเป็นอาชีพหรือไม่ แต่ผมขอเป็นกำลังใจให้นะครับ

0
Ant2513 14 ก.พ. 67 เวลา 19:15 น. 8-2

พึ่งอยากเป็นนักเขียน รบกวนท่านทั้งหลายช่วยชี้แนะด้วยค่ะ


0
หมาเมิน 15 ก.พ. 67 เวลา 17:34 น. 8-3

ผมคงไม่กล้าแนะนำใครหรอกครับ แต่ถ้าจะให้แนะนำจริงๆ ผมแนะนำว่าให้เขียนเรื่องสั้นขึ้นมาก่อน(เขียนให้จบ ) แนวเรื่องต้องดูทิศทางของผู้อ่านด้วยครับ ถ้ากระแสไปทางไหนก็เริ่มเขียนแนวนั้น(แต่การแข่งขันก็สูงมากเช่นกัน)


(ไม่แนะนำ) ส่วนตัว ผมเริ่มเขียนโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น กระแสไปทางไหนไม่สน คิดว่าเขียนยาวยิ่งดีและเพราะจำนวนตอนที่เยอะ พล็อตที่เขียนต้องแน่นตามไปด้วย ในจุดนี้เอง ที่มันได้กินพลังสมองอันน้อยนิดของผมไปจนหมด (อย่าหาทำ)


แต่ถ้าท่านเขียนด้วยความชอบ เขียนโดยไม่สนอะไร ไม่สนยอดวิว ไม่สนกระแส ท่านก็เริ่มเขียนได้เลยครับ เน้นอ่านงานนิยายเยอะๆ ตัวผมก็แนะนำได้เท่านี้ ผิดถูกต้องขออภัย เพราะผมก็มือใหม่เช่นกันครับ

0
Ant2513 16 ก.พ. 67 เวลา 00:42 น. 8-4

ขอบคุณนะคะ ลองแต่งแล้วเรื่องนึงคะ

รอดูรีวิว

0
Ant2513 16 ก.พ. 67 เวลา 00:44 น. 8-5

แต่งมานานหรือยังค่ะ ใช้นามปากกาว่าอะไร ขออนุญาตติดตามนะคะ


ปล. มือใหม่หัดแต่ง

0