Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ข้อคิดดีๆจากคำนำวรรณกรรมซีไรต์ และนิทาน "กาลครั้งหนึ่ง เมื่อฉันอยากเขียน"

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

 

++++++++++++++++++

 

 

การเขียนหนังสือขึ้นมาสักเล่มไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องทุ่มเทพลังความรู้ พลังความคิด และพลังจินตนาการลงไปอย่างเต็มที่ รวมทั้งต้องควบคุมตนเองให้มีวินัย มุ่งมั่นทำงานให้สำเร็จในช่วงเวลาอันควร ไม่เช่นนั้นงานเขียนก็จะเป็นลมเพลมพัดไปเรื่อยๆ และผลของมันก็คือ มันจะเป็นงานที่ไร้พลัง

 

ดังนั้น เมื่อต้องทุ่มเทกันถึงขนาดนี้แล้ว ยังไม่เป็นสารประโยชน์แก่ผู้อ่านมากไปกว่าความสนุกสนาน ก็ถือว่าเป็นความสูญเสียอย่างมหาศาล และออกจะเป็นการสบประมาทปัญญาของท่านผู้อ่านมากไปสักหน่อย

 

ด้วยตระหนักในราคาที่จะต้องจ่ายเพื่อหนังสือเล่มนี้ รวมทั้งเวลาในชีวิตอีกหลายชั่วโมงที่อ่านมัน ผมจึงต้องทำงานหนักมาก และมั่นใจว่าเมื่อท่านวางหนังสือเล่มนี้ในตอนจบ ท่านจะต้องคิดอะไรต่อไปอีก...ซึ่งเป็นความตั้งใจอันดับแรกของผม

 

ผมเชื่อว่า "คนคือสิ่งที่เขาอ่าน" แน่นอนว่าในด้านกลับกัน "คนก็คือสิ่งที่เขาเขียน"ด้วย ดังนั้น เมื่อท่านเลือกอ่านหนังสือเล่มนี้ ก็หมายความว่าเราเป็นคนประเภทเดียวกัน และผมปีติอย่างยิ่ง ที่ได้เป็นคนประเภทเดียวกับท่าน

 

 

วิมล ไทรนิ่มนวล

เมษายน 2543

 

*คัดมาจาก คำนำผู้เขียนเรื่อง 'อมตะ' นวนิยายซึ่งได้รับยกย่องเป็นวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ของประเทศไทย ประจำปีพ.ศ. 2543 ของ วิมล ไทรนิ่มนวล

 

 

++++++++++++++++++

 

 

คำนำข้างต้นของคุณวิมล ไทรนิ่มนวลคือแรงบันดาลใจให้ผมแต่งเรื่องราวนี้ขึ้นมา ต้องขอบคุณเพื่อนคนหนึ่งซึ่งมีน้ำใจแนะนำหนังสือเรื่องอมตะที่ได้รับรางวัลซีไรต์ให้ผมอ่าน เพื่อนคนนี้บอกให้ผมอ่านคำนำก่อน เมื่ออ่านแล้ว ผมรู้สึกติดใจเอามากๆ ครั้นจะไม่คัดมาให้ทุกท่านอ่านก็รู้สึกเสียดาย อยากให้นักเขียนมือสมัครเล่นได้อ่านกันโดยทั่ว จึงขออนุญาต ณ ที่นี้ คาดหวังอย่างยิ่งว่าคุณวิมล ไทรนิ่มนวลจะไม่ขุ่นข้องหมองใจที่ผมยกคำนำมา โดยมีบทความเล็กๆของผมซึ่งถือกำเนิดขึ้นได้เพราะคำนำนี้ไว้รั้งท้าย แม้นบทความของผมจะเป็นแค่แถวอักษรที่ไม่เอื้อประโยชน์ใดๆแก่ท่าน แต่ท่านก็ได้แวะเข้ามาแล้ว จะไม่ลองอ่านดูหน่อยหรือ

 

เรื่องราวด้านล่างอาจจะสะท้อน หักเห หรือแทรกสอดกับเส้นทางของใครสักคน คนคนนั้นจะเป็นท่านหรือตัวผมเองก็ได้ ผมไม่รู้ หรืออาจะไม่มีใครเลยที่มีประสบการณ์ชีวิตคล้ายคลึงกับเรื่องราวด้านล่างนั่น หากเป็นเช่นนั้นจริง บทความนี้คงไม่สามารถถ่ายทอดข้อคิดใดๆ เป็นเพียงเหตุการณ์สมมติที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นแก่ผู้ใดก็ตามที่เปี่ยมด้วยความฝัน โดยเฉพาะนักเขียนสมัครเล่นอย่างเราๆ

 

 

++++++++++++++++++

 

 

 

 

 

 

 

กาลครั้งหนึ่ง เมื่อฉันอยากจะเขียน

 

 

 

 

 

 

 

"ลูกจ๋า แม่จะอ่านนิทานอีสปให้ฟังนะ"

 

 

นั่นคือก้าวแรกสู่ถนนแห่งนักเขียนของฉัน

 

 

 

 

เมื่อโตขึ้น ฉันเริ่มหัดอ่านด้วยตัวเอง

 

 

"ลูกจ๋า พ่อซื้อหนังสือเรื่องโมบี้ดิ๊ก วาฬขาวเพชรฆาตมาฝาก"

 

 

ฉันดีใจ ตรงเข้าไปกอดพ่อ ฉันอ่านนิทานเล่มนั้นทุกคืนจนปกสีขาวเปื่อย

 

 

 

 

เมื่อฉันขึ้นชั้นประถม ฉันก็เริ่มเลือกหนังสืออ่านเอง

 

 

"ครูแนะนำให้อ่านนิยายไทย เรื่องพระอภัยมณี ยืมได้ที่ห้องสมุดค่ะ"

 

 

หนังสือภาพวรรณคดีคือสิ่งที่ฉันหลงใหล ครูกวีทุกยุคทุกสมัยคือบุคคลที่ฉันเคารพยกย่อง

 

 

 

 

"อ่านแต่วรรณคดี เชยจัง ไม่ลองอ่านหนังสือฝรั่งที่เขาเอามาแปลบ้างล่ะ เรื่องนี้น่ารักมาก"

 

 

เพื่อนฉันเอื้อเฟื้อให้ยืมหนังสือแปลเรื่องหนึ่ง

 

 

ฉันหลงรักคุณพ่อขายาวตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้อ่าน

 

 

 

 

ตั้งแต่นั้นมา ฉันก็สรรหานิยายแปลกใหม่ ทั้งจากห้องสมุด จากร้านค้า หรือแม้แต่นิยายที่ลงในนิตยสาร เรื่องที่ฉันชื่นชอบมักจะเป็นแนวรักใคร่ สะท้อนวิถีชีวิต

แต่บางครั้งเทพนิยายน่ารักๆก็สะดุดใจ ฉันชอบอ่านหนังสือ ฉันอยากแต่งหนังสือสักเล่ม

 

 

แต่ฉันไม่รู้เลยว่า คนๆหนึ่งจะมีนิยายเป็นของตัวเองได้อย่างไร

 

 

 

 

"เราเคยได้ยินว่ามีนิยายไทย แต่งลงอินเตอร์เน็ต ให้คนเข้าไปอ่าน"

 

 

ดีจัง ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลย ฉันอยากจะลองดูบ้าง

 

 

 

 

เย็นวันนั้น ฉันเปิดคอมพิวเตอร์ พิมพ์ลิงค์ตามที่เพื่อนฉันจดมาให้ และได้ท่องเที่ยวไปในอาณาจักรที่ฉันใฝ่ฝัน

 

 

ฉันแต่งนิยายเรื่องแรกของชีวิต โอย...ฉันตื่นเต้นจัง ฉันกดส่งเรื่องล่ะนะ!

 

 

แล้วฉันก็นั่งรอ ว่าจะมีใครแวะเข้ามาอ่านนิยายของฉันบ้าง

 

 

จำนวนคนเข้าชมเพิ่มขึ้นแล้ว แต่ไม่มีใครแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนิยายของฉันเลย อาจจะเป็นเพราะ ฉันเพิ่งลงนิยายหนแรก พรุ่งนี้ ฉันจะเข้ามาดูใหม่

 

 

 

 

 

ไม่ว่าจะกี่วันผ่านไป หน้านิยายของฉันก็ยังคงเงียบเหงา ทั้งๆที่ฉันตั้งใจแต่งเพิ่มทุกวี่วัน

 

 

จำนวนผู้เข้าชมน้อยยิ่งกว่าจำนวนวันในหนึ่งเดือน คอมเม้นต์แรกที่ได้รับก็ดูไม่จริงใจ เหมือนกับว่าเขาไม่ได้อ่านนิยายของฉัน แต่แวะมาทำความรู้จักแล้วจาก

ไปพร้อมกับบอกว่าให้ฉันแวะไปอ่านเรื่องของเขาด้วย

 

 

"สนุกดีครับ อัพบ่อยๆนะ แล้วจะเป็นกำลังใจให้ ถ้าว่างมาอ่านเรื่องของผมหน่อยนะ"

 

 

ทำไมหนอ หรือเรื่องราวของเราสู้ใครเขาไม่ได้

 

 

 

 

 

"นี่ เคยอ่านเรื่องนี้ไหม เขาว่าเป็นเรื่องดังติดชาร์ตในเว็บเลยล่ะ"

 

 

ฉันไม่เคยอ่านมาก่อน ฉันจึงขอยืมหนังสือเล่มนั้นจากเพื่อน

 

 

"พอเรื่องเขาดังมากๆ สนพ.ก็มาติดต่อไปรวมเล่ม แฟนคลับจะได้ตามมาซื้อไง"

 

 

ฉันพยักหน้า เรื่องที่ฉันแต่งและเรื่องที่เขาแต่งช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

 

 

ถ้าฉันแต่งแบบเขาบ้าง นิยายของฉันจะเป็นที่นิยมเหมือนเขาไหม

 

 

 

 

ฉันแต่งนิยายเรื่องใหม่ที่ไม่ใช่แนวของฉัน ไม่ใช่แบบที่ฉันชอบ แต่คิดว่าคนอ่านน่าจะชอบ

 

 

"แบบที่ชอบเลยค่ะ พระเอกเท่สุดๆ นางเอกก็ติ๋มซะไม่มี อยากให้สองคนนี่คู่กันจังเลย แล้วจะติดตามนะ"

 

 

"สนุกมากเลย ชอบพระเอกแบบนี้ หนุ่มในฝันเลย"

 

 

นิยายของฉันมีคนเข้ามาอ่าน มีคนโพสต์คอมเม้นต์แล้ว! ไชโย!

 

 

 

 

 

"นิยายของคุณดำเนินเรื่องช้าไปหน่อย อ่านแล้วจะหลับเสียให้ได้ ถึงไม่เร้าใจแต่ก็สำนวนดีค่ะ"

 

 

คอมเม้นต์ล่าสุดทำเอาฉันใจแป้ว

 

 

 

 

 

นับจากวันนั้น นักอ่านหน้าเก่าที่ยังแวะเวียนมาก็มีอยู่ แต่บางคนก็หายหน้าหายตาไป ฉันสังเกตเห็นว่า มีนิยายที่คล้ายๆกับของฉันอีกมากในเว็บ เพราะอย่างนี้

 

หรือเปล่า คนอ่านจึงมีทางเลือกและหันไปสนใจนิยายของคนอื่นที่อาจจะแต่งได้ดีกว่าฉัน

 

 

ฉันจะทำอย่างไร?

 

 

ในตอนนั้นเอง ฉันเห็นนิยายเรื่องหนึ่งเป็นนิยายแนวรักร่วมเพศ มีคนเข้าชมเยอะมาก

 

 

ในตอนนั้นเอง ฉันเห็นนิยายเรื่องหนึ่งเป็นนิยายแนวรักปนฉากอีโรติก มีคนเข้าชมเยอะมากเช่นกัน

 

 

ในตอนนั้นเอง ฉันเห็นนิยายเรื่องหนึ่งเป็นนิยายแนวโหดร้ายวิปริต มีคนเข้าชมมากกว่านิยายหวานๆของฉันหลายเท่านัก

 

 

นิยายบางเรื่องที่ใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้อง ยังมีคนนิยมอ่านมากกว่านิยายของฉัน

 

 

"กรี๊ดดด ชอบมากกก ให้สองหนุ่มเค้าจู๋จี๋กันมากกว่านี้อีกสิคะ"

 

 

"อ่านแล้วเลือดแทบทะลักแน่ะพี่ ตอนพระเอกอุ้มนางเอกเข้าห้องน่ะ หน้าแดงฉ่าเลย"

 

 

"โหดสะใจดี อ่านแล้วคลายเครียด เหมือนได้ฆ่าใครสักคน"

 

 

คอมเม้นต์ในนิยายเรื่องนั้นๆมากมายจนฉันอ่านไม่รู้จักจบ

 

 

ทำไมนักอ่านของฉันไม่ช่างพูดช่างคุยแบบนี้บ้าง

 

 

ฉันเหงา...ฉันท้อแท้...ฉันหมดกำลังใจ

 

 

 

 

 

"แกแต่งเรื่องจืดๆ ใครจะไปสนใจล่ะ มันไม่ใช่แนว" เพื่อนฉันให้คำแนะนำ "เด็กสมัยนี้มันเครียด อยากหาวิธีระบายออก ใครจะไปรู้ล่ะว่าการอ่านนิยายที่สะท้อนความเป็นตัวเองแบบสุดๆก็คือการระบายออกเหมือนกัน"

 

 

ความเป็นตัวเอง อะไร? ฉันไม่เข้าใจ?

 

 

"เราชอบอ่านนิยายโรคจิตเฉือนเนื้อเถือหนังว่ะ สะจายยย ยิ่งพวกที่เรตncขึ้นไปยิ่งมันส์"

 

 

"เราชอบอ่านวายอ่ะ รู้จักวายป่ะ? ไม่รู้จักได้ไง เดี๋ยวนี้การ์ตูนวายขายเกลื่อน"

 

 

"เราชอบอ่านนิยายแนวรักๆของญี่ปุ่นไม่ก็เกาหลี พระเอกขโมยจูบนางเอกโคตรบ่อยเลย อ่านแล้วกรี๊ด"

 

 

ฉันนำคำแนะนำเหล่านั้นมาครุ่นคิด นิยายของฉันไม่มีอะไรที่เพื่อนพูดถึงเลยสักอย่าง ฉันควรจะเพิ่มฉากแบบนั้นเข้าไปบ้าง เพื่อให้คนอ่านรู้สึกติดใจ

 

 

 

 

 

"ว้าย ตอนใหม่นี่พระเอกทะลึ่งทะเล้นจังค่ะ แต่เอาแบบนี้อีกก็ดีนะ"

 

 

"แหม อีตาเพื่อนพระเอกนี่น่าสงสัยอยู่นะ จะแย่งตัวนางเอกหรือจับพระเอกแทนกันล่ะนี่"

 

 

"โห ทำไมนางเอกโหดจัง แบบ เอาคัตเตอร์กรีดแขนตัวเองประชดรักเลยหรือ แต่ก็สะใจดีนะ เราก็เคยทำแบบนี้เหมือนกันแหละ เวลาทะเลาะกับแฟน"

 

 

ฉันใจเต้นแรงทุกครั้งเมื่อเห็นจำนวนคอมเม้นต์และคะแนนโหวตที่เพิ่มขึ้น

 

 

 

 

 

นิยายของฉันเริ่มขยับจากตำแหน่งส่วนลึกที่สุดของบอร์ดมาอยู่ชั้นกลาง ฉันจึงพยายามยิ่งขึ้นเพื่อให้ได้อยู่ชั้นแนวหน้า สักวันหนึ่งฉันจะส่งต้นฉบับไปยังสนพ.

 

แต่ก่อนอื่น ฉันต้องเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมให้ถึงหมื่นคนเสียก่อน

 

 

ฉันจะทำอย่างไรจึงจะบอกทุกคนได้ว่านิยายของฉัน"แรงสะใจพวกเขา"

 

 

ฉันเติมคำว่า ‘คำเตือน’ ลงไปในคำอธิบายเรื่อง เรื่องนี้ไม่เหมาะกับเด็กอายุต่ำกว่าสิบหกปี ทั้งๆที่ฉันเองก็อายุไม่ถึงสิบหกเช่นกัน

 

 

 

 

"ชอบมากเลยค่า แหวกแนว ไม่เคยอ่านอะไรอย่างนี้มาก่อน แล้วจะมาอ่านทุกวันเลยน้า"

 

 

"อายุไม่ถึงหรอก แต่ชอบอ่าน ฮ่าๆๆ ยิ่งโหดยิ่งอ่าน แบบว่าเราโรคจิตอ่ะ"

 

 

"ทำไมไม่ค่อยสวีทเลยล่ะค้า รักกันขนาดนั้น แค่จูบจะพอเหรอ ตบจูบแล้วอุ้มขึ้นเตียงเลยดีกว่า แต่งฉากวาบหวิวสนองนี๊ดคนอ่านหน่อยน้า แล้วจะแวะมาโหวตให้"

 

 

"แต่งเจ๋งดีว่ะ หื่นโคตรๆ ตอนต่อไปเอาอีกนะ แล้วจะมาดูบ่อยๆ"

 

 

ทุกคอมเม้นต์ทำให้ฉันดีใจ

 

 

 

 

นิยายของฉันมีคนอ่านมากขึ้น มีสนพ.ติดต่อมาด้วยล่ะ ฉันจะพลาดโอกาสอย่างนี้ได้ยังไง

 

 

ฉันรีบส่งต้นฉบับไป ในที่สุด สนพ.ก็ตกลง

 

 

คืนนั้นฉันเข้าเว็บอีกครั้ง

 

 

ฉันลองเปิดนิยายเรื่องแรกที่ฉันเคยแต่ง ไม่มีใครเข้าไปอ่านอีกเลย ฉันเองก็ไม่ชายตาแลมันอีกแล้วเหมือนกัน

 

 

ฉันบอกคนอ่านว่า นิยายของฉันได้รับการตีพิมพ์แล้ว

 

 

ทุกคนดีใจกับฉัน

 

 

"หนูซื้อแน่ค่ะ ตอนสุดท้ายที่พี่อุบไว้ไม่ยอมลงเว็บเป็นคืนเข้าหอใช่ไหมล่ะ จะไปซื้อมาอ่าน หุหุ พี่แต่งฉากอย่างว่าได้เซ็กซี่ดีค่ะ ชอบบบ"

 

 

ฉันยิ้ม...ฉันประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว...

 

 

 

 

ฉันวิ่งไปบอกแม่

 

 

"ดีใจด้วยนะลูก...ในที่สุดความฝันของหนูเป็นจริงแล้ว"

 

 

แม่มองฉันอย่างรักใคร่

 

 

"พ่อคิดไม่ผิดจริงๆ ลูกเรารักการอ่านมาตั้งแต่เด็กๆ ต้องเป็นนักเขียนที่ดีได้แน่"

 

 

พ่อลูบผมฉันเบาๆ "พ่อรู้ตั้งแต่หนูเริ่มอ่านกอไก่ ขอไข่ตัวแรกน่ะแหละ ยินดีด้วยนะลูก"

 

 

ภาพเด็กน้อยที่เริ่มต้นจากการเป็นนักอ่านและไต่เต้าสู่ถนนแห่งนักเขียนวิ่งผ่านสมองราวกับภาพย้อนกลับ

 

 

กระทั่งบัดนี้ ฉันปีนป่ายมาถึงจุดหมาย แต่ฉันไม่กล้าหันไปมองเส้นทางลัดอันลาดชันที่ฉันเพิ่งผ่านมา

 

 

พลันแม่ก็ดึงฉันเข้าไปกอด

 

 

"แม่จะซื้อนิยายของหนูสิบเล่มเลย จะได้เอาไปอวดเพื่อนๆของแม่ว่าลูกแม่เก่ง"

 

 

นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการ...ใช่ไหม?

 

 

ฉันรู้สึกเป็นที่ต้องการ แต่สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่ความต้องการของฉัน

 

 

ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นที่ยอมรับ แต่สิ่งที่พวกเขายอมรับไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของฉัน

 

 

ฉันคิดว่าฉันประสบความสำเร็จ แต่ฉันกลับเสียใจเมื่อได้รับคำชมจากพ่อแม่

 

 

ฉันควรจะภูมิใจในงานเขียนของฉัน แต่ฉันกลับอาย ไม่อยากให้แม่อ่าน หรือแม้กระทั่งเอาไปอวดใคร

 

 

ฉันต้องการจะทำอะไรกันแน่?

 

 

ฉันต้องการจะเป็นนักเขียน ทอฝันถักสายใยความคิดออกมาเป็นตัวอักษร ให้นักอ่านร่วมสนุกสนานไปพร้อมกัน

 

 

หรือฉันต้องการชื่อเสียง ฉันต้องการเป็นที่รู้จัก และมีหนังสือรวมเล่มเป็นที่โก้เก๋จึงจะพอใจ

 

 

มาคิดอีกที...

 

 

ถ้าเลือกได้ ฉันอยากจะเริ่มต้นใหม่ด้วยจินตนาการของฉันเอง

 

 

 

 

 

-จบบริบูรณ์-

 

 

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

'จงอยู่ท่ามกลางกระแส ว่ายตามได้ ว่ายทวนได้

แต่อย่ายอมให้กระแสพัดเราผิดทาง'

 

โดย persona non grata

เขียนไว้เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2549

 

 

+ที่มา ไดอารี่ใน MyId นี่แหละ...


PS.  Please lose yourself in me

แสดงความคิดเห็น

>

21 ความคิดเห็น

Wadoiji 2 พ.ย. 49 เวลา 21:07 น. 1

เขียนได้ดี เขียนได้ถูกต้อง...

น่าประทับใจ


PS.  ถ้ากอดเธอก็ปกป้องเธอไม่ได้... ถ้ากำดาบก็กอดเธอไม่ได้...
0
KennyHass 2 พ.ย. 49 เวลา 22:22 น. 2

โดนใจผมอย่างมากมาย และแทงใจคนอ่านอีกหลายๆคนเช่นกัน


PS.  ความเป็นผู้ใหญ่ ใช้อะไรเป็นตัวตัดสิน?
0
นายชา 2 พ.ย. 49 เวลา 23:11 น. 3

โดนครับคุณเพอร์ เรื่องจริงผ่านจอเลย


PS.  Justice delayed is justice denied : ความยุติธรรมที่ล่าช้าคือการปฎิเสธความยุติธรรม ตัวแทนแห่งโลกันตร์จะลงทัณธ์แกเอง!
0
nuch_tato 2 พ.ย. 49 เวลา 23:27 น. 4

เขียนได้ดีจริงๆ เห็นด้วยทุกอย่างเลยค่ะ


PS.   เคยเหงากันบ้างมั้ย เคยรู้อยู่ใช่มั้ย ว่าเหงามันโหดร้าย เกินจะเปรียบ
0
num mahadell 3 พ.ย. 49 เวลา 00:57 น. 5

เด็ดดวงมากครับ เรื่องนี้ 

สอนใจดีนักแล...


หึๆๆ....^^


ปล.ท่านเพอร์  ออกมาจากห้องใต้ดินที่อิมเมอร์ทอล เอเดน!   หายาก!  ถ่ายรูปเก็บไว้  แช๊ะๆๆ!!!  ^^v


PS.  ...เป็นเพียงสายลมแห่งจินตนาการ
0
Hypertonic 3 พ.ย. 49 เวลา 04:58 น. 6

สอนใจสุดๆ เห็นด้วยเลยเจ้าค่ะ ตอนเข้ามาที่นี่ใหม่ๆก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองชอบแนวไหน ก็แต่งไปเรื่อยๆจนกระทั่งมีนักอ่านท่านหนึ่งบอกว่ามันดูขัดๆ เท่านั้นแหละค่ะรู้เลย...ไม่ใช่แนวของเอ็ง หาแนวอื่นเถอะวะ


PS.  ทำไมมันถึงได้น่าเบื่อขนาดนี้นะ...
0
persona non grata 3 พ.ย. 49 เวลา 12:04 น. 7

ตามประสาพวกบ้ากล้อง ต้องรีบมาเก๊กท่าหน้ากล้องให้คุณหนุ่มถ่ายรูป (-_-)v (ไร้สาระอีก...)

หายากอะไรกัน ผมไม่ได้อยู่บอร์ดโน้นตลอดเสียหน่อยนี่คุณหนุ่ม ผมก็วนเวียนอยู่ในนี้ทุกวันแหละ แต่ไม่แสดงตัว เดี๋ยวคนอ่านจับได้ว่าอู้งานไม่ยอมอัพนิยาย เอ้ย...ไม่ใช่ละ...(รีบกลบเกลื่อน) ง่า...แต่ไม่รู้จะคุยอะไรเลยอ่านเฉยๆต่างหาก...


PS.  Please lose yourself in me
0
tuskung007 3 พ.ย. 49 เวลา 12:31 น. 8

เยี่ยม.....อ่านไป....ก็นึกถึงเรื่องราวที่ถูกรังสรรค์ขึ้นโดยนักเขียนทั้งหลายที่ได้อ่านมามายมายก่ายกอง(ที่เด็กดีนี่ล่ะ เพราะไม่ค่อยได้ไปอ่านที่เว็บอื่น) แถมท้ายด้วยการนึกถึงตัวเอง...เฮ้อ!
อมตะ..เรื่องนี้เคยอ่านนะฮะ .... แต่สงสัยต้องกลับไปหาคำนำ และเรื่องราวมาอ่านอีกซักรอบ


PS.   คิดทุกคำที่พูด แต่ไม่ได้พูดทุดคำที่คิด!!!
0
num mahadell 3 พ.ย. 49 เวลา 13:32 น. 9

อ้อ...ครับ ว่างๆก็ไปแวะเวียนบอร์ดสถาพรบ้างนะครับท่านเพอร์ ^^


PS.  ...เป็นเพียงสายลมแห่งจินตนาการ
0
kamakuro 3 พ.ย. 49 เวลา 15:40 น. 10

อ่านแล้ว.......รู้สึกว่าคำว่านักเขียนนี้มันช่างยากลำบากยิ่งนัก



แต่สมัยนี้กลับมีนักเขียนออกมามากมายยิ่งนัก



เราเลยสงสัยว่า...นักเขียนนักมันยากแน่หรือ?

0
Star* of Radiance 3 พ.ย. 49 เวลา 17:25 น. 11

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
มองดูตัวเอง...ไม่ตรง รอดตัวไป

ป.ล. เรื่อง อมตะ สุดยอดมากท่าน ! เป็นหนังสือซีไรต์เรื่องแรกที่ผมอ่านเลย ^^


PS.  Yet if there be any on whom the shadow of our curse has not yet fallen, I should find at least a few to follow me, and should not go hence as a beggar that is thrust from the gates.
0
i - p y m t h * 4 พ.ย. 49 เวลา 12:51 น. 14

ป๋าเพอร์นี่ตั้งกระทู้ที เล่นซะกระแทกใจใครหลายๆคน

หึหึ แต่เราไม่โดน เพราะเป็นคนอ่านที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์โรคจิตทั้งปวง

*เด็กดีน่าจะมีระบบแอดกระทู้โดนใจเก็บไว้ได้จังเลย

0
Ayamin 3 ธ.ค. 49 เวลา 20:10 น. 15

ชอบ โดนใจมากๆ เลย นี่แหละ ความรู้สึกของเราเหมือนกัน แต่งทำไมตามเทรนด์ เน๊อะ ยังไงก็ขอบคุณที่ตั้งกระทู้นี้ให้ได้อ่านกันนะคะ ไม่รู้ว่าคุณเพอร์จะได้มาอ่านความคิดเห็นนี้มั้ย แต่ก็อยากขอบคุณอยู่ดี
*ตอบช้าไปมากๆ คงไม่เป็นไรนะคะ

0
ข้าวโพดคลุกเนย 6 ธ.ค. 49 เวลา 20:42 น. 16

ชอบมากๆเลยค่ะ อ่านแล้วโดนใจ เราก็เคยคิดจะแต่งนิยายตั้งหลายรอบ คิดได้สักครู่ ความคิดนั้นก็หายไป แต่งไม่สำเร็จสักที่ แล้วจะกลับไปลองดูใหม่นะคะ

...ขอบคุณค่ะ...


PS.  ~ความรู้จะแตกฉาน ถ้ารักการอ่านหนังสือ~
0
องค์หญิงปีศาจ 25 ธ.ค. 49 เวลา 14:41 น. 18

       เราอ่านแล้ว ประทับใจ เพราะมันเป็นเรื่องจริง เรานะ เห็น ID คนอื่นชอบอะไร เราก็อยากชอบตาม
             เพราะเขาจะได้รู้ว่าเราเป็นพวกเดียวกัน เราจะได้มีคนรู้จักมาก แบบ+ไปไหนก็มีแต่คนรู้จัก
                     เราเปลี่ยน ID บ่อยไปตามกระแส เปลี่ยนไปเรื่อยๆ...เรื่อยๆ....... พอเราคิดได้
                            เราอยากเริ่มต้นใหม่     เช่น ลบ ID ของตัวเองทิ้ง   แต่ไม่รู้ลบอย่างไร?
                                   ที่จริงเราก็อยากแต่งนิยายแต่แต่งไม่ออก มันต้องวางโครงสร้าง ดูเนื้อเรื่อง ฯลฯ 
                                           จึงปวดหัว ***
PS.  ...ในโลกนี้ยังมีคำว่า "การให้อภัยคือกุศลอันยิ่งใหญ่" แต่จะมีใครสักกี่คน ที่นำคำนี้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน คงไม่มี หรือถ้ามีแต่ก็คงน้อยมาก
0