ทำไมอยากจะจดลิขสิทธิ์...ก็เพราะเราถูกลอก
คำว่าจดลิขสิทธิ์ ไม่ใช่ว่าไม่เคยอยู่ในหัวสมอง
แต่ที่คิดคือแต่งให้จบก่อน แล้วเวลาจะส่งสำนักพิมพ์แล้วค่อยจด
ไม่ก็จดกับทางสำนักพิมพ์ไปเลย
แต่วันนี้...มันไม่ใช่อย่างนั้น
เมื่อเราโดนขโมย...ขโมยผลงานที่อุตส่าห์แต่งขึ้นมา
หรือง่ายๆ
...เราโดนก็อปผลงาน
ในวันหนึ่งที่นั่งเช็คดูผลงานตัวเองอยู่เพลินๆ
สายตาก็พลันไปเจอะกับจำนวนคอมเม้นต์ที่เพิ่มขึ้นมาในนิทานที่แต่งขึ้นมาเป็นเรื่องแรก
...ดีใจจัง...ใครมาเม้นต์ให้เรานะ นี่คือความคิดแรกที่คิดขึ้นมาในหัว
ด้วยความดีใจปนอยากอ่านคอมเม้นต์เร็วๆ
ฉันจึงรีบคลิกตรงไปดูในบทความทันที
แต่ที่ฉันเห็นคือ
++เราขอก็อปนิยายเธอล่ะกันนะ ขอโทษด้วยล่ะกันที่ก็อป ก็นิยายของเธอคือมันสนุกจริงๆนิ++
เราตกใจ...ก็อปไปได้ยังไง เราตั้งระบบคลุมดำแล้วนะ
หรือว่าเธอจะเปิด soruce แล้วก็อปไป
แล้วสิ่งที่สงสัยตามมาคือ...
เธอเม้นต์ลงในเรื่องสั้นที่เราแต่งแล้วใช้ประเภทนิทาน
แต่เธอกลับเรียกเรื่องสั้นนี้ว่านิยาย
เอ๊ะ...หรือว่าเธอลอกนิยายของฉันอีกเรื่อง
แต่มาเม้นต์ลงในนี้เพื่อจะได้เป็นการไม่สังเกต
ตอนนั้นฉันรู้สึกแต่ว่าโกรธ...มาก
เธอบอกว่านิยายของฉันสนุก เธอก็เลยต้องก็อปไปอย่างนั้นหรือ
ใครสอนเธอ...ใครบอกเธอว่าสนุกจะต้องก็อป
เธอมาขอแบบนี้...เราอนุญาตแล้วหรือ
แต่เอาเถอะเมื่อเธอก็อปไปแล้ว
ฉันก็แทบว่าอะไรเธอไม่ได้นี่
เพราะเธอขอแล้ว แต่บังเอิญฉันไม่ได้อนุญาตเธอก็เท่านั้น
แต่ฉันอยากจะถามเธอ
ว่าเมื่อเธอคัดลอกไปแล้ว...เธอให้เครดิตฉันหรือเปล่า
เธอได้บอกไหม
ว่าฉันเป็นคนแต่ง เธอเป็นคนลอก
เธอได้บอกไหมว่าเธอเอามาจากลิงค์ไหน
หรือว่าเธอตบตาคนอื่นว่าเธอแต่งขึ้นมาเลย
ถ้าเธอทำอย่างหลังล่ะก็
....เธอมันโคตรจะทุเรศแล้ว
ถ้าเธอมาอ่าน ถ้าเธอมาพบ
ฉันรู้ว่าเธอคงโกรธที่ฉันเอาเรื่องนี้มาพูด
แต่เธอรู้ไหม...ว่าฉันก็ไม่ใช่แม่พระ ฉันก็โกรธไม่แพ้เธอ
ถามเธอหน่อยสิ
ว่าถ้าฉันอยากให้เธอลอก อยากให้เธอก็อปฉันจะตั้งระบบป้องกันบทความไว้เพื่ออะไร
ตั้งไว้ทำเท่ ตั้งไว้ตามกระแสอย่างนั้นหรือ
เธอยังทะเยอทะยานลอกมันไปได้
เธอมี...อะไรอยู่ในภายใต้จิตใจ ใต้จิตใต้สำนึกบ้างหรือเปล่า
ถ้าเธอเป็นคนหนึ่งที่กำลังติดตามผลงานของเราอยู่
เราก็อยากบอกเธอว่า...เราไม่ขอมีนักอ่านที่พอใจในผลงานเรา
แต่กลับ...มาทำร้ายจิดใจของเราอย่างนี้
วันนี้...ฉันได้บทเรียนเยอะแยะ
รู้ว่า...ลิขสิทธิ์คือทุกสิ่งทุกอย่างของงานเขียนของฉัน
ขอบคุณที่ทำให้ฉันอยากที่จดลิขสิทธิ์ทุกครั้งที่เขียน
สุดท้ายนี้...
ฉันอยากให้เธอ....รู้จักวิธีที่ขอ...ให้ดียิ่งกว่านี้
และ
ฉันอยากให้เธอรู้จักคำว่า
...ละอายเสียบ้างก็ยังดี...
PS. บางที....เราต้องหัดมองรอบๆตัวเองบ้าง เผื่อจะได้รู้ว่าในโลกนี้...มันไม่ได้มีแค่เราเพียงคนเดียว
4 ความคิดเห็น
โอ้ว เห็นบอกว่าแม้จะป้องกันการก็อปแล้วแต่คนจะก็อปมีวิธีมากมาย อันนี้ผมก็ไม่รู้เรื่องเท่าไรนัก ไม่เก่งคอม
แต่จะไปทำทะเบียนลิขสิทธิ์ก็เป็นเรื่องที่ดีครับ ไปที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้เลย
แต่แนะนำง่ายๆว่า เรื่องที่เขียนจบแล้วอย่าเอาลงเว็บจนหมด กั๊กไว้สักครึ่งหรือไม่ก็ กั๊กไคลแมกซ์ไว้ ส่งสำนักพิมพ์ก่อนที่พวกชอบก็อปจะฉกฉวยเอา ถ้าเรื่องผ่านก็สบายใจได้จะเอาลงจนจบก็ไม่ว่ากัน
เป็นกำลังใจให้ครับ
PS. แค่ฟันธงแล้วไม่หันกลับไป
ถ้าจำไม่ผิด
ในทันที ที่ นิยายของเราได้เผยแพร่ลงในสื่อสาธารณะ นิยายเรื่องนั้น ก็จะเป็นลิขสิทธิ์ของเราโดยปริยาย อยู่แล้วมิใช่ฤๅ
หรือผมเข้าใจผิด = ="
กฎหมายลิขสิทธิ์คุ้มครองให้เราทันทีที่เราจดปลายปากกาลงไปครับ ถ้าเข้าเงื่อนไขว่าเป็นงานที่สร้างสรรค์ แต่การไปทำประวัติไว้ที่กรมฯ จะง่ายต่อการสืบหากมีคดีพิพาทเกิดขึ้น ความจริงไม่ต้องไปก็ได้ เพราะเราเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์อยู่แล้ว ทางแก้ง่ายๆก็คือ อย่าลงเว็บจนหมด ส่งเรื่องให้สำนักพิมพ์ก็เก็บเมลล์ที่ส่งไปไว้เป็นหลักฐาน อย่าลบ จะได้รู้ว่าเราส่งต้นฉบับไปวันไหนยังไง
ครับ
PS. แค่ฟันธงแล้วไม่หันกลับไป
ถ้าคุณอยากเผยแพร่อ่านฟรี ง่ายมากครับ
แค่ส่งบทความ นิยาย เรื่องสั้น ไปทั่วอินเตอร์เน็ต
แล้วส่งเป็นอีเมลหลายยี่ห้อไว้
ลิขสิทธิ์เกิดขึ้นแล้วครับ เวลาคุณส่งลงเน็ต
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?