Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

@Hokkaido ท่องธรรมชาติรอบเกาะฮอกไกโด (วันที่ 1)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ไปอ่านต่ออื่นๆ ต่อได้ที่

เพิ่งไปเที่ยวญี่ปุ่นรอบที่ 2 มา (ครั้งแรกคือเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ตอนนั้นไปแถวภาคกลาง โตเกียว-เกียวโต-โอซาก้า) ครั้งนี้ไปกันที่เกาะที่อยู่เหนือสุดของญี่ปุ่นคือ ฮอกไกโด นั่นเอง

และเนื่องจากเป็นคนที่คิดว่าการท่องเที่ยวคือการไปพ้กผ่อน ครั้งนี้เราก็เลยไปกับทัวร์แน่นอนเพราะมันสบายและถูกกว่าไปเอง ที่เลือกๆ มามีหลายเจ้าแต่ที่รายการ+เวลาโอเคสุดคือของ Go Holiday ที่ต้องจองผ่าน Quality Express Tour (Qetour)  อีกทีนึง

ตารางการท่องเที่ยวแบ่งเป็น 7 วัน แต่วันแรกกับวันสุดท้ายอยู่บนเครื่องบินดังนั้นไม่นับละกัน นับ day#1 จริงๆ คือวันที่ 2 ตามรายการทัวร์ ถ้าดูจากแผนที่ข้างล่างคือคุ้มมาก เพราะไปรอบเกาะเลย ขาดจุดสำคัญบางที่เช่น ฮาโกดาเตะ ฟุราโนะ และ วักกะไน แต่โดยรวมก็จัดว่าค่อนข้างครบ (ราคาทัวร์ 59,000 บาท)

พอดีเราถ่ายรูปมาเยอะมาก แต่พอเอามาเขียนเป็นบล๊อกแล้วจึงต้องมีการคัดเลือกรูป
สามารดูรูปเต็มๆ ทั้งหมดได้ที่เพจของเราแทนนะ จิ้มที่นี่เลย

 

กล้องประจำตัว

เผื่อคนอยากรู้ว่าทริปนี้ รูปทั้งหมดที่ถ่ายมาน่ะใช้กล้องอะไร คำตอบคือ กล้องมิเรอร์เลส Sony NET-5T (ที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อรุ่นเป็น a5100 เรียบร้อยแล้ว) พร้อมเลนส์ที่ใช้ประจำ 18-200mm. (ที่ราขึ้นไปแล้ว ล้างไม่ได้ด้วย) แต่ที่เพิ่มเติมคือเลนส์ถ่ายมุมกว้าง (เลนส์ไวด์) 10-18mm. ที่ตัดสินใจซื้อมาเพราะได้ไปทริปนี้โดยเฉพาะเลยล่ะ เอามาถ่ายวิวโดยเฉพาะ

 

พร้อมแล้ว! โอเค … ไปได้!

เหมือนการเดินทางไปต่างประเทศโดยทั่วไปคือเริ่มต้นจากสนามบินสุวรรณภูมิ เที่ยวบินไปญี่ปุ่นครั้งนี้ของเราคือ การบินไทย TG-670  (เป็นเครื่องโบอิ้ง 747 เครื่องใหญ่ นั่งสบาย บินนิ่ง) ออกเดินทางห้าทุ่มกว่าเกือบเที่ยงคืน ใช้เวลาบินทั้งหมด 6 ชั่วโมง (ถ้าเป็นขากลับจะใช้ 7 ชั่วโมงเพราะบินทวนลม) เครื่องเทคออฟเสร็จก็นอนกันเลย หรือจริงๆ ต้องบอกว่าเริ่มนอนตั้งแต่เครื่องยังไม่ขึ้นด้วยซ้ำ ที่รีบนอนก็เพราะว่าเรามีเวลานอนจริงๆ แค่ 4 ชั่วโมง เนื่องจากก่อนเครื่องลงแอร์จะเริ่มเอาอาหารเช้ามาเสิร์ฟแล้ว วันแรกที่ไปถึงเลยมึนไปครึ่งวัน (ปกตินอนวันละ 7-8 ชั่วโมง โดนลดเวลานอนไปครึ่งนึง)

ปกติ ถ้าใครไปญี่ปุ่นสนามบินที่น่าจะนึกถึงคือฮาเนดะและนาริตะ แต่สำหรับฮอกไกโดแล้วจะมีสนามบินหลักชื่อ “นิว จิโตเสะ” (New Chitose) ซึ่งเป็นสนามบินใหญ่ที่เล็กๆ (ฮา) ขนาดทีว่าจุดเช็กอิน ตรวจคนเข้าเมือง และเกตขึ้น/ลงเครื่องแทบจะอยู่ติดกันอยู่แล้ว แต่ที่เด็ดสำหรับสนามบินแห่งนี้คือ มันมีห้างอยู่ในสนามบินล่ะ!


รายการวันที่ 1

  • โดราเอม่อน วาคุวาคุ สกายปาร์ค
  • ทุ่งดอกไม้สีเหลือง นาโนะฮานะ (เรพซีด)
  • Ice Pavilion
  • น้ำตกกิงกะ+ริวเซย์

และจุดแรกที่เราไปเที่ยวกันก็อยู่ในสนามบินนี่ล่ะ (ประสบการณ์แปลกใหม่ เริ่มโปรแกรมแรกอยู่ในสนามบิน) นั่นคือ Doraemon WakuWaku Sky Park ซึ่งอยู่ชั้น 3 ในสนามบิน ชั้นเดียวกับจุดเช็กอินกระเป๋า ห่างกันแค่ 100 เมตร โดยไกด์ให้เราเอากระเป๋าไปเก็บในรถที่จอดอยู่ข้างล่างกันก่อน แล้วหลังจากเอากระเป๋าขึ้นรถและจับจองที่นั่งเรียบร้อยก็กลับขึ้นไปชั้น 3 ในสนามบินใหม่

#Doraemon WakuWaku Sky Park

โดราเอม่อน (ที่คนไทยชอบอ่านย่อเป็นโดเรม่อน) ของที่นี่จะต่างจาก Doraemon Museum ที่เมืองคาวาซากิที่การจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์โชว์ผลงานและเบื้องหลังการสร้างโดราเอม่อน แต่ที่นี่จะเหมือนกับ Art in Paradise ที่พัทยา คือเป็นฉากให้คนมาถ่ายรูปมุมแปลกตาๆ ด้วยกัน ซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดน่ะเป็นธีมโดราเอม่อน

นอกจากพวกฉากให้ถ่ายรูปสวยๆ แล้วก็จะมีการแสดงโชว์ (ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นทุกๆ ครึ่งชั่วโมง) จะใช้เทคนิคประกอบกับฉากหลังที่เป็นโปรเจคเตอร์ นักแสดงเอคทีฟมากๆ สมกับเป็นคนญี่ปุ่น (ฮา)

ส่วนข้างนอกจะมีพวกร้านของที่ระลึกขาย มีร้านอาหารและขนมลายโดราเอม่อนด้วยล่ะ

#ทุ่งดอกไม้เหลืองนาโนะฮานะ (เรพซีด)

หลังจากนั้นก็เดินทางไปที่เมืองทาคิคาวะไปยังทุ่งดอกไม้สีเหลือง นาโนะฮานะ หรือ เรพซีด (บางประเทศก็เรียกว่า Canola)

ทุ่งดอกไม้นี่จริงๆ เป็นอีเวนท์หนึ่งของเมืองทาคิคาวะ ถ้าไปช่วงอื่นที่เลยเดือนมิถุนาไปแล้วก็อาจจะเจอได้อยู่ แต่อาจจะไม่เยอะขนาดนี้ ทุ่งดอกไม้สีเหลืองที่คนญี่ปุ่นเรียกนาโนะฮานะนั้นมีหลายแปลงกระจายไปทั่วเมือง ดูในแผนที่ข้างล่างพวกหย่อมเหลืองๆ นั่นล่ะ

ตอนแรกเนื่องจากหาที่จอดรถไม่ได้เลยได้ไปแปลงที่เล็ก แต่ไกด์ก็บอกให้คนขับรถขับมาดรอปที่แปลงนี้ให้ เลยได้รูปสวยๆ มา … แปลงดอกไม้ที่แวะอยู่ริมทาง ถนนไม่กว้างนัก แต่ก็มีรถจอดกันเยอะเพราะคนลงมาถ่ายรูปกัน

วันนี้แดดค่อนข้างดี แต่อากาศที่นี่เย็นเลยไม่ร้อน แถมฟ้าเปิดอีกตั้งหาก เลยได้รูปเป็นฉากหลังสีฟ้าสดใสไม่มีเมฆเลย

#Ice Pavilion กับห้องเยือกแข็ง -41 องศา

เสร็จแล้วเราก็ไปกันต่อที่เมืองคามิคาวะซึ่งมี พิพิธภัณฑ์น้ำแข็ง Ice Pavilion ซึ่งเป็นที่จัดแสดงงานศิลปะจากหิมะ ซึ่งข้างในก็หนาวมาก อุณหภูมิระดับ -20 องศา ทางพิพิธภัณฑ์มีเสื้อหนาวให้ยืมใส่แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรขนาดนั้น ใครเคยไปต่างประเทศ ตอนหิมะตกน่าจะรู้ดี ในจำนวนนี้มีห้องหนึ่งเป็นโซนเยือกแข็งอุณหภูมิ -41 องศา เพื่อจำลองฮอกไกโดในปีหนึ่งที่อุณหภูมิลดต่ำขนาดนั้น เข้าไปนี่กลัวกล้องและเลนส์พังมากๆ (ฮา)

สำหรับที่นี่ก็มีของขายเป็นปากกาที่สีจะจางหายไปเมื่อโดยความร้อน และตัวสีจะกลับมาใหม่เมื่อเจอความเย็น ก่อนเข้าไปเขาก็ให้เราระบายสีรูปที่มีแจกให้กันก่อนจะเอาไปอังเตาไฟ แล้วพกเข้าไปในห้องน้ำแข็งด้วย สีที่ระบายไว้จะกลับมา

 

#น้ำตก Ginga และ Ryusei

ความจริงรายการนี้เป็นของวันที่สอง แต่เลื่อนเวลามาเป็นวันนี้แทน พรุ่งนี้จะได้มีเวลาเดินทางนานขึ้น

สองน้ำตกที่อยู่ในเขตของอุทยานไดเซ็ตสึซัง อุทานที่ใหญ่ที่สุดของฮอกไกโด โดยน้ำตกทั้งสองอยู่ห่างกันแค่ไม่กี่ร้อยเมตร จะชมวิวจากจุดแวะพักริมทางหรือเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งเพื่อดูน้ำตกใกล้ๆ ก็ได้

น้ำตกริวเซย์ จะอยู่ทางขวา (รูปใหญ่ข้างบน) ฉายาน้ำตกดาวตก ลักษณะการไหลจะออกมาจากซอกผา เป็นเส้นตรงและกระแสน้ำจะแรงกว่า ดูแข็งแรง เลยได้เป็นน้ำตกผู้ชาย

น้ำตกกิงกะ จะอยู่ทางด้านซ้าย (รูปใหญ่ข้างล่าง) ฉายาน้ำตกแม่น้ำสีเงิน ลักษณะการไหลเป็นเส้นไขว้ไปมาคล้ายเส้นด้าย ดูอ่อนช้อยกว่า เลยได้เป็นน้ำตกผู้หญิง

ไกด์เล่าให้ฟังว่าอะไรก็ตามในธรรมชาติของญี่ปุ่นถ้ามันมี 2 อันอยู่คู่กันมักจะถูกจับคู่ให้เป็นผู้หญิงอันนึง ผู้ชายอันนึง โดยส่วนใหญ่อันทางทางซ้ายหรืออันที่ใหญ่กว่าจะได้เป็นผู้หญิง เพราะสำหรับประเทศนี้ ตำนานและความเชื่อจะถือว่าเทพผู้หญิงใหญ่กว่าผู้ชาย (เช่นเทพดวงอาทิตย์ อามาเทราสึ คือเทพที่ใหญ่ที่สุดในตำนานก็เป็นผู้หญิง)

ระหว่างน้ำตกทั้งสองอัน จะมีทางเดินเลียบถนนเล็กๆ ที่มีต้นไม้ขึ้นเต็มสองข้างทาง (อีกด้านฝั่งที่ไม่ใช่ถนนจะเป็นแม่น้ำ สีสวยมาก)

คำแนะนำสำหรับคนที่ไม่มีเลนส์มุมกว้างแต่อยากเห็นภาพน้ำตกให้ได้ครบทั้งอัน ให้มาถ่ายรูปจากจุดแวะพักที่อยู่อีกด้านของถนน จะมีเนินขึ้นไปถ่ายรูปจากมุมนั้นได้

 


แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ข่าว ค่าย กิจกรรม กรุณาไปที่ www.dek-d.com/activities