Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

แชร์ประสบการณ์เรียนภาษาจีนกลางช่วงซัมเมอร์ ณ ฮาร์บิน เมืองน้ำแข็งแห่งแดนมังกร

ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่าาา ชื่อ”อุ๊”นะค้าาา เรียนอยู่มหาวิทยาลัยศิลปากรชั้นปีที่ 3 ค่ะ ช่วงนี้รู้สึกว่างๆ เลยอยากมาเล่าประสบการณ์การเรียนภาษาจีนกลาง  1 เดือนช่วงปิดเทอมซัมเมอร์ที่ผ่านมา ที่ 哈尔滨工业大学Harbin Institute of Technology หรือเรียกสั้นๆว่า HIT ไม่ก็ Hagongda (ฮากงต้า) ก็ได้ค่ะ มหาวิทยาลัยนี้ตั้งอยู่ที่เมืองฮาร์บิน ประเทศจีน ถือได้ว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงของประเทศจีนเลยก็ว่าได้ 


เมืองฮาร์บินตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศจีนใกล้ๆกับประเทศรัสเซีย ดังนั้นอากาศจะหนาวตลอดทั้งปี แต่จะมีเดือนที่ร้อนที่สุดคือช่วงกรกฎาคม – สิงหาคม อุณหภูมิประมาณ 24-31 องศาเซลเซียส และโชคดี๊โชคดีเราก็ไปช่วงเดือนที่ร้อนที่สุดพอดีเลยค่ะ 555555 ตอนที่เหยียบที่สนามบินวันแรกเราก็คิดว่า เอ๊ะ! มาเมืองหนาวทั้งทีขอสัมผัสลมเย็นๆสักนิดซิ... สรุปอากาศร้อนประมาณเมืองไทยเลยจ้า 555555 แต่ดีตรงที่นี่อากาศร้อนแต่เราไม่มีเหงื่อเลย ไม่แสบผิวเหมือนตอนอยู่ไทย แต่ก็มีบางวันนะที่อากาศเย็น ในตอนกลางคืนอากาศจะต่ำสุดประมาณ 15-20 องศาค่ะ 

อันนี้จะเป็นรูปในเมืองฮาร์บินที่ถ่ายรอบๆม.ค่ะ บางทีก็ถ่ายบนรถเมล์ บางทีเดินเจอก็ถ่าย สวยหลายมุมเลยย ><

ตอนแรกเรามีความคิดที่จะอยากมาเรียนภาษาจีนที่ประเทศจีน แต่ยังเลือกไม่ได้ว่าเรียนที่เมืองไหนดี วันหนึ่งเราก็ได้ไปอ่านรีวิวของเพื่อนในคณะ เค้ามาเรียนที่ฮาร์บิน เราก็ เอ๊ะ! น่าสนใจดีนะ เพราะเมืองนี้สวยสไตล์ยุโรปมากๆเนื่องจากได้รับอิทธิพลมาจากรัสเซียเยอะ บ้านเมืองดูสะอาดตา การคมนาคมก็สะดวก มีทั้งรถไฟฟ้าใต้ดินและรถเมล์หลายสาย แถมค่าครองชีพก็ถูก และได้ยินมาว่าคนที่นี่พูดภาษาจีนกลางชัดและฟังง่าย เราจึงตัดสินใจบอกแม่ว่าอยากมาเรียนภาษาที่นี่ พร้อมบอกเหตุผลต่างๆนานา ซึ่งก็นานกว่าแม่จะให้ไป แต่ในที่สุด....เราก็ได้มาเรียนที่นี่จนได้ 555555

หลังจากอ่านรีวิวของเพื่อนจบเราก็ติดต่อไปยังเพจตามที่เค้าแนะนำมา ตอนแรกก็กลัวๆไม่กล้าทักไป แต่พอได้คุย พี่เค้าก็ให้คำแนะนำดีมากกกก ตั้งแต่เรื่องเตรียมเอกสาร ขอวีซ่า ตั๋วเครื่องบิน ข้อมูลเกี่ยวกับเมืองฮาร์บิน ตอนไปถึงที่นู้นพี่เค้าก็พาไปแนะนำสถานที่ต่างๆ สายรถเมล์ วิธีนั่งรถไฟฟ้า แนะนำมหาลัย พาไปซื้อของใช้จำเป็น รวมถึงดูแลความเป็นอยู่ทู๊กกกกอย่าง ^^

อันนี้เป็นร้านข้าวร้านแรกที่กินที่ฮาร์บินเลยค่ะ เป็นโรงอาหารใน ม. ราคาไม่แพง อร่อย มีให้เลือกหลากหลาย ส่วนใหญ่นักเรียนต่างชาติจะมากินที่นี่ตอนพักเที่ยงและตอนเย็น
วันแรกกำลังเดินดูรอบ ม. ค่าา
อันนี้แถวๆหน้า ม. มีรถเมล์หลายสายผ่าน เพราะว่า ม.อยู่ใจกลางเมืองฮาร์บินเลยค่าา
วิวจากรถเมล์ค่ะะ
วันที่สองก่อนเปิดเรียนพี่ที่ดูแลพวกเราจะพาไปแนะนำเมืองฮาร์บินและซื้อของใช้ที่จำเป็นค่ะ
สินค้าต่างๆในซุปเปอร์ข้างๆหอพักค่ะ 
หอที่พวกเราอยู่ หน้าตาเป็นแบบนี้แหละค่าา วินเทจหน่อยๆ 555 อยู่ข้างสนามเทนนิสด้วยยย
เพื่อนๆที่ไปด้วยกัน มาจากหลายๆม. แต่สนิทกันเร็วมากกกกกกกกก น่ารักทู๊กกกกคนนนน อิอิ
เดินกันเป็นหมู่คณะ กลัวหลง 555555555
แผนที่ในมหาวิทยาลัยค่ะ

มาพูดถึงเรื่องการเรียนการสอนของฮากงต้ากันค่ะ เราไปเรียนคอร์สซัมเมอร์  1 เดือน คือเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงปิดเทอมของมหาวิทยาลัยในหลายๆประเทศ จึงมีนักศึกษานานาชาติมาเรียนภาษาเยอะมากกก ที่เยอะที่สุดก็จะเป็นรัสเซียกับเกาหลี นอกจากนี้ก็มีแคนาดา อินโดนีเซีย อเมริกา ญี่ปุ่น ไทย และอีกมากมายค่า ซึ่งการแบ่งห้องเรียนจะแบ่งโดยการสอบวัดระดับมีตั้งแต่ A B C C+ D E F เรียงตามลำดับเลยค่ะ ระดับ A ก็จะเรียนตั้งแต่พื้นฐาน และจะยากขึ้นเรื่อยๆตามระดับชั้น เมื่อสอบวัดระดับเสร็จปุ้บ อาจารย์ก็จะสุ่มห้องให้ ซึ่งห้องนึงมีประมาณ 15-20 คน ใน 1 ห้องก็จะมีคนจากหลากหลายประเทศคละกันไป เราได้อยู่ห้อง C1 คือ ระดับ C ห้องที่ 1 


ในห้องของเรามีคนไทย 5 คน โอปป้าเกาหลี 4 คน เพื่อนผู้หญิงเกาหลี  1 คน รัสเซีย 3 คน คุณตาชาวญี่ปุ่น 2 คน และผู้หญิงเกาหลีที่ไปเรียนแคนาดาอีก  1 คน รวมเป็น  16 คน เรารู้สึกว่าการเรียนการสอนของที่นี่ค่อนข้างเข้มงวดและจริงจังมากกก คือมาเรียนทั้งทีก็ต้องได้ภาษากลับไปหรือไม่ก็สามารถพูดได้ไม่มากก็น้อย วิชาเรียนของที่นี่แบ่งเป็น 2 คาบ เรียนตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึงเที่ยง โดย 8 โมงถึง 10 โมง เรียนไวยากรณ์และคำศัพท์ 10 โมงถึงเที่ยงจะเรียนการพูด เหล่าซือของที่นี่สอนได้ดีมากๆ มีทั้งเทคนิคการสอนที่สามารถทำให้เราจำคำศัพท์และตัวเขียนได้เร็วขึ้น เรียนแล้วไม่เบื่อ และได้ความรู้จริงๆ นอกจากนี้ก็มีกิจกรรมให้ทำระหว่างเรียน เช่น แบ่งกลุ่มไปตามหาสถานที่ต่างๆในมหาลัยโดยการถามคนจีน และเมื่อไปถึงแล้วก็มีคำถามไปถามคนที่อยู่ในสถานที่นั้นๆ เมื่อถามเสร็จ ก็เอามานำเสนอหน้าชั้นเรียนว่า ไปสถานที่เหล่านั้นอย่างไร คนที่นั้นเค้าตอบคำถามว่าอย่างไรบ้าง เรารู้สึกเหมือนได้ทำมิชชั่นเลยอ่ะ 555555 สนุกมากๆๆ และได้คุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อนในห้อง เรารู้สึกว่ามันเป็นกิจกรรมที่ไม่น่าเบื่อและสามารถทำให้เราได้พัฒนาทักษะภาษาจีนมากขึ้น นอกจากมิชชั่นที่เราได้ทำแล้วก็มีกิจกรรมหลายอย่างที่ให้ทำกับเพื่อนๆในห้อง เช่น นำเสนอสถานที่ นำเสนอเกี่ยวกับประเทศบ้านเกิด พูดเกี่ยวกับเรื่องครอบครัว แสดงบทบาทสมมุติ โต้วาที สนทนาโต้ตอบ โดยใช้ภาษาจีนทั้งหมด ซึ่งเพื่อนในห้องแต่ละคนสำเนียงก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ เราก็ต้องฝึกฟังไปด้วย บางทีก็ได้คำศัพท์ใหม่ๆเยอะแยะเลย

อันนี้เป็นหนังสือเรียนค่ะ ระดับชั้น C จะเรียนเล่มสีน้ำเงินค่าา 
อันนี้อาจารย์ให้นำเสนอเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยค่าา 

เมื่อเรียนเสร็จ 1 คอร์สก็จะมีสอบวัดความรู้ที่เราเรียนไป 1 เดือน แบ่งเป็นสอบเขียนและสอบพูด (ขอนอกเรื่องว่าการสอบของที่นี่ค่อนข้างโหด เราอ่านหนังสือทั้งคืนเลยอ่ะ เพราะเนื้อหาเยอะมากๆๆ 5555555) เมื่อสอบเสร็จก็จะประกาศผลสอบในวันต่อมา พร้อมทั้งรับประกาศนียบัตร หลังจากการเรียนเสร็จสิ้นทุกอย่างแล้ว ก็มีกิจกรรมคลายเครียดหลังสอบ (เอ๊ะ หรือเครียดกว่าเดิม 55555) นั่นคือการแสดงร้องเพลงของแต่ละห้อง โดยทุกๆห้องจะต้องเตรียมการแสดงมา 1 เพลง ทั้งเต้นและร้อง โดยต้องเลือกเพลงภาษาจีนเท่านั้น มาแสดงพร้อมกันต่อหน้าทุกคน!! (OMG!) มันก็จะอายหน่อยๆ 5555555 แต่ละห้องก็งัดทีเด็ดออกมาโชว์ มีทั้งตลก ทั้งซึ้ง ทั้งน่ารัก จากนั้นก็ถ่ายรูปล่ำลากันไป (แอบเศร้าเบาๆแงๆ)

หลังจากเรียนและสอบทุกอย่างเสร็จก็จะได้ประกาศนียบัตรอันนี้ทุกคนค่าา สวยหรูมั้กๆ
รอแสดงร้องเพลงอยู่ค่ะะ
ห้องอื่นๆกำลังแสดงอยู่ค่าา สนุกสนานมากๆๆๆ บางห้องก็ตลก บางห้องก็ซึ้ง
กำลังจะถึงคิวเราแล้ววว
มันก็จะตลกและอายหน่อยๆ 55555555

การมาเรียนที่นี่ไม่ใช่แค่เรียนหนังสืออย่างเดียว เพราะเราจะได้ไปทัศนศึกษาตามสถานที่ชื่อดังต่างๆของเมืองฮาร์บินด้วยค่า ตามนี้เลยยย 

1. ไปพิพิธภัณฑ์ของมหาวิทยาลัย


2. ไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับวัฒนธรรมต่างของประเทศจีน ที่ Ethnic School


3. ไปสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของฮาร์บิน "เกาะพระอาทิตย์" เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่มากกก บรรยากาศสวยร่มรื่น เหมาะกับการมาพักผ่อนเดินชมธรรมชาติ ถ้าหน้าหนาวก็จะกลายเป็นเทศกาลน้ำแข็งยิ่งใหญ่อลังการ 


4. ไปพิพิธภัณฑ์เบียร์ของเมืองฮาร์บิน 


4. ไปพิพิธภัณฑ์ 731 เกี่ยวกับทหารและสงครามสมัยก่อน แอบน่ากลัวเบาๆ แต่เดินดูแล้วได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากๆ เค้าจะมีเทปและหูฟังให้เรา พอถึงจุดต่างๆก็จะจับสัญญาณและพูดเกี่ยวกับจุดนั้นๆได้อย่างตรงเป๊ะโดยไม่ต้องมีไกด์คอยแนะนำ 



นอกจากสถานที่ที่มหาลัยพาไปแล้วเราก็ต้องไปเที่ยวเองบ้างงง  55555 เมืองนี้มีสถานที่สวยๆ ชิคๆมากมายและเดินทางไปง่ายมากๆ เนื่องด้วยค่ารถเมล์แค่ 1 หยวน ( 5 บาท) และค่ารถไฟฟ้าใต้ดินแค่ 2 หยวน ( 10 บาท) เราจึงประหยัดค่าเดินทางได้เยอะ 555555 ไหนนน ไปไหนมาบ้าง ไปดูซิ 

สถานที่แรกที่เป็นแลนด์มาร์กของเมืองนี้นั่นก็คือ โบสถ์เซนต์โซเฟีย นั่นเองค่าาา เราไปกันตั้งแต่วันที่ 2 ที่ไปถึงเลยย ของจริงสวยมากๆๆ


สถานที่ช็อปปิ้งสุดฮิตของพวกเรา อยู่ตรงแนวรถไฟฟ้าใต้ดิน ลงสถานี Heilongjiang Daxue 


ไปเที่ยววัดและสวนสนุก ซึ่งอยู่ติดกัน อยู่ตรงแนวรถไฟฟ้าเช่นกันค่าา สะดวกมากๆๆ

ถนน Zhongyang ถนนคนเดินที่มีชื่อเสียงที่สุดในฮาร์บิน สวยและคลาสสิค มีของขายเยอะมาก อยู่ใจกลางเมืองของฮาร์บินเลยค่า


สวนสาธารณะ Zhao Lin Park

ชมพระอาทิตย์ตก ณ แม่น้ำ Songhua และเดินเล่นที่สวน Stalin Park


เราคิดว่ามหาวิทยาลัยที่เรามาเรียนนั้นบรรยากาศดีมากก สามารถถ่ายรูปได้ทุกมุมเลยค่ะ ไม่ว่าจะถ่ายแนวๆ ถ่ายแบบสวยๆ หรือชิคๆ ก็ได้หมด งานอดิเรกของเรากับเพื่อนรองจากการเรียนก็คือถ่ายรูปนี้แหละ (บางทีอาจจะเป็นงานหลักก็เป็นได้ 55555) 


ตอนหน้าหนาวเดือนธันวานี้เราคิดว่าน่าจะไปอีก เพราะว่า รู้สึกติดใจเมืองนี้ซะแล้ว หน้าร้อนยังสวยขนาดนี้ ถ้าหน้าหนาวมีหิมะและเทศกาลน้ำแข็งก็คงจะสวยมากน่าดู เราแอบไปเห็นภาพของพี่ที่พาเราไปเรียน เค้าลงในเพจ สวยฝุดๆๆ เลยเอามาให้ดูกันค่า



พูดเรื่องสถานที่ไปเยอะแล้ว ขอพูดเรื่องอาหารสักนิดหน่อยแล้วกัน เราว่าอาหารที่นี่ก็พอกินได้นะคะ จริงๆอาหารไทยอร่อยที่สุดล้าวววว แต่มีบางอย่างที่อร่อยมากกก แบบกินทุกวันเลยอ่ะ ก็มีไส้กรอกปิ้งเสียบไม้ หมาล่าชวน กัวเปาโร่ว และอีกหลายอย่างที่เราไม่รู้จักชื่อ อาหารที่นี่รสชาติค่อนข้างจัดไปทางใดทางหนึ่ง ไม่ค่อยมีรสชาติที่กลมกล่อมเหมือนอาหารไทย เผ็ดก็เผ็ดเลย เปรี้ยวก็เปรี้ยวไปเลย พอรสจืดก็จื๊ดดจืด เวลากินต้องกินหลายอย่างเพื่อให้มันเข้ากัน อาหารส่วนใหญ่ก็จะมีความมันนิดๆแต่ไม่ถึงกับเลี่ยนมาก มาอยู่ 1 เดือนนี่คิดถึงอาหารไทยมากเลยค่ะ แต่พอกลับไทยมาปุ๊ป ก็คิดถึงอาหารที่นั่น 555555 



เรารู้สึกว่า 1 เดือนมันน้อยมากสำหรับเรา เพราะกว่าจะสนิทกับเพื่อนต่างชาติก็ปาเข้าไปครึ่งเดือนหลัง และพอสนิทกันมากๆก็ต้องแยกย้ายกันกลับ นอกจากนี้ก็รู้สึกผูกพันกับมหาลัยนี้มากๆ เหมือนกันเลยคือ พอเรารู้สถานที่ต่างๆ รู้วัฒนธรรมแล้ว จำสายรถเมล์ได้แล้ว เราก็ต้องกลับประเทศ ยังไม่ทันได้ไปเที่ยวอีกตั้งหลายที่ แอบเสียดายนิดๆ แต่ก็ต้องกลับ ฮือๆ ในขณะเดียวกันเวลาแค่  1 เดือน ก็สามารถทำให้เราได้เรียนรู้อะไรมากมาย ได้ทั้งภาษา ความรู้ มิตรภาพ ประสบการณ์ดีๆ ได้ใช้ชีวิตต่างแดน ซึ่งเราถือว่ามันคุ้มมากๆสำหรับเวลาที่เราเสียไป เป็นไปได้ก็อยากจะไปอีก รอเค้านะฮาร์บินนนนนน ไม่นานเราจะได้เจอกันใหม่...
 

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น

auiq 30 ส.ค. 60 เวลา 21:59 น. 1

แฟนเพจของโครงการที่เราไปชื่อว่า "Study in Harbin เรียนภาษาจีนกลาง" ค่าา เผื่อใครสนใจลองทักไปหาพี่เค้าได้นะคะ ^^


สรุปค่าใช้จ่าย 1 เดือนในฮาร์บิน

ค่าลงทะเบียน 400 หยวน หรือ ประมาณ 2,000 บาท

ค่าเรียนภาษา 2,800 หยวน หรือ ประมาณ 14,000 บาท

ค่าหอพัก 600 หยวน หรือ ประมาณ 3,000 บาท

ค่าหนังสือ 200 หยวน หรือ ประมาณ 1,000 บาท

ค่าซิมค่าเน็ตโทรศัพท์ 100 หยวน หรือ ประมาณ 500 บาท

ค่าประกัน 160 หยวน หรือ ประมาณ 800 บาท

ค่ากินค่าช้อป 2,400 หยวน หรือ ประมาณ 12,000 บาท

รวมแล้วประมาณ 6,660 หยวน หรือประมาณ 33,300 บาท (ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน)

ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ ประมาณ 12,000 - 18,000 บาท แล้วแต่สายการบินค่ะ อันนี้เราไปของ China Southern Airline ค่าา

0