Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[เชิญชวน] : มาแต่งนิยายด้วยกันเถอะ 3 โหมดระทึกขวัญไซไฟ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีอีกครั้งมิตรสหายที่น่ารักทุกท่านนะคนับ
เจอกันอีกแล้วในกระทู้ที่สาม (อ่านฟรีนะคนับ) 

จึ่งมาขอเชิญทุกท่านมาร่วมร่ายรำสร้างทำนองนิยายสยองขวัญไซไฟ.... กลัวกันรึป่าว?

ไม่กลัวก็เข้ามา หึหึ 

หลังจากกระทู้แรก [สืบสวนสอบสวนมั้ง]
http://www.dek-d.com/board/view/3493856/

กระทู้ที่สอง [เรื่องเล่าสยองขวัญ]
http://www.dek-d.com/board/view/3494568/

มาต่อกันที่กระทู้ที่สาม อ๋าม อ๋าม อ๋าม 

ในโหมด : ระทึกขวัญ + ไซไฟ
ตามคำเรียกร้องและเพรียกหา

กติกามีดังเดิม 
1. ขอกำหนดตัวละคร ได้ไม่เกิน 10 ตัวจากทั้งหมด
2. พิมพ์ได้ไม่จำกัดความยาว ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
3. บอกว่าต่อ คห. ไหน 

** 4. เรื่องต้องต่อกัน **

อ่านฟรีนะคนับไม่ต้องกลัวหรือกังวล


ขออนุญาตติดแท็ก #dekdHitz #dekdStory

เรามาเริ่มกันดีกว่า


" ติ่ก ต่อก ติ่ก ต่อก 

ผมมองไปที่นาฬิกาบนผนัง ที่บอกให้ผมรู้ว่า ผมทำงานเกินเวลาไปเยอะมากจริงๆ 

...ตีสอง งั้นหรือ?...

คงต้องกลับไปนอนพักแล้วล่ะ 

กริ๊งงงงง กริ๊งงงงงงง 

"ฮัลโหล ดร.วินเซนท์ พูดครับ" ผมรับโทรศัพท์ด้งยความเคยชิน นี่เป็นเครื่องมือสื่อสารเดียวที่ผมพกไว้ติดตัวตลอด 

"คะ...คือว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ" เสียงสั่นของผู้หญิงคนนึงดังมาตามสาย "ห้องทดลองที่ 3...กะ กรี๊ดดดดดดดดดด... กึก ขวับ ตุบบ" 

"เฮ้ !!! คุณครับ..." เสียงที่มีอยู่ก็เงียบไป "เกิดอะไรขึ้น..."

ฟืดดดด ฟาดดดด กร่อบ

ตู๊ด ตู๊ดดด

และแล้วสายก็ถูกตัดไป ทิ้งความสงสัยไว้กับผม

...เสียงนั่น คือเสียงของอะไรกันนะ?...




แสดงความคิดเห็น

>

26 ความคิดเห็น

Ambitious[พยายาม(ไม่)ขวานผ่าซาก] 3 พ.ค. 58 เวลา 01:10 น. 2

ต่อจากท่านเจ้าของกระทู้

ขอบคุณตามคำขอนะครับ ฮิฮิ

"เฮ้ !!! คุณครับ..." เสียงที่มีอยู่ก็เงียบไป "เกิดอะไรขึ้น..."

ฟืดดดด ฟาดดดด กร่อบ

ตู๊ด ตู๊ดดด

และแล้วสายก็ถูกตัดไป ทิ้งความสงสัยไว้กับผม

...เสียงนั่น คือเสียงของอะไรกันนะ?...

   วินเซนต์รู้สึกเริ่มใจคอไม่ดี เขาว่าต้องมีเรื่องกับที่คฤหาสน์เดนิสสตอร์กเป็นแน่ เขาวางสายจากเสียงผู้หญิงที่เขาคาดเดาว่าน่าจะเป็นคนรับใช้ที่คฤหาสน์เดนิสสตอร์ก ทว่าในกระเป๋ากางเกงนั้นมีกุญแจรถอยู่พอดี เขาจึงไม่รีรอที่จะขับรถไปยังเป้าหมายที่เขาคาดไว้ เขาถูกจ้างให้มาเป็นจิตแพทย์ประจำตัวลูกสาวประจำคฤหาสน์ที่นั่นอยู่พอดี

   ณ คฤหาสน์เดนิสสตอล์ก

   "คุณหนูอย่าทำแบบนี้สิคะ ดิฉันเจ็บนะคะ" สาวใช้ร้องขอ เธอเป็นสาวใช้ที่นี่มาสองปีกว่าแล้ว แต่ทว่าไม่นานมานี้ จู่ๆ คุณหนูสุดโปรดปรานของกลับผิดปกติทางจิต เธอดูชอบใช้ความรุนแรงและมีโลกส่วนตัวสูงอีกด้วย
   "แกมาทำให้เซเดซันดร้าของฉันพัง แกต้องชดใช้ด้วยชีวิต!" เซเดซันดร้าของเธอหมายถึง ตุ๊กตาเจ้าหญิงที่ตอนนี้ดูโทรมคราบความหมอง เพราะถูกเธอถูกไถ่เพราะความก้าวร้าวเวลาอารมณ์ฉุนเฉียวของเธอ และพาลว่ามีคนอื่นมาทำร้ายข้าวของของเธอ ทั้งๆที่เป็นฝีมือของเธอเอง
   "คุณหนูดิฉันไม่ได้ทำนะคะ" 
   "โกหก!" เธอคัดค้าน "ฉันจะฆ่าแก!" เด็กหญิงกระโจนเข้ามาบีบคอเธอจนแยกหายใจติดขัด 

   ทว่าเสียงเปิดประตูก็ดังขั้น ทำให้เด็กหญิงหันไปมองที่ประตูว่ามีผู้บุกรุกเข้ามา เขาคือวินเซนต์นั่นเอง แต่ในมือเขาโชว์เซเดซันดร้าตัวใหม่ที่ทั้งสวยกว่และใหม่กว่า ทำให้เด็กหญิงสาวตาโตและละมือจากการบีบคอของสาวรับใช้ เธอวิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าที่ร่าเริง เหมือนได้ของเล่นใหม่
   "ฉันจะตั้งชื่อเธอใหม่ว่าฟาริสก้า" เธอบอกกับเขา
   "อื้ม... เป็นชื่อที่วิเศษณ์มาก" เขาบอกกับเธอก่อนที่เขาจะลูบศีระษะจนหัวเหยิงไป ทว่าเธอกับหลีกเลี่ยงและแลบลิ้มปลิ้นตาใส่เขา  เขาไม่คิดอะไร เพราะดูจากเคสนี้ อาการเหล่านี้ไม่มีแรงจูงใจที่จะให้เธอมีอารมณ์ก้าวร้าวเลย



เท่าก่อนเน้อออ เดี๋ยวผมจะรอต่อ


0
Chubeather 3 พ.ค. 58 เวลา 04:29 น. 3
คิดตอนถัดต่อไปจากท่านความเห็นที่สองไม่ค่อยจะออกเลยทีเดียว
เอาเป็นว่า


แต่ว่าเมื่อผมรู้สึกตัวหลังจากนั้นก็เป็นตอนที่ตัวเองถูกมัดติดอยู่กับเก้าอี้ไม้เก่าๆตัวหนึ่งไปซะแล้ว

"นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันน่ะ"

ผมพยายามหาจะนึกหาคำตอบ

แต่ส่วนสุดท้ายในความทรงจำที่นึกออกก็มีแค่ถึงตอนที่ลูบศีรษะของคุณหนูในคฤหาสน์เดนิสสตอร์กเท่านั้น

จากนั้นไม่นานก็ดันหันไปเห็นคนที่น่าจะเป็นสาวใช้คนเมื่อกี้
กำลังก้มทำอะไรบางอย่างอยู่ถัดจากผมไปประมาณสิบเมตร

แต่เนื่องจากห้องค่อนข้างมืดเลยมองไม่ออกว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่
แต่สักพักเมื่อสายตาสามารถปรับแสงให้เข้ากับความมืดได้

ผมก็ต้องตะลึงกับสิ่งที่เห็น
0
S.r. ray 3 พ.ค. 58 เวลา 07:45 น. 4

            ใบหน้าที่หันมาราวกับเนื้อหนังหลอมเข้าหากัน มันปิดทั้งดวงตา ปาก หู หรือแม้กระทั่งรูจมูกที่ใช้หายใจ สาวใช้คนนั้นทรุดตัวลงกับพื้นเกลือกกลิ้งทุรนทุรายเพราะหายใจไม่ออก มือไขว่หาคนช่วยก่อนจะสิ้นแรงและสิ้นลมในเวลาต่อมา

            นี่มันเกิดอะไรขึ้น

            วินเซนต์พึมพำกับตัวเอง เขาส่ายสายตาไปรอบห้องที่มืดมิดพยายามดิ้นให้หลุดจากเชือก ก่อนจะสังเกตเห็นว่าขาตัวเองยังเป็นอิสระ ชายหนุ่มไม่รอช้าที่จะลุกขึ้นไปพร้อมกับเก้าอี้ที่ผูกติดกับหลัง แล้วเข้าไปด้อมๆมองๆศพของสาวใช้ ก่อนจะพาตัวเองไปที่ประตูและแนบหูฟัง

            เงียบมาก..

            นั้นคือสิ่งที่เขารู้ ก่อนวินเซนต์จะปวดหัวเหมือนคนเอาอะไรมาทุบกะโหลก

 

0
ชายตังค์ 3 พ.ค. 58 เวลา 09:10 น. 5

   เสียงวิ้วววว!
  ดังก้องอยู่ภายในหัวของวินเซนทันใดนั้นสติของชายหนุ่มก็ดับลงเสียงบอกให้วิ่งวนเวียนซ้ำๆไปมา
  "วิ่ง!"
  วินเซนลืมตาขึ้นด้วยความตกใจเมื่อมองเห็นเขา
พบกับ'ซอมบี้' หนังหน้าด้านขวาหายไปครึ่งหน้าเผยให้เห็นกระดูกแก้มมันทิ้งตัวลงกัดเขา
  ชายหนุ่มรีบใช้มือทั้งสองจับที่ไหล่ของมันเอาไว้
ใบหน้าอันสยดสยองโน้มจนใก้ลถึงคอของเขาเสียงคบฟันยังคงดังไม่ยอมหยุดวินเซนหมดแรง
จนเกือบจะถอดใจ
  ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
  "ผั๊ว!"
  หัวสมองของซอมบี้แตกกระจายเลือดและมัน
สมองใหลลงเต็มหน้าวินเซนชายหนุ่มรีบพลักศพของซอมบี้ออกแล้วลุกขึ้นมองหน้าผู้ที่ช่วยเขา...
  


0
♛หลงหมอ♛ 3 พ.ค. 58 เวลา 09:47 น. 6

"ขะ...ขอบคุณ"

ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่ยังคงอยู่ในชุดกาวน์หอบหายใจ พลางเอ่ยขอบคุณคนที่ช่วยชีวิตเข้าไว้ได้อย่างทันท่วงที แล้ววินเซนท์ก็เริ่มมองคนตรงหน้าอย่างสำรวจ

ทั้งผมเซตตั้งและฮูดสีแดงเข้ากับกางเกงยีนส์เก่า ๆ ในมือหยาบมีไม้เบสบอลเหล็กสีเงินสะท้อนแสงเงางามที่เปื้อนเลือดสีแดงฉานอยู่เกือบทั้งด้าม

แค่นี้วินเซนท์ก็พอจะเข้าใจได้ว่าคนตรงหน้าเขาคงรู้อะไรบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้น และ 'เตรียมตั้งรับ' ได้ชั่วคราวแล้ว

ชายหนุ่มไม่รีรอเอ่ยปากถามสิ่งที่สงสัยทันที

"นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?"

ชายตัวเล็กในฮูดสีแดงหันมามองวินเซนท์ด้วยท่าทางหน่าย ๆ ร่างเล็กผินตัวเดินไปอีกทางพลางเอ่ยปากกึ่งสั่งว่า

"อยากรู้ก็ตามมาสิวะ ไอ ้หนู"

วินเซนท์ชักสีหน้ากับคำเรียกนั้น แต่สุดท้ายก็ยอมเดินตามชายร่างเล็กที่น่าจะอายุน้อยกว่าเขา แต่ดันเรียกเขาว่าไอ ้หนูออกไปอย่างเสียไม่ได้

ทันใดนั้นนัยน์ตาคมปราบก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งที่สลักอยู่ข้างหลังฮูดสีแดง

'Gabril Raising'

กาบริล... ?

ชื่อของเจ้าตัวเขารึเปล่านะ...


-----------------------------

ต่อจาก คห.5 ; ^ ;

0
ทศเธ[คนไข้ของจิตแพทย์] 3 พ.ค. 58 เวลา 12:00 น. 7

ต่อจากคห.6 ครับ

วินเซนต์เดินตามชายฮูทแดงไปตามทางเดินขาว เขาเพิ่งสังเกตุว่ามันคือทางเดินใต้ดินขของ คฤหาสน์เดนิสสตอล์ก 

"ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่?" วินเซนต์เอ่ยถาม แต่คนที่เดินนำไม่ยอมตอบ

ความเงียบเข้าปกคลุมจนทั้งสองเดินไปจนถึงสุดทา่งเดิน กาบริลทุบแผงแสกนลายนิ้วมือที่ติดตรงประตูออกแล้วเปิดประตูขึข้นขไปยขขังปลายทาง

"เฮ้! ฉันเปิดประตูนั่นได้ เข้ามาทุบข้าวของชาวบ้านแบบนี้หมายความว่ายังไง"
"หุบปากแล้วตามมาเงียบๆ ขืนส่งเสียงอีกรอบฉันทุบนายเละแน่"

กาบริลขู่แล้วเดินต่อ วินเซนต์ ได้แต่นิ่งเงียบ เก็บความสงสัยไว้ในใจ พวกเขาโผล่เข้ามาในห้องเก็บไวน์ของคฤหาสน์ ในห้องเย็นเฉียบเกินกว่าอุณภูมิที่ไวน์จะทนได้ มันต้องไม่ปกติแล้ว

"เอ้า นี่ปืนของนาย จำไว้เล็งที่หัว อย่าโดนกัดหรือข่วน อย่าเผลอกลืนเลือด เป็นไปได้พยายามอย่าไปโดนตัวมันจะดีกว่า" กาบริสพูดแล้วยืนปืนพกขนาดเล็กให้ ภายในบรรจุลูกโม่ห้าลูกเต็ม วินเซนจ้อมงมองมันได้ไม่นานก็ถูกเหวี่ยงไปอยู่ด้านหลัง ชายฮุทแดงถีบประตูห้องออกเผยให้เห็นซอมบี้ในชุดคนรับใช้กรูเข้ามา 

"บ้าไปแล้ว!" วินเซนต์ตะโกนออกมาอย่าตกใจภาพตรงหน้า กาบริลแสะยิ้มเย็นเยียบ ตวัดไม้เบสบอลฟาดกลุ่มซอมบี้ตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัว

0
ชายตังค์ 3 พ.ค. 58 เวลา 16:51 น. 8

  เหล่าซอมบี้นับสิบตัวถูกจัดการเกลี้ยงในเวลา
ไม่กี่นาทีกาบริล หันหลังกลับมาเรียกวินเซนหนีด้วยเลือดเปราะทั่วตัวทั้งคู่รีบออกจากคฤหาสเมื่อเดินมาถึงห้องโถงขนาดใหญ่ที่มีโคมไฟขนาดยักษ์อยู่ด้านบน
  เขาทั้งสองถูกเหล่าซอมบี้ที่กรูกันมาจากทุกทิศทางเข้าล้อม เมื่อฝูงซอมบี้ใก้ลเข้ามาเรื่อยๆ
จนทั้งคู่คิดว่าไม่รอดเป็นแน่
  ทันใดนั้นบางอย่างตกลงมาจากด้านบนเพดาน
  มันคือสัตว์ทดลองที่มีรูปร่างเหมือนหมาผสมแมงมุม ขาของมันมีกรงเล็บแหลมคมกรงเล็บนั้นเข้าซีกร่างเหล่าซอมบี้ขาดเป็นชิ้นๆมันฆ่าพวกซอมบี้มาเรื่อยๆ จนถึงตัวของวินเซน และ กาบริล
  วินเซนตัดสินใจในทันทีเขายกปืนในมือที่ก่อน
หน้านี้ไม่กล้ายิงแม้นัดเดียวรัวใส่สัตว์ร้ายจน
หมดแม็ก
  "แกร็ก แกร็ก แกร็ก "กระสุนหมดพร้อมร่างที่แน่นิ่งของสัตว์ร้าย...

0
Chubeather 3 พ.ค. 58 เวลา 17:41 น. 9

หลังจากที่ฆ่าสัตว์ประหลาดลงไปได้ ดร.วินเซนต์จึงเดินเข้าไปใกล้ๆ
เพื่อตรวจสอบว่ามันตายสนิทแล้วจริงๆหรือยัง

กาบริลก็พยายามห้ามใว้แต่ดร.วินเชนต์ไม่ยอมฟัง

แล้วเดินเข้าไปใกล้กับร่างกายทีี่แน่นิ่งของสัตว์ตัวนั้น

แต่หลังจากที่ลองเตะร่างกายของมันดูแล้วก็รู้สึกโล่งใจที่มันไม่ตอบโต้
เลยคิดว่ามันตาดสนิทแล้ว

จึงหันหลังแล้วเดินกลับไปหากาบริล

แต่ว่าก่อนที่จะทันได้ไปถึงเจ้าสัตว์ประหลาดที่คิดว่าตายไปแล้ว
ก็พ่นพิษใส่ซึ่งมีบางส่วนซึมเข้าไปในรอยแผลเล็กๆของเขา

"บ้าเอ้ย" กาบริลที่เห็นแบบนั้นก็สบถขึ้นมา
แล้วรีบวิ่งเขามาหาดร.วินเชนต์อย่างรวดเร็ว

แต่ก่อนที่จะไปถึงหัวของเขาก็ดันปลิวหายไปซะก่อน

ต่อจากคห.8
กลับมาฆ่าคนเล่น

0
Ambitious[พยายาม(ไม่)ขวานผ่าซาก] 3 พ.ค. 58 เวลา 18:16 น. 10

ดูๆ แล้วเหมือนมันจะโยงไปยังแฟนตาซีเลยแหะ (ฮา) 
เอาเถอะ เดี๋ยวเอาเข้าแนวเรื่องเอง

   ต่อ คห. 9

   วินเซนต์ได้ยินเสียงเด็กหญิงร้องไห้จากข้างบนตัวบ้าน ก่อนที่เขาจะมองไปที่กาบริล อีกฝ่ายพยักหน้าเชิงให้เขาไปช่วย เขาจึงวางอาวุธก่อนที่เขาจะออกจากห้องใต้ดินเพื่อไปสำรวจ ว่ามีใครได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า เขากลับลืมอาการบาดเจ็บของเขาไปสนิท

   เขาขึ้นมาจากห้องใต้ดิน ก่อนที่จะเรียกหาเสียงจากเด็กหญิง คนไข้ของเขา ทว่ากลับได้ยินเพียงเสียงทะเลาะวิวาทกัน เพราะตอนนี้เขาอยู่ส่วนหลังคฤหาสน์  แต่เสียงนั่นอยู่ที่หน้าคฤหาสน์ เขารีบจ้ำเท้ารัวก่อนจะไปพบเข้า

   "แกรู้ไหม ว่าผู้ป่วยที่อยู่ในห้องขังคืองานวิจัยของฉัน!" เจ้าของคฤหาสน์ต่อว่าลูกชายของตนเอง พร้อมกับใช้ไม้ค้ำจุนอาการบาดเจ็บที่เท้าของเขาฟาดไปที่สีข้างของลูกชาย จนล้มลงไปกับพื้น
   "ผมขอโทษครับ ผมไม่รู้จริง เขาน่าสงสาร" เด็กชายตอบกลับ
   "น่าสงสารเหรอ ? พวกนั้นเซลล์ร่างกายมันตายไปนานแล้ว ฉันอุตส่าห์ซื้อศพจากโรงพยาบาลมาเพื่อทำการวิจัย แกรู้ไหมมันหมดก็เพราะแก!"  เจ้าของคฤหาสน์เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่วิจัยเกี่ยวกับการรักษาปลุกเซลล์ให้ทางโรงพยาบาลชื่อดัง ทว่าเขาทำพลาดเพราะลูกจอมสอกรู้ของเขา  วินเซนต์เห็นว่าสีหน้าของเด็กชายดูกำลังเก็บกดจากโทสะของบิดาของเขา เขาจึงขอยุติสงครามฟาดอารมณ์ให้ได้เร็วที่สุด เพราะเขารู้แล้วว่าทำไมลูกสาวอีกคนของเขาถึงกลายเป็นแบบนี้ มาจากบิดานั่นเอง
   "คุณดร.ฮิวจ์ ใจเย็นก่อนนะครับ" เขารีบมาห้ามปราม ทว่าฮิวจ์มองมายังเขาที่สายตาดุดัน ก่อนจะถามว่ากลิ่นคาวฟะฟุ้งจากเสื้อผ้าของเขาไปโดนอะไรมา ที่จริงคือคนไข้ของเขา หนูทดลองของเขานั่นแหละ ฝีมือลูกชายตัวแสบของเขาทำให้เขาต้องเจอเรื่องแบบนี้ "แต่คนที่ชื่อกาบริลมาช่วยไว้ เขาคือใคร ?" เขาคิด
   "อ๋อ...มาจากห้องใต้ดินน่ะครับ ไม่ทราบว่าอาจจะเป็นหนูทดลองของคุณหรือเปล่านะ เนื่องจากผมเป็นจิตแพทย์ ผมขอสั่งว่าห้ามดุดันลูกของคุณบ่อยเกินไปนะ ไม่งั้นอาจจะเป็นเหมือนวิล่า" วิล่าหมายถึงคนไข้ของเขาเอง
   "จะให้ไม่โกรธได้ยังไง ก็ลูกของผมมันทำผิด ผมก็ต้องว่าไปตามผิด" เขาแย้ง
   "รู้ครับว่าผิด แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นลงไม้ลงมือนะครับ พูดได้เลยว่า คุณคือสาเหตุที่ทำให้วิล่าเป็นเด็กก้าวร้าว คุณจะให้วินซ์เป็นตามวิล่าหรือครับ เพื่อลูกของคุณ อย่าทำแบบนี้เลย" 
   "ถ้าแกทำแบบนี้อีกละก็...ฉันไม่ไหว้แกแน่" บิดาขบกรามกัดฟันพูดกับวินซ์ ก่อนจะออกจากห้องต้อนรับคฤหาสน์ไป 
   "ขอบคุณครับคุณวินเซนต์" วินซ์กล่าวบอกกับเขาก่อนจะเดินหายลับไปอีกทาง

   วินซ์เดินไปที่สวนหลังบ้านของคฤหาสน์ เขาแอบไปร้องไห้ที่นั่นอยู่เป็นประจำ แต่เขาไม่ได้อยู่ที่นั่นคนเดียว มีเพื่อนอีกสองคนที่อยู่เป็นเพื่อนเขาด้วย นั่นคือกาบริลกับวิญญาณของมารดาเธอ
   "เป็นอะไรเจ้าเปี๊ยก ฉันบอกแล้วผู้ชายเขาไม่ร้องไห้กัน แกเหมือนเจ้าไก่อ่อนเลย" เสียงกาบริลดังมาแต่ไกล
   "มันทนไม่ไหวจริงๆ ร้องไห้คือการปลดปล่อยทุกข์ทางใจไม่ใช่เหรอ ฉันไม่อยากเก็บมันไว้" วินซ์บอกกับกาบริล
   "ก็จริงนะจ๊ะ เป็นแม่ แม่ก็ใช้วิธีนี้และจะไม่คิดถึงมันอีก" วิญญาณอันเลือนลางปรากฎมานั่งข้างๆวินซ์ 

   วินเซนต์ขอตัวกลับบ้านเพื่อไปอาบน้ำและทั้งชุดที่เปื้อนเลือดเน่าๆ จากที่หนูทดลองนั้นเล็ดลอดออกมา ทว่าเขาเห็นวิล่ากำลังนั่งเล่นฟาริสก้าที่อยู่ในมือ แต่ทว่าดวงตาของฟาริสก้านั้นเรื่องแสงวาบเป็นสีแดง และจู่ๆ เสียงเด็กหญิงร้องไห้ก็ดังมาจากตุ๊กตาฟาริสก้าตัวนี้ มันไม่ใช่ของมือสอง แต่เป็นตุ๊กตาที่เขาสั่งทำเอาไว้กรณีที่วิล่าทำมันพัง เธอต้องการตัวแบบเดิมแต่ดูใหม่ วิล่ามักชอบทำพังและโทษคนอื่นๆในบ้าน เขาจึงเตรียมไว้สำรองถึงสิบกว่าตัว ทำไมตัวนี้มันถึงมีแสงสีแดงออกมาที่ตา มีเสียงร้องไห้ของเด็กหญิงที่ตุ๊กตา เขาไม่ได้ทำให้มีความสามารถตุ๊กตาพูดได้ มีแสงออกจากที่ดวงตาเลยสักนิด
   "มีผู้บุกรุก" ฟาริสก้าพูดกับวิล่า เธอก็หันมามองวินเซนต์ แต่ที่น่าแปลกใจ ดวงตาของวิล่ากลับเป็นดวงตาแดงก่ำเหมือนเยื้อตาอักเสบ ไม่สิตาดำกลับเป็นสีแดง สิ่งที่ตกใจมากกว่านั้น คือตำพูดของเจ้าฟาริสก้า "ฆ่ามัน!" 

   วินเซนต์ยังไม่ได้ตั้งรับอะไร แต่ยังอึ้งในสิ่งที่เห็นอยู่ วิล่ากำลังเดินไปที่โต๊ะเครื่องเขียน ก่อนจะเธอเอาในมีดคัตเตอร์กรีดแขนของตัวเองเป็นทางขาว เลือดสีแดงข้นไหลซึมออกมาจากปากแผล แล้วลือดข้นก็ไหลนองพื้นจนหยดติงเป็นทางยาว เธอจับมีดพร้อมที่จะไล่ฆ่าฟันเขาก่อนจะวิ่งมาหาเขาอย่างรวดเร็ว 

เขาต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว...


มาแล้วเปิดตัวแนวโรคจิต ถ้าใครไม่อยากให้วินเซนต์ตาย จงมาช่วยเขาซะ!
   
  
 

0
Ambitious[พยายาม(ไม่)ขวานผ่าซาก] 3 พ.ค. 58 เวลา 18:51 น. 11-1

อยากให้ท่านฎามาแต่งต่อด้วยกันจัง ที่จริงก็แค่เสริมความวิทยาศาสตร์เข้าไป มันก็เป็นไซไฟแล้ว หรือพวกมีพลังวิเศษณ์ แบบตุ๊กตาเดินได้แล้วเหมือนมีชีวิต แฟนตาซีก็จะคล้ายหน่อย หลายคนคงแยกกันไม่ออก
ไซไฟ = มีหลักเหตุและผลเข้ามาเกี่ยว
แฟนตาซี = มาจากจินตนาการที่ไม่เหตุและผล จู่ๆก็ถูกกล่าวขึ้นมาลอยๆ อะไรประมาณนนี้ครับ ถามได้อีกนะครับ

0
ดอ ชฎา 4 พ.ค. 58 เวลา 11:27 น. 11-2

ขอรอดูไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ตัวเองน่าจะมาต่อได้ดีกว่านะคะ ขอบคุณน้าที่อยากให้เรามาต่อ จริงๆ ก็อยากเขียนนั่นแหละ แต่ขอรอดูไปเรื่อยๆ ดีกว่า ไม่เคยเขียนแนวนี้ด้วย 55+

0
♛หลงหมอ♛ 3 พ.ค. 58 เวลา 18:56 น. 12

เอ้า...? งง 55555

คห.9 รู้สึกเหมือนกาบริลจะหัวหลุดออกจากบ่านะ ? จากประโยคที่ว่า

'แต่ก่อนที่จะไปถึงหัวของเขาก็ดันปลิวหายไปซะก่อน'

แล้วพอมาอ่าน คห.10 อ้าว กาบริลพยักหน้าเฉย หรือเกิดอันใดขึ้น เพราะผมอ่านของ คห.10 ไม่จบ = =

4
C.Sharl 3 พ.ค. 58 เวลา 21:39 น. 13
ถึงพรุ่งนี้จะมีสอบ  แต่ก็ขอแวะกระทู้นี้หน่อย
จริงๆก็งง เหมือนคห.12นะเอ้อ   แต่ยังพอมีทางแก้  555


//ต่อ คห.10

เขาต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว

ดร.วินเซนต์กระโดดหลบไปทางกำแพง

วิล่าไม่ได้ตามเขามา

วิล่ายืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าของเธอแสระยิ้มเ-้ยม ไม่ใช่วิล่า ที่ดร.วินเซนต์รู้จัก ไม่ใช่เลยสักนิด
"วิล่า...ธะ เธอ " ดร.วินเซนต์พูดตะกุกตะกัก  ดวงตาเบิกโพลงไปยังภาพเบื้องหน้า

ภาพของวิล่าเด็กผู้หญิงตัวน้อยกำลังกลายร่าง ดวงตาของเธอแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับมือที่กอดตุ๊กตาอยู่กำลังเ-่ยวย่นและหลุดลุ่ยจนเห็นกระดูกขาวโพลนด้านใน
มันค่อยๆลามไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย 

ฟาริสก้า-ตุ๊กตาที่วิล่ากอดอยู่หล่นลงพื้น หัวของมันหลุดออกจากบ่ากลิ้งมาหยุดแทบเท้าดร.วินเซนต์  ที่แทบจะเบียดชิดหายเข้าไปกับผนัง 

หัวของมันดิ้นขลุกขลัก
พร้อมกับแขนและขาที่คล้ายแมงมุมโผล่ยืดยาวออกมา

ดร.วินเซนต์พยายามตั้งสติ เขาพยายามจะก้าวขา เขาจะต้องหนีไปให้พ้นกับฝันร้ายนี้ เขากำลังจะวิ่ง

แต่ไม่ทัน

ฟาริสก้าที่กลายร่างสมบูรณ์ กระโจนเข้าไปยังร่างของ ดร.วินเซนต์ 

"อ้ากกกกกกกกกก"
เขาร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อขา 1 ใน 8 ได้แทงทะลุท้องของเขา 

แต่แทบจะลืมความเจ็บปวด
เมื่อภาพที่เขาเห็นตรงหน้า มันยิ่งกว่าฝันร้าย 


วิล่าที่กลายร่างสมบูรณ์ กลายเป็นอมนุษย์ที่มีขาแมงมุมยื่นยาวออกมาจากกลางหลัง แต่ละขาเคลื่อนไหวขยุบขยับจนน่าขนลุก นอกจากนี้ ดวงตาของเธอยังโปนโตเหมือนจะหลุดออกนอกเบ้า และฟันของเธอยังยืดยาวออกมาคล้ายกับคีมที่คมกริบ

"ดีใจด้วยนะ ดร." วิล่าว่าพลางยิ้มเล็กๆ แต่กลับเป็นยิ้มที่น่ากลัวที่สุดในเวลานั้น "นี่คือผลงานวิจัยชิ้นโบว์แดงของคุณ"


"เอธ อาหารตรงหน้า ฉันยกให้นาย"  เธอหันไปพูดกับใครบางคน

ดร.วินเซนต์พยายามข่มความเจ็บปวดและหันไปมอง
ร่างของชายหนุุ่มที่เขาคุ้นหน้า

กาบริลเดินเข้ามา และหยุดตรงหน้าเขา 

"กาบริล..." ดร.วินเซนต์พยายามเค่นเสียงออกมา "ปีศาจ...พวกนี้..มัน-"แต่เขาก็ต้องชะงักกึก  เมื่อร่างตรงหน้า คนที่คุ้นเคยว่าเป็นกาบริล กลับไม่ใช่อีกต่อไป

ตาที่แดงก่ำเหมือนกับวิล่าและพวกพ้อง 

"ใครกัน กาบริล  " ร่างตรงหน้าพูดน้ำเสียงเยือกเย็น "ถ้าจะหมายถึงเจ้าของร่างเดิม หมอนั่นมันกลับบ้านเก่าไปนานแล้วนี่"

เสียงหัวเราะดังแผดก้อง

ทุกคำพูดยังอยู่ในหัวของ ดร.วินเซนต์  
ไม่จริง แล้ว แล้ว...เขาจะทำอย่างไรต่อไป ! 

ภาพตรงหน้า
อมนุษย์ตรงหน้ากำลังกลายร่าง  แขนทั้งสองของเขากำลังเ-่ยวย่นและหลุดลุ่ย มันกำลังจะกลายร่างเป็นแบบวิล่า ! 

*edit แก้คำผิด


0
ชายตังค์ 3 พ.ค. 58 เวลา 21:40 น. 14

  ต่อความเห็นที่10(ซ้ำขออภัยครับ)
  วินเซน วิ่งสุดกำลังเพื่อหนีวิลล่าชายหนุ่มวิ่งลงบันไดอย่างลนลาน เขาก้าวพลาดจนร่างร่วงหล่นลงจากบันไดนับสิบขั้น
  ร่างดอกเตอร์วินเซนกระแทกพื้นดัก
  "พลั๊ก!"
  ขาข้างขวาของวินเซนหักชายหนุ่มค่อยๆลุกขึ้น
แล้วดูที่ขา เขาพบว่ากระดูกทิ่มออกมาข้างนอก
เลือดแดงฉานไหลไปตามทางที่เขาก้าวเดิน
   วิลล่าที่ถือมีดคัตเตอร์ยังคงไล่ตามเขาจนใก้ล
ถึงตัววินเซนเธอง้างมีดขึ้นเตรียมฟันไปที่ดอกเตอร์
  ปัง! 
 เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดร่างวิลล่ากระเด็นออกไปล้มลงไปจมกองเลือด กราบิล นั่นเองที่ยิง...

  "ใหนๆ กราบิล ก็ไม่ตายแล้วขอเอาเขาเข้ามาเล่นต่อแล้วกัน5555"

0
Chubeather 3 พ.ค. 58 เวลา 22:24 น. 15
ไม่ได้มาแต่งต่อ แต่มาอธิบายบางเรื่องครับ

ความจริงแล้วกราบิลเป็นแฝดทีี่มีสองหัวในร่างเดียวครับ
หลุดไปหนึ่งเลยยังไม่ตาย
#ข้ามความเห็นนี้ไป
1
Ambitious[พยายาม(ไม่)ขวานผ่าซาก] 3 พ.ค. 58 เวลา 22:47 น. 16

ต่อ คห. 14 นะครับ

ผมว่าแล้วต้องเป็นแบบนี้ ผมหาฮีโร่ได้แล้วล่ะครับ //รู้สึกได้ว่าดูจะทรมานวินเซนต์น่าดู มาม๊ะเดี๋ยวผมช่วยเขาเอง

  
  ณ  สวนหลังคฤหาสน์

  วิญญาณของมารดาที่ดูเลือนลางเมื่อเทียบกับแสงสว่างในตอนกลางวัน แทบจะมองไม่ออกเลยสักนิด เธอถูกต้องสาปใให้กลายเป็นวิญญาณที่มีตัวตนเหมือนกับมนุษย์ ไม่ต้องให้มีสัมผัสพิเศษก็สามารถมองเห็นวิญญาณของเธอได้ ทว่าร่างกายของเธอนั้นยังไม่เปื่อนยุ่ย เหมือนคนนอนหลับไปเสียเฉย ที่ห้องนอนของเธอ เธอเป็นแบบนี้มาสองปีกว่าแล้ว พร้อมๆกับวิล่าที่เป็นเด็กก้าวร้าว 
   "ผมต้องทนแบบนี้อีกนานแค่ไหนครับ ?" วินซ์ถามกับกาบริล
   "ก็คงต้องทำใจนะ ฉันเชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นเอง" ในขณะพูดเขาพลางเอามือไปลูกศีรษะของวินซ์ด้วย แต่สีหน้าวิญญาณแม่ของวินซ์ดูจะมีบางอย่างสะกิดใจเธอ จนทำให้วินซ์ต้องหันไปถาม
   "แม่เป็นอะไรรึเปล่าครับ ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย"
   "ไม่เป็นอะไรหรอกจ๊ะ รู้สึกว่าเหมือนมมีมวลสัมภเวสีวนเวียนอยู่ใกล้ๆเรานี่แหละ" เธอบอกกับวินซ์ อ้อ...เธอชื่อคอลลี่
   "ผมก็กำลังรู้สึกอย่างนั้นนะครับ แต่ผมเจ็บ เหมือนโดนทำร้าย" เขาบอกกับคอลลี่ 
   "พลั่ก!" เสียงปริศนาดังขึ้นภายใต้ความสามารถของเขา
   "มีเนื่องในคฤหาสน์ครับ คุณคอลลี่!" เขาบอกกับคอลลี่ สีหน้าของเขาดูกระตือรือล้น ทุกคนที่กำลังนั่งพูดคุยกันตอนนี้ถูกตีแผ่เป็นวงแล้วรีบวิ่งไปที่คฤหาสน์ทันที

    วินเซนต์ขบกรามเพื่อทนกับพิษบาดแผล ก่อนที่เขาจะมองมายังเบื้องหน้า พบว่าวิล่ากำลังเดินลงมาด้วยสายตากริ้วโกรธ ดูเธอจะดูก้าวราวฉายแววฆาตกรโหด เธอค่อยๆก้าวลงมาทีละคั้น ใบมีดของเธอพร้อมเจาะ แซะ แทงร่างกายของเขาแล้ว เขาคงไม่รอดแน่
    "วิล่า...ใจเย็นๆก่อนนะ จำวิธีระงับอารมณ์ได้ไหม" เขาปลอบอีกฝ่าย ดูเธอจะนิ่งและยังเดินก้าวลงมาอย่างช้าๆ "ถ้าจำไม่ได้เดี๋ยวหมอบอกใหม่ก็ได้นะ นับเลขสินับเลข พูดตามผมนะ 1"
   เธอก้าวลงมาอีก 1 ขั้น
   "2"
   เธอก้าวลงมาอีกหนึ่งขั้น
   "3"
   จู่ๆ เธอหลับกลางอากาศ เหมือนทุกอย่างหยุดนิ่ง เธอตกบันไดแล้วกลิ้งลงมาทีละขั้น โชคดีที่เธอตกลงมาเพียงแค่ขั้นสองขั้น เธอจึงไม่เป็นอะไรมาก เสียงรองเท้ากระทบกับพื้นเป็นจังหวะเหมือนคนเดิน ทว่าร่างของเขาจู่ๆ ก็ลอยขึ้น แต่สติของเขากลับมืดลง ไม่เห็นสิ่งตรงหน้า
 
   ภายในห้องที่ถูกจุดด้วยตะเกียงห้อยไว้ตามที่ต่างๆ บรรยากาศภายในดูลึกลับและชวนพิศวง วินซ์และคอลลี่มองการรักษาทั้งคนอย่างใกล้ชิด คนนึงก็คือวิล่าและอีกคนก็คือวินเซนต์ โดยที่มีกาบริลเป็นผู้รักษา เขาคือหมอเทวดา สามารถรักษาอาการบาดเจ็บให้หายเป็นปลิดทิ้งไปได้
   "เจ็บ... ฉันเจ็บ" เสียงพึมพำจากวินเซนต์ที่คล้ายคนละเมอ ตอนนี้เขาอยู่บนโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ ทว่าการรักษาของวิล่าเสร็จไปเรียบร้อย แต่ของเขาดูท่าจะหนัก แต่ก็ไม่เกินความสามารถของกาบริล
   วินเซนต์รู้สึกได้ว่าเหมือนมีเกล็ดน้ำแข็งเกาะไว้บริเวณปากแผล ทำให้รู้สึกเย็น และคลายปวดลงไปบ้าง
   "แกร๊บ!" เสียงเข้าที่ของกระดูกกลับเข้าที่เดิม อยู่ในสภาพเดิมทุกประการ

   วินเซนต์จึงตื่นขึ้นทันเห็นกาบริลกำลังเก็บของรักษาขาของเขาอยู่พอดี ภายในห้องดูอับชื้น กลิ่นดินติดจมูก ทำให้เขาเกิดความสงสัยว่าเขาอยู่ที่ไหน
   "ที่นี่ที่ไหน ?"
   "บ้านใต้ดินของฉันเอง" กาบริลตอบพร้อมหันหลังไปมองเขา
   "ดะ..เดี๋ยวนะ เหมือนผมเห็นคุณที่ห้องใต้ดิน"
   "เห็นฉันเหรอ ? แต่ฉันเพิ่งเห็นคุณครั้งแรก" กาบนิลตอบ "อ๋อ...ผมเข้าใจแล้ว  ยัยนั่นคงปลอมตัวเป็นผมสินะ ไม่เป็นไรหรอก แค่ขออย่างเดียวคุณก็รู้ไว้ซะด้วยว่าที่นี่ไม่ธรรมดา ที่คฤหาสน์เคยเป็นบ้านผมน่ะ แต่ตอนนี้ผมขายให้คนรวยไป บรรพบุรุษผมคงไม่ชอบ เลยเล่นงานทุกคนที่อยู่คฤหาสน์เดนิสสตอล์ก แต่ที่แน่ๆ ผมไม่ได้ขาย แต่พี่ชายผมขายไป ตอนนี้เขาตายไปแล้ว ผมกะจะซื้อคืน เจ้าฮิวจ์ก็ไม่ขาย เลยเป็นแบบนี้ไง คฤหาสน์อาถรรพ์ ผมเล่าให้คุณฟังรอบเดียวไม่มีรอบสอง"
   "อย่างนี้นี่เอง" วินเซนต์พึมพำ


โอเคเนอะ แก้เรื่องให้หมดแล้ว คราวนี้พวกท่านเตรียมสร้างวีรกรรมความน่ากลัวไว้ได้เลยนะครับ^^ ผมจะเสริมต่อ




0
E ARTHis 4 พ.ค. 58 เวลา 00:06 น. 18

ปะ....ปะ..ไปต่อไม่ถูกขอรออ่านอย่างสงบ 

ปล.ตรงไหนพอแทรกไปแจมได้จะพยายามเค้นของในหัวออกมาละกัน 

#เรื่องสยองขวัญขวัญนี่ขอยอมพวกท่านเลยจริมๆ 

0
cheshire's smile 4 พ.ค. 58 เวลา 14:14 น. 19

เห็นอันที่3 กะว่าจะเข้ามาป่วนซะหน่อย จะได้ครบบบ แต่พอเข้ามา.....
ขอนั่งอ่านในมุมมืดก็แล้วกันนะคะ T^T,

3
E ARTHis 4 พ.ค. 58 เวลา 15:20 น. 19-1

เรากำลังคิดอยู่ เปิดกระทู้ต่อไปโหมดอะไรดี 55555

เราก็นั่งอ่านเหมือยกัลลลลลล

0
E ARTHis 4 พ.ค. 58 เวลา 16:25 น. 19-3

ขอเราเรียบเรียงเรื่องแป๊ปเราอ่านไม่ค่อยเข้าใจ

(สมองเราไม่ค่อยแล่นเลย 555 )

กลัวพิมพ์ต่อคนอ่านยิ่งงงหนักเขาไปใหญ่

เศร้าจัง

0
E ARTHis 4 พ.ค. 58 เวลา 16:48 น. 20

   ต่อ คห.16 

"อย่างนี้นี่เอง" วินเซนต์พึมพำ

"เห้ออออ บรรพบุรุษคุณนี่น่ากลัวจริงๆเลยนะฮะ กาบริล" วินซ์พูดพลางมองไปที่ร่างของวิล่า "แล้วเราจะทำยังไงกับวิล่าต่อไป"

กาบริลที่เสร็จจากการเก็บเครื่องมือรักษา เงยหน้าขึ้นมา "ปล่อยไว้อย่างนี้สักพัก เธอแค่โดนเข้าสิง" 

"เข้าสิงงั้นหรอ?" แน่นอนหมอนักวิทยาศาสตร์อย่างวินเซนต์แทบจะไม่เชื่อ "ผมคิดว่ามันเป็นปรสิตมากกว่านะ" 

"หึหึ นั่นสินะคุณเป็นนักวิทยาศาสตร์นี่ แต่คุณคงเห็นแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น" กาบริลเอ่ย "เอาล่ะผมคงต้องขอตัวไปเก็บของสักหน่อย วินซ์ ดูแล ดร. และวิล่าด้วยละ อีกสักพักฉันจะกลับมา"

"อืมมมมม" วินซ์รับคำแล้วนั่งจ้องร่างวิล่าที่ยังสลบอยู่อย่างนั้น ส่วน ดร.วินเซนต์ แม้จะเหนื่อยยังไงก็ไม่อาจหลับตาลง...

ตึก ตึก ตึก ตึก

เสียงรองเท้าของกาบริลหยุดลงที่ส่วนตัวของตุ๊กตาฟาริสก้า 

"หึหึ ส่วนหัวคงหนีไปได้..." กาบริลพึมพำแล้วหยิบเอาตัวตุ๊กตาฟาริสก้าขึ้นมาใส่ขวดโหลแก้วรูปทรงพิศดาร ที่บรรจุของเหลวสีช้ำเลือดช้ำหนองเอาไว้ 

แกรก แกรก แกรกกกกกก

เมื่อร่างตุ๊กตาฟาริสก้าจมลงไปนิ้วมือของตุ๊กตาเริ่มหงิกงอแล้วกรีดลง เหมือนพยายามจะออกมา แต่แล้วก็แน่นิ่งไปพร้อมของเหลวที่เปลี่ยนเป็นสีดำ

กาบริลมองด้วยสายตาเฉยชา เก็บขวดโหลใส่กระเป๋าที่สะพายไว้แล้วหมุนตัวกลับไปทางเดินไปยังห้องใต้ดิน....

โดยหารู้ไม่มีสายตาคู่หนึ่งในมุมมืดจ้องมองอย่างกระหาย...

"กาบริล...~" และเสียงแผ่วๆที่มาตามสายลม

Edit : คำผิด

พยายามแล้วนะได้แค่นี้จริงๆ ฮือออออออออออออออออ
ไม่รู้จะไปต่อยังไง

2