เครียดค่ะ..ต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับการเฉลยปม

ทฤษฎีย้อนเวลาที่ใช้ๆกันมีอยู่ 2 ทฤษฎี คือ วนลูป กับ โลกคู่ขนานค่ะ

สมมติว่าการย้อนเวลาไป ส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ปัจจุบัน เป็นวนลูป
(นึกถึงเรื่อง The Looper, Harry ตอนที่เฮอร์ไมโอนี่ย้อนเวลา, หรือโดราเอม่อนก็ได้ค่ะ)

แต่ถ้าย้อนกลับไปแล้วเรื่องราวมันเปลี่ยน เท่าที่อธิบายมาเราว่าของคุณใช้ทฤษฎีโลกคู่ขนานนะคะ (ตัวอย่างคือ About time ที่พระเอกย้อนไปแก้ข้อผิดพลาดให้นางเอกชอบตัวเองมากขึ้นๆ จริงๆเรื่องนี้ไม่แน่ใจว่าจะเรียกโลกคู่ขนานได้ไหม แต่ก็ใกล้เคียง หรือถ้าคุณคนเขียนดูอนิเมะ แนะนำเรื่อง Steins Gate เป็นอะไรที่อธิบายทฤษฎีนี้ไว้ชัดเจนดีมาก)

ปกติเวลามีการ์ตูนหรือนิยายย้อนเวลา จะอธิบายไว้สักช่วงไหนในเรื่องว่าใช้ทฤษฎีไหน ถ้าใช้โลกคู่ขนาน ในเรื่องจะต้องอธิบายไว้ตรงไหนสักแห่ง หรือมีเหตุการณ์บอกเหตุว่าเป็นคนละโลกกันอย่างที่คุณพีทคุง คห 4 บอก  อะไรแบบนี้ค่ะ

ยังไงส่งลิงค์ให้หน่อยได้ไหมคะ พรุ่งนี้ว่างๆจะอ่านให้ค่ะ

ไม่ได้อ่านเรื่องของจขกท. ความเห็นของผมจึงเป็นการคาดเดา ถูกผิดอย่างไรขออภัยล่วงหน้า

เป็นไปได้ว่า นิยายเรื่องนี้ไม่ได้บอก สร้างหรือสรุปทฤษฎีเรื่องเวลาให้นักอ่านเข้าใจตรงกัน
เรื่องการย้อนเวลาและเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลถึงปัจจุบันมีหลากหลายแนวคิด
ซึ่งทุกแนวคิดก็เป็นไปได้ ตามแต่ละเรื่องจะเลือกใช้ ถ้าอธิบายไม่ชัดเจน นักอ่านก็จะงงนั่นเอง

ผมคิดอย่างนี้นะครับ มันมีความเป็นไปได้ที่นักอ่านไม่เข้าใจถ้าแค่บอกอดีตเปลี่ยนปัจจุบันย่อมเปลี่ยน
นักอ่านท่านนั้นไม่เข้าใจตรงที่ว่าทำไมทุกคนเปลี่ยนแต่ตัวนางเอกไม่เปลี่ยน
ความพิเศษของนางเอกที่แตกต่างจากคนอื่นคืออะไร? เพราะเป็นผู้เดินทางย้อนอดีต
// คล้ายภาพยนตร์เรื่องบัตเตอร์ฟลายเอฟเฟคใช่ไหมครับ
ผู้เขียนได้อธิบายหรือเปล่าครับว่าทฤษฎีเป็นแบบนี้

เพราะผมเชื่อว่า นักอ่านท่านนั้นมีทฤษฎีหรือคิดว่าเมื่อย้อนกลับไปอดีตและกลับมาที่เก่า(ปัจจุบัน) ก็ต้องเป็นการวนลูปมาตำแหน่งเดิม ไม่ควรมีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะถ้าอดีตเปลี่ยนแปลง ตัวนางเอกก็ต้องเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ซึ่งอาจหมายถึงนางเอกก็ต้องไม่ใช่คนเดิม
// คล้ายมังงะโจโจ้ล่าข้ามศวรรษภาค6 จักรวาลทั้งหมดเปลี่ยนไป ทุกคนต่างมีชีวิตในสถานะใหม่

สรุปง่ายๆ หากเป็นผม จะอธิบายต่อนักอ่านท่านที่ไม่เข้าใจโดย...
นางเอกย้อนอดีตแก้ไขปรับเปลี่ยนอดีต และมุ่งสู่อนาคต(หรือก็คือปัจจุบันตอนแรก)ที่เป็นโลกคู่ขนานมิใช่โลกใบเดิม (parallel universe)
ตามทฤษฎี หากคุณเปลี่ยนอดีตก็จะมีอนาคตสายใหม่ขึ้นมาแทนที่
คุณจะดำเนินไปในกิ่งก้านสาขาใหม่ของเวลา ถึงจะมีทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกัน(คนรู้จักทั้งหลายแหล่)
แต่ก็เป็นคนละอนาคต

เอาเป็นว่าพยายามใจเย็นๆ แล้วอธิบายต่อนักอ่านนะครับ

ใจเย็นๆ ครับ ไม่ต้องช็อค ไม่ต้องลบครับ

ประเด็นนี้เป็นประเด็นสามัญประจำบ้าน เป็น paradox หรือความขัดแย้งในตัวเองประเภทหนึ่ง ซึ่งในทางฟิสิกส์และคณิตศาสตร์มีอยู่เยอะแยะครับ

ความขัดแย้งในตัวเองเรื่องเวลาหรือ time paradox นี้ เนื่องจากยังไม่เคยมีใครข้ามเวลามาพบกัน ก็เลยยังไม่มีข้อสรุปว่า ถ้าการข้ามเวลาเกิดขึ้นจริง ผลมันจะออกมาเป็นยังไงกันแน่ เราก็ได้แต่คาดการณ์กันไป ซึ่งมันมีแนวที่คิดได้หลายทางครับ

ในเรื่องขวัญชีวี คุณ จขกท เลือกใช้คำตอบของแนวหนึ่ง คือเมื่ออดีตเปลี่ยน สิ่งที่ตามมาก็ย่อมเปลี่ยนไปด้วย (อันนี้ไม่จำเป็นว่าจะคู่ขนานหรือมีโลกเดียว เพราะก็มีความเชื่อหลายแบบอีก ถ้าคู่ขนานคือ โลกเก่าที่ขวัญชีวีจากไปก็ดำเนินต่อไปโดยไม่มีขวัญชีวี แต่ถ้าไม่คู่ขนานคือ โลกเก่าหายไปแล้ว ไม่มีหลงเหลืออยู่แล้ว แต่อันนี้นอกเหนือจากประเด็นครับ)

ส่วนคนอ่านแต่ละคนก็จะมีสิ่งที่ตัวเองคิดหรือเชื่อในใจอยู่ จริงๆ ไม่ใช่ว่าคนอ่านไม่เข้าใจครับ แต่ดูแล้ว สิ่งที่คนอ่านเชื่ออยู่เป็นคนละแบบกับคำตอบที่คุณ จขกท เลือกใช้ เขาก็เลยมีสมมุติฐานแบบอื่นอยู่ พอเรื่องราวคลี่คลายออกมาในแนวที่คุณ จขกท เลือก มันก็เลยต่างจากสมมุติฐานที่เขาเชื่ออยู่ก่อน (เช่น วรรณสิริไม่ได้กลับมา ก็ควรจะไม่มีอยู่ในโลกปัจจุบันด้วยสิ โผล่มาได้ยังไง)

ซึ่งตรงนี้ไม่ได้ผิด ต่อให้เราอธิบายชัดเจนยังไง ก็จะยังมีคนอ่านจำนวนหนึ่งที่คิดต่างจากเรา เชื่อในทางเลือกแบบอื่นมากกว่า ซึ่งไม่เป็นไรครับ เป็นเรื่องธรรมดาของนิยายแนวที่เล่นกับความคิดและสิ่งที่คนเรายังไม่รู้แบบนี้ (ซึ่งนิยายวิทยาศาสตร์เอามาเขียนได้เป็นวรรคเป็นเวร)

แต่ถ้าเรายังอธิบายไม่ชัดพอ ก็ไม่ต้องลบอีกนั่นแหละ แค่กลับไปเติม กลับไปปรับให้ชัดขึ้น มีวิธีที่ทำได้หลายวิธีครับ ยกตัวอย่างที่เคยเห็นใช้กันในงานแนววิทยาศาสตร์นะครับ

(1) อธิบายด้วยมุมมองของตัวละครหลักเอง (ในที่นี่คือขวัญชีวี) ตัวละครต้องสังเกต ต้องตั้งข้อสงสัย หรือมีข้อกังวล ไม่ใช่แค่ตอนกลับมา แต่เริ่มตั้งแต่ตอนย้อนอดีตไปเลย ใส่ตรงนี้เป็นระยะๆ และเริ่มให้ตัวละครมีสมมุติฐานของตัวเอง (ซึ่งจะถูกตามที่เกิดขึ้นท้ายเรื่องหรือไม่ถูกก็ได้ แต่เป็นการเตรียมตัวคนอ่านให้รู้ว่า มันอาจจะเป็นไปได้หลายทาง) และเมื่อกลับมาแล้ว เจอโลกที่เปลี่ยนไป ก็ให้ตัวละครมีเวลาครุ่นคิดทบทวน และหาคำตอบให้กับตัวเองระดับหนึ่ง (คนเรากลับมาเจอโลกที่เปลี่ยนไป ก็ย่อมต้องตั้งสตินั่งคิดบ้าง)

(2) หยอด "ลางบอกเหตุ" เอาไว้ล่วงหน้าบ้าง ใช้คำว่าลางบอกเหตุฟังดูเป็นไสยศาสตร์ จริงๆ ไม่ใช่ครับ ภาษาเขียนนิยายเขาเรียก foreshadow คือ เมื่อเราตัดสินใจแล้วว่าตอนกลับมา โลกจะเปลี่ยนไป ระหว่างกลางของเรื่อง หยอดสิ่งต่างๆ ที่เป็นจุดทำให้คนอ่านฉุกคิด (หรือตัวละครฉุกคิด) ว่าถึงที่สุดแล้วโลกอาจจะเปลี่ยนไป อาจจะไม่ใช่อย่างที่เคยเป็น ตัวอย่างที่นึกออกเช่น เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่ขวัญชีวีรู้ก่อนย้อนอดีตว่าจะเกิดขึ้น แต่พอตัวเองเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้น กลับพบว่าเหตุการณ์นั้นไม่เหมือนกับที่เคยรู้มา ทำให้เอะใจว่า อะไรบางอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว

ส่วนเรื่อง "วนลูป" หรือ "ไม่วนลูป" สารภาพว่าแปลไม่ออกครับว่าวนลูปแปลว่าอะไร แต่ในประเด็นที่ว่า ถ้าพระเอกเปลี่ยนแปลงอดีต และทำให้ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว นางเอกจะกลับไปที่โลกปัจจุบันได้หรือไม่ เนื่องจากทางวิทยาศาสตร์ยังไม่มีข้อยุติ คนเขียนก็สามารถตัดสินใจว่าจะให้กลับได้หรือกลับไม่ได้ ไม่มีปัญหาครับ

จุดที่ต้องดูคือ เมื่อกลับมาแล้ว มันมีความสมเหตุสมผลน่าเชื่อถือหรือไม่ แค่ไหน อันนี้ผมไม่ได้อ่านเรื่องก็เลยบอกไม่ถูก แต่ลองตรวจสอบดูกับประเด็นพื้นฐานครับ เช่น

นางเอกกลับมาเวลาเดิมเป๊ะหรือมีช่วงเวลาในปัจจุบันที่หายไป และจะมีผลต่อความรับรู้ของคนอื่นรอบตัวยังไง

ในเมื่อโลกเปลี่ยนไปแล้ว ประวัติส่วนตัวของนางเอกตั้งแต่เกิดจนถึงจุดที่กลับมา เหมือนเดิมหรือเปลี่ยนไป นางเอกมีความทรงจำอันไหน ยังจำเหตุการณ์ช่วงที่ย้อนกลับไปในอดีตได้มั้ย 

พอดีผมไม่ได้อ่าน แต่จุดนี้เป็นจุดสำคัญเหมือนกัน เพราะถ้านางเอกกลับมาโดยจำความหลังตอนย้อนอดีตไม่ได้ ก็จะไม่สามารถเป็นผู้ครุ่นคิดหาเหตุผลให้คนอ่านฟังได้ ต้องคิดเสียตั้งแต่ตอนก่อนกลับ

เรื่องความทรงจำนี้ ที่ผมเคยอ่านมาก็มีหลายแบบครับ บางแบบคนที่ย้อนกลับมาจะมีความทรงจำในไทม์ไลน์ของตัวเอง แต่ไม่มีความทรงจำในปัจจุบันแบบใหม่ บางแบบก็จะมีทั้งสองความทรงจำ เหมือนกับว่าตัวตนสองตัวตนมาเชื่อมกันตรงจุดที่ย้อนกลับมา อันนี้ก็สุดแต่คนเขียนจะเลือกอีก เพียงแต่เลือกแบบไหนก็พยายามเขียนสิ่งรอบข้างให้สอดคล้องกัน

พอแค่นี้ก่อนดีกว่า เรื่องมันซับซ้อน เดี๋ยวชวนปวดหัวหนักกว่าเดิมครับ

ป.ล. เขียนจนจบได้ เก่งมากเลยครับ ไม่ต้องเครียดนะ ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ปรับ เดี๋ยวก็เจอจุดที่ลงตัวครับ

นักอ่านคนนี้น่าสนใจ อ่านนิยายเหมือนไม่ใช่แค่นิยาย มีการคิดวิเคราะห์และกล้าแสดงความคิดเห็น ตั้งคำถามคัดค้าน //ไม่เกี่ยวกับกระทู้

หลายท่านตอบคำถามไปแล้ว เราจึงอยากลองแสดงความเห็นในในแง่ที่ไม่เกี่ยวกับคำถามดูบ้าง 

ตามความเห็นเรา จขกท ไม่ต้องไปเครียดมาก นิยายนี้ จขกท เป็นผู้สร้าง...มันก็ต้องเป็นไปตามนั้น เพราะดูจากตรรกะที่ยกมาก็ไม่ได้ดูไร้เหตุผลอะไร ยอมรับได้ ประเด็นถกเถียงระหว่าง จขกท กับนักอ่านก็น่าสนใจ แต่ไม่ควรคิดหนักจนเครียด เขาเข้าใจในสิ่งที่ จขกท สื่อ เพียงแต่ไม่ยอมรับ เรื่องแบบนี้ต้องปล่อยไป การยอมรับอะไรหรือไม่ยอมรับอะไร เป็นเรื่องส่วนบุคคลและเปลี่ยนแปลงได้ แต่บางครั้งอาจต้องใช้เวลาค่ะ

มาให้กำลังใจครับ จากหมวดวิทยาศาสตร์ สู้ๆครับผม