Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ถกปัญหานิยายเหมือน โปรดทำความเข้าใจนักเขียนก่อนบ่น

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

   แฮ่มๆ จากคดีดราม่าที่ได้เห็นกันมาหลายต่อหลายเรื่อง จนนักเขียนบางคนถึงกับเลิกแต่งนิยายกันไปเลย

 
"ทำไมนักเขียนเขียนนิยายออกมาเหมือนนิยายบางเรื่องเลย ลอกงานมาหรือเหล่า"


   ในฐานะนักอ่านคนหนึ่ง...เขาชอบของเขาแบบนี้ คอมเม้นบั่นทอนกำลังใจที่พิมพ์นี่ใช้สมองก่อนพิมพ์หรือเปล่าคะ? ใส่ใจจิตใจคนเขียนหน่อยได้ไหม??? ทำไมคนเขียนถึงชอบขอคอมเม้น??? ว่าไปนั่น...เพราะบางทีนะ คนอ่าน...เขาก็ "ไม่ได้สนใจ" อะไรหรอกค่ะ เขาก็แค่อยากแสดงความคิดเห็น ก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ

 
เหมือนเวลามีคนพูดอะไรมาแล้วคุณไปบอกเขาว่าพ่อคุณไดเอทนั่นแหละ...เรื่องปกติ...เนอะ?


   ปกติกะผีสิคะ!!! นิยายที่นักเขียนทุกคนแต่ง เราบอกได้เลยว่า เด็กๆพวกนั้นคือ "ลูก" คือ "สมบัติล้ำค่า" ของนักเขียน แน่นอนว่าต้องมีทั้งคนที่ "ชื่นชม" และ "ตำหนิ" แต่คนที่ตำหนิ แฮ่มๆ เรียนวรรณคดีไทยตอนมัธยมมาใช่ไหมคะ งั้นน่าจะเคยเรียนบท "การพิจารณาเนื้อหาและกลวิธีในวรรณคดี(+ วรรณกรรม)" นะคะ

 
"ผู้อ่านควรวิจารย์งานนั้นอย่างเป็นกลาง"


   ขีดชัดๆเน้นตัวหนาๆตรงคำว่า "เป็นกลาง" เลยค่ะ ที่คุณคอมเม้นทำลายนิยายเขาเสียๆหายๆเนี่ย...เป็นกลางไหมคะ?

 
เรารู้ว่านักอ่านไม่มีวันเข้าใจ...แต่เมื่อยามที่คุณก้าวเข้ามาเป็น "นักเขียน" คุณจะรู้ซึ้งทุกอย่างดีเลยค่ะ


   เคยไหมคะ? อ่านนิยายเรื่องนั้นเรื่องนี้แล้วรู้สึกชอบตอนตอนนี้ บทบทนี้ เหตุการณ์นี้ แล้วเรา...อยากแต่งบ้าง
มันคือ...แรงบันดาลใจค่ะ อยากแต่งเรื่องแบบนี้บ้าง ฉากแบบนี้บ้าง ให้ตัวเอกมีความสามารถแบบนี้บ้าง แล้วเมื่อเขาคิดได้ เราคิดได้ ซ้ำกันมันจะผิดตรงไหนคะ?


 
แต่ถ้าหากเราก็อปต้นฉบับมาทั้งดุ้นนั่นแหละค่ะที่ผิด! -_-


   แต่สิ่งที่นักเขียนสื่อออกมามันไม่ใช่ค่ะ เขาแค่ชอบจุดๆนี้ของนิยายเรื่องนี้เลยอยากเอาจุดๆนี้มาปรับแต่งในนิยายของตัวเองบ้าง แค่มา "ปรับแต่ง" ค่ะ ไม่ใช่ "ลอกเลียน" แม้จะดูเหมือนมีหลายจุดที่คล้ายกันบ้าง แต่...สุดท้ายแล้วโครงเรื่องล่ะคะ? การวางเรื่อง? การกระทำต่อไปของตัวละคร? ในหนังสือเรียนวรรณคดีวิจักษ์ของม. 5 ยังเขียนไว้เลยค่ะ

 
"...โครงเรื่อง คือ ลำดับและทิศทางของเรื่องที่วงไว้เป็นกรอบและแนวทางในการสร้างเรื่อง ซึ่งเปรียบเสมือนแบบร่างของสถาปนิกในการสร้างบ้าน โครงเรื่องเดียวกันอาจสร้างเรื่องออกมาได้ต่างกัน..."


   นักเขียนเขาแค่หยิบโครงเรื่องส่วนนี้มาใส่ในนิยายของตัวเองเท่านั้นเองค่ะ แต่สุดท้ายแล้วมันจะต้องมีจุดที่หักมุมแตกต่างจากตัวต้นฉบับแน่นอนค่ะ ถ้าจนถึงตอนนี้คุณยังไม่ยอมรับล่ะก็...แปลว่าสถาปนิกที่เขาสร้างบ้านให้ออกมาเป็นทรงสี่เหลี่ยมเนี่ยเขาก็อปผลงานของสถาปิกคนอื่นมาด้วยหรือเปล่าคะ? เวลาคนแต่งแฟนฟิคแล้วหยิบยกคำพูดของดาราคนนั้น ของตัวการ์ตูนตัวนั้นมา...ก็เป็นการก็อป...ก็ผิดน่ะหรือคะ? แน่ใจหรือคะ?


   เหล่านักอ่านที่ได้อ่านบทความนี้ขอให้จำไว้นะคะ ไม่ว่าคุณจะตำหนิติเตียนนักเขียนอย่างไรมันก็ไม่ผิดค่ะ แต่ถ้าหากคุณลองคิดดูอีกสักนิดคุณจะรู้ว่าการที่คุณไปต่อว่านักเขียนท่านนั้นว่าเขาก็อปผลงานของคนอื่นมาเนี่ย...


 
มันเป็นการทำร้ายและย่ำยี "ศักดิ์ศรี" ของนักเขียนเขานะคะ


  เราเองก็เคยเจอเรื่องแบบนี้เราจึงเข้าใจและอยากมาเตือนค่ะ พอเถอะนะคะ หากคุณจะวิจารณ์นิยายก็ไม่ควรดึงอคติเข้ามานะคะ ลองเปิดกว้างอีกสักนิดคุณจะรู้ว่านิยายที่คุณเคยคิดว่าไม่ดีสามารถมอบความสุขและแรงบันดาลใจให้แก่ผู้อื่นได้มากขนาดไหนค่ะ

 
ถึงตอนนี้คุณอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่อย่างที่เราได้บอกไป ว่าหากคุณได้ก้าวเข้ามาในโลกของนักเขียน...คุณจะเข้าใจมันโดยที่ไม่ต้องทำความเข้าใจอะไรลึกซึ้งเลยค่ะ

ขอบคุณค่ะ

แสดงความคิดเห็น

>

7 ความคิดเห็น

ReaderMan 7 มิ.ย. 60 เวลา 00:29 น. 1

ผมเห็นด้วยนะครับ และในฐานะที่เป็นนักอ่านนิยาย ขอเสริมนิดนึงว่า นักอ่านหลายท่าน โดยเฉพาะกลุ่มที่ยังอายุยังน้อย หลายคนยังคงแยกไม่ออกว่า ลอกเลียนกับได้แรงบันดาลใจ ต่างกันยังไงน่ะครับ ซึ่งนั่นเป็นอาวุธร้ายแรงที่ทำเอานักเขียนหลายคนหมดกำลังใจไปเลย ทั้ง ๆ ที่ถ้าลงไปตั้งใจอ่านผลงานของเขาจริง ๆ แล้วจะมีจุดแตกต่างมาก อีกทั้งผลงานของเขาอาจจะสนุกอีกแบบหนึ่งก็ได้


แต่บางคนกลับไม่สนใจเนื้อหา แค่อ่านผ่าน ๆ ก็มาทำตัวเป็นนักวิจารณ์พร้อมกับใช้คำพูดแรง ๆ ด้วยความสนุกปากไปแล้ว


ถึงแม้จะมีบางคนบอกว่า แรงบันดาลใจก็คือลอกเลียน ยังไงก็รับไม่ได้ จึงจะยกตัวอย่างนิยายที่โด่งดัง เช่น King Solomon Mines ของ Sir H. Rider Haggard. 


เนื้อหาเรื่องนี้ กล่าวถึง เศรษฐีคนหนึ่งที่ทำการว่าจ้างนายพรานที่เก่งกาจ นามว่าอลัน ควอเตอร์แมน ให้นำทางเข้าไปยังป่าดงดิบเพื่อตามหาน้องชายที่สาบสูญไป โดยระหว่างทางได้เจอคนป่าท่าทางลึกลับ ขอร่วมทางไปด้วย ซึ่งคนป่านั้นแท้จริงแล้ว เป็นกษัตริย์ของชนเผ่าลึกลับในป่าที่ถูกหักหลัง


ซึ่งผมพูดถึงตรงนี้ พอคุ้นมั้ยครับ ว่าเหมือนนิยายเรื่องอะไร คำตอบคือ เพชรพระอุมา ของ พนมเทียน ที่โด่งดัง โดย เขาได้อ่านพล็อตนิยายนี้ แล้วเอามาแต่งตาม โดยเปลี่ยนแปลงชื่อตัวละคร พร้อมกับเนื้อหาเป็นแนวของเขาเอง แต่โครงเรื่องเหมือนกัน


ดังนั้น สิ่งที่จะสื่อคืออยากให้นักอ่านที่ดูแค่พล็อตแล้วตัดสินเลยว่าเขาลอกเลียนนั้น รบกวนทำการสละเวลาเข้าไปอ่านนิยายให้จบก่อน เพราะบางทีแล้วเราอาจไปทำลายคุณค่าของนิยายที่ดี ๆ ที่กำลังจะเกิดก็เป็นได้ครับ



0
chalisaR 7 มิ.ย. 60 เวลา 01:37 น. 2

นี่ก็แต่งนิยายเหมือนกัน แต่ก็อยากบอกว่า นักเขียนบางคนก็แยกไม่ออกเหมือนกันระหว่าง 'ลอกเลียนผลงาน' กับ 'แรงบันดาลใจ'


นี่ไม่ได้โจมตี จขกท. นะ อย่าเข้าใจผิด


แต่ว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ขอยกตัวอย่างเรื่องนิยาย 'สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่' ที่โด่งดังจนได้ทำเป็นทั้งซีรี่ย์และหนัง ผู้เขียนบอกว่าตัวเองได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิยาย Y เรื่องหนึ่ง หลังจากที่โดนเจ้าของเรื่องออกมาด่า แต่คำว่าแรงบันดาลใจของเขากลับเหมือนกับนิยาย Y เรื่องนั้นในหลายๆด้าน ลองไปเสพดราม่าเรื่องนี้ดู


แล้วนิยายจีนหลายๆเรื่องจะต้องมีฉากที่เหมือนกัน ทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องเหมือนก็ได้อย่าง 'เจอยอดยุทธ์อาวุโสกลางป่า ขณะนางเอกกำลังจะไปทำอะไรสักอย่างที่ป่า (กำลังปิ้งไก่แล้วโดนเฒ่าประหลาดแย่ง) แล้วนางเอกผู้หยิ่งยะโสเย็นก็ได้ถูกรับเป็นศิษย์เพราะท่านผู้เฒ่าเห็นความสามารถอันพิศดารของนาง'


มีช่วงหนึ่งที่หัวขโมยแห่งบารามอสโด่งดังมาก พระเอก'คาโล'มีบุคลิกเย็นชา ผมสีเงิน ดวงตาสีน้ำเงิน นางเอกเป็นผู้หญิงที่อยู่ในร่างผู้ชาย -- หลังจากนั้นก็จะมีทั้งบุคลิกและรูปลักษณ์ตัวละครแนวนี้ออกมาจนเกลื่อน --- พระเอกหัวเงินเย็นชา เข้าโรงเรียนวิเศษ ตามหาของ นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชาย................


อะไรเงี้ยค่ะ


แล้วการเป็นนักเขียน เราต้องเปิดให้ผู้อ่านแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ จะดีจะร้ายควรเปิดรับไว้ให้หมด ไม่ควรไปกำหนดกรอบความคิดเขานะคะ ว่าอย่างนี้เป็นกลางหรือไม่

บางทีคนอ่านเขาอ่านแบบผ่านๆ เขายังนึกว่า เออ เหมือนกับเรื่องนี้มากเลย แสดงว่าเราก็ควรต้องปรับปรุงแล้วค่ะว่าเราเอาธีมหรือไอเดียของคนอื่นมาเยอะเกินไหม


ยกตัวอย่างของตัวเองอีกสักอันละกัน เมื่อก่อนอยากแต่งเรื่องแนวออนไลน์ แต่ไปๆมาๆความรู้เกี่ยวกับเรื่องออนไลน์เราได้มาจากนิยายอีกเรื่องทั้งนั้น เนื้อหาออกมาคล้ายๆกันไปหมด ถึงจะมีจุดมุ่งหมายคนละอย่าง สุดท้ายเราก็หลีกไม่ได้ว่า เออ นี่ตูไม่ได้ใช้ความคิดตัวเองในการแต่งนี่หว่า และจบด้วยตัดสินใจลบเรื่องนั้นทิ้งไป เพราะเราถือว่านี่ 'ทำลายศักดิ์ศรี' ของนักเขียนของตัวเอง

1
SeirinUL 7 มิ.ย. 60 เวลา 06:51 น. 2-1

ไม่เป็นไรค่ะ แสดงความคิดเห็นได้ตามสบายค่ะ เราไม่ได้มีอคติหรือซีเรียสอะไรขนาดนั้นค่ะ เราพร้อมที่จะเปิดรับฟังความคิดเห็นอื่นอยู่เสมออยู่แล้วค่ะ นับว่าเป็นความคิดเห็นที่จะว่าตรงข้ามกับที่เราลงไปก็ไม่เชิงค่ะ อาจมองว่าเป็นการช่วย 'เสริม' ในส่วนที่บทความนี้ขาดไปก็ว่าได้ค่ะ อย่างไรคนเราก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอยู่แล้วค่ะ ^^ ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นดีๆนะคะ

0
อัจฉราโสภิต 7 มิ.ย. 60 เวลา 05:38 น. 3

มีที่ไม่เห็นด้วยบางจุดครับ


หนึ่ง การ "วิจารณ์" ถูกต้องว่าควรทำอย่างเป็นกลาง แต่การ "แสดงความเห็น" ไม่จำเป็นต้องเป็นกลางนะครับ สองอย่างนี้คนละอย่าง


สอง โครงเรื่องแบบเดียวกัน คำว่า "โครง(เรื่อง" มันมีหลายระดับครับ โครงระดับพื้นฐานเหมือนกันนี่ไม่แปลก แต่ถ้ารายละเอียด ทางเดินเรื่อง บรรยากาศของเรื่องดันเหมือนกันด้วย ถึงจะมีจุดที่แตกต่างหรือเป็นความคิดของผู้เขียนเองไม่ได้ลอกใครมาจริงๆ แต่มันก็สามารถทำให้คนอ่านรู้สึกว่าลอกกันมาได้ ซึ่งมันยากมากครับที่จะหานิยายสองเรื่องที่มีทางเดินเรื่องและนิสัยตัวละครเหมือนกัน


จริงอยู่ อาจจะบอกได้ว่าเอาแรงบันดาลใจมาจากเรื่องนี้ๆ อยากปรับแค่บางจุด แต่นั่นก็คือการลอก (มาบางส่วน) นั่นแหละครับ ต้องยอมรับในจุดนี้ด้วย


การใช้แรงบันดาลใจที่ดีและไม่มีใครว่าได้ว่าลอก ก็คือเอาแรงบันดาลใจนั้นมาผสมมาปรับ จนกลายเป็นเรื่องใหม่ที่อ่านแล้วไม่รู้ว่ามาจากเรื่องอะไร นั่นแหละถึงจะเรียกได้เต็มปากว่าไม่ได้ลอก แค่ได้แรงบันดาลใจมา


ยกตัวอย่างเป็นดนตรีก็แล้วกัน ใช้เสียงเครื่องดนตรีคล้าย ทางกลองคล้าย ยังสามารถบอกได้ว่าแรงบันดาลใจ แต่ถ้าทางเดินคอร์ดเหมือน ทำนองเหมือน สองอย่างในเพลงเดียว ก็บอกได้ว่าลอกครับ


คนอ่านและคนเขียนบางคนแยกสองอย่างนี้ไม่ออกอันนี้ต้องยอมรับ แต่บางครั้งมันชัดเจนครับ แต่คนเขียนก็ยังเลือกจะตะแบงว่า "แรงบันดาลใจ" อยู่ดี


สาม นิยายเป็นเหมือน "ลูก" แต่ถ้าพ่อแม่เอาแต่โอ๋ลูก คิดว่าลูกจะออกมาเป็นยังไงครับ


ถ้าสิ่งที่กล่าวหานั้นไม่จริง พ่อแม่ก็ปกป้องลูกด้วยการชี้แจง แต่ไม่ใช่ด้วยการบอกว่าห้ามว่าลูกฉันครับ

1
SeirinUL 7 มิ.ย. 60 เวลา 06:48 น. 3-1

ค่ะ ยังไงการลอกก็คือการลอกค่ะ เหมือนเวลาเราเอาการบ้านเพื่อนมาลอกแล้วดัดแปลงเล็กๆน้อยๆ แต่ยังไงนั่นคุณก็ไม่ได้เริ่มจาก 0 ด้วยตัวเองอยู่ดี ยังไงก็ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นดีๆนะคะ

0
คุณป้านิรนาม 7 มิ.ย. 60 เวลา 05:38 น. 4

แอบมาเห็นด้วยกับ คห.2


นักเขียนบางท่านก็แยกแยะระหว่างคำว่า แรงบันดาลใจ กับ ลอก ไม่ออก


างเรื่องอ่านแล้วแบบ โอโห โอ้โหหหหห นอกจากเปลี่ยนชื่อในบทสนทนาแล้วเรียกว่า copy-paste มาเลยดีกว่า บางท่านก็ยำรวมมิตร เรื่องนึง copy ฉากเรื่องอื่นๆมาเป็นสิบเรื่อง พอเข้าไปเตือนนักเขียนก็พูดว่า ไม่รู้จักแรงบันดาลใจเรอะ? สุดท้ายก็โดนลูกหาบลูกขุนไล่ออกมา มีอยู่เรื่องนึงประมาณ1-2ปีก่อน นักเขียนถึงกับขึ้นตอนใหม่ด่าคนๆเดียวไป3หน้าA4 ทั้งๆที่เขียนนิยายตอนนึงสั้นแค่ครึ่งหน้าA4ได้มั้ง


หากไม่พูดถึงความเห็นที่ตั้งใจมาก่อกวนโดยเฉพาะแล้วล่ะก็...


การที่เจอนักอ่านบอกว่าเรา ลอก อย่าเพิ่งฟูมฟายหรือออกตัวแรงว่า ชั้นไม่ได้ลอกนะ!! นักเขียนบางคนผ่านการอ่านมาเยอะมาก เวลาเรานึกฉากนึงขึ้นมา อาจจะเข้าไปขุดความทรงจำเก่าๆที่เคยอ่านไว้ขึ้นมาก็ได้ อย่าเพิ่งมั่นใจมั่นหน้า ว่าฉากของชั้นไม่ซ้ำใคร ให้รีบตรวจสอบก่อน ไปตามล่าหามาอ่านให้ได้ แล้วพิจารณาดู หากเห็นว่าแค่คล้ายเล็กน้อยควรรีบชี้แจง ถ้าเหมือนจริงๆควรรีบแก้ไขโดยด่วน ให้เกียรติกับผลงานที่มาก่อน ไม่แถให้สีข้างถลอกปอกเปิกยิ่งแถบาดแผลยิ่งลึก ยิ่งแสดงให้เห็นถึงเนื้อในของคนนั้นๆ การยอมรับผิดไม่ได้ทำให้เสียศักดิ์ศรี แต่ถ้าหากต้องเชิดหน้าชูคอตั้งศักดิ์ศรีอะไรนั่นไว้ จะน้อมหัวลงไม่ได้ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว


ต่ถ้าเจอความเห็นก่อกวนมาแบบ ถอดล็อกอิน ข้อความสั้นๆหาต้นตอไม่ได้ เช่น ลอก กาก ถามหาชื่อเรื่องก็ไม่มีตอบกลับ ไม่ควรให้ค่ากับความเห็นเหล่านี้ ถ้าเราไม่ให้ค่าให้ความสำคัญกับสิ่งนั้น มันจะยังบั่นทอนจิตใจเราได้อีกหรือ?


อยากจะฝากถึงนักเขียนรุ่นใหม่ผู้มีจิตใจอ่อนไหวทั้งหลาย ในสังคมของเรานี้มีคนมากมายร้อยพ่อพันแม่ ทุกคนมีนิสัยแตกต่างกัน ในเมื่องานเขียนของเราเป็นสาธารณะ พวกหนูไม่สามารถห้ามไม่ให้ใครเข้ามาได้ ถึงพวกหนูจะขอร้อง จะตั้งกระทู้สักแค่ไหน เค้าเหล่านั้นจะมาเห็นสิ่งที่พวกหนูขอร้องไหม นักอ่านมีล้านคน นักเล่นบอร์ดมีเพียงร้อย ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มที่ตัวหนูเอง อย่างที่พูดไว้ที่ย่อหน้าก่อนนั้น หากโดนก่อกวน ก็เพียงแค่ปรายตามองแล้วสะบัดหน้าหนีเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับสิ่งที่ไร้ค่า หากเจอความเห็นเลื่อนลอยแบบนี้ยังไม่สามารถทนได้ ขอกล่าวไว้ตรงนี้เลยว่า หนูไม่มีทางที่จะรับได้กับfeedbackเชิงลบ ที่เอาความจริงมาตอกใส่หน้าหนูได้อย่างแน่นอน นอกจากงานเขียน สิ่งที่หนูต้องพัฒนาด้วยนั่นคือการพัฒนาทางด้านอารมณ์ ไม่ใช่เพียงแค่พัฒนาเพื่อรับมือกับสิ่งเหล่านี้ แต่การพัฒนาด้านอารมณ์จะส่งผลต่ออารมณ์ในนิยายของหนูด้วย ฝากไว้ให้คิส


สุดท้ายและท้ายที่สุดที่อยากฝากไว้... สิ่งที่ไม่เป็นความจริง ไม่สามารถทำร้ายเราได้ฉันใด การถูกกล่าวหาไม่เคยทำให้คนเราเสียศักดิ์ศรีฉันนั้น มีเพียงเราที่รู้สึกไปเอง


ท้ายสุดๆแล้ว คิดไปคิดมาข่าวลือที่ไม่เป็นความจริงก็ทำร้ายเราได้เหมือนกัน แต่อยากใส่โควตเท่ๆบ้าง เอาเป็นว่าไม่ลบดีกว่า


1
SeirinUL 7 มิ.ย. 60 เวลา 06:43 น. 4-1

นั่นสิคะ จริงๆที่คุณพูดมาก็มีส่วนถูกไม่น้อย เราเองก็เคยเจอนิยายที่ก็อปบทก็อปคำพูดเขามาทั้งดุ้นเหมือนกันค่ะ...น่าเกลียดมากค่ะ แต่ก็หลายๆคนแสดงความคิดเห็นกันไปเอาให้คนที่เขาเข้ามาอ่านที่หลังได้ตรองเรื่องนี้ให้มากขึ้นดีกว่าค่ะ ไม่ว่าจะเป็นนักอ่านหรือนักเขียนก็ตาม ^^

ปล. นั่นสินะคะ ต่อให้มันไม่จริงแต่ข่าวลือเสียๆหายๆ คำต่อว่า คำด่าทอเนี่ย...ก็ทำร้ายจิตใจของคนเราได้มากกว่าที่คิดนะคะ

0
K.W.E. 7 มิ.ย. 60 เวลา 11:01 น. 5

จริงๆแล้วผมว่าเรื่องนี้มันมี 2 ประเด็นครับ


ประเด็นแรกคือ... ผู้อ่านมีสิทธิสงสัยครับว่านิยายเรื่องนี้ลอกหรือไม่ และเขาก็มีสิทธิตั้งคำถามเช่นกันว่าที่มาที่ไปคืออะไร เหตุใดถึงเขียนออกมาเช่นนี้


ซึ่งมันก็เป็นอะไรที่ผมแนะนำนักเขียนใหม่เสมอๆว่า ว่างๆก็ลองฝึกตั้งคำถามและตอบคำถามตัวเองดู

โดยเฉพาะที่มาที่ไปของแต่ละพล็อตแต่ละฉากว่า เขียนออกมาเพื่ออะไร ความสำคัญของบทนั้นคือ? แรงบันดาลใจที่มาของบทนั้นละ? ถ้าท่านตอบได้ ผมว่าท่านจะปึ้กขึ้นอีกระดับเลย ทั้งเรื่องเหตุผลความเหมาะสมของงานเขียน และความพร้อมเวลาเผชิญกับคำถามที่ว่า



ประเด็นที่สองคือ... เมื่อมีประเด็นแล้ว ผมว่าผู้ถามเองก็ควรเริ่มจากเบาไปหนักนะ จู่ๆมาชี้หน้านักเขียนบอกว่า ลอก! ทันที มันก็เกินกว่าเหตุไปหน่อย เพราะยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรเลยก็ไปกล่าวหาเขาเสียแล้ว


แล้วถ้าเขาไม่ลอกจริงล่ะ จะทำเช่นไร บางทีขอโทษมันก็ไม่จบนะครับ เพราะบรรยากาศมันเสียไปแล้ว (ในหน้านิยายถ้าเจ้าของหน้าเก็บข้อความไว้ยังไงก็มีโอกาสต่อประเด็น)

และก็มีไม่น้อยที่ไปกล่าวหาเขา พอคนเขียนแก้ต่างได้ ก็ไม่ออกมาขอโทษสักคำก็มี นั่นยิ่งเสียความรู้สึกเข้าไปใหญ่



จริงๆเคสลอกเนี่ยมีในบอร์ดนักเขียนเสมอๆนะ

ทั้งจากแฟนนิยายกล่าวถึง หรือนักเขียนที่ถูกลอกมาเอง


ซึ่งส่วนใหญ่จะได้คำแนะนำเดียวกันว่า 'ควรเตรียมหลักฐานให้พร้อมเสียก่อน' แล้วค่อยสอบถามหาความจริง


เหตุผลก็เพื่อ 1.จะได้ตรวจสอบง่ายครับ เพราะถ้ามีประเด็นนี้เมื่อไหร่ ควรจะต้องมีคนกลางมาตัดสิน เพื่อไม่ให้โน้มเอียงเข้าข้างตัวเอง หรือถ้าเกิดใน dek-d ก็ให้ WM เข้ามาตรวจสอบ... ฉะนั้นหลักฐานที่ช่วยพิจารณาจึงสำคัญมาก ควรจะมีพร้อมก่อนแล้วค่อยกล่าวหา


2. เพื่อกันนักเขียนที่ลอกชิงหนีไปก่อน...

เคสนี้ก็มีให้เห็นเหมือนกัน พอเกิดการกล่าวหาขึ้น (ซึ่งก่อนหน้า่นั้นจะระอุในหน้านิยายนั้นๆมาก่อนแล้ว) พอเรื่องมาถึงบอร์ดกลาง มีการเอาหลักฐานมาแปะ หรือแค่แปะลิ้งค์ให้เข้าไปพิสูจน์... บ่อยครั้งครับที่นักเขียนจะตัดช่องน้อยแต่พอตัว ลบนิยายหนีไปเลย... ถ้าหายยาวก็แล้วไป แต่บางทีก็อาจกลับมาใหม่ในชื่อใหม่ แต่นิสัยเดิม... เพราะงั้นแล้วหลักฐานจะเป็นที่ยืนยันความผิดและผูกติดไปกับนักเขียนนั้นๆอีกนานครับ



ก็ประมาณนี้ได้

ส่วนนักเขียนมือใหม่... ถ้าจะมีอะไรแนะนำ ผมว่าควรใจเย็นเข้าไว้ครับ

โอกาสที่ถูกมองว่าพล็อตซ้ำได้ไม่ใช่เรื่องแปลก ฉะนั้นจึงไม่ควรร้อนตัวเกินเหตุ จนทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าเราไปลอกมาจริงๆ


ฝึกตั้งตอบคำถามไว้ครับ ถ้าคุณเคลียร์ประเด็นได้ คุณจะเข้มแข็งขึ้น และนิยายคุณก็จะมีน้ำหนักขึ้นครับ คนอ่านเองก็ยอมรับตามไปด้วย เผลอๆมีข้อกล่างหามา นักอ่านในนิยายท่านนั่นล่ะครับ จะช่วยปกป้องชี้ต่างให้ท่านเอง... ด้วยเหตุผลที่ครั้งหนึ่งท่านเคยยกมาอธิบายน่ะครับ

0
Wa11flower 8 มิ.ย. 60 เวลา 03:16 น. 6

บางทีก็ไม่เกี่ยวกับลอกไม่ลอกนะ

อย่างเราอ่านงานเขียนของบางคนในเว็บเด็กดี

แล้วมันดันไปคล้ายกับนักเขียนที่เราชอบ ไม่ว่าจะคาแร็คเตอร์ คำพูด บางเรื่องนี่อ่านแล้วรู้เลยว่าคนเขียนได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องไหน เราก็จะรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่อ่ะ อารมณ์แบบ เห็นงานรีเมค แล้วมันไม่ดีเท่าต้นฉบับ...

0
Kei K. 16 ก.ย. 60 เวลา 22:27 น. 7

เอาจริงๆ ผมเบื่อกับคำถามแบบนี้ซะมากกว่า เพราะผม คือ คนที่มีปัญหากับเรื่องล่ะนะ....


เนื่องจาก "นิยายผมมันดันไปคล้ายกับนิยายเรื่องหนึ่งเข้า"

ซึ่งถ้าถามว่า มันเหมือนกับนิยายเรื่องนี้ตรงจุดไหนบ้าง?

เอาจริงๆ "ผมก็ไม่ค่อยรู้หรอก" เพราะผมเคยอ่านแบบอ่านๆ และก็สนใจอยากลองอ่านแบบจริงจัง!

แต่ในที่สุด ผมก็ไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้ (เพราะคนอ่าน) และตีตัวออกห่างให้ได้มากที่สุด

เนื่องจาก ผมไม่อยากรู้อะไรเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ เพราะผมกลัวว่า ตัวเองอาจเผลอเขียนเรื่องคล้ายๆกันเรื่องนี้


เพราะเหตุผลที่ผมเขียนนิยาย ก็มาจากการที่ผมเป็นนักอ่าน นี่นะ~

และนักเขียนคนนี้ ก็ดันซึมซับความรู้จาก นิยาย,เกม,การ์ตูน,หนัง

หรือแม้แต่ หนังสือความรู้ทั่วไป&ประสบการณ์ของตัวเอง มาแต่งนิยายของตัวเอง...


แต่เอาจริงๆ ต่อให้ผมไม่อ่านเรื่องนี้แล้ว คนอ่านเหล่านี้ก็ยังใจดีสปอยเนื้อหาให้ผมอ่านอยู่ดี ซึ่งข้อมูลของพวกเขาก็ค่อนข้างแน่นจริงๆ (แบบผมไม่จำเป็นต้องอ่านนิยาย อ่านแต่คอมเม้นก็พอรู้เนื้อหาล่ะ...)

และมันเหมือนกับว่า "ผมถูกพวกเขาบังคับให้ทำตัวเหมือนนิยายเรื่องนี้แท้"


ซึ่่งถ้าหากพวกเขาจะพูดว่า ผมไม่มีความคิดเป็นของตัวเองจริงๆ ก็น่าจะใช้ได้เหมือนกัน? เพราะผมได้รับคำแนะนำมาจากพวกเขาค่อนข้างเยอะเลย ล่ะนะ~



ปล.ขอโทษที่มาบทในกระทู้นี้ นะครับ (ปัญหานี้ก็ยังดำเนินมาถึงปัจจุบัน) และเอาจริงๆ ผมก็เริ่มจะชินชากับความรู้สึกหดหู่แทนล่ะ เพราะเบื่อมากกว่า...



0