Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

โฆษณาจ่ะ^_^/ นิยายจีนโบราณเรื่องสตั๊นไปเถ่อะเธอจะขอโวย เค้าแปะบางส่วนไว้ให้ลองอ่านค่ะ^/\^

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่


'ว่านางอย่างนี้ได้เช่นไร ตัวเองเพิ่งไปเริงรัก-สวาทกับพ่อค้าหนุ่มตระกูลเยว่มาเองแท้ ๆ ต้องให้เธอบอกมั้ยว่านางส่งเสียงครางยั่วยวนพี่เยว่ของนางอย่างไรบ้าง อึ่ย' ซูเยว่คิดอย่างเดือดดาล คนในจวนนี้ช่างพูดขาวให้เป็นดำได้อย่างคล่องแคล่วโดยแท้ 


        "ขะ ข้า ปล่าวนะท่านพ่อ" นางรีบปฏิเสธ น้ำตาไหลอีกคำรบหนึ่ง มือไม้ยกขึ้นมาปัดเป็นพัลวัน เมื่อพบกับสายตารังเกียจตนจากหลิวมู่หรงก็พลันทำท่าสิ้นหวังปล่อยโฮออกมาอีกรอบ


        "ฮืออออออ ท่านแม่ ข้าหาได้ทำตัวเช่นนั้นไม่ ฮื๊ออออออออออออ" ซูเยว่ตะโกนร้องออกมากะจะให้ฟ้าสะเทือนเลื่อนลั่นไปกับการร้องไห้ของนางไปเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า


        "หยุดเดี๊ยวนี้นะ! เจ้าเห็นจวนข้าเป็นสถานที่เช่นใดกัน! นำตัวหญิงแพศยานี้ไปโบย20ไม้แล้วเอาตัวไปขังไว้ในคอกหมูให้นางกินรำแทนข้าวไป!!" หลิวมู่หรงคำรามหมดความอดทนขี้เกียจจะฟังเสียงร้องไห้ของตัวไร้ประโยชน์เช่นนี้อีก มีคนกำลังมาหิ้วปีกนางไปแต่ทว่า....


       "องค์หญิงเลี่ยงหยาง เสด็จ!!"


ผู้คนในจวนต่างตกตะลึงยกเว้นซือเจี๋ย นางยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยดังเดิม ประมุขในจวนหลิวมู่หรงได้สติก่อนเป็นคนแรกรีบทำความเคารพพระราชธิดาองค์เดียวในองค์ฮ่องเต้พระองค์ก่อนอันเกิดจากหวางโฮ่วของพระองค์ และนางยังเป็นที่รักใคร่ของเสด็จพ่อของนางและพระพันปีเป็นอย่างมาก หลักฐานก็ฮูหยินข้างกายเขานี่อย่างไร


ทุกคนที่เหลือในจวนต่างรีบทำความเคารพตามหลิวมู่หรงอย่างอ่อนช้อย


องค์หญิงเลี่ยงหยางในวันนี้สวมอาภรณ์อย่างไม่เป็นทางการนักสีดำขลับ ให้ความรู้สึกลึกลับยิ่ง ใบหน้างดงามพริ้มเพราราวกับสาวอายุยี่สิบก็ไม่ปาน มวยผมนั้นปักเครื่องประดับน้อยชิ้นแต่ทุกชิ้นล้วนมีค่าควรเมืองรวมไปถึงปิ่นปักผมมังกรทองอันเป็นสัญลักษณ์ของเชื้อพระวงศ์ มีค่ามหาศาลทรัพย์สินอื่นใดล้วนประมาณค่ามิได้


เพราะหากปิ่นปักผมมังกรทองนี้ต้องตกอยู่ในมือผู้ใดนั่นย่อมหมายถึงได้รับความโปรดปรานจากนางเป็นพิเศษ นำพาทัั้งชื่อเสียงเงินทองจำนวนมากรวมทั้งได้รับความเกรงอกเกรงใจหามีผู้ใดรังแก


องค์หญิงพยักหน้ารับการเคารพทั้งหลาย


และแล้วองค์หญิงเลี่ยงหยางก็มองมาเห็นซูเยว่ นางชะงักไปเสี้ยววิ ส่งเสียงอุทานออกมานิดหนึ่ง ชนิดที่ซูเยว่มองปราดเดียวก็รู้ว่าแกล้งทำ แต่ดูเหมือนคนในจวนจะไม่รู้ หลิวมู่หรงเหงื่อแตกพลั่ก เหตุบัดซบอันใดที่ทำให้เชื้อพระวงศ์ขุ่นเคืองใจนั่นต้องไม่เกิดกับเขา มิเช่นนั้นต่อให้หลิวมู่หรงมีสักสิบหัวคงไม่พอ


องค์หญิงชี้นิ้วมือมายังนาง เอามือบีบจมูก กล่าวต่อมาว่า 


        "เหตุใดสาวใช้ในจวนเจ้าถึงได้สกปรกนักเล่า หลิวมู่หรง ข้าอยู่ตรงนี้ยังได้กลิ่นขี้หมาจากนางเลย" โอ้ววว ซูเยว่ตกตะลึง ไม่คิดว่าองค์หญิงเลี่ยงหยางสหายของท่านแม่จะเป็นคนแบบนี้ เธอมีกลิ่นขี้หมาตรงไหนกัน?


        'ตอนแกล้งล้มก็ว่าดูดีแล้วนา'


หลิวมู่หรงยังคงประหม่าถึงขีดสุด เขาตวัดสายตามายังนางอย่างโกรธแค้น นางเป็นเหตุให้เขาต้องพบเจอต่อสถานการณ์อันตรายเช่นนี้ ช่างน่าไสหัวไปตายนัก เขาจะพูดเอาหน้ารอดได้อย่างไรว่านางไม่ใข่ลูกของเขาแต่เป็นเพียงเด็กรับใช้ต่ำต้อยคนนึงเท่านั้นในเมื่อฝ่ายตรงข้ามเป็นถึงองค์หญิงเลี่ยงหยาง โทษหลอกลวงเบื้องสูงมีหรือเขาจะไม่รู้ แม้ตนเองจะเป็นถึงอัครเสนาบดีก็ไม่อาจพ้นอาญาไปได้


แต่ถ้าหากรับว่าเป็นลูกของเขา เหตุใดจึงปล่อยให้มีสภาพเช่นนี้? นั่นไม่เท่ากับว่าเค้ารังเกียจนาง รุมรังแกนางหรอกหรือ!? หลิวมู่หรงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ยืนอึกอักอยู่เช่นนั้น ไม่ว่าเลือกทางใดล้วนไม่ดีต่อตัวเขาทั้งสิ้น  ยังไม่ทันได้กล่าวอะไรนั้น เด็กสาวที่ทุกคนเข้าใจว่ากำลังก้มหน้าร้องไห้ก็กลับลุกขึ้นทำความเเคารพองค์หญิงเลี่ยงหยางอย่างอ่อนช้อย


        "ถวายบังคมเพคะองค์หญิงเลี่ยงหยาง หม่อมฉันคือหลิวหนิงฮวา ธิดาคนโตของท่านอัครเสนาบดีหลิวมู่หรงเพคะ ขอประทานอภัย ทรงมาเห็นหม่อมฉันในสภาพน่าอายเสียแล้ว" ซูเยว่พูดอย่างคล่องแคล่วไม่มีแววของเด็กสาวน่าเวทนานั้นแม่แต่น้อย


องค์หญิงหันมารับการทำเคารพของหญิงสาวตรงหน้ากระทันหัน พลางยิ้มร่วน


        "ฮ่ะ ๆ เจ้าคือธิดาอัครเสนาหลิวงั้นหรือ เหตุใดที่ตัวถึงได้มอมอย่างนี้เล่า รอยแผลแดงเถือกเช่นนั้นอีก" องค์หญิงทรงรับสั่ง 


        "ท่านอัครเสนาออกจะมีตำแหน่งใหญ่โต มิคิดว่าจะรังแกลูกสาวของตนเช่นนี้ ยิ่งมิต้องนับถึงนางเป็นลูกที่เกิดจากสมรสพระราชทาน 

แสดงความคิดเห็น

1 ความคิดเห็น

ลยาลี 25 พ.ย. 60 เวลา 22:51 น. 1

สตั้๊นไปเถ่อะ >> เถอะ เขียนแบบนี้นะคะ

ปล่าว >> เปล่า

เดี๊ยวนี้ >> เดี๋ยวนี้

คนนึง >> คนหนึ่ง

เค้า >> เขา


เห็นว่านิยายเรื่องนี้ขายด้วย ระวังคำผิดสักหน่อยก็ดีนะคะ ^^

0