สับเปลี่ยนอารมณ์โคตรเร็ว
ตั้งกระทู้ใหม่
“เดี๋ยวสิแร็ค! นายคิดจะทำอะไรน่ะ พวกเราเราจะไปที่ไหน”
หญิงสาวพยายามยับยั้งชายหนุ่มที่เดินกำลังกะเผลก พลางค่อยๆฉีกผ้าพันแผลออกทีละน้อย แต่เขาก็ไม่ได้ปริปากตอบคำถามของเธอแม้แต่น้อย เอาแต่จ้ำอ้าวเดินไปที่ประตูทางออกลูกเดียว
“อั่ก!”
“โอ้พระเจ้า! แร็คเป็นอะไรหรือเปล่า!”
ชายหนุ่มล้มลงกับพื้นเพราะฝืนสังขารมากเกินไปจนไม่อาจจะประคองมันไว้ได้อีกต่อไป แต่เขาก็ยังคงกัดฟันสู้โดยใช้ขาข้างที่มีแรงเยอะที่สุดยันตัวเอาไว้กับพื้นให้อยู่ในท่าคุกเข่า
“เซฟีร่า... ถ้าพวกเรารีบหนีไปตอนนี้อาจจะยังทันเวลา มันอาจจะยังไม่รู้ตัวว่าเราหายไป”
“แร็ค...”
“ฉันรู้ลู่ทางที่เราจะหลบให้พ้นสายตายามเฝ้าประตูก่อนจะออกจากเมือง...”
“แร็ค”
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอก ฉันสบายดี ยังสบายดีเหมือนตลอดที่ผ่านมา... เอาล่ะ... ช่วยฉัน...”
ผัวะ!
หญิงสาวที่พยายามช่วยพยุงร่างของเขาให้ลุกขึ้นยืน ในตอนนี้เธอเลือกที่จะตบหน้าอีกครั้งเพื่อเตือนสติเขาหลังจากที่เอาแต่ดันทุรัง ทำตามอำเภอใจโดยไม่ฟังสิ่งใดๆ
“ฉันเคยคิดนะ... ว่าลึกๆแล้วที่นายทำตัวเป็นเด็กตลอดมา ก็เพื่อจะซ่อนความรู้สึกด้านลบต่างๆเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น... ไม่ว่านายจะกังวลหรือหวาดกลัว นายก็มักจะ... ยิ้มร่าด้วยความมั่นใจอยู่เสมอ... แต่สุดท้ายแล้วฉันคิดผิด... นายมันก็แค่เด็กที่ไม่รู้จักโต... ฉันมองนายผิดไปจริงๆ...”
“หึ... ทำเป็นเรียกร้องให้ฉันสัญญิงสัญญา... บอกให้ฉันรักษาชีวิตเอาไว้ แล้วตัวเธอล่ะเซฟีร่า...”
ขณะที่หญิงสาวทิ้งชายหนุ่มไว้เบื้องหลังและกำลังจะออกจากห้องผ่านทางประตู แต่แล้วเธอก็ต้องหยุดชะงักให้กับคำลงท้ายประโยคที่มันสร้างความรู้สึกตะขิดตะขวงในใจ เธอจึงหยุดพักหายใจชั่วขณะแล้วเริ่มพูดคำในใจออกไปพร้อมๆกับการปล่อยลมหายใจ
“แสงจันทร์หรรษา...”
“หากข้าผิดสัญญา...”
“จะต้องยอมกินเข็ม หนึ่งพันเล่ม” “จะต้องยอมกินเข็ม หนึ่งพันเล่ม”
ทั้งคู่ต่อประโยคบทกลอนกันคนละหนึ่งท่อน ก่อนจะลงท้ายพร้อมๆกัน หญิงสาวปล่อยมือจากกลอนประตูแล้วหันหลังกลับมาหาชายหนุ่มที่ค่อยๆ พยายามลุกขึ้นด้วยตนเอง พลางฉีกผ้าพันแผลที่ห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ตั้งแต่ส่วนล่างขึ้นมาด้านบน แต่ก่อนที่จะได้พบหน้ากันอีกครั้ง เพียงเศษเสี้ยววินาที เธอสังเกตเห็นหยดน้ำซึมออกมาผ่านเนื้อผ้าจากบริเวณดวงตาเล็กน้อย
“นายยัง... จำมันได้...”
“เออ... แล้วฉันก็คิดว่าเธอน่าจะยังจดจำมันได้ ซึ่งมันก็เป็นจริง... แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอจะยอมกินเข็มพันเล่มแล้วสินะ... หรือไม่ก็ตอนนั้นเธอคงจะแอบไขว้นิ้วถึงกล้าบิดเบือน... หรือไม่ก็แค่ทำเป็นเหมือนมันเป็นลมปากไร้น้ำหนักที่ไม่สำคัญใช่ไหม... เธอถึงทำกันได้ลงคอ... ทั้งๆที่เป็นคนพูดเองแท้ๆ... วันนี้หายไปไหนซะล่ะ... สัญญาที่บอกว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป...”
“นั่นนาย... ร้องไห้เหรอ...”
“ไม่ได้ร้องเฟ้ย! ก็แค่ผ้าพันแผลมันเคืองตาเท่านั้นเอง!”
ชายหนุ่มตะโกนก้องกลับไปหาหญิงสาวพร้อมรีบปาดร่องรอยหยดน้ำบนใบหน้า แม้จะมีนัยน์ตาสีแดงใสๆเป็นปกติอยู่แล้ว แต่คราวนี้เหมือนมันจะแดงหนักกว่าเดิม เมื่อความจริงถูกเปิดโปงให้เห็นใบหน้าเนียนๆเหมือนกับเด็ก พอๆกับขนาดตัวของเขาที่เมื่อยืนเทียบกันตรงๆ ก็มีความสูงถึงเพียงแค่หัวไหล่เท่านั้น ประกอบด้วยท่าทางที่พยายามเก็บซ่อนน้ำตาอย่างสุดชีวิต ก็มากพอที่มันจะทำให้เธอเผลอหัวเราะลั่นออกมาในทันใด
“อุ๊ป! หึๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ ให้ตายสิ! ขอโทษทีนะที่เสียมารยาท แต่... ฉันก็ไม่รู้ตัวว่าทำไมถึงยังมีหน้าหัวเราะออกมาในสถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้”
“ช่างหัวมารยาทมันเถอะ... ถ้าเธอยังยิ้มได้ ฉันก็มีความสุขแล้ว...”
“แร็ค...”
“เธอจะ... เธอจะไม่หนีไปกับฉันแน่นะ...”
หลังจากที่ความบาดหมางเริ่มสมานกันอีกครั้ง ชายหนุ่มก็ขอยื่นข้อเสนอเดิมแก่หญิงสาว พลางผายมือไปหาเธออย่างช้าๆ แต่คำตอบที่ได้กลับมาก็มีแต่เพียงการปฏิเสธเท่านั้น เธอส่ายหน้าพร้อมดันมือของเขาให้กลับคืนไปด้วยรอยยิ้มปนความทุกข์ใจ
“ต่อให้ต้องกินเข็มพันเล่มก็คงต้องทำ... ฉันอธิษฐานอยู่ทุกวันต่อเทพเจ้า... ขอให้ฉันเกิดมาเป็นแค่คนธรรมดา... ไม่ใช่เจ้าหญิง ไม่ใช่ราชินี ไม่ใช่คนพิเศษที่ต้องเป็นผู้นำของคนทั้งอาณาจักร... ออกผจญภัยไปทั่วโลก พบปะมิตร ฉะกับศัตรูแบบที่เราวาดฝันกันเอาไว้นับไม่ถ้วน... น่าเสียดายที่เมื่อโตขึ้นแล้วมันไม่ได้ใกล้เคียงกับสิ่งที่เราคาดหวังสักนิด... แร็ค... ฉันขอโทษที่รักษาสัญญากับนายไม่ได้... เวลานับจากนี้ฉันจะต้องอยู่ในปราสาทเท่านั้นเพื่อซักซ้อมพิธีราชาภิเษก... ถ้าอยากจะบอกลาล่ะก็...”
ชายหนุ่มรีบโผเข้ากอดหญิงสาวในทันทีที่อ้อมแขนของเธอกางออกโดยไม่สนใจว่าเธอจะพูดจบประโยคหรือไม่ ทั้งๆที่มันควรจะเป็นการบอกลาครั้งสุดท้าย แต่ก็มันกลับเป็นการโอบรับไออุ่นจากกันและกันโดยปราศจากความโศกเศร้า ราวกับทั้งคู่ ไม่ได้รู้สึกว่านี่จะเป็นการจากลาแม้แต่น้อย
2 ความคิดเห็น
กำลังเดิน ครับไม่ใช่ เดินกำลัง
นายคนนี้มีขากี่ข้างครับ ควรใช้ว่า ขาอีกข้าง หรือ ขาข้างที่มีแรงมากกว่า
ที่สุด มักใช่กับสิ่งที่มีจำนวนมากตั้งแต่สามขึ้นไปครับ
... ใช้เยอะไปรึเปล่า ถ้าพูดเว้นนิดเดียวสั้นๆ ใช้เว้นวรรคก็พอ
อ่านแล้วไม่เข้าใจว่ามันน่าหัวเราะตรงไหน น่าจะรู้สึกแปลกใจมากกว่า
ต่อให้มันตลกแต่ถ้าอารมณ์ไม่ให้ก็หัวเราะออกมาทันทีไม่ได้หรอก
ขอบคุณครับ คือ มันมีเหตุการณ์ที่เหมือนกันก่อนหน้านี้ ตรงที่ ตอนเเรกฝ่ายชายเเซวหญิงว่า "นั่นเธอร้องไห้เหรอ"
เเล้วพอมาตอนนี้ กลายเป็นฝ่ายชายโดนถามย้อนกลับซะเอง มันก็เลยทำให้ไปจี้เส้นเธอเข้าให้
สำหรับเรา เป็นช่วงเนื้อหาที่ไม่รู้สึกอะไรเลย จขกท บอกว่าอารมณ์ตัวละครดูสับเปลี่ยนเร็วมาก เรารู้สึกว่าปกติ เพราะไม่มีย่อหน้าไหนที่ต้องอินกับเนื้อเรื่อง มันเลยให้ความรู้สึกว่าก็เขียนดำเนินเรื่องธรรมดา
ขอบคุณครับ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?