Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[สับสนปนระบาย] ควรพยายามหาตัวเองไหม

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
รู้สึกหาเสาหลักให้ตัวเองค้ำจุนไม่ได้ครับ คือเหมือนหาตัวเองไม่เจออะ 

พอเป็นแบบนั้นก็เลยเขียนตามฟิลลิ่งครับ แต่พอลองอ่านก็รู้สึกอีกว่ามันไม่ดีพอ มันไม่ใช่ 
ตัวเราก็เลยลองพยายามหาลองนึกคิดถึงทฤษฎีต่างๆนานาที่เคยอ่านมาช่วยรองรับเผื่อว่าจะทำให้มันพัฒนาต่อไปได้

แต่สุดท้ายก็ปรากฏว่ายิ่งบรรลัยกว่าเดิมครับ
ลองพยายามเขียนบทส่งให้คมขึ้นก็ไปไม่ถึงฝัน ลองมองจุดเด่นตัวเองก็มึนตึ้บอีก เพราะบทสนทนาก็ไม่ได้เด่น บทบรรยายก็พอใช้ 
ยิ่งย้อนไปนึกถึงหลักการ show don't tell นี่ยิ่งจบเลย คือพอพยายามเขียนตามภาพตามเสียงที่ลอยในหัวก็รู้สึกเหมือนสิ่งที่เขียนออกมาดูไม่ใช่สิ่งมีชีวิตอีก (คือถ้าfeelingติด ผมพอจะสัมผัสถึงพวกเขาได้นะ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงเค้นพวกเขาให้ออกมาใช้ชีวิตอย่างเป็นธรรมชาติไม่ได้ซะที)

สรุปวนครับ วนกลับมาอยู่ที่จุดเดิมในที่สุดแล้วก็ stuggle ไปต่อไม่ได้
ก็เลยย้อนกลับมาที่คำถามเดิมที่พยายามหาตัวเองให้เจอครับ T___T

แสดงความคิดเห็น

14 ความคิดเห็น

chinchang22 15 ก.ค. 61 เวลา 21:52 น. 1

ลองหาต้นแบบที่เจ๋งๆ แล้วลองยึดเป็นต้นแบบจะเวิร์กมั้ยคะ

เราก็บรรยายไม่เก่งนะ แรกๆ เป็นนิยายที่มีแต่บทพูดเลยอะ

แต่เราก็สังเกตวิธีการบรรยายคนที่บรรยายสวยๆ

เราทำได้ไม่เท่าเค้าหรอก แต่เราก็พยายามฝึก

1
Ma66sJ 15 ก.ค. 61 เวลา 22:00 น. 1-1

ผมนี้ตรงกันข้ามเลย มาเป็นเรื่องเล่าตั้งแต่แรกๆ


พยายามแทรกบทพูดแทบเป็นแทบตาย ฮ่าๆๆ ๆ

0
Ma66sJ 15 ก.ค. 61 เวลา 21:59 น. 2

ถ้าหาเสาหลักไม่ได้ ก็ลองย้ายไปอยู่ที่ทะเลดูซิครับ


ลองเปลียนความคิดให้เป็นกะลาสี หรือชาวประมงดูซิ


สัมผัส ทิศทางของลมและน้ำ ก็พอ


ดูว่าน้ำเย็น น้ำร้อน จะทำให้คุณรู้สึกยังไง


รองรับแรงลมและแรงน้ำดู จะได้รู้ว่าเราควรรับ หรือควรหลีก


( หาตัวเองไม่ได้ ก็ใช่ว่าจะหาดูเรื่องรอบตัวไม่ได้ )


ปล.คำพูดของผมไม่ค่อยจะเหมือนชาวบ้านสักเท่าไร อาจจะอ่านแล้วดูงงๆหน่อยอะนะ

0
SilverPlus 15 ก.ค. 61 เวลา 21:59 น. 3

แต่ก่อนผมเป็นคนที่บรรยายน่าเบื่อมาก มีแต่น้ำ เนื้อหาไม่เดิน


พอผมไปอ่านแฮรี่เท่านั้นแหละ


หลังจากนั้นก็ยึดแบบแฮรี่มาโดยตลอด เขาบรรยายยังไง พยายามทำตาม


บางครั้ง การมีแบบเอาไว้ยึด ก็เป็นหลักให้เราไม่หลงทาง แม้เราจะไม่มีทางไล่ตามเขาได้ แต่อย่างน้อยเราก็รู้ว่าเรากำลังไปทางไหน


ที่จะแนะนำก็คือ หานิยายสักเรื่อง หรือคนเขียนสักคนหนึ่งที่เราเห็นว่า นี้แหละ คือพระเจ้าแห่งการเขียนนิยาย ให้เรายึดแบบเขา อ่านงานของเขาบ่อย ๆ พยายามสังเกตในทุก ๆ ช่วงของเรื่อง หรือแม้แต่ทุกประโยคว่าเขาบรรยายยังไง วางตัวละครยังไง ตัวละครแสดงอารมณ์ต่าง ๆ ตอนไหน และอื่น ๆ อีกมากมาย


ไปหาต้นแบบซะ


ส่วนเรื่องต้นแบบต้องมีกี่คน กี่เรื่อง ที่แนะนำคือ คนเดียว หรือเรื่องเดียว หลายเรื่อง มันก็ยิ่งเยอะ อาจทำให้เราสับสนได้


การเดินตามคนอื่นมันอาจไม่เท่ แต่มันอาจทำให้ตัวเราค้นพบตัวเองง่ายขึ้นก็เป็นได้ ลองดูครับ

2
..sheep.. 15 ก.ค. 61 เวลา 22:25 น. 3-1

เรื่องนี้เคยสนใจว่าจะทำอยู่ครับ
แต่เห็นมีหลายคนชอบบอกว่าถ้าเรา focus ไปที่คนคนเดียวมากเกินไป เราอาจถูกเขากลืนลงจนไม่มีวันได้พบตัวเอง...ผมก็เลยกลัวเรื่องนั้นไม่น้อยอยู่
พอเป็นแบบนั้นก็เลยอ่านไปทั่วคละๆกันไปครับ
แต่มันก็...ไม่รู้สิครับ...มันเลยทำให้ผมรู้สึกเหมือนไม่มีหลักไม่มีแหล่งอีกนั้นแหละ
แต่ที่จริงจะว่าไปนี่จัดเป็นความเห็นที่ผมว่าผมอยากจะลองทำตามอยู่พอตัวเลยล่ะครับ คือที่ผมเริ่มเขียนนิยายจริงจังสุดๆก็เป็นเพราะรักนิยายเรื่องหนึ่งและอยากจะเขียนให้ได้เท่า(แอบหวังลึกๆที่จะเหนือ)กับเรื่องนั้นด้วย

0
chinchang22 15 ก.ค. 61 เวลา 22:32 น. 3-2

เราว่าตอนเริ่มอาจจะต้องโฟกัสหลักๆ สักที่ก่อนค่ะ

ถ้ารู้สึกว่าเริ่มโอขึ้น เราว่าแต่ละคนมีเอกลักษณ์อยู่แล้ว

แต่ลักษณะการบรรยายต้นแบบเป็นแค่ไกด์ไลน์ว่า

บรรยายประมาณไหน ละเอียดเท่าไหร่ค่ะ บรรยายหน้าตา

ฉากทำยังไง

ที่เราบอกใน #1 ไม่ได้บอกให้ก๊อปปี้สำนวนนะคะ

0
Mr.Gaster 15 ก.ค. 61 เวลา 22:01 น. 4

"บางครั้งสิ่งที่ดีที่สุด ก็เป็นเรื่องของเวลา สัญชาตญาณ และความรู้สึก ณ เวลาที่ตัวอักษรได้ไหลไปตามแป้นนิ้วที่เคาะลงไปบนคีย์บอร์ด" #ว่าไปนั่น


อธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ จะบอกว่าในบางครั้งแล้วอยากให้ลองคิดดูว่าการเขียนนิยายหรืออะไรสักอย่าง มันให้ความรู้สึกเหมือนกับการที่เรามีความรู้สึก 'อยาก' เล่าอะไรให้ใครสักคนฟัง เรียกง่าย ๆ ก็คือบางครั้งเอง สิ่งใดที่เราไม่สามารถควบคุมมันได้ ก็อยากให้ปล่อยมันไป เราทำเท่าที่เราสามารถทำได้ ณ ตอนช่วงเวลานั้น พอหลังจากนั้นผลจะเป็นยังไง อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจแล้วล่ะ


หากฝีมือไม่ช่ำชอง หรือคิดว่ายังต้องพัฒนาต่อไป อันนี้ก็สุดแล้วแต่ตามที่ต้องการ เพราะยังไงแล้วเชื่อว่าเรื่องแบบนี้ เราจะค่อย ๆ สัมผัสได้ ผ่านการหมั่นฝึกฝน หมั่นลองเขียนดูทุก ๆ วัน


ทว่าหากว่าลองทำดูแล้ว กลับไม่ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ บางทีสิ่งที่ดีที่สุดคือการ 'ปล่อยวาง' และคิดเสียว่า 'ครั้งแรกย่อมออกมาแย่กว่าเสมอ' แล้วค่อยกลับไปรีไรท์ใหม่ก็ไม่เสียหาย


แล้วก็สุดท้ายนี้เอง หวังว่าจะหาทางของตัวเองเจอเข้าในเร็ววันนะครับ :)

0
~PiMMNaRa~ 15 ก.ค. 61 เวลา 22:03 น. 5

หาคนวิจารณ์เหอะ ดูเหมือน จขกท. ไม่มั่นใจในตัวเอง คิดว่าตัวเองไม่เก่ง

เวลาอ่านก็เลยพลอยคิดว่ามันไม่สนุก แก้แล้วแก้อีก แก้ยังไงมันก็ไม่พอใจสักที

พอคนอ่านน้อยกว่าที่คนอื่นก็ยิ่งตอกย้ำ อง

การหาตัวเองไม่เจอคือ...หาแนวที่ชอบจริงๆไม่เจอ จับเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่ได้ หยุดเปรียบเทียบนิยายตัวเองกับมาตรฐานนิยายในใจสักแป๊ป แล้วค่อยๆขึ้นไปทีละขั้น แต่หาคนวิจาณ์ด่วนเลย หากเขาบอกว่าดีแล้วหรือต้องแก้ตรงใหนก็ให้ทบทวน จับพล็อตหลักตัวเองให้แน่นด้วย


1
..sheep.. 15 ก.ค. 61 เวลา 22:33 น. 5-1

เอ่อ...ก็พอสนใจเรื่องนี้อยู่เหมือนกันครับ ใช่ฮะ ไม่มั่นใจตัวเองเลย T___T ส่วนเรื่องเปรียบเทียบนี่ไม่ต้องพูดถึง พออ่านนิยายคนอื่นปั๊บมันเป็นไปตามสัญชาตญาณทันที ยิ่งอ่านของคนท็อปมากแค่ไหนก็ยิ่งหาเรื่องมาให้ตัวเองรู้สึกกดดันประหลาดๆมากเท่านั้น ._.

0
Miran/Licht 15 ก.ค. 61 เวลา 22:16 น. 6

เคยได้ยินคำทำนองว่า ค้นหาแทบตายสุดท้ายอยู่แค่เอื้อมไหมคะ


อันที่จริงแล้วสำหรับการเขียนมันไม่มีกฎตายตัวหรอกค่ะ


เราถึงแนะนำผู้เริ่มต้นบ่อยๆ ว่าเขียนไปโดยไม่ต้องสนหลักการใดๆ ทั้งสิ้น บางครั้งคุณใส่ทฤษฏี ใส่ลูกเล่นแพรวพราว บางครั้งนักอ่านก็ไม่รู้สึก blink ไปกับคุณหรอกค่ะ


ตามควรเห็นของท่านอื่นๆ ค่ะ ของหาต้นแบบของคุณเพื่อเป็นหลักยึดมาก่อน เอาเรื่องที่คุณชอบทั้งแนวทาง และการใช้ภาษาบทบรรยาย (อาจไม่ต้องเป็นเล่มเดียวกัน) เริ่มต้นมันก็เหมือนการลอก แต่คุณจะลอกอย่างไรให้เป็นตัวคุณเอง อาจจะเขียนเป็นแฟนฟิคยำรวมมิตรก่อนก็ได้ค่ะ เพราะดูแล้วคุณต้องการคนวิจารณ์ ไม่ใช่ว่าซุ่มเขียนได้ คือ ตัวเราเองหลังจากเขียนไม่ออกไปเกือบ 10 ปี เราเริ่มเขียนจากบันทึกประจำวัน เขียนวิจารณ์การ์ตูน หนัง เขียน inspiration ของตัวเอง แฟนฟิค ถึงจะมาเป็น เรื่องสั้น และนิยายค่ะ


ตอนเขียนแฟนฟิค (การ์ตูน) เราเขียนไว้อ่านคนเดียวค่ะ มันเป็นการฝึกฝนตัวเองตอนที่เริ่มกลับมาเขียน เอาเป็นว่าลอกบริบทมาเลยจึงเห็นว่าไม่ควรเผยแพร่ เพราะลอกมาเต็มๆ จนมาเป็นเรื่องของตัวเองจึงค่อยเผยแพร่ได้ค่ะ


0
G.Tenju 15 ก.ค. 61 เวลา 22:24 น. 7

"เลิกค้นหาตัวเองซะ แล้วเป็นตัวเองสักที"


ยอมรับแม่มให้หมด เออ...เราเก่งด้านนี้ เราห่วยแตกด้านนี้ แล้วค่อยเอาไปพัฒนาต่อยอดอะไรก็ว่ากันไป ไม่รู้จะยกตัวอย่างใครงั้นก็เอาตัวเองแล้วกัน ผมอยากเขียนนิยาย แต่ไม่ค่อยชอบอ่านนิยายครับ... งงมะ? ทีนี้ปัญหาก็ตามมาละ พออ่านน้อย ศัพท์ก็น้อยตาม พอไปหาอ่านพวกทฤษฎีการเขียนต่างๆ... กราฟนู่นนี่นั่น เทคนิคนู่นนี่นั่น อ้าาาา... ประสาทแดรกชิบ (หัวทึบด้านนี้)


แต่ผมค้นพบว่าตัวเองชอบดูหนังแล้วสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นในจอ ผมยินดีดูหนังเรื่องเดิมเป็น 10 รอบ แล้วนั่งสังเกตว่าเขาเล่นกับคนดูยังไงดีกว่าไปนั่งอ่านนิยายเพื่อเพิ่มความสามารถตัวเอง ขอฟังบทสัมภาษณ์ประสบการณ์ตรงจากชีวิตคนดีกว่ามานั่งตาลายกับทฤษฎี ตัวเองแฮปปี้ เขียนออกมาก็แฮปปี้


อ้าว? ทำไมอะ? ขนาดผู้กำกับหนังโฆษณาอันดับ 1 ของโลก 6 ปีซ้อนยังไม่เคยเรียนทฤษฎีหนังเลย แล้วทำไมผมจะเขียนนิยายโดยไม่สนทฤษฎีบ้างไม่ได้อะ? ก็ผมว่ามันน่าเบื่ออะ ก็ผมเป็นคนแบบนี้อะ


ป.ล. ไม่ได้บอกว่าอะไรดีไม่ดี แต่ถ้าที่ทำอยู่มันเครียดก็อยากให้ลองดู เผื่อจะได้หัวโล่งขึ้น


แถม : ผมเรียนวิธีเขียนนิยายจากคนนี้ครับ (ฮ่าๆๆ!!) https://www.youtube.com/watch?v=LExddTZ1RaY&list=PLwPfJVx3HT9tte_n-wKN4UH5qIkrmnQjp&index=1

1
..sheep.. 15 ก.ค. 61 เวลา 22:53 น. 7-1

น้ำตาจะไหลมีทุนเดิมเป็นคนหาตัวเองไม่เจออยู่แล้ว... ก็เลยปล่อยชีวิตไหลตามน้ำจนวันหนึ่งอยู่ๆก็ดันรู้สึกปิ๊งรักกับงานเขียนเข้า เพราะดูซีรีส์แล้วไม่สะใจเลยย้อนไปอ่านจากนิยายใช้ทำแล้วก็พบว่ามันดีงามมาก...จากนั้นก็เลยทำให้อยากให้เขียนนิยายให้ได้เท่าเขา(เป็นไปได้ในใจลึกๆอยากเหนือกว่าแต่ไม่รู้ว่าจะใช้อีกกี่ปีกี่ชาติ...) แต่ท้ายที่สุดกลับดันต้องพบปัญหาซ้ำซากนี้อีก... ;-;

0
peiNing Zheng 15 ก.ค. 61 เวลา 23:02 น. 8

เคยมีนักอ่านบอกว่า เราชัดเจนในตัวตนตั้งแต่เรื่องแรก แต่ส่วนตัวเรา เราก็ได้แต่งงว่าอะไรคือ "ตัวตน" ของเราในงานเขียนกัน


แต่ก็แค่คิดแวบเดียวแล้วผ่านไป เราอาจมีอัตลักษณ์บางอย่างในงานเขียน หรือไม่ก็ไม่มีเลยแม้แต่น้อยก็เป็นได้


เราชอบทดลอง อะไรที่ไม่เคยทำก็ลองมันหมด ออกมาทุเรศทุรังบ้าง ดีบ้าง เจ๊งบ้าง พอทนได้บ้าง (บอกเลยว่าที่เราให้คำแนะนำกับคนเขียนนิยายได้บ้าง เพราะประสบการณ์แห่งความอนาถในอดีตเราล้วนผ่านมาไม่ใช่น้อย) บางครั้งคนอ่านก็ทนไม่ได้ต้องด่าออกมา บางคนก็ชื่นชมบูชาแบบซะงั้น


จะว่าไงดีล่ะ มันคงขึ้นอยู่กับคุณจขกท คิดจะยึดอะไรเป็นสรณะด้วยละมั้ง (ซึ่งเราอาจแตกต่างจากคุณจขกท ตรงที่ก็ไม่เห็นอีกว่าจะต้องยึดอะไรเป็นสรณะด้วยเหรอ แค่สนุกกับมันก็พอแล้ว)


เราสนุกที่จะลองเขียนนิยายในรูปแบบกระแสสำนึกและรู้ด้วยว่าคนอ่านคงด่า ซึ่งก็ด่าจริง ก็ยอมรับว่าเราคงเขียนห่วยด้วย มันเลยสื่อออกมาไม่ได้ดั่งใจ ก็ช่างมัน เอาใหม่ เรื่องนี้เขียนเพราะอยากเขียนเรื่องท่องเที่ยว โดนด่าต่อ คนอ่านบอกนึกว่าอ่านคู่มือนำเที่ยว อะ ใส่ข้อมูลเยอะไป ออกมาซะอย่างกับสารคดี ก็เป็นบทเรียนไป หรือชอบเรื่อง "คุณพ่อขายาว" อยากลองเขียนโดยมีจดหมายจากตัวละครตัวเดียวเล่าเรื่อง ก็ลอง ผลออกมาไม่ค่อยน่าพอใจ นักอ่านชอบซะงั้น ชื่นชมเลิศลอย โอเค เรื่องนี้ไม่โดนด่านับว่ารอดตัวไปแล้วกัน อยากเขียนเรื่องที่มีตุ๊กแกอยู่ในฉาก ก็ลองดูว่าพล็อตไหนหรือฉากไหนใส่ตุ๊กแกได้บ้าง ก็ลองโลด


ถ้าสนุก อยากทำอะไรก็ทำ ท้าทายตัวเองในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยไป หรือไปไม่เคยถึง นั่นเป็นความพอใจที่คนเขียนคนหนึ่งพึงได้รับ สำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้างก็ถือว่าได้ก้าวไปในโลกใหม่ๆ ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะมีชื่อเสียง ได้รับคำชม หรือเจอคำด่า ยอดวิวเยอะ ยอดวิวน้อย ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องภายนอกทั้งสิ้น ในใจได้รับความพอใจที่จะเขียนก็จบ


จากประสบการณ์ แต่ถ้าคิดจะสนุกกับมัน เลือกไปในพื้นที่ที่ไม่เคยไปแค่อย่างสองอย่างก็พอค่ะ ถ้าคุณเปิดหนังสือทฏษฎีงานเขียน เขาบอกว่า Show don't tell ดี คุณก็ทำตาม บอกว่าสนทนาควรเป็นแบบนั้น บทบรรยายควรเป็นแบบนี้ ย่อหน้าควรทำอย่างนั้น มุมมองควรเป็นอย่างนี้ แล้วจะยังเหลืออะไรในตัวคุณอีก มีอะไรในงานเขียนให้คุณสนุกกับมันได้อีก?


เออ เขียนมั่วๆ มาถึงตรงนี้ บางทีคำว่า "ตัวตน" ที่ตามหา มันอาจจะหมายถึงแบบนี้ก็ได้นะ คือ เหลือพื้นที่ให้ตัวเองได้หายใจมากกว่าถูกยึดครองโดยตำราต่างๆ ที่มัดคุณไว้ไม่ให้เป็นอิสระ

0
yurinohanakotoba 15 ก.ค. 61 เวลา 23:50 น. 9

ทฤษฎีการเขียนนิยายนี่ผมคิดว่ามันเป็นของที่ให้ใช้ตอนอ่านนิยายและวิเคราะห์ แต่ตอนเขียนนี่ให้ลืมทฤษฎีทิ้งให้หมดแล้วเขียนไป งานที่พยายามยึดทฤษฎีมันอ่านแล้วจะน่าเบื่อ แถมตอนเขียนก็ไม่สนุก

เหมือนผมผ่านตาเรื่อง Identity บ่อยช่วงนี้

อยากให้จำไว้ว่า "เอกลักษณ์เป็นของที่สร้างไม่ได้ แต่เกิดขึ้นเองจากการฝึกฝนพื้นฐานซ้ำ ๆ"

ถ้ายังร้องหาเอกลักษณ์แสดงว่ายังฝึกฝนพื้นฐานไม่พอ


การบรรยาย การพรรณนา บทสนทนา สื่่อสารกับผู้อ่านได้ชัดเจนเห็นภาพดีพอหรือยัง ผู้อ่านสัมผัสตัวละครของคุณได้ชัดเจนหรือยัง ถ้าชัดเจนแล้วสัมผัสอารมณ์ได้หรือยัง โฟกัสสองอย่างพอ ภาพกับอารมณ์ เขียนไปเรื่อย ๆ อ่านไปมาก ๆ เอกลักษณ์จะออกมาเองครับ

0
แก้วน้ำสีฟ้า 16 ก.ค. 61 เวลา 00:54 น. 10

เมื่อประมาณปีที่แล้วเราก็มีอาการแบบคุณจขกท คือไม่กล้าเขียนเพราะรู้สึกว่าสำนวนห่วยลง สำหรับเราแล้วสาเหตุที่เป็นแบบนั้นคือเขียนไม่สม่ำเสมอเหมือนเมื่อก่อน จากเขียนทุกวันเป็นสามวันครั้ง มันก็เลยฝืดเคืองมือ ไม่มั่นใจว่าควรจะเขียนอะไร


แต่ตอนนี้กลับมาเขียนบ่อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แบบบางทีแค่เปิดเวิร์ดขึ้นมาก็เหมือนมือมันไปเองแทบจะไม่ต้องคิดอะไรด้วยซ้ำเพราะเราเชื่อในสัญชาตญาณครั้งแรกของตัวเองว่ามันจะดี มันอาจจะไม่ดีก็ได้แต่เราก็มีโอกาสที่จะแก้มันใหม่เพราะมันเป็นนิยายของเรา เราจะรีไรต์อีกสิบรอบก็ไม่มีใครว่าได้เพราะมันเป็นนิยายเราอ่ะ


เอาจริงถ้าในฐานะคนอ่านคงไม่ชอบตัวเราเท่าไหร่เพราะเอาแต่เปิดเรื่องใหม่ไปเรื่อยเปื่อย ((เคยโดนด่าด้วย 555)) แต่ถ้าเราเขียนแล้วไม่สนุกก็ไม่รู้จะเขียนไปทำไม ก็มันนิยายเราอ่ะ ถ้าเราโอเคกับมันเราถึงจะเขียน เราไม่ได้ยึดมันเป็นอาชีพสักหน่อยเลยไม่จำเป็นต้องเอาใจใส่มันขนาดนั้น (สำหรับเรื่องที่เราไม่คลิ้กนะ)


อ่า ตะกี้เพิ่งไปส่องไอดีเจ้าของกระทู้และพบว่าเราชะตากรรมเดียวกันนี่นา 55555


นี่เด็ก 61 ผู้ฝ่าฝันกับTCAS มาค่ะ แน่นอนว่าเราอยู่สายวิทย์แต่เปรี้ยวไปเรียนสื่อสารมวลชน ( ยื่นมธไม่ติด )


ชอบเขียนอยากเป็นนักเขียนเหมือนกันเลย มาแอดที่มก ก็ดีนะคะ เผื่อเจอกัน (?)


เอาเป็นว่าเรายินดีให้คำปรึกษาคุณนะ เกี่ยวกับนิยายวาย ถึงเราจะไม่เชี่ยวชาญแต่ก็ขลุกอยู่กับมันมาหลายปีแล้ว อย่าถามว่าทำไมถึงอยากช่วย เพราะตอนที่เราเขียนใหม่ๆ ก็มีคนใจดีมาช่วยขัดเกลานิยายให้บ้างเลยเป็นอย่างทุกวันนี้ได้ ><


1
..sheep.. 16 ก.ค. 61 เวลา 05:42 น. 10-1

แง่งง รู้ตัวช้าอะครับก็เลยมา try hard + ตั้งเป้าหมายกดดันตัวเองไว้เยอะ

จนหลังๆบางทีต้องเริ่มอยู่กับตัวเองแล้วถามตัวเองว่า กดดันตัวเองเกินไปหรือเปล่า/วิกตกจริตเกินเหตุไหม/เริ่มๆนึกย้อนไปถึงความรู้สึกที่เขียนวันแรกว่าไม่เห็น panic เท่าทุกวันนี้เลย...


//เรื่องมหาลัยนี่ยังโลเลอยู่เลยครับ มีคนชวนไปเรียนอักษร/จิต จุฬา,ศิลปศาสตร์ มหิดล ก็ยังมองๆอยู่ครับว่าเอาไงดี


จะว่าลองไปส่องนิยายวายท่านมาครับ...มันดีมากเลย..แค่อ่านบทนำก็นึกภาพตามได้แล้ว..ส่วนตัวไม่ถนัดคิดพล็อตนอกกรอบครับเลยค่อนข้างอยากรีบพยายามหาวิธีบรรยาย,เขียนให้ได้ดีไวๆ ._.

0
MeawNon 16 ก.ค. 61 เวลา 07:33 น. 11

กลับกัน หนูคิดว่าที่เขียนอยู่นี่แหละ คือเอกลักษณ์ของเราเอง สําหรับจขกท.แล้ว หนูช่วยอะไรไม่ได้หรอกค่ะ แง่มๆ

0
1998ถึง2018ที่รอคอย 16 ก.ค. 61 เวลา 08:56 น. 12

พยายามใช้ทุกอย่างที่ผ่านมาในชีวิตคุณ ทั้งนิยายที่คุณเคยอ่าน หนังละครที่เคยดู เพื่อนที่คุณเคยเจอ เรียนรู้จากมิตร ศัตรู คู่แข่ง ไอดอล มันจะหล่อหลอม เป็น'ตัวตน'ของคุณในที่สุด


ให้ตัวคุณที่ประสบความสำเร็จในอีกxปี ข้างหน้า ส่งจดหมายมาหาคุณในตอนนี้ว่า 'ขอบคุณที่พยายาม ขอบคุณที่ไม่เคยท้อ แม้ไม่มียอดวิวยอดเฟบ แม้ไม่มีใครวิจารณ์ แม้ไม่มีใครคอมเมนท์ แม้เขียนอย่าสะเปะสะปะ ขอบคุณที่ไม่ถอดใจ'


เป็นกำลังใจให้สู้ๆค่า

1
หมวกแมว 16 ก.ค. 61 เวลา 10:39 น. 13

ผมว่า ท่านโฟกัสกับการหาตัวตนมากไปนะ ส่วนตัว แค่เขียนในแบบที่เราชอบ บรรยายในรูปแบบที่เราชอบ นั่นก็เป็นตัวตนของเราแล้วล่ะครับ ไม่ต้องยึดติดหาต้นแบบหรือทฤษฎีอะไรมากนักหรอก เอาแค่เรากลับมาอ่านแล้วเราชอบได้ทุกครั้งก็พอแล้ว


ในส่วนเรื่องบทสนทนา บทส่ง ผมว่ามันเกี่ยวกับพลอต+การเข้าถึงตัวละครมากกว่า การสื่อสารก็ส่วนนึง อย่างถ้าตัวละครเราตีโจทย์ไม่แตก การจะเข้าถึงสื่อออกมามันก็ยาก หรือถ้าพลอตวางสถาณการณ์/จับคู่ออกมาไม่มีจุดขัดแย้งอะไร การจะทำให้มันคมขึ้นพีคขึ้นก็ยาก ถ้ายังคาใจลองเอาตัวเองก่อนก็ได้ โยนความคิดทิ้งไป เลือกเหตุการณ์จริงๆที่มีผลกระทบต่อชีวิตของตัวเราเองมาสักเหตุการณ์ แล้วลองบรรยายออกมาดู แล้วลองอ่าน อ่านแล้วเป็นยังไง สื่อได้มั้ย อินได้มั้ย ชอบมั้ย.. นั่นล่ะจะเป็นภาษาบรรยายของท่าน ตัวตนลึกๆของท่าน ไม่ใช่ว่าเราไม่มีตัวตน แค่เราอาจจะมั่นใจไม่พอ..


ถ้าท่านเข้าถึงตัวละครเหมือนเขาเป็นเรา ผมเชื่อว่าท่านก็สื่อออกมาได้ขอรับ


ปล.ความคิด ความชอบเราดิ้นกันได้ เปลี่ยนแปลงได้ตลอด การอ่านงานคนอื่นก็เหมือนการท่องโลกค้นหาสิ่งที่เราชอบ พวกนี้จะค่อยๆเก็บเล็กผสมน้อยหลอมรวมมาเป็นตัวเรา ถ้าเริ่มเจอหลักแล้วก็อย่าปิดกั้นตัวเอง ค่อยเป็นค่อยไปเดี๋ยวมันก็ดีเองขอรับ


เขียนต่อไป!


1
..sheep.. 16 ก.ค. 61 เวลา 13:29 น. 13-1

น่าสนใจครับลองเขียนสิ่งที่ได้พบเจอจริงๆ จะได้ลองดูตัวตนของตัวเองจริงๆ

/ผมก็เป็นคนไม่ค่อยมีความมั่นใจจริงๆแหละครับ

0
Jaruad_prayfah 16 ก.ค. 61 เวลา 21:04 น. 14

พยายามฝึกไปเรื่อยๆนะ เราเป็นคนชอบบรรยายตั้งแต่เรื่องแรกๆอยู่แล้ว แต่มันยังดีไม่พอสักเท่าไหร่ ตอนนี้เราก็ยายามฝึกการถ่ายทอดอารมณ์ในเหตุการณ์ต่างๆอยู่ คุณเองต้องพยายามนะคะ ทดลองการเขียนและบรรยายในรูปแบบต่างๆดู แล้วเราจะรู้ค่ะว่าอันไหนคือตัวตนเรา นั่นคือสิ่งที่เราถนัด

ถ้าเราชอบเขียนแนวนั้น บรรยายแบบนี้ นั่นก็นับเป็นตัวตนเราแล้วค่ะ

ในส่วนของการสนทนา การบรรยาถึงความรู้สึกต่างๆโดยไร้คำพูด สำหรับบางคนอาจจะยากไปหน่อย แต่ถ้าฝึกไปเรื่อยๆเราจะทำได้เองค่ะ ลองคิดและจินตนาการถึงมัน บางครั้งการบรรยายก็ไม่จำเป็นต้องละเอียดยิบเสมอไป

สู้ๆนะคะ มีปัญหาอะไรปรึกษาได้น้า //ถึงแม้เราจะค่อนข้างกากไปหน่อย

เขียนต่อไป อย่าท้อนะ:)


1
..sheep.. 16 ก.ค. 61 เวลา 21:14 น. 14-1

ขอบคุณสำหรับกำลังใจมากเลยฮะ '^' //อีตัวเรานี่ชอบหาเรื่องบั่นทอนตัวเองบ่อย ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ

0