Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

พยายามทำความเข้าใจด้วยหลักเหตุผล แต่รู้สึกว่ามันยังไม่พอที่จะดึงตัวเองขึ้นมาจากความท้อแท้ที่ก่อตัวขึ้นทีละนิดในทุกวัน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ขออนุญาตเข้าเรื่องเลยนะคะ
เราพอจะทราบนะคะว่ากระทู้แนวท้อแท้แบบนี้มันมีเยอะมาก แต่เราอยากจะขอพื้นที่ตรงนี้เพื่อระบายความรู้สึกนี้กับทุกคนที่รักการเขียนเหมือนกันค่ะ

ช่วงนี้เรารู้สึกว่าตัวเองท้อกับการเขียนค่ะ มันไม่ใช่ท้อหนักหนาขนาดนั้น แต่มันค่อย ๆ ท้อทีละนิด ๆ ทุกวัน จนการท้อมันเริ่มจะเป็นกิจวัตรแล้ว คือทุกอย่างที่เป็นเหตุเป็นผล สมองของเรามันเข้าใจหมดนะคะ ไม่ว่าจะเป็น
- การเขียนมันต้องเริ่มจากศูนย์ก่อนทุกคน ไม่มีใครมาแล้วดังเปรี้ยงเลย
- นักเขียนดัง ๆ ก็เคยผ่านจุดนี้กันมาแล้วทั้งนั้น (แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีหลายคนที่เลิกล้มกลางคันเพราะความท้อ)
- ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ แล้วอะไรที่ได้มาง่าย ๆ เราก็มักจะไม่เห็นคุณค่าของมัน
เหตุผลประมาณนี้ สมองของเรามันเข้าใจหมดเลยค่ะ แต่หัวใจเรามันกลับไม่ค่อยฟัง

มูลเหตุของเรื่องน่าจะเป็นเพราะช่วงหนึ่ง เวลาเราอัปนิยายก็มักจะมีคนเข้ามาอ่านจนได้ติดอันดับเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเด็กดีบ้าง (ไม่ใช่อันดับสูงอะไร) และเรื่องที่แต่งไม่ใช่แนวกระแสนิยมในตอนนั้น เราก็อัปอย่างคงเส้นคงวามาเรื่อย ๆ จนมาถึงจุดเปลี่ยนคือเจอกับปัญหาในชีวิตค่ะ เป็นปัญหาส่วนตัวที่ค่อนข้างรุนแรงระดับนึงในตอนนั้น ทำเอาชีวิตเป๋ไป ลืมสิ่งที่ทำแล้วมีความสุขไป ตอนนั้นเราก็เลยหยุดอัปไป (แต่ก็ได้แจ้งบอกนักอ่านไว้) ซึ่งแน่นอนค่ะ ยอดถอน fav. กระจาย ซึ่งในตอนนั้นเราบอกเลย ว่าด้วยสภาพจิตใจเช่นนั้น ทำให้เรา “เฉย” กับสถานการณ์ดังกล่าวมาก

หลังจากฟื้นตัวและฟื้นฟูสภาพจิตใจ เราก็กลับมาอีกครั้ง ซึ่งนักอ่านที่ยังรออยู่ก็มี (เรารู้สึกขอบคุณจากใจจริง) แต่หลังจากนั้นก็ติดงาน ติดธุระปะปังเต็มไปหมด (งานเรา เป็นงานที่ทุกคนมักหอบงานกลับบ้านเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เพราะงานค้าง แต่เพราะมันเป็นงานที่ต้องทำ ต้องเช็ค) แล้วทีนี้ เราก็ประกาศไปว่าเราอาจจะอัปไม่เป็นเวลา (เพราะเราไม่อยากผิดคำพูด เช่น จะอัปทุปอาทิตย์ แต่กลับทำไม่ได้) แต่เราก็พยายามอัปให้เร็วที่สุด ใจนึงเราก็อยากจะเขียนตุนเอาไว้ แล้วทยอยอัป จะได้เรียกนักอ่านใหม่ได้บ้าง แต่อีกใจนึงที่ดังกว่า ก็บอกว่า เขียนและตรวจเสร็จเมื่อไรก็อัปไปเลย เพราะนักอ่านเก่าที่ยังคงติดตามและรอมานานนั้นสำคัญกว่า แต่ผลก็คือ ทั้งยอดวิว ยอดคอมเมนต์ ลดไปหมดเลยค่ะ (คือเราก็ไม่รู้ว่าตัวเองแต่งแย่ลง หรือเพราะนักอ่านติดธุระ หรือว่าเพราะอะไร) มันเห็นแล้วมันก็กลับมาท้ออีกครั้ง (หลังจากที่ตายด้านไปสักระยะ) เหมือนกับเรากำลังชดใช้กรรมในช่วงที่ตัวเองหายไปอย่างไรอย่างนั้น

คือเราเข้าใจค่ะ ว่าจุดประสงค์แรกในการเขียนนิยายของเราคืออะไร แต่บางที พอเราพยายามอย่างเต็มที่เท่าที่เวลาอำนวยแล้วผลที่ได้กลับผกผัน บางครั้งมันก็อดที่จะรู้สึกท้อไม่ได้ ความมั่นใจก็ถดถอยลงตามไปด้วย เราไม่รู้จะพูดจะระบายอะไรกับใครตรงไหน เลยขออนุญาตมาเขียนในนี้นะคะ

ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ

แสดงความคิดเห็น

19 ความคิดเห็น

..sheep.. 24 ก.ค. 61 เวลา 00:02 น. 1

เพื่อนผมมักจะพูดกรอกหูผมที่เป็นคนคิดมากอยู่เสมอว่า
ความพยายามส่งผลบวกเสมอแต่เราอาจจะไม่รู้
เขาบอกว่ามันไม่มีทางเด็ดขาดที่ความพยายามจะไม่สัมฤทธิ์ผลหากเรามุ่งทำมันอย่างต่อเนื่องโดยตลอด
เขาบอกว่าเราไม่ควรจะเทียบกับคนอื่นมากเกินไป คนเราไม่เหมือนกัน คนเราต่างกัน
คนบางคนเริ่มปุ๊บก็อยู่ ณ เก่งเทพอยู่จุดที่สูงซะจนไม่น่าเชื่อ บางคนเริ่มต้นก็ดันตกลงไปอยู่จุดที่ต่ำเตี้ยแทบจะจมดิน
ฉะนั้นเขาจึงบอกว่าสิ่งที่จะทำให้คนที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินมีสิทธิ์ได้เทียบเคียงกับคนที่อยู่แถวจุดสูงปลายยอดแล้ว นั่นคือคำว่า พยายาม ครับ




และเขายังมักจะบอกผมอีกด้วยครับว่า
ถ้าเรารู้สึกท้อกับบางสิ่งมากเกินไป ทำไมเราไม่ลองหาด้านดีๆของมันบ้างล่ะ
ทำไมไม่ลองชมตัวเองสักนิด ให้กำลังใจตัวเองหน่อยๆ มันอาจฟังดูประหลาดที่จะชมตัวเอง...แต่ถ้าบางทีไม่มีใครชมเราเลย..
การที่เราจะลอง องหลอกตัวเองบ้างสักนิด ให้ชีวิตได้สู้ต่ออีกหน่อย
มันก็น่าจะไม่ใช่เรื่องที่แย่อะไรเท่าไรนะครับ...

1
ฝุ่นจาง ๆ 24 ก.ค. 61 เวลา 08:41 น. 1-1

อ่านแล้วเราก็คิดตาม เรารู้สึกว่าคุณคห.1 กล่าวมาถูกต้องเลยค่ะ เราขอบคุณสำหรับกำลังใจและการแบ่งปันข้อคิดในชีวิตมาก ๆ เลยนะคะ อันที่จริงเราก็มีเพื่อนที่พอจะเข้าใจในเรื่องงานเขียนอยู่เหมือนกัน แต่พอดีเขาเป็นคนหนึ่งที่อ่านงานเขียนเรา เราเลยไม่อยากพูดว่าตัวเองเริ่มท้อ เพราะกลัวเขาไม่สบายใจน่ะค่ะ


เราจะ "พยายาม" ต่อไปนะคะ สักวันมันน่าจะมีผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้นสะท้อนกลับมา

ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ


(เราโพสต์รอบนึง มันไปเด้งอยู่ที่คห.8 เฉยเลยค่ะ)

0
peiNing Zheng 24 ก.ค. 61 เวลา 00:30 น. 2

เรื่องของใจ ก็ต้องใช้ใจแก้ และต้องเป็นใจตัวเองด้วย ใช้เหตุผลแก้แล้วไม่มีประโยชน์ก็ช่างเหตุผลมันเถอะค่ะ


เอาเป็นว่ามารับฟังนะคะ


อยากเขียนแต่คนน้อยจนไม่อยากเขียน แต่ก็ยังมีคนอ่านเลยควรเขียน แต่ท้อจนรู้สึกไม่น่าเขียน แต่มันก็อยากเขียน วนเวียนไป


บางทีการทำใจยอมรับแล้วก็หลับหูหลับตาเขียนไปอาจต้องใช้เวลาหน่อย ถ้าจะมองว่าเหมือนชดใช้กรรมที่หายไป ก็ได้เหมือนกัน ยอมรับมันไปเหอะ แล้วก็ก้มหน้าก้มตาใช้ไป บางครั้งกรรมไม่เหมือนสูตรคณิตศาสตร์ คุณหายไปช่วงเวลาหนึ่ง สมมุติคิดเป็น -5 ก็ใช่ว่าจะทำอีก 5 แล้วจะได้ทุกอย่างคืนมาเหมือนเดิม บางทีทำไปจน 20 จะได้คืนกลับมาหรือเปล่ายังสงสัย คงต้องใช้เวลากับวังวนนี้อีกสักพัก


เป็นกำลังใจให้นะคะ





3
ฝุ่นจาง ๆ 24 ก.ค. 61 เวลา 08:42 น. 2-1

ย่อหน้าที่ขึ้นต้นว่า "อยากเขียนแต่คนน้อย..." เหมือนกับคุณคห.2 มานั่งในใจเราเลย คือตรงทุกคำค่ะ


เราอาจจะลองเปรียบการเขียนเหมือนการทำความดี ที่ต้องใช้เวลาในการบ่มเพาะ แต่พอทิ้งช่วงไป อาจเหมือนการทำสิ่งไม่ดี ที่ทำเพียงชั่วครู่ชั่วยาม แต่กลับส่งผลยาวนาน


เราจะพยายามต่อไปค่ะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจมาก ๆ นะคะ

0
peiNing Zheng 24 ก.ค. 61 เวลา 10:58 น. 2-2

เราไม่ค่อยเห็นด้วยเรื่องเปรียบเทียบการเขียนนิยายกับการทำความดีนะคะ


การเขียนนิยายเปรียบเหมือนทำความดี การไม่เขียนนิยายเปรียบเหมือนการทำสิ่งที่ไม่ดี มันไม่ใช่ค่ะ และวิธีคิดแบบนี้ทำร้ายตัวเองมากนะ


ส่วนมากหลายคนอยากเป็น nice guy อยากให้คนรอบข้างมีความสุข อยากทำทุกอย่างให้ดี แต่มันกลายเป็นทับถมภาระให้ตัวเองโดยที่ลืมไปว่าตัวเองก็มีปัญหาอยู่ เตี้ยอุ้มค่อมเปล่าๆ


ส่วนตัว ถ้าอยากเปรียบกับการทำความดีจริงๆ การเขียนคือการทำความดี แต่การไม่เขียนคือ ไม่ได้ทำความดี แต่ไม่ได้ทำความไม่ดีแต่อย่างใดค่ะ ดังนั้นการที่คุณไม่เขียน ไม่ใช่เรื่องผิด ไม่ใช่สิ่งไม่ดี


พักความเป็น nice guy บ้าง วางอุเบกขาให้เป็น เรามีสองมือ ไม่อาจทำให้ทุกคนมีความสุข เราต้องเลือก และหนึ่งในนั้น ต้องเลือกตัวเองด้วย 


nice guy ที่ไม่เลือกตัวเองจะเอาแรงที่ไหนไปช่วยคนอื่นเขา

0
ฝุ่นจาง ๆ 24 ก.ค. 61 เวลา 20:16 น. 2-3

รับทราบค่ะ เราอาจะคิดอะไรสุดโต่งไปสักหน่อย ขอบคุณมาก ๆ อีกครั้งที่เตือนสตินะคะ

0
BLACKComedie 24 ก.ค. 61 เวลา 00:33 น. 3

เท่าที่อ่านเรื่องราวของ จขกท มา มันเป็นเรื่องของความรู้สึกที่ไม่สามารถจะหาเหตุผลใดๆ มาช่วยฉุดรั้งความสุขในการเขียนกลับคืนมาได้ นักอ่านคือพลังงานของนักเขียน นั่นเป็นสิ่งที่เราเองก็ยอมรับในฐานะนักเขียนคนหนึ่งที่ยังเผชิญกับปัญหาต่างๆ อยู่เยอะมาก โดยเฉพาะปัญหาด้านอารมณ์ความรู้สึก และขอบอกเลยว่าเหตุผลทั้งสามข้อของ จขกท มันไม่มีทางทำให้ความรู้สึกเป็นไปในทางบวกแน่นอนเพราะการสื่อความของประโยคเหล่านั้นคือ 'ความอดทน' อันที่จริงไม่ว่าจะทำอะไร จะเป็นเรื่องเล็กๆ หรือเรื่องใหญ่มันก็ล้วนแต่ใช้ความอดทนทั้งนั้น มันทำให้เรารู้สึกว่า เออ โอเค ถ้าฉันจะเป็นนักเขียน ฉันต้องอดทน ฝึกฝนมากๆ และให้เวลากกับมัน แต่การเดินทาง ไม่ว่าจะเส้นทางของนักเขียนหรือทางไหน มันกฌต้องมีทั้งอุปสรรคและความยากลำบาก เราไม่รู้รายละเอียดจริงๆ ว่า จขกท เลือกที่จะเดินเข้ามาบนเส้นทางของนักเขียนด้วยวัตถุประสงค์อะไรบ้าง ดังนั้น ก็เป็นหน้าที่ของคุณที่จะเป็นคนตอบคำถามนี้ด้วยตัวเอง

อย่างที่บอกว่า Passion มันเต็มไปด้วยความรู้สึกและยากที่เหตุผลจะเข้าถึง ดังนั้น สิ่งแรกที่เราอยากจะให้ จขกท ลองทำก็คือปล่อยให้อารมณ์ความรู้สึกออกมาให้เต็มที่โดยไม่ต้องใช้เหตุผลมาเป็นตัวชี้นำ เพราะหลายคนมักจะเรียนรู้มาตลอดว่าเราควรเป็นคนมีเหตุผล ต้องให้เหตุผลเหนือกว่าอารมณ์และพวกเขาก็ทำเช่นนั้น โดยไม่รู้ตัวเลยว่าคำว่าเหตุผลได้กลายมาเป็นกรอบที่สร้างความกดดันความรู้สึกของพวกเขา จนนำไปสู่ความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งเราไม่สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนหรือระบายกับใครได้ ยิ่งสร้างปัญหา ทำให้เรารู้สึกอึดอัดและเครียดมากกว่าเดิม

บางที จขกท อาจจะมีความรู้สึกบางอย่างที่อยากจะระบายมันออกมา แต่ไม่สามารถจะระบายออกมาได้เพราะคำว่า 'เหตุผล' มาเป็นตัวกำหนดว่าเราไม่ควรรู้สึกเช่นนั้น ลองคิดดูดีๆ และตอบตัวเองดู


เราอยากแนะนำให้ จขกท ลองหากระดาษมาสักแผ่นหนึ่งแล้วเขียนความรู้สึกทั้งหมดของตัวเองลงไป ทั้งนี้ต้องเป็นความรู้สึกจริงๆ แบบไม่ต้องกลัวว่าใครจะคิดยังไง แบบไม่ต้องใช้เหตุผลรู้สึกแย่ก็เขียนว่าแย่ หลังจากนั้น ให้ค่อยเขียนอธิบายถึงต้นเหตุหรือสาเหตุทั้งหมดที่ทำให้เรารู้สึกเช่นนั้น เสร็จแล้วค่อยลองดูว่าอะไรแก้ไขได้และอะไรแก้ไขไม่ได้

ต่อให้หากระดาษมาอีกแผ่นและก็ลองเขียนเป้าหมายในชีวิตทั้งหมดลงไป เป็นสิ่งที่ตัวเราอยากทำ อยากเป็น อยากได้ อยากมี โดยไม่ต้องสนใจว่ามันจะเป็นไปได้ เป็นไปได้ยาก หรือ ไปไม่ได้ ขอเพียงมันเป็นสิ่งที่เราต้องการก็พอ เมื่อได้แล้ว ก็ลองพิจารณาดูว่าทำยังไงถึงจะได้สิ่งที่ต้องการเหล่านั้นมาในระยะเวลาที่เรามีอยู่ (24ชม./วัน)

กำหนดมันออกมาเป็นตารางก็ได้ แล้วหลังจากนั้นก็ลงมือทำตามสิ่งที่เราวาดฝันเอาไว้ โดยระลึกเอาไว้เสมอว่า - ทำ = 1 ก้าว แต่ถ้า ไม่ทำ = ที่เดิม - เราเชื่อว่าทุกการกระทำไม่เคยเสียเปล่า แต่เราเองอาจจะไปรู้ตัวว่าได้รับอะไรมาบ้างเพราะเวลาก้าวเท้าไปข้างหน้า เราก็จะโฟกัสไปที่เส้นทางข้างหน้าซึ่งอาจจะห่างไกลจากเป้าหมาย โดยไม่ได้มองหันหลังกลับมามองเลยว่าดส้นทางที่เราก้าวพ้นมา มันอาจจะไกลกว่าระยะทางข้างหน้าหลายพันเท่า

เราว่า 'เวลา' คือสิ่งสำคัญที่ จขกท ยังจัดสรรไม่ลงตัว อาจจะเป็นเพราะตารางเวลาที่ไม่แน่ชัด พอจะเขียนนิยายก็รู้สึกเหนื่อยเสียก่อน นั่นอาจจะเป็นปัญหาที่ จขกท ต้องลองหาวิธีการบางอย่างจัดการกับมัน

เราไม่แนะนำให้ฝืนตัวเอง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม การอดทน กับ การฝืนทน เรามองว่ามันต่างกัน บางทีลองปล่อยมือจากอะไรไปสักพักแล้วค่อยกลับมามันยังไม่สายนะ

ในชีวิตเราสิ่งสำคัญที่สุดคือ จิตใจ ดังนั้น จขกท ต้องเอาใจใส่ ดูแลตัวเองให้มากๆ. หาเวลาพักผ่อน ผ่อนคลายให้หายเครียด อย่าปล่อยให้ทุกอย่างมันสะสมจนแก้ไม่ได้ คลายไม่ออก

สำหรับการเขียนนิยาย บนเส้นทางนี้ยังมีนักเขียนอีกจำนวนมาก อาจจะเป็นพันล้านคนบนโลกใบนี้และพวกเขาต่างก็คอยเป็นกำลังใจให้คุณนะคะ โลกของนักเขียน ไม่ได้มีเพียงนักเขียนแค่คนเดียว แต่ยังมีเพื่อนนักเขียน นักอ่านและตัวละครอีกมากมายที่อยู่เคียงข้าง มีอะไรก็มาคุยกันได้เสมอนะคะ ต่อให้วันนี้คุณจะเหนื่อยแค่ไหน บนถนนสายนี้ก็ยังมีคนคอยจับมือและเดินไปพร้อมกับคุณเสมอนะคะ อย่างน้อยเราก็สามารถสื่อสารผ่านกระทู้ในเว็บนี้ได้ และเราก็ขอชื่นชมมากๆ ที่คุณเลือกที่จะระบายมันออกมา อย่างน้อยจะได้มีคนคอยแลกเปลี่ยนกันไป


พิมพ์ไปๆ มาๆ ยาวกว่า จขกท ละ ฮ่าๆ เอาเป็นว่า ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร ขอให้ก้าวผ่านมันไปใฟ้ได้นะคะ อย่าลืมว่า 'การอดทน' กับ 'การฝืนทน' มันต่างกัน ผ่อนบ้าง หนักบ้าง ทุกอย่างจะได้ลงตัว

1
ฝุ่นจาง ๆ 24 ก.ค. 61 เวลา 08:46 น. 3-1

เรารู้สึกว่า วิธีที่คุณคห.3 กล่าวถึง น่าจะเกี่ยวข้องกับทางจิตวิทยาอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งพอเราอ่านแล้ว เราก็ตระหนักได้เลยว่าเราควรจะทำตามนั้นดูสักครั้ง ช่วงนี้ใกล้หยุดยาว เราเลยหัวหมุนนิดนึง แต่สัญญาว่าวันหยุดนี้จะทำตามนั้นให้ได้ค่ะ มันน่าจะช่วยให้เรามองเห็นอะไรเป็นรูปธรรมมากขึ้น


พิมพ์ยาวไม่เป็นอะไรเลยค่ะ เพราะระหว่างที่อ่าน เราก็รับรู้ได้ถึงกำลังใจที่คุณคห.3 ต้องการสื่อ เราก็ไม่รู้ว่าเราลืมไปได้ไง เวลาที่เราเห็นกระทู้อยากได้กำลังใจต่าง ๆ เราเองก็อยากให้กำลังใจเขาเหมือนกันในฐานะที่กำลังเดินตามฝันไปในเส้นทางเดียวกัน


ขอบคุณมากจริง ๆ นะคะสำหรับกำลังใจและแนวทางแก้ไข

0
Chloe! 24 ก.ค. 61 เวลา 00:47 น. 4

เหมือนเม้นอื่นๆ จะอธิบายสิ่งที่เราคิดไปหมดแล้ว ถ้างั้นก็...




อย่าได้ยอมแพ้ อย่าได้ท้อแท้เลย ทำใจให้ผ่อนคลายมีความสุขค่ะ

1
ฝุ่นจาง ๆ 24 ก.ค. 61 เวลา 08:47 น. 4-1

ขอบคุณคุณคห.4 มาก ๆ เลยนะคะ เราจะพยายามสู้ต่อไปเท่าที่เราไหวค่ะ

0
AQ-Stella 24 ก.ค. 61 เวลา 01:54 น. 5

เราคิดว่าสาเหตุมาจากความพยายามที่ "มากเกินไป" ค่ะ งานก็เหนื่อย ต้องมานั่งพยายามปั่นนิยายให้ได้มากที่สุด อัปให้เร็วที่สุด เห็นแก่นักอ่านที่คอยติดตาม


อยากทราบว่า จขกท. ได้พักบ้างมั้ยคะ พักในที่นี้ไม่ใช่แค่พักกาย แต่คือพักใจจากการเจออะไรหนัก ๆ แล้วยังกดดันตัวเองเรื่องเขียนนิยาย พักสมองจากการทำงานแล้วยังมาใช้กลั่นกรองนิยายต่อ แค่เราฟัง จขกท. เล่า เรายังรู้สึกเหนื่อยไปด้วยเลย


บางทีเราก็มองว่าคนอื่นคาดหวังในตัวเรามากเกินไปจนเรารู้สึกผิดเมื่อตอบสนองความหวังนั้นไม่ได้ บางทีเราควรเห็นแก่ตัวบ้าง เพราะอารมณ์ของเราก็ส่งผลกระทบต่องานเขียนเหมือนกัน อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ยอดวิวหดหาย


อยากจะบอกว่าการหายไปของนักเขียนและการลงไม่สม่ำเสมอก็เป็นหนึ่งในสาเหตุหลัก คงทำได้แค่ปลง แต่จขกท. น่าจะรู้อยู่แล้ว


ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ

1
ฝุ่นจาง ๆ 24 ก.ค. 61 เวลา 08:48 น. 5-1

พอคุณคห.5 กล่าวแบบนั้น เราก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเราเผลอใส่ความกดดันลงไปในงานเขียนด้วยหรือเปล่า เราอาจจะพยายามมากเกินไปจนอารมณ์ของการเขียนมันเปลี่ยนไป แล้วนั่นอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ยอดวิวหดหายยอดเมนต์ก็น้อยลงเยอะมากจนแทบไม่มี


เราคงทำอะไรกับช่วงที่หายไปและนักอ่านก็หายไปไม่ได้ แต่เราคงต้องพิจารณาตัวเองอีกทีว่าตอนเราเขียนตอนหลัง ๆ มันมีความกดดันลงไปด้วยหรือเปล่า


ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ

0
thii-8 24 ก.ค. 61 เวลา 07:49 น. 6


“ Nothing in the world can take the place of persistence.


Talent will not...Nothing is more common than unsuccessful men with talent.


Genius will not...Unrewarded genius is almost a proverb.


Education will not...The world is full of educated derelicts.


Persistence and determination alone are omnipotent.” - Calvin Coolidge


1
ฝุ่นจาง ๆ 24 ก.ค. 61 เวลา 08:50 น. 6-1

ขอบคุณคุณคห.6 มาก ๆ นะคะ เราจะพยายามอดทนและตั้งใจแน่วแน่ให้มากขึ้นต่อไปค่ะ

0
เก่งแน่แพ้พยายาม 24 ก.ค. 61 เวลา 08:17 น. 7

ขออนุญาตเข้าเรื่องเลยนะคะ

เราพอจะทราบนะคะว่ากระทู้แนวท้อแท้แบบนี้มันมีเยอะมาก แต่เราอยากจะขอพื้นที่ตรงนี้เพื่อระบายความรู้สึกนี้กับทุกคนที่รักการเขียนเหมือนกันค่ะ


-ระบายมาได้คร่าาา ยินดีรับฟัง


การเขียนมันต้องเริ่มจากศูนย์ก่อนทุกคน ไม่มีใครมาแล้วดังเปรี้ยงเลย


-อันนี้เข้าใจถูกต้อง ปรบมือให้รัวๆ


นักเขียนดัง ๆ ก็เคยผ่านจุดนี้กันมาแล้วทั้งนั้น (แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีหลายคนที่เลิกล้มกลางคันเพราะความท้อ)


-พูดอีกก็ถูกอีก


ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ แล้วอะไรที่ได้มาง่าย ๆ เราก็มักจะไม่เห็นคุณค่าของมัน

เหตุผลประมาณนี้ สมองของเรามันเข้าใจหมดเลยค่ะ แต่หัวใจเรามันกลับไม่ค่อยฟัง


-เท่าทีอ่านดู คุณจขกท ก็เป็นนักสู้คนนึงเลยนะ การที่คุณลองเขียนนอกกระแสแล้วดันท้อเพราะยอดวิวหาย ยอดเฟบหด อย่างน้อยก็ทำให้คุณเรียนรู้ว่า มันมีผลกับคุณจริงๆด้วยทั้งๆที่คิดว่าตัวเองสตรองพอ


โดยส่วนตัวเราเป็นพวกเขียนแนวกระแส เอาฤกษ์เอาชัยอยู่แล้วอะนะ เหมือนนักเขียนมังงะก็อยากลงโชเนนจัมป์ ฉันท์นั้น


คุณอาจจะต้องศึกษาอัตชีวะประวัติคนดังหลายๆคนดู ที่เราชอบมากคือเป็นประวัติโรนัลโด้ ในช่วงอายุยี่สิบปี เขาถูกเปรียบเทียบกับนักเตะเปี่ยมพรสวรรค์อย่างเมซซี่ตลอด 

ซึ่งเขาก็ก้าวข้ามมันมาได้จนเป็นนักเตะระดับโลกมาได้ด้วยพรแสวง ก็ลองหาอ่านดูละกาน


เป็นกำลังใจให้ค่าาา


1
ฝุ่นจาง ๆ 24 ก.ค. 61 เวลา 08:52 น. 7-1

ขอบคุณคุณคห.7 มาก ๆ เลยนะคะ เราอ่านแล้วก็เห็นด้วยค่ะ สงสัยต้องลองไปอ่านพวกเรื่องราวของคนดัง ว่าเขาต้องผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะมาถึงจุดนี้


ขอบคุณอีกครั้งนะคะ

0
ฝุ่นจาง ๆ 24 ก.ค. 61 เวลา 08:38 น. 8

อ่านแล้วเราก็คิดตาม เรารู้สึกว่าคุณคห.1 กล่าวมาถูกต้องเลยค่ะ เราขอบคุณสำหรับกำลังใจและการแบ่งปันข้อคิดในชีวิตมาก ๆ เลยนะคะ อันที่จริงเราก็มีเพื่อนที่พอจะเข้าใจในเรื่องงานเขียนอยู่เหมือนกัน แต่พอดีเขาเป็นคนหนึ่งที่อ่านงานเขียนเรา เราเลยไม่อยากพูดว่าตัวเองเริ่มท้อ เพราะกลัวเขาไม่สบายใจน่ะค่ะ


เราจะ "พยายาม" ต่อไปนะคะ สักวันมันน่าจะมีผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้นสะท้อนกลับมา

ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ

0
Twenty SIX 24 ก.ค. 61 เวลา 08:41 น. 9

คุณน่าจะยังไม่เข้าใจหลักเหตุผลที่ว่า หรืออาจยังเข้าไม่ถึงหลักเหตุผลนั้นๆก็เป็นได้


ในช่วง5ปีก่อน ทางบ้านผมติดหนี้อย่างหนัก สายการเรียนที่ผมฝันไว้ว่าอยากต่อม.ปลาย อยากเข้ามหาลัย หรืออะไรต่อมิอะไรที่วาดไว้ในแผนผัง ก็เป็นอันต้องยุบทิ้งแล้วเปลี่ยนไปเรียนสายอาชีพ


และ 4 ปีก่อน ทางบ้านก็ยิ่งประสบปัญหากับหนี้สินยิ่งขึ้น พี่ชายสองคนที่เอาตัวรอดไม่คิดจะช่วยเหลือทางบ้าน ผมถูกตั้งเป็นความหวังเดียวแล้วโดนย้ายสถานที่ศึกษาจากสมุทรปราการไปอยู่สกลนคร ชีวิตที่ยากลำบากบวกกับความกดดันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ


ราวๆ2ปีก่อน ผมจบจากสกลนครด้วยสถานะแค่ ปวส.1 ไม่จบและไม่ได้วุฒิปวส.2 เพพราะสถานศึกษานั้นเป็นพวกฉวยโอกาส นักเรียนที่นั้นจะถูกบังคับไปฝึกงานอย่างเดียว พอกลับมาก็ไม่ได้ความรู้และวิชาอะไร ผมที่รู้แบบนั้นก็ไม่คิดจะเรียนต่อเลยเริ่มที่จะออกมาหางานทำ โดยย้อนกลับมาหาครอบครัว


แต่หลังจากนั้นแหละที่ผมเริ่มโดนกดดัน เพราะผมคนเดียวคือคนที่เรียนสูงที่สุด(แต่เป็นการเรียนในนามของวุฒิ ไม่ใช่ในนามของการปฏิบัติวิชาชีพ) ทำให้พี่ชายทั้งสองเหมือนจะเหยียดๆว่าเรียนจบสูงแต่ไม่มีปัญญาหางานดีๆ(พวกเขาไม่จบม.3 ต่สามารถหางานดีๆได้เพราะประสบการณ์ทำงานจริงสำคัญกว่า)

แน่นอนว่าหลังจากนั้นผมก็ถูกมองว่าเป็นตัวถ่วง ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ ทั้งที่ความฝันทั้งหมดของผมพังทลายย่อยยับไม่เป็นชิ้นดี แถมความตั้งใจว่าจะเอาดีด้านสายอาชีพก็โดนสถานศึกษาหลอกลวงจนเสียเวลาไปกว่า4ปีเต็ม


ความกดดันเพิ่มขึ้นถูกวัน แต่ก็ยังพอบีบบังคับให้ลดลงได้

เคยคิดอยากฆ่าตัวตาย เพราะผมคิดว่าก่อนตัวเองจะเกิดมามันคือความว่างเปล่า ถ้าคนเราอยากจะกลับไปหาบ้านเกิดที่เรียกว่าความว่างเปล่านั้นมันผิดด้วยเหรอ?

แน่นอนว่าผมก็ยังไม่ทำ แต่ผมก็กำหนดเส้นตายของชีวิตเอาไว้ก่อน เผื่อถึงเวลาที่ผมรู้สึกว่า "ช่างแม่ม" ผมก็อาจทำจริงๆ


ถึงผมจะเจออะไรแบบนั้นมาเยอะ ซึมเศร้าจนจิตตกมาบ่อย ผมก็ยังแยกแยะทุกอย่างออกจากกันได้


"ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิด...แต่จะมีบางกลุ่มบางคน ที่เกิดมาแล้วสามารถเก่งได้มากกว่าที่เราพยายาม"

1
ฝุ่นจาง ๆ 24 ก.ค. 61 เวลา 20:29 น. 9-1

เราอาจจะไม่มีปัญหาเรื่องหนี้สินโดยตรง แต่เราก็เคยโดนคนในครอบครัวเทกลางอากาศ ตัดหางปล่อยวัด ซึ่งเรายังโชคดีที่เหลือญาติและเหลือแม่ คนในครอบครัวคนนั้น จะมาหาก็ต่อเมื่อต้องการใช้ชื่อเอาไปทำอะไรใหญ่โต ที่ไม่เคยบอกรายละเอียด ไม่เคยอะไรเลย เอาเป็นว่ามาเพื่อหาผลประโยชน์เสียส่วนใหญ่ ตอนนี้คนในครอบครัวเราก็วัยเกษียณกันไปหมดแล้ว เหลือแค่เราที่ต้องหาเงินเลี้ยงครอบครัว เรียนจบมาสูงแต่กลับทำงานได้เงินน้อยกว่าเพื่อนที่จบต่ำกว่า ทุกวันนี้ก็ต้องตะเกียกตะกายทำหลายอย่างพร้อมกันเพื่อให้เลี้ยงครอบครัวและญาติได้


เราเคยเจอคนที่ทำงานที่เหมือนเกิดมาเพื่อเป็นเจ้ากรรมนายเวรกัน ตอนนั้นเราก็เคยเจอภาวะซึมเศร้ามาเหมือนกันค่ะ กดดันทั้งที่บ้าน ไม่ให้ลาออก กดดันทั้งการเงิน เพราะถึงอยากออกก็ออกไม่ได้ถ้ายังไม่ได้งานใหม่ แล้วไปที่ทำงานก็กดดันอีก โดนกดหัวตลอดทั้ง ๆ ที่ที่อื่นมีแต่ชมในการทำงานของเรา แต่ที่นี่ทั้งกดหัว ด่าต่อหน้าคนเป็นร้อย และอีกมากมายที่เราไม่อยากกล่าวถึงค่ะ


แต่พอดีตอนที่เกิดเรื่องราวเหล่านั้น เราพักการเขียนไปนานแล้ว (ไม่ใช่รอบปัจจุบัน) เราเลยไม่ได้กล่าวถึงค่ะ


คุณคห.9 เก่งและเข้มแข็งมากเลยค่ะที่สามารถแยกแยะทุกเรื่องออกจากกันได้เด็ดขาด เพราะเรายังทำไม่ได้เลย แต่เราจะลองพยายามดูค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะที่นำเรื่องราวมาแบ่งปัน ทำให้เราเห็นว่าคนที่ต้องอดทนมากกว่าก็ยังมีอยู่ ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ เราเองก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณด้วยเช่นกันนะคะ

0
ปีศาจหัวโต 24 ก.ค. 61 เวลา 08:49 น. 10

เหนื่อยๆก็ต้องพักบ้างนะ ดูแลัวเองบ้างฮะ

เดี๋ยวไม่มีแรงเขียนต่อ คนรออ่านก็มีอยู่

โฟกัสที่คนน่ารักๆเหล่านั้นสิ ท้อได้แต่อย่าถอดใจเลยนะ

เขียนจนมีคนติดตามแล้วอ่ะ สู้ๆ

1
ฝุ่นจาง ๆ 24 ก.ค. 61 เวลา 20:33 น. 10-1

ขอบคุณคุณคห.10 มาก ๆ เลยนะคะ ตอนนี้เราก็จะเขียนเท่าที่ทำได้ แล้วก็จะพักเท่าที่ทำได้เช่นกันค่ะ เราจะพยายามมองที่คนอ่านที่ติดตามอยู่นะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

0
*~+Echo 9+~* 24 ก.ค. 61 เวลา 09:47 น. 11

เราก็เจอแบบจขกทเลยนะ แต่หนักกว่านิดหน่อย เพราะจะตีพิมพ์แล้วโดนเท คือ นักเขียนก็มนุษย์อะเนาะ เรื่องนักอ่านลดลง คอมเมนต์น้อยลง เป็นตัวแปรที่ควบคุมไม่ได้จริงๆ คือ มันท้อทุกคนนะ จากที่เคยยืนแบบมีคอมเมนต์ มียอดวิว สารพัด พอเว้นช่วง ทุกอย่างกลายเป็นขาลงหมด แต่สำหรับเราเลือกที่จะพักไปก่อน ไม่อยากฝืนเขียนในสภาวะกดดันตัวเอง เพราะมันจะถ่ายทอดไปหางานเขียนแบบไม่รู้ตัว นักอ่านบางท่านต้องการหานิยายผ่อนคลาย พออ่านเจองานที่เราถ่ายทอดความกดดันลงไปก็ไม่แปลกที่จะปิดหรือไม่ติดตามต่อ ขนาดเรายังรู้สึกไม่สนุก คนอ่านก็เหมือนกัน


ลองพักใจคิดทบทวนต่างๆ หาประสบการณ์ใหม่ๆ พักผ่อนจนสบายใจ แล้วค่อยกลับมาเขียนก็ได้ค่ะ แต่ต้องยอมรับว่านักอ่านจะน้อย ถ้ายอมรับตรงนี้ได้ ชีวิตจะโอเคกับงานเขียนมากกว่า ในเมื่อไม่ใช่งานตอกบัตรที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ก็ให้โอกาสตัวเองได้ผ่อนคลายบ้างนะคะ อย่ากดดันตัวเองเลย งานหลักน่าจะเครียดพอแล้ว


สุดท้ายนี้เป็นกำลังใจให้นะคะ

2
ฝุ่นจาง ๆ 24 ก.ค. 61 เวลา 20:39 น. 11-1

โห แค่เราอ่านแล้วคิดตามก็รู้สึกใจหายแล้วค่ะ


เหมือนกับว่าพอหายไปเพื่อดูแลตัวเองและพักผ่อน ก็ต้องแลกกับการตอบรับที่น้อยลงตามไปด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่อย่างไรเสีย เราก็เข้าใจนะคะว่าเราไม่ควรกดดันตัวเองมากไป เอาเท่าที่ทำได้ ในแบบที่สบายใจและไม่กระทบงานเขียนดีกว่าเนอะ


ขอบคุณมาก ๆ นะคะ ขอเป็นกำลังใจให้เช่นกันค่ะ

0
*~+Echo 9+~* 25 ก.ค. 61 เวลา 08:43 น. 11-2

ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ เราเคยพักเป็นปี กลับมานักอ่านก็เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ตอนนี้ก็พักเหมือนเดิม คนอ่านก็น้อยลงเช่นกัน ตอนนั้นกลับมาพอดีนิยายได้ขึ้นโปรโมทบ่อยด้วย เรื่องคนอ่านในเว็บเรามองแค่ว่า ในเด็กดีเนี่ย นิยายมหาศาลมาก อัปทีก็มาเป็นสิบ การที่คนที่อ่านไม่ได้กดติดตามไว้ จะเข้าถึงงานเราก็ยากมากกว่าอะค่ะ เหมือนเดินตลาดนัด ร้านเราขายขนมแต่อยู่ท้ายตลาด แต่คุณภาพไม่ต่างจากร้านค้าหน้าตลาด แต่ร้านเราคนน้อยมาก เพราะเดินเข้าถึงได้ยาก แล้วลูกค้าก็เป็นพวกขาจร ยังไงก็ต้องซื้อร้านแรกๆ ที่เห็น มากกว่าจะเดินข้าไป อาจจะมีพวกอยากลองสำรวจ แต่ก็น้อยค่ะ


หลายท่านในนี้ก็ลงนิยายที่อื่น กระแสก็ดีนะคะ เราว่าคนอ่านน้อยลง แค่ช่วงเวลาที่เขาเห็นไม่เห็นงานเราแค่นั้นอะค่ะ


เพราะงั้นเราเลยไม่ค่อยยี่หระกับคอมเมนต์ ยอดวิวอะค่ะ อยากเขียนก็ลง ไม่ไหวก็พัก เราอยากตีพิมพ์ อยากทำมือ นี่คือความฝันของเรา เลยมองข้ามว่ายอดวิวน้อย คอมเมนต์ไม่มีก็ไม่เป็นไร เพราะส่งเข้าไปในกระบวนการพิจารณา พวกนี้แทบหมดความหมาย ต่อให้ยอดวิวดี คอมเมนต์เยอะ ถ้าไม่ใช่แนวที่สนพ. ต้องการ เขาก็ไม่เอาค่ะอยู่ดีนั่นแหละค่ะ


ลองมองหากำลังใจอื่นในการเขียนนอกจากคอมเมนต์และวิวดูค่ะ ชีวิตจะดีขึ้นมาก

0
Mr.Gaster 24 ก.ค. 61 เวลา 10:57 น. 12

ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรยังไงกับเรื่องนี้ แต่เอาเป็นสั้น ๆ ว่า


"เป็นกำลังใจ" แล้วก็พยายามต่อไปนะครับ อาจใช้เวลาสักหน่อย แต่ถ้าเราเชื่อว่าผลลัพธ์ในอนาคตต้องออกมาดีแน่นอน ^ ^


เหนื่อยก็พักสักหน่อย เติมพลังให้เต็ม แล้วค่อยกลับไปลุยต่อก็ไม่สายนะ


ปล.ทางนี้เองก็ประสบพบเจอชะตากรรมเดียวกัน แต่อาจจะไม่หนักมากเท่าไหร่ แค่ต้องพยายามให้มากกว่าเดิมก็แค่นั้นแล

1
ฝุ่นจาง ๆ 24 ก.ค. 61 เวลา 20:43 น. 12-1

ขอบคุณคุณคห.12 มาก ๆ เลยนะคะ

แม้คุณกล่าวว่า ไม่ทราบว่าจะพูดอะไร แต่แค่นี้เราก็ได้รับกำลังใจมาแล้วค่ะ

เราอาจจะเดินช้าหน่อยแต่ผลลัพธ์ในอนาคตก็กำลังรออยู่ปลายทางเนอะ

ขอบคุณมาก ๆ นะคะ และขอเป็นกำลังใจให้เช่นกันค่ะ

0
เดือนดิน 24 ก.ค. 61 เวลา 11:23 น. 13

คุณอาจจะติดโรค "ภาวะซึมเศร้าจาก social media" เข้าแล้วครับ

โรคนี้มีการค้นพบปีนี้เองครับ

คือเขาค้นพบว่าคนที่เขียนอะไรลงไปใน social media ทั้งหลาย แล้วคอยติดตามดูว่าจะมีผลการตอบรับอย่างไรบ้างมีความเสี่ยงมากที่จะเป็นโรคซึมเศร้าครับ

เพราะฉะนั้นคุณควรจะหยุดใช้ social media ชั่วคราวครับ (แน่นอนว่าต้องหยุดเขียนนิยายด้วย)

ลองหยุดสักสามเดือนแล้วดูว่าอาการดีขึ้นไหม

1
ฝุ่นจาง ๆ 24 ก.ค. 61 เวลา 20:49 น. 13-1

ประเด็นนี้เราไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรค่ะ เพราะว่าปกติแล้วเราไม่ค่อยโพสต์อะไรลงโซเชียลเลยน่ะค่ะ (ถ้าอย่างพวก facebook หรือไลน์ เรามักจะชอบแชร์พวกข่าวสาร ภาพสวย ๆ คลิปต่าง ๆ เพื่อเก็บไว้ดูเองมากกว่าน่ะค่ะ) แต่ถ้าหมายถึงการที่เรามาตั้งกระทู้นี้ด้วย เราก็ไม่แน่ใจอีกค่ะ (ขอโทษจริง ๆ นะคะ แบบว่าไม่แน่ใจจริง ๆ) เพราะเรามาตั้งเพื่อต้องการคำตอบ กำลังใจ หรือไม่ เพียงแค่การรับฟังก็พอแล้ว (ไม่เชิงว่าเราต้องการดูผลตอบรับน่ะค่ะ)


แต่จากหลาย ๆ คอมเมนต์ เราก็คิดว่าเราควรจะพักบ้างสักระยะเหมือนกันค่ะ แต่อาจจะไม่นานขนาดนั้นเนอะ ขออนุญาตพิจารณาตัวเองค่ะว่าจะพักนานแค่ไหนดี


ขอบคุณมาก ๆ นะคะ เป็นความรู้ใหม่เลย เราจะได้ระวังตัวมากขึ้น ขอบคุณมากค่ะ

0
i am nilin 24 ก.ค. 61 เวลา 16:03 น. 14

สู้ๆน้า เราเองก็เคยประสบปัญหาคล้ายๆกันกับ จขกท

เราแต่งนิยายนอกกระแสเหมือนกัน มีช่วงนึง ยอดวิวต่อวันเราประมาณ 1500+

ตอนนั้นเราเพิ่งลาออกจากงานมาใหม่ๆ เลยอัพได้ทุกวัน

แต่พอเราเริ่มรับงานฟรีแลนซ์ ก็เริ่มอัพน้อยลง ต่อมาเราเครียดจัด จนต้องพบจิตแพทย์

เราทำงานก็ไม่ได้ เขียนนิยายก็ไม่ได้ หมอบอกเป็นโรคซึมเศร้า ช่วงนั้นเราแทบไม่อัพนิยายเลย

ประกาศไปว่าจะอัพอาทิตย์ละครั้ง เพราะมันเขียนไม่ออกจริงๆ คนอ่านก็หาย


ต่อมา เรากินยา รักษาตัวจนดีขึ้น เราก้กลับมาอัพทุกวัน ยอดวิวจากวันละ 1500+ เหลือแค่ 300+

จากที่อัพทีเคยคนเม้นเป็นสิบคน กลายเป็นมีไม่กี่เม้น บางทีก็ไม่มีเลย แต่เราก็พยายามอัพทุกวันนะ

ใช้เวลาเป็นเดือนค่ะ กว่ายอดวิวต่อวันจะกลับขึ้นมาถึง1000 อีกครั้ง


เพราะฉะนั้น อย่าท้อนะคะ สู้ๆนะ เราเป็นกำลังใจให้

1
ฝุ่นจาง ๆ 24 ก.ค. 61 เวลา 20:55 น. 14-1

โห คล้ายจริง ๆ ด้วยค่ะ


ทุกอย่างคงต้องใช้เวลา อาศัยความอดทน ความใจเย็น และค่อยเป็นค่อยไปสินะคะ ต่อไปนี้เราก็จะใจเย็นให้มากขึ้น ทำใจยอมรับอะไรต่าง ๆ ตามสภาวะให้ได้มากขึ้นค่ะ


ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะที่มาแชร์ประสบการณ์ เราขอเป็นกำลังใจให้คุณคห.14 ด้วยนะคะ

0
ฝุ่นจาง ๆ 24 ก.ค. 61 เวลา 21:00 น. 15

ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ ทั้งท่านที่แนะนำวิธีคิด วิธีแก้ไข ทั้งท่านที่เข้ามาให้กำลังใจ ทั้งท่านที่เข้ามาแชร์ประสบการณ์


ในตอนแรกเราก็สองจิตสองใจเหมือนกันค่ะว่าจะมาตั้งกระทู้ดีไหม แต่เพราะที่นี่คือบอร์ดนักเขียน เป็นที่ที่รวมเหล่าผู้คนที่มีความฝันเหมือนกันกับเราอยู่ในที่เดียวกัน เราจึงตัดสินใจเข้ามาตั้งกระทู้ ซึ่งในตอนนี้เราไม่เสียใจเลย แต่กลับรู้สึกดีใจและซึ้งใจด้วยซ้ำ ที่ทุกท่านต่างเข้ามาเล่า มาแชร์ มาแนะนำ และให้กำลังใจขนาดนี้


ในตอนนี้เราได้รับแนวทางของทุกท่านและคิดแนวที่จะประยุกต์ใช้กับตนเองเรียบร้อยแล้วค่ะ ขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งนะคะ แม้เราจะไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ไม่เคยเห็นหน้ากัน แต่เรากลับได้รับกำลังใจมากมายขนาดนี้


ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งนะคะ

0
Hello 24 ก.ค. 61 เวลา 21:37 น. 16

ความรู้สึกเดียวกันค่ะ... แต่พอเราไปตรวจสภาพจิตดันอยู่ในอาการโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรง พน.ก็ไปรพพอดีเลยจะไปหาหมอ .........บางทีก็รู้สึเหนื่อยและท้อมากๆ บางทีเรื่องที่สนุกก็แต่งไปได้ไม่ทันไรก็อยากร้องไห้ออกมา มันรู้สึกเศร้ามากๆ ท้อ และตอนนี้มีปัญหาดราม่าของไอดีเราอยู่เรื่องที่เราไปเกรี้ยวกราดใส่นักอ่าน **** ทั้งๆ ที่เราก็รักษาสภาพจิตใจมาเรื่อยๆ ปีที่แล้วก็ดันเข้าห้องแนะแนวเพราะกรีดข้อมือและห่างจากสภาวะลบไปนานแล้ว


ตอนนี้ก็ไม่ได้บอกใครว่าตัวเองเป็นแบบนี้ ทั้งๆที่คุยกับครอบครัวเพื่อนก็ยิ้มแย้มแต่ใจจริงเราเศร้ามาก.. เรื่องการเขียนของเรามันก็เริ่มจะรุนแรง


0
หมูน้อยผู้ฆ่าฉัน 24 ก.ค. 61 เวลา 21:59 น. 17

เป็นกำลังใจให้นะคะ ตอนนี้เผชิญสิ่งเดียวกัน ยอดวิวน้อยเอย ยอดอะไรต่างๆ นาๆ เพราะเหตุช่วงหนึ่ง เราลบนิยายไป คนอ่านเลยหาย พอกู้กลับมาได้ คนยังมาเรื่อยๆ นะ แต่ไม่คึกคักเหมือนเดิม


อันนี้เริ่มหมดกำลังใจล่ะ แต่พอดีอีกเว็บกระแสค่อนข้างดี ใจเลยยังไม่ฝ่อ แต่มาเปิดเด็กดีนี้ ใจหล่นวูบทีเดียว


ยังไงก็สู้ๆ นะคะ อย่าเพิ่งท้อ

0
แมวเหมียวร้องมิวมิว 25 ก.ค. 61 เวลา 21:23 น. 18

เรามีเรื่องจะเล่าให้ฟังค่ะ..น้องที่ทำงานคนหนึ่ง..น้องผู้ชายค่ะ อายุเพิ่งจะ30ปีเท่านั้น..เมื่อวานหมอเพิ่งบอกเขาว่าเขาเป็นมะเร็งที่ตับระยะสุดท้าย..บอกไม่ได้ด้วยว่าเขาจะมีเวลาอยู่ในโลกนี้อีกนานเท่าไหร่..


หดหู่่นะคะตอนที่ได้ฟังเรื่องนี้..แต่มันก็ได้ข้อคิดสำหรับตัวเราข้อหนึ่ง..ปัญหาของเราก็มีค่ะ..แต่เมื่อเทียบกับปัญหาที่น้องคนนี้กำลังเผชิญอยู่ดูเหมือนว่าปัญหาของเราจะเบาไปเลย..


ก็แค่อยากบอกคุณเจ้าของกระทู้ว่า..ตราบเท่าที่คนเรายังมีลมหายใจอยู่..เรายังทำอะไรได้อีกเยอะแยะ..ท้อบ้าง..เฟลบ้างเป็นสิ่งที่ทุกชีวิตต้องเจอค่ะ..มันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่..ตั้งรับกับมันนะคะ..คุณยังมีเวลาเขียนงานดีๆออกมาอีกทั้งชีวิต..แต่น้องคนนั้นไม่มีแล้ว..


เส้นทางนักเขียนก็เป็นแบบนี้เองค่ะ..มันใช้เวลา..ใช้ความอดทน..โดยเฉพาะนักหัดเขียนที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก..ทำมันไปเรื่อยๆค่ะ..แล้วก็คาดหวังให้น้อยลง..อย่าให้ความคาดหวังมาทำลายความสุขในการเขียนของคุณนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

0
shhcbnn 30 ธ.ค. 61 เวลา 15:55 น. 19

เข้าใจนะคะความรู้สึกแบบนี้ ก็อยากเป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนนะคะ งานเขียนนิยายมันเป็นสิ่งที่มอบความสุขให้คนอ่าน แต่อย่าลืมมอบความสุขให้ตัวเองด้วยนะคะ การเขียนนิยายนับเป็นงานอดิเรก ถ้าเราไม่ชอบจริงๆก็คงไม่มาเริ่มเขียนหรอกจริงมั้ย และในเมื่อมันเป็นงานอดิเรก เป็นสิ่งที่เราชอบ เวลาเขียนนิยายก็ควรเป็นสิ่งที่ทำให้เราผ่อนคลาย มีความสุขที่ได้เขียนนะคะ ถ้าเหนื่อยๆก็พักเถอะค่ะ คนอ่านลดลงแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีหรอกนะคะ ยังมีคนบางคนที่ยังตามงานเขียนของเราอยู่ก็ได้ ถ้าการเขียนนิยายทำให้เหนื่อยก็คงจะผิดวัตถุประสงค์ไปเสียหน่อย ยังไงก็สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ เหนื่อยได้พักได้แต่ก็ต้องฮึดสู้นะคะ

0