Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ถ้าเกิดอยากเขียนฟิคอุลตร้าแมนคนใหม่ ผิดไหมครับ จะโดนด่าไหม มีนิยายตัวอย่าง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ราตรีกาลในเมืองชิบุยะ หิมะของฤดูหนาวตกโปรยปรายไปจนสุดสายตา เซโตะ ชายหนุ่มพเนจร สวมเสื้อฮู้ดสีแดง กำลังแสร้งทำก้มหน้า คอยจับตาดูทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบกาย ทั้งภาพผู้คนที่เดินสวนทางขวักไขว่ไปมาบนถนน เสียงเครื่องจากรถยนต์ และกลิ่นหอมๆ ของขนมปังที่ไม่รู้เป็นอะไรถึงมาอบเอาป่านนี้ เขาก้มหน้าลงไปมองกำไลประจำตัว มันคือสปาร์คแบงเกิล (Spark Bangle) นั่นเอง

'ในที่สุด พวกมันก็สร้างรอยแยกให้มิติผนึกได้แล้วสินะ' เขาคิด หมัดขวาเปลี่ยนมากำแน่น จากนั้นก็เดินกลืนหายไปในมุมอับของสังคมเมือง

ครึ่งชั่วโมงให้หลัง บนท้องฟ้าเริ่มคลุ้มคลั่ง เมฆสีดำปรากฏขึ้นมารวมตัวกันโดยไม่ทราบสาเหตุ เสียงฟ้าผ่าคำรามขึ้นจนเหมือนโลกสั่นสะท้าน มนุษย์ทุกคนแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า ตอนนี้เอง รอยแตกสีแดงก็เกิดขึ้นและขยายออกเป็นประตูมิติขนาดยักษ์ นั่นเองจุดที่ทำให้มวลมนุษย์ที่ขลาดกลัวเลือกจะวิ่งหนี

"ก๊าซ!!!" เพลิงทำลายล้างพุ่งออกมาจากจุดนั้น ทำลายตึกรามบ้านช่องในรัศมีของมันให้พินาศสิ้น พร้อมกับการโผล่มาของสิ่งมีชีวิตลึกลับขนาดมหึมา

ลำตัวของมันคล้ายกับไดโนเสาร์ ยืนสองขา สีดำ มีปีก เหมือนกันกับมังกร เจ้านั่นกระโดดลงมาจากรอยแยกพร้อมส่งเสียงคำราม

"มาแล้วสินะ" ชายพเนจรรำพึง เลิกฮู้ดออกจากศีรษะ เผยให้เห็นผมสีดำ แม้ใบหน้าดูจะให้ลุคสดใส แต่เจ้าตัวกลับนิ่งเฉย ชูแขนข้างที่ใส่กำไลสีทองตัดสีแดงและฟ้าออกมา แสงก็พลันสว่างขึ้น

"สปาร์ค!!!"

อนุภาคแสงสีฟ้าสว่างวาบขึ้นมาท่ามกลางความวุ่นวาย ก่อนจะรวมตัวกันและเผยให้เห็นร่างที่แท้จริง

นักรบอุลตร้าร่างสีแดง แผงอกกว้างกับคัลเลอร์ไทม์เมอร์และต้นแขนขวาอันเป็นตำแหน่งของกำไลมีสีทอง ทั่วร่างมีสีแดงเป็นหลัก บ่งบอกถึงสายเลือดของนักรบ ตัดสลับกับลายสีทองและฟ้าบนเรือนกาย ด้วยดวงตาสีเหลืองอมส้ม ใบหน้านั้นแน่วแน่และมุ่งมั่นนั้นทำให้รู้ได้ทันทีว่าเขาเกิดมาเป็น 'อุลตร้าแมน'

"โลกนี้น่ะ ฉันไม่ให้แตะหรอก!" พูดจบก็ตั้งท่าต่อสู้ ทะยานร่างวิ่งออกไปทันที

เจ้าปีศาจคำราม พุ่งเข้าไปปะทะกับอุลตร้าแมน ทว่าอีกฝ่ายก็ใช้แขนทั้งสองข้างจับมันไว้ แล้วกึ่งวิ่งกึ่งดันมันออกไปจนพ้นจากเขตตึกระยะหนึ่ง จากนั้นก็ซัดกำปั้นหนักๆ ใส่เบ้าหน้าของปีศาจอย่างไม่หยุดยั้ง ประหนึ่งจะแทนมันเป็นกระสอบทราย

กระบวนท่านักเลงยังคงดำเนินต่อไป อุลตร้าแมนเตะต่อยเจ้าสัตว์ประหลาดอย่างทารุณ ซ้ำยังดึงเข้ามาสลับตีเข่า แถมด้วยใช้หัวโขกเป็นการปิดท้าย นี่ถ้าผลักมันลงไปกระทืบซ้ำด้วยล่ะก็ คงไม่รู้จะบอกว่ามาเป็นฮีโร่หรือฆาตกรกันแน่

ในที่สุดก็มีช่องโหว่ เจ้าปีศาจใช้จังหวะที่อุลตร้าแมนกำลังใช้สองมือจับตัวของมันพ่นไฟอัดหน้ามนุษย์ยักษ์แห่งแสง

สปาร์คถอนมือออกมากุมใบหน้าของตนอย่างเจ็บปวด เซถอยหลังไปสองก้าว ไม่นาน สัตว์ประหลาดก็เริ่มเอาคืนด้วยการใช้แขนสั้นๆ ของปัดอุลตร้าแมนออกไปให้พ้นทาง จากนั้นก็ก้มลงไปยกขาทั้งสองมนุษย์ยักษ์เพื่อจับเหวี่ยงออกไป

"เอื้อก!" อุลตร้าแมนแค่นเสียง พลิกร่างขึ้นมา ตั้งหลักก่อนที่มันจะเข้ามาซ้ำอีกสักรอบสองรอบ มือทั้งสองดันพื้นเพื่อยกตัวเองอย่างรวดเร็ว

สปาร์คเปลี่ยนมายืนตรง ขาทั้งสองกางอย่างสง่างาม พลางยกแขนขวาขึ้นสูงเทียมหู และลดระดับมาไขว้กันกับแขนซ้าย รวบรวมพลังกว่าครึ่งมาไว้ที่หัวใจ อนุภาคแสงสีเหลืองทองเริ่มรวมเป็นกระแสบริเวณแผงอก จากนั้นก็เคลื่อนย้ายไปที่บริเวณสปาร์ค แบงเกิล

"สปาร์ค อิมแพ็ค!!" คลื่นลำแสงสีทองสว่าง แฝงประกายสายฟ้าพุ่งออกมาปะทะกับใบหน้าของปีศาจ พลังทำลายที่รุนแรงแทรกซึมไปทั่วร่างจนเกินจะหยุดยั้ง สปาร์ครีดเค้นพลังภายในออกมาอีก ครั้งนี้ทำให้คลื่นลำแสงใหญ่ขึ้นจนพุ่งออกมาตั้งแต่ข้อศอก "เอาไปอีก!!!"

เมื่อคลื่นลำแสงหยุดลง ร่างของเจ้าปีศาจก็กระตุกเกร็ง คุกเข่าและล้มลงไปนอนตามลำดับ จากนั้นก็ระเบิดออกต่อหน้าต่อตาชาวเมืองใจกล้าที่แอบดูอยู่

ร่างของสูงใหญ่ของสปาร์คกลายเป็นแสงหายไป แต่น่าแปลกที่ไม่มีร่างของชายพเนจรอยู่ตรงนั้น เหมือนกับลมหอบเมื่อครู่ได้พาร่างของเขาไปแล้ว

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น

white cane 29 ก.ย. 61 เวลา 18:25 น. 1

ก็เขียนไปสิ หรือจะเอาอุลตราแมนสายพันธุ์ใหม่นี้ก็ได้


ท่ามกลางดึงสงัด กลุ่มชายหนุ่มผู้คลั่งไคล้การ์ตูนชาวญี่ปุ่นสิบคน วันนี้พวกเขามาเที่ยวเมืองไทยครั้งแรก


ขณะคนนำเที่ยวชี้มือชี้ไม้พร้อมบรรยายความสวยงามของหิ่งห้อยยามค่ำคืน ดวงตาตวัดไปทางกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ชี้มือชี้ไม้ไปอีกฝั่ง พร้อมพูดว่า อุลตราแมน อุลตราแมน


และทันทีที่เขาหันไปมองทิศทางนั้น ผมบนหัวถึงกับลุกชี้ตั้ง เพราะภาพที่เห็นคือผู้หญิงที่มีแต่หัวกับไส้ กำลังลอยเข้ามาใกล้ ขณะเดียวกันเขาได้ยินคำพูดของนักท่องเที่ยวคนหนึ่งพูดว่า "ดูสิ แสงอุลตรากะพริบเป็นสีแดงวาบๆ แล้ว สงสัยเธอกำลังจะหมดพลังแน่ๆ"

1