มีใครเคยคิดบ้างไหมคะ ว่าเราเขียนนิยายได้ดีแล้ว แต่มันยังไม่ดีพอสำหรับเราบ้างคะ
ตั้งกระทู้ใหม่
เรารู้สึกว่ายังเขียนนิยายไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่น่ะค่ะ เลยเกิดอาการ ดองบ้าง บางทีเราก็มีพล็อตเรื่องอยู่ในหัวแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมเขียนออกมาเลยค่ะ เราควรจะทำยังไงดีคะ เราคิดเนื้อเรื่องเอาไว้แล้ว แต่ก็ยังไม่เขียนมันออกมา เพราะเรารู้สึกว่ามันดีพอไหม แล้วยังต้องมีการปรับเปลียนอะไรบ้าง ยังรู้สึกลังเลอยู่เหมือนกันค่ะ ว่าจะเขียนลงไปดีไหมน่ะค่ะ
ช่วยแนะนำให้ทีค่ะ
9 ความคิดเห็น
ผมมีอารมณ์ประมาณนี้เหมือนกัน เขียนไป และก็ปรับแก้ไปเรื่อยๆ และก็คิดว่ายังไม่ดีพอสักที และก็เขียนแก้จนคิดว่ามันดีกว่าเก่า วนลูบ ที่ผ่านมาทำให้รู้ว่า ไม่มีอะไรสมบูรณ์ดี 100% เพราะงานเขียนไม่มีสิ่งที่สิ้นสุดในการปรับแก้ไข เมื่อวันเวลาผ่านไปจนความคิดของเราผุดสิ่งที่ดีและเติมเต็มนิยายได้มากขึ้น แล้วมันจะวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อเราแก้ไขมันให้ดีขึ้น ดีขึ้น ดีขึ้นตลอด ฉะนั้นคงต้องหาจุดที่คิดว่าพอสักทีกับตอนนั้นๆ โดยคิดว่าเราจะพอแล้วนะ นี่จะเป็นการแก้ครั้งสุดท้ายแล้ว เพราะถ้าวันใดวันหนึ่งข้างหน้าเราจิตนาการถึงตอนนี้ได้มากขึ้นอีก มันก็จะวนกลับไปแก้ไขอีก
เป็นกำลังใจให้นะคะ
เราเขียนแล้วก็แก้ อ่านแล้วก็แก้ อ่านอีกแล้วก็แก้ ถึงจะพอใจแล้ววันรุ่งขึ้นเอามาอ่านใหม่ไม่พอใจแก้อีก
แก้เท่าไรก็ไม่เคยพอใจ
แก้อย่างบ้าคลั้งแต่เอาให้คนอื่นอ่านกลับไม่มีผลตอบรับ
ไปอ่านนิยายคนอื่นเขาทำได้ดีกว่าทั้งที่เขียนถึงเหตุการณ์เดียวกัน
สภาวะทุ่มเทลงไปแล้วไม่ได้ผลตอบรับที่ดีพอเรียกว่าจิตตก แล้วก็จะรู้สึกว่าเราความสามารถไม่ถึงเขียนต่อไม่ได้ เลิกเขียนเถอะเปลืองไฟ เปลืองกระดาษ
ตัวผมจะเป็นอย่างที่เล่ามา เขียนต่อไม่ได้จริง ๆ แต่จะบังคับตัวเองให้คิดเรื่องราวนั้น ๆ อยู่ตลอดเวลา คิดจนความรู้สึกอยากเขียนต่อกลับมาแล้วก็จะเขียนต่อได้ วน ๆ แบบนี้ไปตามสภาพจิตใจและร่างกาย
สรุปคือผมจะคิดถึงเรื่องที่เขียนอยู่เพื่อให้เกิดความรู้สึกอยากเขียนขึ้นมาใหม่จนทนไม่ไหวเกิดความอยากเล่าเรื่องต้องเขียนต่อ
ก็มีอยู่บ้างกับอาการไม่พอใจในการเขียนของตัวเอง ก็เลยมักจะติดนิสัยเขียนเสร็จแล้วต้องอ่านทวนซ้ำไปซ้ำมาถ้ายังรู้สึกว่าไม่ใช่แบบที่ต้องการก็จะยังไม่ลงให้อ่าน อาจจะลงช้าบ้างอะไรบ้างแต่ก็ยังเขียนต่อไปเรื่อย ๆ
มันสำคัญที่แก้เรื่องอะไรน่ะครับ
ถ้าแก้เรื่องสำนวน วิธีการเล่า การเน้นรายละเอียด มันแก้ได้ไม่มีวันสิ้นสุดครับ (ปัญหานี้มันอยู่ที่ความพอใจในตอนนั้นล้วน ๆ )
ส่วนถ้าแก้เนื้อหาแก้พล็อตมันขึ้นอยู่กับการวางแผนของเราครับ ถ้าต้องแก้พล็อตแก้เนื้อหาบ่อย ๆ อันนี้มีปัญหาเรื่องการวางแผนชีวิต เอ๊ย! วางแผนการเขียนครับ
ขอบคุณค่ะ
เป็นบ้างค่ะ แต่เราคิดว่าเราพยายามเลือกอันที่เขียนได้ดีที่สุดลงไปค่ะ เราคิดว่าตอนนี้อาจจะยังไม่ดีพอ เดี๋ยวอนาคตค่อยรีไรต์ใหม่ก็ได้ค่ะ
ตอนนี้ย้อนกลับไปอ่านตอนเก่าๆ เพื่อเขียนภาคสองก็อายม้วนอยู่ว่าตอนนั้นเขียนอะไรแบบนี้ไปได้ไงอยู่
ขอบคุณนะคะ
เป็นปกติครับ เพราะอะไรที่คิดไว้ กับเวลาลงมือทำจนเกิดผลมันไม่ได้อย่างที่ใจต้องการเป๊ะๆ 100% หรอกครับ
ทำออกมารู้สึกว่าใกล้เคียงสุดก็แค่ 80-90% ของความพอใจเท่านั้น
คิดบ้างไม่คิดบ้าง แต่ถ้าวาดรูปจะคิดหนัก ฮืออ คงเพราะเวลาแต่งนิยายผมชอบฟังเพลงมันเลยคิดแต่เสียงกับนิยาย เรื่องดีรึไม่เลยไม่อยู่ในสมองอะครับ
ถ้าขืนรอมันดีพอ มันจะไม่ได้เขียนเอานา
คนเราเปลี่ยนใจตลอดเวลาค่ะ เขียนคำนี้ลงไป ไม่ถึงสิบวินาทีย้อนกลับมาอ่านใหม่ก็อยากแก้แล้ว มันไม่มีทางดีพอแน่นอน ยกเว้นสามารถหยุดเวลาได้ เพราะสิ่งที่ลงมือเขียนคือ ความพอใจสูงสุด ณ วินาทีนั้นแล้ว
ที่จริงเราอยากแนะนำว่าให้เขียนออกมาเถอะ เพราะมันจะมีกรณีที่พล็อตดีงามพระรามแปดในตอนนี้ (เพียงแต่ตัวเองไม่มั่นใจในตัวเอง) แต่พอนานไป เมื่อเราโตขึ้น เราพบว่าพล็อตเดิมนั้นมันอ่อนไปแล้ว เพราะประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น สิ่งที่ดีที่สุดในช่วงชีวิตหนึ่งของเรา แต่เราพลาดที่จะทำมันเสียแล้ว ไม่อยากให้เสียใจน่ะค่ะ
แต่ใช่ว่าจะไม่เคยมีที่เราทิ้งมันไว้เพราะว่ามันไม่ดีพอนะคะ ที่จริงต้องบอกว่า พล็อตน่ะดีพอ แต่ฝีมือน่ะ ไม่ดีพอค่ะ มีอยู่เรื่องสองเรื่องที่เป็นแบบนั้น แต่นั่นเป็นโปรเจ็กต์ระดับช้างของเรา มันมีความคิดเห็นบางอย่างทีเราในตอนนั้นมือไม่ถึงที่จะเขียนออกมา เขียนไปได้ครึ่งค่อนเรื่องจำต้องหยุดเพราะเรื่องมันควรดีกว่านี้ เราในตอนนี้ประสบการณ์อ่อนไป ทิ้งไว้ห้าปี (อีกเรื่องเข้าสู่ปีที่หก) ค่อยย้อนกลับมาเขียนอีกทีหนึ่ง (ซึ่งเขียนจบไปแล้ว ส่วนอีกเรื่องก็ใกล้เต็มที)
เราไม่รู้ว่าคุณจขกท จะเป็นแบบไหน แต่ยังไงเขียนออกมาก่อนดีกว่า เดี๋ยวก็รู้เองว่าเข้าข่ายไหนค่ะ ต่อให้มันล้มเหลว ไปต่อหรือตันในตอนนี้ ใช่ว่าอนาคตเราจะไม่มีโอกาสเขียนมันให้สำเร็จนี่คะ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ^3^
อย่ากลัวที่จะเขียนออกมาครับ
ยิ่งเขียน ตัวเราก็ยิ่งพัฒนาครับ ไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน
ถ้ามัวแต่กลัว สุดท้ายตัวเรานั่นเองล่ะครับ ที่จะไปไม่ถึงฝันสักที
ไม่เฉพาะการเขียนนิยายหรอก
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ก็เช่นกัน
ยิ่งทำบ่อย ก็ยิ่งเรียนรู้ ยิ่งเกิดการพัฒนา
ไม่มีใครเก่งตั้งแต่เกิดครับ
แต่ใครจะไปได้ไกลแค่ไหน ก็อยู่ที่ว่าคนๆ นั้นหมั่นฝึกฝน และขัดเกลาตัวเองมากเพียงใด แค่นั้นเอง
ขอบคุณคร้าา
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?