Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

มาหาแรงจูงใจในการเขียนนิยายกัน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ปัญหาใหญ่ของการเขียนนิยายคือแรงจูงใจในการเขียน หากว่านิยายที่เราจะเขียนนั้นมีแรงจูงใจให้เราเขียนไม่มากพอ ผลที่จะเกิดขึ้น คือ เราจะเขียนเรื่องนั้นไม่จบ หรือว่าจะจบแบบพยายามอย่างยิ่งยวด แรงจูงใจอาจจะหมายถึงความคิดของนักเขียนที่เป็นแก่นของเรื่องก็ได้


ทำไมจะเราจะต้องมาว่ากันด้วยเรื่องแรงจูงใจ เหตุผลคือแรงจูงใจเหมือนแหล่งพลังงานในการทำงานที่อยากจะเขียนนิยายที่จะสื่อสารออกมาให้จบ มันเป็นทั้งระเบิดก็ได้ ให้สังเกตว่าหากนิยายที่คนเขียนไม่ได้มีแรงจูงใจในการเขียน อ่านไปเรื่อย ๆ มันจะแค่รู้สึกสนุกแต่มันไม่ได้ทิ้งความประทับใจเอาไว้หลังอ่านจบหรือว่าดูหนังจบไป

วิธีการสร้างแรงจูงใจทำกันแบบไหน ขอบอกเอาไว้อก่อนว่าเขียนออกมาจากประสบการณ์ขอตัวเองในช่วงหนึ่งปีครึ่งที่มาเป็นนักหัดเขียนนิยาย ดังนั้นใครมีทฤษฎีมาเสริมกันได้


1. มันผุดขึ้นมาในสมองและค้างคาในอารมณ์แบบไม่ยอมหลุดออกไปจากหัวจนกว่าจะเขียน plot ออกมาให้จบกันไปก่อนสักหนึ่งร่าง อันนี้เกิดขึ้นได้จริง เป็นอารมณ์จากจินตนาการสุดๆที่อยากอธิบายออกมา

2. ดูหนัง ฟังเพลง หรืออ่านหนังสือที่ชอบมาแล้ว จินตนาการตามไปแล้ว แบบว่ามันจบไม่ได้ดั่งใจ เวลาเจอนิยายที่ชอบ หนังที่ใช่ แต่จบแบบว่าอะนะไม่ใช่อย่างที่ชอบ เคยขอยืมโครงสร้างเรื่องมาทำเป็นนิยายของตัวเองและเขียนแบบว่าเปลี่ยนจากคอมเมดี้เป็นเมโลดราม่าแบบที่ชอบไปเลย

3. เริ่มจากตัวละครก่อน แรงจูงใจข้อที่ 3 ใช้บ่อยขึ้นในนิยายช่วงหลังๆ มันเป็นอารมณ์ที่เหมือนเรารู้จักกับตัวละครตัวนี้ดี รู้จักกันมายาวนาน รู้เรื่องของเขาทุกเรื่องจนอยากเอามาเล่าผ่ามุมมองของเรา เวลาเริ่มจากตัวละครเป็นแรงจูงใจนั้น คนเขียนต้องเข้าใจนิสัยตัวละครของตัวเองตั้งแต่เกิดจนโตเลย เวลาเขียนไปแล้วเจอ turning point ของพวกเขา เหมือนเห็นตัวละครเติบโตเรียนจบ ส่วนตัวชอบวิธีการแบบที่ 3 เพราะตัวละครจะมีบทพูดของเขามาเอง เหมือนเป็นแค่คนดูชีวิตของเขาแล้วหยิบมาเล่าเป็นตัวอักษรเท่านั้น

4. เริ่มจากประสบการณ์ชีวิตของตัวเอง อันนี้ก็ใช้บ่อย โดยเฉพาะเอามาใส่ไปในการพัฒนาฉากในนิยาย มักจะใช้ฉากการไปเที่ยว การไปทำงานในที่แปลก หรือประสบการณ์ที่ได้ไปทำงานแปลกๆ แรงจูงใจจากการทำงานของตัวเอง เวลามาเขียนมันได้อารมณ์จริงอีกแบบหนึ่งไปด้วยนะคะ

หลังจากสร้างแรงจูงใจในการเขียนให้ให้ตนเองเสร็จจะเอามาทำโครงเรื่องคร่าวๆ ออกมา พร้อมกับไปทำการบ้านส่วนของฉากโดยการหาข้อมูลกันด้วยนะคะ อันนี้ใช้ google ช่วยได้  

วิธีการทำโครงเรื่องมักจะใช้หลัก 3C คือ ต้น กลาง ปลาย เป็นหลัก แต่เพิ่งมาเข้าใจว่ามันเป็นต้นกลางปลายตอนแอบไปเรียนหัดเขียนบทโทรทัศน์มานะคะ ด้วยความว่าอยากรู้ว่ามืออาชีพทำงานกันยังไงเลยไปหาหลักสูตรเรียนมาสองวัน ได้ประสบการณ์มาประดับในสมองกันเล็กน้อย

การใช้หลักทำโครงเรื่องสำคัญแต่วิธีการเขียนเรื่องให้สนุกจะอยู่ที่การนำเสนอลำดับของเรื่องด้วยนะคะ อันนี้จะเป็นเทคนิคเฉพาะของนักเขียน แอบเรียกว่าการผูกปม ยิ่งผูกปมเอาไว้ให้คนอ่านตามไปได้เรื่อย ๆ จนจบ แนวการเขียนแบบสลับ timeline ก็สนุกดีเอาไว้จะมาอธิบายไปเรื่อย ๆ นะคะ ภาษาเทคนิคไม่มีนะคะ เอาแบบที่เขียนจริงไปเลย

สุดท้าย เพื่อนนักเขียนที่อ่านบทความนี้แล้วเห็นว่ามีประโยชน์ ทางนี้อยากให้ทดลองสร้าง theme ขึ้นมาที่คิดว่ามันแรงกับจิตใจและลองเขียนนิยายกันดูนะคะ

ใครมีวิธีการสร้างแรงจูงใจในการเขียนนิยายกันแบบไหนมาเล่าสู่กันฟังได้นะคะ

ขอบคุณค่ะ

Glory Glacier
 
 

แสดงความคิดเห็น

>

5 ความคิดเห็น

Miran/Licht 1 ธ.ค. 61 เวลา 16:47 น. 1

ดิฉันหลอนกับการเขียน procedure & work instruction ของบริษัทมากจนมาเขียนออกมาได้แบบนี้แหละค่ะ


https://image.dek-d.com/27/0060/1867/127904385https://image.dek-d.com/27/0060/1867/127904386https://image.dek-d.com/27/0060/1867/127904387


แต่เดี๋ยวจะปรับแก้อีกตามวัตถุประสงค์ กับบางข้อที่ไม่ค่อยสอดคล้องกับงานเขียนเท่าไร WI ก็ยังเขียนไม่เสร็จดี


https://image.dek-d.com/27/0060/1867/127904672

2
Glory Glacier 1 ธ.ค. 61 เวลา 16:52 น. 1-1

ไปแอบอ่านในบทความของคุณมาแล้วนะคะ นับถือมากเลยนะคะ ทางนี้เป็นสายนักวิจัย เวลาเขียนนิยายทีไรไปแนวทำ method ยกร่าง proposal ก่อนทุกทีเลยนะคะ ไม่ถนัด ISO เอาเสียเลย

0
Miran/Licht 1 ธ.ค. 61 เวลา 17:00 น. 1-2

จริงๆ Job description หลักเราคือ R&D (เคมี) ค่ะ แต่ด้วยความที่เราเพิ่งอบรมและสอบจป.ผ่านมาด้วยก็เลยถูกดึงมาทำเอกสาร ISO นี่แหละค่ะ

0
Miran/Licht 1 ธ.ค. 61 เวลา 18:02 น. 2-1

เราขอไทม์แมชชีนไปดูตอนเขียนเสร็จเลย หรือไม่ก็ขอสเมิฟ์มาเลี้ยงสักโขยงค่ะ

0
Glory Glacier 1 ธ.ค. 61 เวลา 18:15 น. 2-2

ชอบห้องกาลเวลา อยากได้เวลาเพิ่มไม่จำกัดจัง ขอยาวิเศษกินด้วยได้ไหม เอาแบบไม่เหนื่อยด้วยอะ

0
หลับปุ๋ย` 1 ธ.ค. 61 เวลา 18:34 น. 3

แรงจูงใจเหรอครับ


เอาจริงๆ ตอนนี้ผมไม่มีเลย แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างและเวลาที่จำกัด จึงต้องแต่งนิยายให้จบโดยเร็วครับ สำหรับสภาพตอนนี้ก็


https://image.dek-d.com/27/0127/4821/127916706

0
เมษ มาร์ส 2 ธ.ค. 61 เวลา 04:50 น. 4

วิธีสร้างแรงจูงใจคือการอ่านและเขียนบทละครเวทีค่ะ ฟังเพลงก็ช่วยได้เหมือนกัน


สิ่งที่ทำให้เราอยากหัดเขียนนิยายตั้งแต่แรก ก็เพราะเคยเข้าเรียนคลาสละครเวทีคลาสหนึ่ง

โปรเฟสเซอร์ให้เขียนบทละครเวทีง่ายๆแบบ 5 act structure

เราชอบมากค่ะ แม้จะชอบกำกับการแสดงมากกว่าก็ตาม

ทุกวันนี้ นอกจากจะหัดเขียนนิยายภาษาไทยลงเว็บและเขียนบางเรื่องไว้อ่านเองแล้ว

เรายังฝึกเขียนบทละครเวทีเป็นภาษาอังกฤษเล่นๆอยู่


4
Miran/Licht 2 ธ.ค. 61 เวลา 06:02 น. 4-1

เขียนบทละครน่าสนใจดีนะคะ เราว่าจะหัดเขียนสตอรี่บอร์ดอยู่ บทละครก็น่าสนแต่ไว้ว่างจากการเขียนนิยายก่อนนะ (ฮา)

0
เมษ มาร์ส 2 ธ.ค. 61 เวลา 07:31 น. 4-2

ลองเขียนดูค่ะคุณ Miran สนุกดีเหมือนกัน :)


และเรารู้สึกว่า การเขียนบทละคร มันช่วยตีกรอบให้เราไม่ออกทะเล (มากเกินไป 555) เวลานำเทคนิคมาปรับใช้กับการเขียนนิยายค่ะ

0
Miran/Licht 2 ธ.ค. 61 เวลา 07:38 น. 4-3

เราชอบอ่านบทสัมภาษณ์นักเขียนบทนะคะ ได้ทริคหลายอย่างดี

0
Glory Glacier 2 ธ.ค. 61 เวลา 08:52 น. 4-4

เพิ่งไปลงเรียนเขียนบทละครโทรทัศน์มานะคะ เอามาประยุกต์ใช้อยู่ รู้สึกเรื่องมันนิ่งไม่ออกทะเลนี้ ที่สำคัญแก้อาการตันได้ด้วย ดีมากเลย

0
penguin-p 2 ธ.ค. 61 เวลา 08:05 น. 5

แรงจูงใจคือ 'เกลียดพวกดอง พวกลอยแพ' เลยหันมาแต่งเองซะเลย


ซึ่งเมื่อแรงจูงใจแรกเริ่มเป็นอย่างนี้ศักดิ์ศรีก็ค้ำคอจนต้องถีบตัวเองให้เขียนจนจบครับ

0