Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

โฮโมโฟเบียอาจไม่เหมาะแก่การมีลูก

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
จั่วหัวมาแบบนี้ก็ทำใจว่าจะโดนด่าอยู่แล้วหละ อาจจะโดนมองว่าสิทธิของเขาไปยุ่งอะไร อาจจะโดนหาว่ายกหาง LGBT มากเกินไป ตัดสิทธิการให้กำเนิด ฯลฯ 

แต่ผมกลับมองว่าทำไมคนกลุ่มนี้ไม่เหมาะ ก็เพราะว่าอนาคตไม่ใช่สิ่งแน่นอน ไม่มีหลักประกันที่แน่นอนว่าภายภาคหน้าลูกของคุณจะเบี่ยงเบนทางเพศหรือไม่ หากมีอาการควรรักษาให้หายขาดเสียก่อน เหมือนกรณีรณรงค์พวกสิงห์อมควันชอบดูดบุหรี่ให้เลิกบุหรี่หากจะมีลูกเพราะมลพิษต่อระบบหายใจของเด็กอ่อน เช่นกัน การเลิกโฮโมโฟเบียก่อนมีลูกก็เพื่อลดมลพิษทางจิตใจนั่นเอง

ก่อนที่จะมองว่าเป็นสิทธิของเขา ลองนึกถึงกรณีแบบหนังเรื่อง เมมโมรี่รักหลอน เรื่องก็ประมาณว่านางเอก คืออิงอร เกลียดผู้ชายมากๆ เพราะโดนพ่อข่มขืน เธอมีลูกสาว(เกิดจากการโดนข่มขืนโดยพ่อ) เธอสอนว่าผู้ชายทุกคนไม่ดี แต่จริงๆแล้วลูกสาวของเธอที่เห็นเป็นผู้ชาย แต่เพราะความเกลียดผู้ชายเธอเลยบังคับจับแต่งหญิง 

ถ้ามองในทางกลับกัน อาการโฮโมโฟเบียของชายแท้หญิงแท้ก็ไม่ต่างกับอาการเกลียดผู้ชายของอิงอรในหนังเรื่องนี้เลย โอเคว่าถ้าครองตัวเป็นโสดอาจไม่ส่งผลกระทบมาก หากแต่พวกเขามีลูก ผลตกที่ลูกแน่ๆ คนเป็นลูกจะตกนรกมากที่สุด เพราะต้องมารับเคราะห์จากอาการของพ่อแม่ที่เป็นแบบนี้ โดนบังคับให้ทำตามในสิ่งที่ไม่ใช่ตนเอง สุดท้ายก็ต้องถูกบังคับให้แต่งงานกับเพศตรงข้าม แน่นอนว่าขีดความอดทนของคนเรามีขีดจำกัด ถ้าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ หลายครั้งที่เกย์หรือเลสเบี้ยนโดนบังคับจับแต่งงานกับเพศตรงข้าม

แล้วชีวิตหลังแต่งงานก็แอบไปเล่นป่า เล่นสวนดอกไม้เดียวกันกับคู่ขา แน่นอนว่าผู้ที่จะได้รับผลกระทบต่อไปก็คือคู่ครองที่โดนย้อมแมวขาย ถ้ารู้ตั้งแต่ไม่กี่ปียังพอว่า อย่างมากก็อายบ้างโดนนินทาบ้าง(ถือว่าหนักอยู่ดี) แต่ก็มีโอกาสได้ไปเริ่มต้นใหม่ได้บ้าง หากแต่ถ้ามารู้ตอนอายุเยอะแล้วทุกข์หนัก เริ่มต้นใหม่กับคนอื่นก็ยาก แถมเสียความรู้สึกหนักถ้ารู้ว่าโดนหลอกมานาน ยิ่งถ้ามีลูก(จำใจมีเพราะหน้าที่)ทุกข์ก็ตกไปที่ลูกอีก 

ไม่ใช่เท่านั้น หลายคนอาจต้องอยู่อย่างหมาหัวเน่าคนหนึ่งไปเลย ทำดี เรียนเก่ง พ่อหรือแม่ก็ไม่เห็นความดี หันไปเอาอกเอาใจพี่น้องที่เพศสภาพปกติอย่างเดียว บางคนกว่าพ่อแม่(ที่เป็นโฮโมโฟเบีย)จะเห็นหัวหรือเปิดใจ(ซึ่งก็ต้อยทะยอย ระดับความนานแต่ละคนไม่เท่ากัน)ก็คือวันที่หัวใจแตกสลายจนแก้ไขยากไปแล้ว หรืออาจจะปลิดชีวิตตนเองทิ้งไปแล้วก็ได้ 

การมีลูกนั้นคุณต้องเสียสละมากกว่าที่คิด การมีลูกไม่ใช่การรับสมัครพนักงานที่จะมากำหนดเงื่อนไขเกินจำเป็น(เงื่อนไขจำเป็นคือการเป็นคนจิตใจดี ไฝ่รู่ไฝ่เรียน ใช้ชีวิตเป็น) เพราะถ้าแค่เพศสภาพของลูกยังตั้งเงื่อนไข ก็คิดไม่ถึงนะว่าจะมีเงื่อนไขฟุ่มเฟือยอะไรตามมาอีก

แสดงความคิดเห็น

4 ความคิดเห็น

peiNing Zheng 23 ส.ค. 62 เวลา 10:57 น. 4

เราว่าเป็นวิธีคิดที่คล้ายกับ คนจนอาจไม่เหมาะกับการมีลูก เพราะสภาพทางเศรษฐกิจอาจทำให้เด็กที่โตมามีปัญหา สารอาหารไม่เพียงพอ พ่อแม่หาเช้ากินค่ำไม่มีเวลาดูแลเด็ก การอบรมอาจบกพร่อง ความเครียดและกดดันในครอบครัวอาจเป็นเหตุให้เด็กะครียดและกดดันตาม มีโอกาสเกิดความรุนแรงในครอบครัวสูง ฯลฯ


หรือเปลี่ยนจาก ‘คนจน’ เป็น ‘คนพิการ’ เป็น ‘เด็กแว้น’ หรืออะไรก็ตามที่มีความเสี่ยงให้เด็กที่เกิดมามีปัญหา


แต่ในสังคม ไม่ใช่ว่าครอบครัวที่ยากจนจะทำให้เด็กมีชีวิตบัดซบ เด็กแว้นบางคนพอมีลูกนี่รักลูกยิ่งกว่าชีวิต แม้ว่าเปอร์เซนต์ที่เกิดขึ้นจะน้อยแต่ใช่ว่าไม่มี


เช่นเดียวกัน ไม่มีอะไรรับประกันว่าพ่อแม่ที่ไม่ได้เป็นโฮโมโฟเบียจะไม่ใช้ความรุนแรงกับลูก ไม่ว่าลูกจะเป็นเพศที่สามหรือไม่ และไม่มีอะไรรับประกันว่าพ่อแม่ที่เป็นโฮโมโฟเบียจะใช้ความรุนแรงกับลูกเสมอไป


ลูกเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกค่ะ คนที่เกลียดเด็กอย่างยิ่งแต่เมื่อมีลูกก็สามารถรักและทุ่มเทให้กับลูกได้หมด ถามแต่ละคนที่เกลียดเด็กต่างบอกกันว่า ตอนนี้ก็ยังเกลียดเด็ก แต่กับลูกของตัวเองมันไม่เหมือนกัน


สรุป อย่างที่คุณจขกท ออกตัวตั้งแต่แรกแหละค่ะ เป็นสิทธิ์ของคนที่จะมีลูก ไม่ว่าพวกเขาจะยากดีมีจนยังไง จะพร้อมหรือไม่พร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจ 


สิ่งที่เกิดในครอบครัวมันไม่ได้ 1 + 1 = 2 ตลอดเวลา คนที่เป็นโฮโมโฟเบีย = ทำร้ายลูกที่เป็น LGBT มันไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป จิตใจและกรอบความคิดของมนุษย์ไม่ได้เรียบง่ายขนาดนั้น


ถ้าคุณจขกท โตขึ้น พบเจอผู้คนที่หลากหลายขึ้น อยู่ในวัยที่มีครอบครัวแล้ว เมื่อย้อนกลับมาดูกระทู้นี้อีกครั้ง คงจะมีความเห็นที่แตกต่างออกไปอีกก็เป็นได้

4
เกย์อักษรฯเอกปรัชญา 23 ส.ค. 62 เวลา 12:50 น. 4-1

เรามีความคิดที่อาจจะอยู่คนละฝั่งกับคุณ อย่างไรก็ตาม เราลองมาสำรวจเหตุผลของกันและกันดูดีกว่าไหม เผื่อเหตุผลของคุณมีน้ำหนักมากกว่าเหตุผลของเรา เราอาจจะคล้อยตามสิ่งที่คุณเชื่อก็เป็นได้

ถึงแม้เราจะเห็นด้วยกับเหตุผลสนับสนุนการไม่มีลูกที่ว่าคนเป็นโฮโมโฟเบียไม่ควรมีลูก แต่อันที่จริงแล้วสำหรับเรา มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะยากดีมีจนไม่ควรมีลูกกันทั้งนั้นทั้งหมดทุกคนเลยทีเดียว!!!!!(ฟังดูสุดโต่งไปมาก แต่เราสำรวจรอบด้านและใช้ทุกตรรกะแล้วเราจึงมาอยู่ที่ข้อสรุปนี้ ขอให้ใช้ความใจเย็นเพื่อพิจารณาเหตุผลของเราดูหน่อยละกันนะ)

ประการแรก เราขอชี้ข้อบกพร่องในการละเลยความน่าจะเป็นที่สูงมากในการใช้เหตุผลของคุณก่อน คุณบอกว่า "ไม่ใช่ว่าครอบครัวที่ยากจนจะทำให้เด็กมีชีวิตบัดซบ เด็กแว้นบางคนพอมีลูกนี่รักลูกยิ่งกว่าชีวิต แม้ว่าเปอร์เซนต์ที่เกิดขึ้นจะน้อยแต่ใช่ว่าไม่มี" คุณยอมรับว่าเปอร์เซนต์เกิดน้อยก็หมายความว่าเป็นเปอร์เซนต์ที่ไม่มากจริงไหม โดยปกติแล้ววงการแพทย์มีการแนะห้ามพ่อแม่มีลูกหากพ่อแม่มีโรคทางพันธุกรรมที่ร้ายแรงแม้ว่าจะยังมีโอกาสได้ลูกที่ไม่เป็นโรคในเปอร์เซนต์ที่น้อยกว่าก็ตาม แสดงว่านี่คือวิถีปฏิบัติของสังคมที่พิจารณาว่าห้ามมีลูก หากลูกมีโอกาสเสี่ยงที่สูงมากจริงไหม จากกรณีค่านิยมการให้คำแนะนำในกลุ่มวงการแพทย์ ก็สามารถสกัดหลักการให้เหตุผลออกมาได้ว่า การต่อต้านการให้กำเนิดโดยปกติแล้วอยู่บนพื้นฐานของความน่าจะเป็นที่สูง ไม่ใช่บนหลักการการรับประกัน 100% ถูกไหม

จริงอยู่ที่จิตใจความคิดของมนุษย์นั้นซับซ้อนฟันธงไม่ได้ 100% แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนเราจะตัดสินใจอะไรบนพื้นฐานความน่าจะเป็นกันไม่ได้เลย

เราคิดว่าเราเจอผู้คนมากมายและอยู่ในวัยที่สังคมนิยมมีลูกกันแล้ว แต่เราตัดสินใจไม่มี สิ่งเดียวที่จะทำให้เราเปลี่ยนใจได้คือเหตุผลที่หนักแน่นกว่าของเราเท่านั้น เรายินดีให้คุณ peiNing Zheng เสนอข้อสนับสนุนที่ว่ามนุษย์เราควรจะได้รับสิทธิให้มีลูกได้มาสักสามข้อที่คิดว่าหนักแน่นที่สุด แล้วเราจะพยายามพิสูจน์ผิด แล้วก็เสนอของเราบ้าง วิธีนี้แฟร์พอไหม สนใจก็ต่อกันไปเลย

0
peiNing Zheng 23 ส.ค. 62 เวลา 16:06 น. 4-2

คุยกันเรื่องการให้เหตุผลกันเนอะ


ที่จริงการได้คุยและถกเถียงในหัวข้อแบบนี้สนุกดีค่ะ แต่ทีนี้ถ้าเป็นหัวข้อนี้ บอกตามตรงว่าคงไม่ถกเรื่องเหตุผลน่ะค่ะ (อ้าว?)


ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ เรื่องนี้มีหลายแง่มุมที่นำมาใช้จับ หมวกหนึ่งความเป็นเหตุผล หมวกหนึ่งจิตใจและความรู้สึก หมวกในเรื่องวัฒนธรรม ความเชื่อและประเพณี และอื่นๆ ที่ขี้เกียจคิด  


ถ้าคุณอักษรฯเอกปรัชญาบอกว่ามนุษย์ทุกคนไม่ควรมีลูก เข้าใจว่าสวมหมวกเหตุผลอยู่ ทว่าข้อความข้างบนของเราสวมหมวกปนเป ดังนั้นการ Challenge มันเป็นเรื่องเข้าใจได้อยู่ เพียงแต่เราขี้เกียจ Defend เรื่องนี้น่ะค่ะ


เหตุคือ ส่วนตัว เราไม่อยากมีลูก และหากสวมหมวกเหตุผล บางทีเราสองคนอาจมีเหตุผลเดียวกันก็เป็นได้ เราเลยไม่คิดจะ defend เพื่ออยู่ฝ่าย ‘คนเราควรมีลูก’ อะไรเทือกๆ นัั้น เปลืองสมองในเหตุผลที่เราไม่เชื่อน่ะค่ะ (หรือถ้าคุณอักษรฯเอกปรัชญาจะลองเล่นบทนี้ดูก็ได้ค่ะ แต่เราเดาว่าคุณน่าจะขี้เกียจเหมือนกัน)


ที่เห็นเราค้านกับเนื้อหาของต้นกระทู้ เรามองแค่ว่า ออกจะใจร้ายสักหน่อยที่มองว่าใครสักคนไม่เหมาะที่จะมีลูกน่ะค่ะ 


ในเชิงเหตุผล ต่อให้เราไม่คิดจะมีลูก แต่เราไม่อยากใช้เหตุผลที่เรามีแล้วบอกว่าใครใดๆ ไม่เหมาะจะมีลูกแบบนั้น มันยังมีแง่มุมอื่นที่มันสามารถมองได้อีก เราจึงหยิบมันมาค้านซึ่งฟังอาจไม่มีเหตุสักเท่าไหร่นักอย่างที่เห็นแหละค่ะ (ซึ่งใช่ มันไม่ใช่เหตุผลไง)


ดูแล้วไม่ค่อยมีจุดยืนนัก สรุปเอาหมวกใบไหนกันแน่ ถ้าเป็นเรื่องของตัวเอง จุดยืนเราอยู่ที่การไม่มีลูก (ไม่เกี่ยวว่าเราเป็นโฮโมโฟเบียหรือไม่ เป็นเรื่องของเราเอง) ส่วนจุดยืนต่อเรื่องของคนอื่น เราไม่จำเป็นต้องมี เป็นเรื่องของคนอื่นที่จะตัดสินใจชีวิตตัวเองเอาน่ะค่ะ


หากมีกระทู้ที่หยิบประเด็นนี้แล้วสวมหมวกเรื่องจิตใจและความเชื่อขึ้นมาบอกว่าใครสักคนไม่เหมาะที่จะมีลูก บางทีเราอาจไปหยิบหมวกอื่นใดมาเพื่อบอกว่าเป็นเรื่องของใครคนนั้นตัดสินใจเอาเองก็เป็นได้ค่ะ (ไร้จุดยืนแบบนิสัยเสีย ^^”)


(อย่างที่บอก มันโอเคที่จะถกนะ ทีนี้พอเป็น Controversial issue มันจะมีความไหลไปมุมนั้นทีนี้ที ซึ่งเราก็แอบสงสัยตัวเองว่าข้างๆ คูๆ อยู่หรือเปล่า พยายามจับไม่ให้ตัวเองไหลเหมือนกัน พอมี Challenge เรื่องเหตุผลมาตื่นเต้น แอบเกร็ง ลำดับความคิดรู้เรื่องไหมเนี่ย .°(ಗдಗ。)°.)

0
เกย์อักษรฯเอกปรัชญา 25 ส.ค. 62 เวลา 12:53 น. 4-3

เราพอจะเข้าใจแนวความคิดคุณนะฮะ หลายๆเรื่องในสังคมที่คุณเจอมาอาจจะทำให้คุณคิดว่าแต่ละคนก็มีเหตุผลเป็นของตัวเองสำหรับแต่ละการกระทำต่างๆของตัว จนกระทั่งทำให้คนเราคิดว่าเป็นเรื่องของมุมมองหลายๆแบบมากกว่าเรื่องของเหตุผล เรื่องนี้ก็จริงส่วนนึง แต่ก็มีอีกหลายๆเรื่องที่แต่ละฝ่ายขัดแย้งกันอย่างชัดเจน คือการแย่งที่ีอยู่ในตำแหน่งช่องเดียวกันจนทำให้แต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่มีทางที่จะถูกต้องไปพร้อมๆกันได้ เช่น แนวคิดที่เชื่อว่าโลกแบนปะทะกับแนวคิดที่ปฎิเสธโลกแบน การเลิกทาสปะทะกับการไม่ยอมเลิกทาส การยอมรับว่าการดำเนินชีวิตตามเพศวิถี lgbtq ถูกศีลธรรม ปะทะกับการไม่ยอมรับว่าถูกศีลธรรม เป็นต้น


ทั้งคุณและเราอาจจะเคยผ่านการเรียนเรื่องวิธีคิดแบบหมวก 6 ใบมาก่อน และฝึกคิดหลายๆแง่ แต่ไม่ได้หมายความว่าเรื่องหมวก 6 ใบนั้นเป็นแนวคิดที่จัดว่ายอมรับได้ว่าเป็นทฤษฎีในแวดวงวิชาการ ปัญหาเรื่องหมวก 6 ใบ คือ อาทิเช่น มันไม่ได้จัดพื้นที่สำหรับหมวกใบที่ 7 8 9 10 ไปเรื่อยๆ เพื่อมารองรับ แนวคิดมาร์กซิสต์ แนวคิดเฟมมินิสต์ แนวคิดจริยธรรมสิ่งแวดล้อม เป็นต้น และมันก็ไม่ชัดเจนเลยว่าเนื้อหาแนวคิดต่างๆจะลดรูปเพื่อจัดเข้าหมวกใบไหนกันแน่ใน 6 ใบที่มีอยู่ ถ้าวิธีคิดแบบหมวกหกใบอ้างว่าเป็นอุปกรณ์เพื่อใช้วิเคราะห์หรือให้กลวิธีคิดในสถานการณ์ต่างๆ ทฤษฎีอื่นๆในแวดวงวิชาการก็อ้างแบบนั้นด้วยเช่นกัน เราเลยขอสรุปว่าเรื่องหมวก 6 ใบไม่ได้มีสถานภาพทางทฤษฎีที่ยอมรับได้


ตัดมาที่การที่คุณบอกว่าเราสวมหมวกเหตุผลอยู่ ดังที่เราอภิปรายไว้ในย่อหน้าแรกว่าแต่ละคนก็ให้เหตุผลต่างๆกันไป จนกลายเป็นเรื่องของมุมมองมากกว่า นั่นคือ เราก็มีมุมมองเป็นของตัวเองก่อน และมีชุดเหตุผลมาสนับสนุนมุมมองนั้น หมวกเหตุผลจึงควรจะถูกตัดออกไปจากรายการ เพราะทุกฝ่ายต่างมีเหตุผล ทำให้ต้องมาเริ่มกันที่ทุกคนสวมหมวกเหตุผลซึ่งเป็นการเปลืองเปล่าทางทฤษฎีและไร้ความหมาย สรุปคือหมวกเหตุผลไม่ใช่มุมมอง และการให้เหตุผลก็เป็นอุปกรณ์เพื่อสนับสนุนมุมมองที่มีอยู่ก่อน ไม่ใช่เนื้อมุมมองในตัวของมันเอง


คุณอ้างว่าตัวคุณเองไม่อยากมีลูกและคุณก็ไม่คิดจะบอกให้คนอื่นไม่ให้มีลูก เนื้อความดังว่านี้มันมีชื่อเรียกนะฮะ นั่นก็คือคุณมองว่าการมีลูกหรือไม่มีลูกเป็นเรื่องส่วนบุคคล

และคุณอาจจะสังเกตเห็นกรอบธรรมเนียมปฏิบัติโดยนัยที่มีมาอยู่ก่อนคือการที่สังคมมองว่าเรื่องการมีลูกหรือไม่มีลูกเป็นเรื่องส่วนบุคคล และใช้ความรู้นี้ที่มีร่วมกันในสังคมในบทสนทนานี้เพื่อให้เรารับรู้กรอบปฏิบัติร่วมกันกับคุณ


เมื่อจุดยืนของคุณได้ถูกระบุแล้วว่ามันคือการมีลูกหรือไม่มีลูกเป็นเรื่องส่วนบุคคล คุณมิอาจหลีกเลี่ยงการปะทะกับกลุ่มคนที่คิดว่าการมีลูกหรือไม่มีลูกไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคลได้ หนึ่งในนั้นก็คือเรา


โดยภาพรวมคือ คุณไม่ควรอ้างว่าเราสวมหมวกเหตุผลอยู่ และการที่คุณเริ่มปรากฎชัดว่าขาดเหตุผลก็มิอาจกลบเกลื่อนจากสายตาเราให้เห็นเป็นว่าคุณสวมหมวกใบอื่นอยู่ที่ต่างจากเราและเกิดความยุติธรรมในพหุมุมมอง เพราะหมวกที่คุณใส่อยู่(เรื่องมีลูกเป็นเรื่องส่วนบุคคล)ขาดเหตุผลสนับสนุนและหมวกที่เราใส่ก็มีเนื้อมุมมอง(เรื่องมีลูกไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคล)พร้อมชุดเหตุผลสนับสนุน


ถึงตรงนี้จากที่คุณบอกว่าทั้งคุณและเราก็น่าจะขี้เกียจโต้แย้งประเด็นนี้ ทำให้เรารับรู้ได้ว่าคุณอาจจะอยากหลีกเลี่ยงการปะทะนี้กับเรา หากเป็นเช่นนั้นเราก็ยินดีเช่นกัน แต่ด้วยเงื่อนไขของเราด้วยว่าหากบทสนทนานี้ ทิ้งภาพประทับในเว็บเด็กดีตามสภาพจริงว่าเรามีจุดยืนพร้อมชุดเหตุผลสนับสนุนและคุณก็มีจุดยืนแบบปราศจากเหตุผลสนับสนุน

ภาพประทับนี้เรารับได้


ขอโทษนะฮะ ถ้าบางทีถ้อยคำภาษาเราอาจจะดูเชือดเฉือนไปบ้าง แต่เราต้องการจัดสมดุลทางการสื่อสารสามอย่างคือ 1.ให้เคลียร์ 2.ให้ได้มาซึ่งความเป็นธรรม และ3.รักษาบรรยากาศการสนทนาให้เป็นมิตรที่สุดเท่าที่ทำได้ ขอบคุณนะฮะที่อ่านและทำความเข้าใจมาถึงตรงนี้

0
peiNing 26 ส.ค. 62 เวลา 19:11 น. 4-4

ขอบคุณสำหรับการถกค่ะ ถ้าถามว่าขี้เกียจโต้แย้งประเด็นนี้เพราะอยากหลีกเลี่ยงการปะทะ คิดว่าถูกแค่ส่วนเดียวค่ะ แท้จริงแล้ว เหตุผลตามที่บอกเลยค่ะ ขี้เกียจจริงๆ ^^" (ขอโทษด้วยนะคะที่เราอาจจะเหมารวมว่าคุณขี้เกียจ ซึ่งบางทีคุณอาจไม่ได้คิดแบบนั้น)


ออกจะนิสัยไม่ดีอยู่บ้างที่แสดงความคิดเห็นแล้วพอเกิด Challenge ก็หลบฉากด้วยความขี้เกียจ Defend ถ้ายังไงปล่อยให้เรามีจุดยืนแบบไม่มีเหตุผลสนับสนุนตามที่คุณบอกไปนั่นแหละค่ะ ถ้าคุณเกย์อักษรฯเอกปรัชญาโอเค เราก็โอเคเหมือนกัน ^^

0