Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ใครสนเรื่อง(การรู้แนวนิยายของตัวเอง)กันบ้างคะ?[แบ่งปันประสบการณ์+เพิ่มความอยากเขียน)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้ฉันจะมาเล่าประการณ์ที่ตนเองประสบพบเจอมาตลอดของการเขียนผลงานนะคะ

คือแบบว่า ฉันเคยเป็น"ผู้อยากรู้ อยากลอง" มาก่อนนะคะ 
บางคนอาจยังเขียนต่อไปเรื่อยๆ โดยยังหาหนทางของตนเองไม่เจอ มาตนเองอยากเขียนแนวไหนกันแน่ บางคนก็อาจเพิ่งเข้ามาในวงการนักอยากเขียนมาหมาดๆ ยังไม่รู้อะไรมากมาย หรือเริ่มต้นอย่างไร 

วันนี้น้ำค้างแสงดาวผู้นี้ ขอออกมาเล่าสู่กันฟังนะคะ ฉันจะทั้งบอกเล่าประสบการณ์ของตนเองให้ฟัง พร้อมกับบอกเคล็บ(ไม่ลับ)ให้กับทุกคนค่ะ

มาเริ่มกันเลยค่ะ

คือฉันเคยอยากลองเขียนนิยายสักเรื่อง ขึ้นมาสักชิ้น แล้วฉันก็ทำมันขึ้น ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันใช้พื้นที่แห่งนี้ ที่เว็บแห่งนี้เขียนนิยายสักเรื่องออกมาเลย ฉันใช้จากประสบการณ์ที่ได้ดูหนังละคร ช่อง7 ช่อง3 มาเขียนค่ะ ฉันยังขำตนเองอยู่เลยที่คิดมันขึ้นมา ซึ่งมันสะท้อนให้เห็นว่า ฉันดูหนังผ่านอะไรมาบ้าง และนั่นก็เป็นจุดเริ่มของการเขียนเลยล่ะค่ะ ฉันหาหนัง ซีรี่ส์ ละครมาดูเรื่อยๆ พอมาเจอซีรี่ส์จีนเรื่องหนึ่งเข้า ก็เตะตามากเลยค่ะ เลยใช้มันเป็นแรงบันดาลใจในการเขียนขึ้นมาสักเรื่อง และนั่นเอง! ที่ทำให้ฉันรู้ว่า ฉันชอบดูหนังแนวไหน และก็นั่นเองค่ะ ว่านั่นเป็นจุดเริ่มที่ทำให้ฉันผันตัวมาเป็นนักอยากเขียนเลยค่ะ ฉันบอกก่อนเลยว่า ฉันยังไม่เคยอ่านนิยายจีนเรื่องไหนมาก่อน มีแต่ดูหนังจีนฮ่องกงมาตลอด พอพักหลังที่เริ่มมีเคเบิ้ล หรือพีไอเอสนั้น ฉันถึงได้มาดูซีรี่ส์จีนไต้หวัน 

ฉันยอมรับเลยว่า ฉันดูหนังดูละครมาหลายเรื่อง กว่าจะกลั่นมาเป็นประสบการณ์ ก็นานเป็นปี และที่ทำให้ฉันได้มาเขียนนิยายนั้น ก็เป็นเพราะว่า ฉันอ่านนิยายหนังสือเป็นเล่มมาหลายเรื่องแล้ว แต่ยังไม่เจอเรื่องที่ใช่สักที แล้วฉันก็อ่านนิยายที่ตนเองมีอยู่จนหมด ไม่มีใครให้ยืมเลย จนได้มาเจอกับเว็บเด็กดี มีนิยายมากมายให้อ่าน แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าแนวไหนที่ฉันสนใจอ่านมันจริงๆ ฉันก็กดอ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมันก็อิ่มตัว และก็รู้สึกว่าไม่มีใครเขียนเรื่องแนวนั้น แนวนั้ให้อ่านเลย ฉันก็เลยกดปุ่มภายในเว็บไปเรื่อยๆ จนมาเจอหน้าเว็บนักเขียน มีคำบอกว่า 'แต่งนิยายให้อ่านหน่อยสิ' นั่นแหละค่ะ สิ่งทำให้ฉันเริ่มรู้จักการเขียนนิยายมากขึ้น........

แล้วพอฉันเขียนมาได้สักพักแล้ว ประสบความสำเร็จยังไม่ถึงไหน ฉันเลยลองเขียนแนวที่ฉันชอบอ่านชอบดูสักตั้ง โดยที่กำหนดเองสักตั้ง "เป็นไงเป็นกัน ใครจะอ่านไม่อ่านก็ช่างมัน!" นี่คือคำคติประจำใจตลอดมา จนถึงทุกวันนี้ของฉันเลยล่ะค่ะ

หลังจากที่ฉันได้ลองทำแล้ว ผลรับตอบกลับมาดีมากเลยค่ะ แรกๆก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่พอมีคนอ่านมาแสดงความคิดเห็น ว่าชอบนั่นชอบนี่ เชียร์นั่นเชียร์นี่แล้ว รู้สึกหัวใจพองโตขึ้นมาทันทีเลยค่ะ ในใจคิดว่า 'มีคนชอบแบบเราด้วยวุ้ยย!' ก็ออกอาการดีใจสุดๆเลยล่ะ 'ถ้างั้นก็เขียนมันต่อไปเรื่อยๆละกัน' ในใจคิดแบบนี้เลยค่ะ จุดนี้มันทำให้ฉันทำนิยายขึ้นมาเรื่อยๆ จนฉันได้พบว่า "ตนเองถนัดและชอบแบบนี้" เพราะงั้นต้องมันต่อไป เพราะว่าเวลาเขียนทีไรนะ ตนเองมักจะมีความสุขตลอดเวลา หัวเราะยิ้มได้ โดยไม่ต้องพูดคุยหัวเราะกับใครเลยจริงๆ อิอิ จนคนทางบ้านถึงกับบอกว่า 'เป็นอะไร ยิ้มคนเดียวอยู่ได้'แบบนี้แหละค่ะ จนฉันเริ่มชิน และก็ชินชากับมันมากเลยล่ะ ฮ่าๆๆๆ เพราะงั้นนั่นแหละ สิ่งที่ฉันที่อยากบอก 

ทุกๆคนคะ อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว รู้หรือยังคะว่าฉันกำลังสื่ออะไรให้ทุกคนฟัง ถ้าหากทุกคนรู้แล้ว ฉันก็อยากบอกให้ทุกคนว่า ทุกคนสามารถเขียนแนวที่ตนเองชื่นชอบแบบมีความสุขกับมันได้ โดยไม่ต้องมาพะวงอะไรทั้งสิ้น และเราทุกคนก็สามารถรู้แนวที่ตนเองเขียนได้ โดยไม่ต้องมานั่งค้นคว้าให้เสียเวลา เสียโอกาสอื่นๆที่จะได้รับเลย

ฉันรู้แล้วล่ะว่า ตนเองชื่นชอบอะไร อยากเขียนอะไรมากที่สุด จริงๆแล้วทุกคนสามารถรู้ตัวเองได้ ว่าถนัดและชอบแบบนั้นค่ะ ถ้าหากคนที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ยังไม่รู้จุดหมายปลายทาง ของตนเองแล้วล่ะก็ ลองนึกและคิดดูสิคะ ว่าตนเองชอบอะไร?

ข้อดีของการเขียน แบบตามความถนัดและความชอบ
ข้อที่1 นะคะ คือ สามารถเขียนได้อย่างมีความสุขกับงานที่ตนเองคิดขึ้นมา ไม่ต้องมานั่งวิตกกังวลว่าจะมีคนชอบไหม ยอดวิว ยอดคนอ่าน ยอดแฟนคลับ เราจะไม่ต้องคิดวิตกกับเรื่องพวกนี้เลยค่ะ
ข้อที่2 เรายังสามารถเขียนนิยายแนวที่ตนเองชื่นชอบไปได้เรื่อยๆ ในขณะที่คนอื่นยังคอยหาแนวที่อยากเขียนได้จริงๆ
ข้อที่3 เราสามารถต่อยอดนิยายของตนเองได้ ถ้าหากใครเขียนนิยายแบบ สร้างรายได้ ก็สามารถขายเป็นรูปเล่มแบบอีบุ๊คได้ด้วยค่ะ หรือจะทำการขายรูปแบบอื่นๆ ก็ได้ทั้งนั้นค่ะ
ข้อที่4 แนวที่เขียนเรา 'ไม่มีวันตาย' ค่ะ ถึงแม้ว่าแนวกระแสในการตลาดจะเปลี่ยนแปลงไปสักเพียงใด แต่ถ้าหากหัวใจเรา ยังยึดมั่นกับมัน เราก็ยังคงเขียนต่อไปได้ค่ะ
ข้อสุดท้ายนะคะ สำหรับคนที่เจาะจงอยู่กับการเขียนตามแบบที่ตนเองถนัดและชื่นชอบนะคะ

ถึงแม้ว่าเราจะเขียนอยู่กับแนวที่ตนเองชื่นชอบนะคะ นั่นก็ไม่ได้ความหมายว่า เราจะไม่เขียนแนวอื่นไม่ได้เลย แต่เราก็ยังสามารถเขียนแนวที่ตนเองชื่นชอบไปด้วย พร้อมกับเขียนแนวอื่นได้อีกค่ะ โดยไม่ต้องทิ้งแนวที่ตนเองถนัดเลยด้วยซ้ำ

สู้ๆนะทุกคน! พยายามเข้าล่ะ ขอให้ทุกคนรู้หนทางของตนเองนะคะ

หวังว่ากระทู้นี้ จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนนะคะ

ปล.ถ้าหากเขียนแล้ว อ่านแล้วรู้สึกวกวนก็ขออภัยด้วยค่ะ คือมันดึกมากแล้ว ขอตัวไปนอนก่อน 
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ



แสดงความคิดเห็น

>

8 ความคิดเห็น

ตัวpน้อย 16 ต.ค. 62 เวลา 11:46 น. 1-2

เอะ เสียงที่เหมือนแก้วแตกนี่มันมาจากไหนกัน อ่อ หน้าเราเอง โหดร้ายยยย

0
Echo9 16 ต.ค. 62 เวลา 08:32 น. 3

อ่านแล้วคิดเหมือนกันว่า คนที่เขียนงานทุกคน Base ในตัวเองอยู่แล้ว อย่างเราชอบดูการ์ตูนตั้งแต่เด็ก ๆ แนวขบวนการ 5 สี ต่อสู้แฟนตาซี ต่างโลก พอโตมาก็ได้นำมาตัวเองไปหาการ์ตูนตาหวาน ไม่ใช่อะไร ยืมบัตรเพื่อนไปเช่ามา จนนางบอกว่า เดี๋ยวสมัครบัตรให้ พอเริ่มอ่านก็แนวรักนั่นเอง สรุปว่าพอโตขึ้น Base ตอนละอ่อนก็กลายเป็นกระแสนิยมตามเพื่อน จนเริ่มเขียนนิยายแนวรัก ๆ เรื่องแรกก็เละตามสเต็ป แต่ก่อนเป็นคนกระหายยอดวิวอยู่ คอมมงคอมเมนต์ พอได้อ่านแฟนตาซี ก็รู้สึกว่า เนี่ยแหละมันใช่ เรื่องแรกก็โดนด่าว่าลอก ถึงขั้นว่า 'ไม่มีสมอง' (เหมือนเล่าไปในกระทู้ที่เคยโพสมั้ง จำไม่ได้และ) เลยพับเก็บเรื่องนี้นกับหอบความเสียใจเอาไว้่ ต่อมาก็ลองเขียนแฟนตาซีอีกรอบ สรุปกระแสก็เงียบ... เลยคิดว่า นิยายไม่เราไม่สนุกมั้ง ก็เริ่มเขียนนี่นา ต่อมาก็หาความรู้ในบอร์ด (แต่ก่อนสิงบอร์ดนักเขียนอยู่แล้ว สายอ่าน) เลยเอาเคล็ดลับของทุกคนที่แชร์มา เพื่อพัฒนาตัวเอง ลองทำแล้วนิยายเรื่องหนึ่งของเราติด TOP 100 ค่ะ ว้าวมาก คือ งงจริง (ปล. เรื่องอีกเรื่องก็เคยคิดไฮไลท์ของเด็กดีอยู่) สรุปว่าเราต้องฝึกฝนด้วย ศึกษาจากการอ่าน สมัยก่อนเราชอบเอานิยายไปฝากบทความที่รับวิจารณ์ ประมาณว่าเราเขาเปิดรับก็แปะไว้ บางทีเรารู้แค่ว่า อ่านนิยายตัวเองไม่สนุกและ แค่ไม่รู้ว่าจุดมันอยู่ตรงไหน ให้พวกที่รับวิจารณ์ช่วยจะดีมาก แต่ไม่เหมาะกับช่วงเริ่มเขียนนะคะ เดี๋ยวท้อซะก่อน 555 (เหมือนคุณ Somean พูดไว้่่ ) ช่วงหลังเราเริ่มคิดว่าเขียนแบบที่ชอบไปเถอะ คอมเมนต์ ยอดวิวอะไรเดี๋ยวก็มีคนที่ชอบมาอ่านเอง เราอาจจะไม่มีความสามารถถึงขั้นเขียนแล้วให้คนมาคอมเมนต์ได้ ก็เริ่มไม่ได้อาลัยกับคอมเมนต์แล้ว จนมีพี่ที่รู้จักทักมา บอกว่าเรื่องที่เขียนพี่อ่านนะ สนุกดี เลยคิดว่า การที่เขาไม่เมนต์อะไร ก็ไม่ได้หมายว่าจะไม่มีคนอ่านเลยอะไรแบบนั้น


เท่าที่เราไปอ่านมานะคะ (นอกเรื่อง) นิยายของพวกเขียนใหม่ บางคนอย่างเขียนแล้วปังเลย ต้องยอมรับว่า บางคนที่ปังในเรื่องแรก คือ เขียนมาแล้วถูกจริตคนอ่านจริง ๆ บางคนหยิบยืมความ Mass ของวลี คำคม แท็ก ในทวิตหรือเฟซ ไม่ก็โครงและพล็อตเรื่องที่มีความสำเร็จรูปมา แล้วเป็นคนมีภาษีการเล่าเรื่องและการเขียนที่ดีเป็นทุน พอมาจับเลยเป็นที่นิยมเลยก็ได้ ก็ไม่ได้ว่าเป็นเรื่องผิดนะคะ สิทธิ์ของเขาจริง ๆ ถึงเคยเจอว่าเคลมว่าเป็นตัวเองก็เถอะ ถ้าเขียนเรื่องแรก เรามองว่าลองเขียนที่คิดออกมาก่อน อยากเขียนอะไรก็เขียนเลยดีกว่า แต่ควรคาดหวังให้พอดีตัวด้วย ไม่ใช่ว่ามาหาคนอ่าน แล้วต้องการคำชม ติไม่ได้เลย พอเจอติ ก็แค่เขียนเล่น เราอยากจะบอกว่า ก็เขียนในบทความไปเลยค่ะ ว่าไม่ได้จริงจัง เพราะบางคนอ่านเขาตั้งใจอ่านจริง ๆ เพราะอยากเป็นส่วนหนึ่งที่เห็นผลงานที่ผ่านตาพัฒนาไปอีก บางคนความคิดดี สดใสมาก แต่โครงเรื่องไม่แน่น ภาษายังงง ๆ ซึ่งพัฒนาได้ อ่านคอมเมนต์ติชมอย่างมีสติและรู้จุดยืนก็พอ


หลายครั้งที่อ่านนิยายที่ฝากในบอร์ด แค่รูปประโยคกับย่อหน้ายังแปลก ๆ โชคดีที่ได้แอปช่วยชีวิตกัน ด้วยเราอ่านในเว็บบางทีย่อหน้าขัดใจจริง ๆ นะ


พอลองอ่านจับได้เลยว่า เอามาจากเรื่องไหน โครงแบบไหน ต่อไปจะเป็นยังไง ยังไม่รวมการเขียนแบบไม่รู้ว่าจะเจาะกลุ่มไหนให้ใครอ่าน (ส่วนนี้คุณ Somean พูดเอาไว้ตอนวิจารณ์ดีมาก เราขอชื่นชมเลย) ที่พูด ๆ เราเคยเป็นมาหมดนั่นแหละค่ะ แต่ก็ปรับปรุงมา ตอนนี้ก็คิดว่าตัวเองยังต้องพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ ก็เท่านั้น


เป็นกำลังใจให้คนเริ่มเขียนนะคะ


ปล. นิยายที่โพสโปรโมทเราก็ไปอ่าน ถ้าว่างนะ ไม่ใช่ว่าไม่สนใจเลย

ปล2 . แก้ความงง ๆ ที่เมนต์เมื่อเช้า

1
น้ำค้างแสงดาว 16 ต.ค. 62 เวลา 12:44 น. 3-1

คือนั่นแหละค่ะ คือจุดเริ่มต้นของการเขียนของทุกคนอยู่แล้ว ต้องอาศัยตัวอย่างจากเรื่องไหนเรื่องหนึ่ง เอามาร่างเขียนในแบบที่ตนเอง เดี๋ยวพอพวกเขารู้ตัว ว่าอยากเขียนอยากลองอะไรอย่างอื่นมากกว่านี้แล้ว พวกเขาก็จะเปลี่ยนทิศทางของตัวเองค่ะ เราก็เป็นเช่นนั้นเช่นกัน

0
BackHand 16 ต.ค. 62 เวลา 08:35 น. 4

เอาจริงๆ ยังไม่รู้เลยครับว่าตัวเองถนัดแนวไหน อ้ายที่วางแพลนเอาไว้ก็มีหลายแนวละ

5
BackHand 16 ต.ค. 62 เวลา 12:27 น. 4-2

โอ้ว ขอบคุณมากเลยครับ ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะได้เจอรีดเดอร์นิยายตัวเองในนี้ https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-08.png จริงๆ เรื่องนี้เป็น Western เรื่องแรกเลยครับที่เขียน ชีวิตจริงๆก็ไม่ได้มีวาสนาได้อ่าน Western เท่าไหร่ ได้ดูแต่หนังกับเล่นเกมน่ะครับ

0
น้ำค้างแสงดาว 16 ต.ค. 62 เวลา 12:46 น. 4-3

โอ้! ดีใจกับคุณแบ็คด้วยนะคะ ได้เจอกับรีดเดอร์พร้อมกับทั้งรีดเดอร์ของคุณ ยังบอกว่าเป็นความถนัดของคุณอีกด้วย ยินดีด้วยนะคะะะ!

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png

0
BackHand 16 ต.ค. 62 เวลา 12:57 น. 4-4

มานั่งคิดดูแล้ว ถ้าเรื่องที่เขียนแล้วรู้สึกชิลๆสบายๆที่สุด น่าจะเป็นแฟนตาซีนะครับ เพราะเป็นโลกที่เราสร้างขึ้นเอง


Bloodshed Western ธีมเรื่องอยู่ในศตวรรษที่ 19 ของอเมริกา ผมนี่ค้นข้อมูลหัวหมุนเลย 5555 กลัวจะผิด โดยเฉพาะภาษาของอินเดียนแดงเผ่ายูทเนี่ย ผมต้องกดฟังในยูทูปเวลาลูกหลานเผ่านี้หรือนักประวัติศาสตร์เขาออกเสียงพูดกัน (ขนาดชื่อเผ่า เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า Ute ตอนแรกผมยังเข้าใจว่าอ่านว่า “ยูเท่” หรือ “อูเท่” อยู่เลย จนไปฟังเขาสะกดจริงๆ เขาสะกดว่า “ยูท” นั่นคือเหตุผลที่ผมใช้คำนี้ในนิยายผมครับ)

0
น้ำค้างแสงดาว 16 ต.ค. 62 เวลา 13:00 น. 4-5

อ๋อ บางทีเราก็ต้องศึกษาบางสิ่งบางอย่างเช่นกัน เมื่อเราได้เขียนถึงมันนั่นเอง สู้ๆนะคะ คุณได้สายถนัดของตนเองแล้วล่ะค่ะ และในขณะเดียวกันคุณก็ยังรู้สึกชอบมันอีกด้วย ยินดีด้วยจ้าาาา!

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-big-06.png

0
ปีศาจหัวโต 16 ต.ค. 62 เวลา 13:23 น. 5-2

หืม (@-@) อยากฟังเหรอฮะ ฮือออ ยังไงก็ขอบคุณน้า

แต่ประสบการณ์ด้านงานเขียนของเรามันช่างน้อยนิดตะ-ดเดียวเอง

และอีกอย่างมันก็ไม่น่าสนใจเท่าไหร่น่ะสิฮะ ปลุกแรงใจใครไม่ได้หรอก555

ขออ่านแล้วแอบอมยิ้มตามประสบการณ์เรื่องเล่าของเพื่อน ๆ เห็นจะดีกว่านะฮะ :)

0
ตัวpน้อย 16 ต.ค. 62 เวลา 13:17 น. 6

ผมก็มีความคิดไม่ต่างจากคุณน้ำค้างแสงดาวเลยนะครับ พออ่านไปก็ทำให้นึกถึงตัวเองที่ตัดสินใจเริ่มแต่งนิยายออกมา

ต้องส่วนตัวแล้วผมจะเป็นพวกไม่ชอบอ่าน จะเน้นเป็นการดูมากกว่า ผมเป็นคนที่เรียกได้ว่าติดเลยก็ว่าได้ แต่ผมไม่เลือกประเภทนะครับ ถ้าสนุกผมดูได้หมด เพราะแบบนั้นมั้งครับ เลยทำให้ผมเป็นคนที่เวลาชอบแนวไหนก็จะดูแต่แนวนั้น แต่เวลาเบื่อก็จะไม่แตะแนวนั้นอีกเลย ด้วยนิสัยนั้นเลยทำให้ผมเป็นคนที่แต่งได้ทุกแนวและชอบในทุกแนวด้วย ก็เลยได้ความคิดมาว่าคนเรานั้นมีสิ่งที่ชอบอยู่มากมาย แต่ความชอบนั้นมันก็ไม่จีรัง ชอบได้ก็เลิกชอบได้ เป็นเหมือนกระแสที่เข้ามาและก็จากไป แต่ในความหมายนั้นก็จะมองในคำว่าเลิกชอบได้ ก็กลับมาชอบได้อีกเหมือนกัน

ไม่รู้ว่าคนที่อ่านจะเคยเป็นเหมือนผมไหมนะครับ ผมเป็นคนที่มักจะอยู่ในโลกที่ผมสร้างขึ้นมาเอง จนชอบที่จะจัดเวทีละครอยู่ในห้องน้ำ และเข้าสู้โลกแห่งทวยเทพเวลานอน แม้ตอนจะอยู่กับเพื่อนที่โรงเรียน บางทีท่าเบื่อ ๆ ผมก็แอบเข้าไปในโลกของผม เล่นคนเดียวพูดคนเดียว แต่บอกก่อนว่าก็มีเพื่อนและเล่นเป็นปกติทุกคนนะครับ จนผมได้คิดไปคิดมาแล้วเกิดไอเดียว่าผมอยากสร้างหนังคิดมา แต่ตอนนั้นด้วยสิ่งที่ตัวเองมีมันแทบไม่มีอะไรเอามาสร้างได้เลย มือถือตอนนั้นจำได้ว่ายังใช้แบบจอพับได้ กล้องที่มีก็ห่วยมาก ๆ เลยตัดสินใจเอามาแต่งนิยายแทนแล้วกัน แต่ก็แต่ง ๆ ไปแล้ววันหนึ่งก็เกิดความคิดขึ้นมาได้ว่า แนวนี้มันจะมีโอกาศได้ตีพิมพ์จริง ๆ เหรอ ในตอนนั้นแนวแฟนตาซีสำหรับผมยังไม่เป็นที่นิยมนัก ถ้าอยากจะได้ตีพิมพ์ก็ต้องมาแต่งแนวแจ่มใส แต่พอแต่งไปซัพักอีก ก็มีคนมาบอกว่านิยายสนุกนะ แต่ผู้ชายดำเนินเรื่องแบบนี้ ผู้หญิงไม่ชอบหรอก เอาแล้วไง แจ่มใสฐานแฟนคลับหลัก ๆ ยังไงก็คือผู้หญิง ผมก็เลยเปลี่ยนการแต่งไปตามคนโน่นคนนี้บอกมา อันไหนว่าดีก็ทำไป จนพอมารู้สึกตัวอีกที นิยายของผมมันก็กลายเป็นอะไรไม่รู้ จากที่เคยคิดว่าจะเขียนได้ทุกแนว ใช้เวลาในการแต่งอยากมีความสุข ก็กลายเป็นไม่สนุกไปกับมันอีกเลย แค่นึกถึงสิ่งที่จะแต่งก็หนักเอาการแล้ว แต่เพราะอยากได้รับการตีพิมพ์และนักอ่านที่มาเม้นก็บอกว่าดี ก็เลยฝืนแต่งต่อไปให้มันจบ ๆ จนได้รับเม้นมาอีกว่านิยายไม่สนุกเลย ตอนนั้นแทบอยากจะพิมพ์ด่ากลับไปเลย คือเหมือนอุส่าแต่งมาให้ขนาดนี้แล้วยังจะเอาอาไรอีก ก็ลองเอาสิ่งที่เขาคนนั้นบอกว่าดีใส่เข้าไปในนิยายอีก แล้วพอทีนี้ เหมือนมีคำวิจารว่าแย่เข้ามาเยอะขึ้น ๆ ความกดดันหลาย ๆ ด้านเริ่มก่อตัว จนมารู้สึกอีกทีก็ตอนที่ตัวเองลบเรื่องนั้นไปแล้ว ผมไม่อยากจะแต่งนิยาย และลืมเรื่องทั้งหมดนั้นไป จนผ่านมาหลายปี พอกลับมานึกถึงเรื่องตอนนั้น ก็ทำให้เข้าใจอะไรได้หลาย ๆ อย่าง ทั้งความเป็นตัวของตัวเอง ความภูมิใจ ความมั่นใจที่เคยมี ผมสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป เพียงเพราะจุดยืนที่มีไม่มากพอ และแปรเปลี่ยนทุกอย่างเพื่อนเป็นที่ยอมรับของทุกคน แต่มันไม่มีสิ่งที่ถูกต้องอยู่เลย คนหนึ่งว่าดี แต่อีกคนก็ต้องมองว่าไม่ เราไม่สามารถทำให้ทุกคนมาชอบเราทุกคนได้ แต่ในตอนนั้นพอมานึกดี ๆ ผมก็จะเห็นนิยายที่ตัวเองอยากแต่งในเวลานั้นอยู่แล้วนะ เพราะมันมักจะมาทำให้ตัวเองนึกสนุกอยู่ในหลาย ๆ ฉาก ทั้ง ๆ ที่เรามองเห็น แต่กลับทำเป็นมองไม่เห็นมัน ก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน 555

พอผมว่างก็เลยนึกสนุกอยากกลับมาแต่งอีกครั้ง ก็สนุกดีนะ เด็กดีก็เปลี่ยนไปมาก สามารถขายนิยายได้ด้วย นักเขียนหน้าใหม่เหมือนกันก็มีเข้ามาเยอะขึ้นมากเลย 5555 ไม่รู้ว่าที่เล่ามาจะเกี่ยวกับหัวขอไหมนะครับ แต่ถ้าใครได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ก็ถือว่าดี อิอิ บอกเลยว่าไม่ได้ตั้งใจพิมพ์ยาวขนาดนี้นะ แต่พอมันเริ่่มแล้วก็หยุดไม่ได้จริง ๆ ยังไงก็ของฝากเนื้อฝากตัวกับทุกคนด้วยนะครับ

2
น้ำค้างแสงดาว 16 ต.ค. 62 เวลา 13:25 น. 6-2

นั่นแหละค่ะ คือจุดที่ทุกคนต้องเคยผ่านมา อะไรที่มันเลยไป ก็ปล่อยให้ตามเลยนะคะ จากนี้ก็ขอให้คุณสู้ๆต่อไปนะคะ อะไรที่คิดว่าตัวเองชอบหรือดีแล้ว ทำมันต่อไปเถอะค่ะ สู้ๆค่ะ!

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-big-01.png

0
Mysth 18 ต.ค. 62 เวลา 13:41 น. 7

เขียนแต่เกมออนไลน์กับแฟนตาซี เพราะอ่านแต่พวกแบบนี้ แต่มีแพลนอยากลองนิยายรักบ้าง ไม่เคยแต่ง

1