[ขอความช่วยเหลือ] วางบทพูดของตัวละครอย่างไร ให้ดูเป็นธรรมชาติและสมจริง...?
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่ะชาวบอร์ดนักเขียนเด็กดีทุกคน
ตอนนี้ยิ้มกำลังเขียนนิยายโรแมนซ์แฟนตาซีอยู่เรื่องหนึ่ง
และยิ้มก็ติดปัญหาเรื่องการวางบทพูดของตัวละครให้ดูเป็นธรรมชาติ
แต่ตอนนี้นอกจากประโยคจะยาวเฟื้อย
ก็ยังขาดคำที่ทำให้ความหมายของทั้งประโยคเปี่ยมด้วยอารมณ์หรือทรงพลัง
ชาวบอร์ดมีวิธีการวางคำพูดอย่างไร ให้ดูมีเสน่ห์ และเป็นธรรมชาติคะ ?
ทำอย่างไรให้ประโยคบอกรัก สัมผัสได้ถึงความรัก
ทำอย่างไรให้ประโยคเศร้า สัมผัสได้ถึงความเศร้า
ทำอย่างไรให้ประโยคเสียอารมณ์ สัมผัสได้ถึงความเสียอารมณ์
และประโยคเหล่านั้นก็ดูเป็นธรรมชาติ ตัวละครมีชีวิตจริง ๆ
รบกวนเพื่อน ๆ พี่พี่ทุกคน ชี้แจงแถลงไขให้ทีค่ะ
ด้วยรักจากรักยิ้ม จุ๊บก่อนล่วงหน้า คริกครักครุกคริก
11 ความคิดเห็น
บทพูดจะดูสมจริงเป็นธรรมชาติมีวิธีง่ายๆ ตามนี้ค่ะ
พิมพ์คำพูดตัวละครลงไปแล้วเอาคำนั้นมาลองพูดดูค่ะ (อย่าอ่านในใจ ให้พูดออกมา) ถ้าฟังดูทะแม่งๆ ออกแข็งๆ ไม่เหมือนเวลาเราพูดปกติ แปลว่ายังใช้ไม่ได้ค่ะ ลองดูนะคะ
ส่วนการสื่ออารมณ์ตัวละคร คุณต้องเข้าถึงตัวละครที่เขียนและเข้าใจสถานการณ์ในตอนนั้นก่อนค่ะ แล้วจินตนาการจะโลดแล่น คุณจะคิดคำพูดดีๆ หวานๆ ซึ้งๆ ออกมาได้เองค่ะ
บทพูดที่จะสื่อ ไม่ว่าจะยาวหรือสั้นก็ไม่ใช่ปัญหาค่ะ ถ้าอารมณ์ตอนนั้นพาไป ก็สามารถใช้ในบทพูด หรือบรรยายซีนอารมณ์ตัวละครอย่างยาวๆ ได้ค่ะ
ขอบพระคุณนะคะ
เขียนลงไปแล้วลองอ่านดูว่ามันให้ความรู้สึกยังไง
เข้าใจมะ ?
ยกตัวอย่างเช่นข้างบน มันอ่านแล้วให้ความรู้สึกห้วนและเป็นกันเองมาก จนถึงขั้นเรียกได้ว่า "กวนประสาทและไม่มีมารยาท ลักษณะนี้จะใช้กับสำหรับเพื่อนสนิทเท่านั้นครับ
ส่วนอารมณ์อื่นก็ลองจินตนาการเอาก็แล้วกันครับ ถ้าพูดแล้วจะรู้สึกยังไง
ขอบคุณนะคะ >< จะนำไปปรับใช้่ดูค่ะ
มันมีคำพูดที่ว่า "การกระทำสำคัญพอๆกับคำพูด" ตรงนี้อาจจะช่วยเสริมให้คำพูด ประโยคใดๆ ดูมีมิติขึ้น อย่างการใช้สายตาของตัวละคร การเทคแอคชั่นต่างๆ เช่น ...แกลองมองในตาเขา ถ้ามีสายตาแบบเดียวกับฉันที่มองแกตลอดมา ก็แปลว่ารักแกหมดหัวใจ [เพลงดูดี - โพลีแคท] ประโยคบอกเล่าธรรมดาที่พูดกับอีกฝ่ายสื่อถึงนัยยะบางอย่าง ซับซ้อนขึ้นด้วยการเปรียบเทียบเปรียบเปรย มีความโรแมนติกของตัวละครและระหว่างตัวละคร (ความโรแมนติกในที่นี้คือการถ่ายทอดอารมณ์ ถ่ายทอดความรู้สึก การวางตัวในความสัมพันธ์ชั้นต่างๆ เด็กพูดกับผู้ใหญ่ เพื่อนคุยกับเพื่อน) จุดนี้เราเรียนรู้ได้จากการดูหนัง ดูละครซีรีย์ ดูเอ็มวี ฟังการใช้ภาษาจากเพลง จากนิยาย จากการพูดคุยในชีวิตประจำวัน คนภาคเหนือกับคนภาคกลางวางตำแหน่งต่างกัน หลายๆพื้นที่วางประธาน+กริยา+กรรม ไม่เหมือนกัน และหลายๆครั้งก็ไม่จำเป็นต้องมีแพทเทิร์นนี้เสมอไป กริยาอาจจะเริ่มก่อน หรือกรรมอาจจะเริ่มก่อนก็ได้ ขึ้นอยู่กับชั้นเชิงที่นักเขียนจะเล่น
ตอนอ่านเนื้อเพลง ยิ้มนี่ร้องออกมาเป็นทำนองเลยค่ะ ฮ่า ๆๆ ขอบพระคุณนะคะ ยิ้มจะลองเอาคำแนะนำนี้ไปปรับใช้ แต่ก่อนอื่น คงจะต้องขอตัวไปฟังเพลงนี้ก่อนแล้วล่ะค่ะ คิดถึงงง
เพลงนี้เป็นอีกเพลงที่น่าเป็นเคสศึกษา เราไม่ค่อยเจอเพลงที่มีอารมณ์รัก-โลภ-โกธร-หลงในเพลงเดียวอ่ะ เอ็มวีมันอาจจะดาร์กไป (เรื่องสั้นดาร์กกว่านี้เยอะ สะพรึง!) แต่ความโรแมนติกคือครบ มีอารมณ์ ความรู้สึก ในความรักก็ลังเลที่จะไม่รัก แต่ก็ยังรัก ซับซ้อนเว่อร์
ชอบไลฟ์สไตล์แล้วก็ความอาร์ตตลอดเวลาของคุณจังเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ > < มายไอดอลลลลล
เราไม่ได้อาร์ต เราบ้า ถถถ
ของผมจะจินตนาการเป็นตัวละครนั้นเลย
เหมือนเราหลุดเข้าไปอยู่ในนิยายตัวเอง
เก่งจังเลยนะคะ ที่สามารถสวมบทบาทเป็นตัวละครได้ ยิ้มเป็นคนไม่อินกับอะไรง่าย ๆ แต่ละลองไปทำตามดู ขอบคุณนะคะ
ผมก็สายแฟนตาซีนะ คิดว่านิยายบทพูดมันไม่จำเป็นต้องสมจริงเป็นธรรมชาติแบบคนเราคุยกัน
แต่ต้องทำให้คนอ่านเชื่อว่าตัวละครนั้น ๆ เป็นคนพูดประโยคเหล่านั้นจริง ด้วยบริบทนี้ Voice ของตัวละครจึงเป็นสิ่งแรกที่นำมาคิดเวลาสร้างบทสนทนา
ชายหนุ่มเย็นชา มีความรู้สูง ได้รับความเชื่อถือ มีความมั่นใจ จะมี Voice เวลาพูดแบบหนึ่ง ชายหนุ่มขี้เล่น ท่าทางพึ่งพาไม่ได้ จะมี Voice เวลาพูดอีกแบบหนึ่ง
ด้วยความที่ต้องสื่อถึงตัวละครมันเลยทำให้บทพูดมันไม่เหมือนคนปรกติคุยกัน แต่จะสื่อถึงตัวละครนั้น ๆ และในนิยายมันจะมีบทพูดที่เรียกว่า Dramatic Dialogue ที่ใช้ในการบอกเล่าความรู้สึกของตัวละคร สิ่งที่เก็บงำในจิตใจ มันยิ่งทำให้บทพูดไม่สมจริงเข้าไปใหญ่
"ลาก่อนแล้วพบกันใหม่" ประโยคบอกเล่าปรกติ
"ถึงเวลาที่ต้องจาก หากมีวาสนาต่อกัน เราคงได้พบกันอีก" เป็นดรามาติก ไม่อยากให้เวลานี้มาถึง คาดหวังในสายสัมพันธ์ที่จะทำให้กลับมาพบกัน
อาจจะต่างกับความเห็นของคนอื่นก็พิจารณาเลือกลองเลือกใช้ดูแล้วกัน
พิมพ์ยาวๆ เนื้อแน่นๆ ขอบคุณมากเลยนะคะ ยิ้มจะนำไปปรับใช้ค่ะ > <
@yurinohanakotoba
เห็นด้วยเลย แนวแฟนตาซี...บทสนทนาจะมีความแตกต่างออกไป ส่วนใหญ่จะมีความนัยในคำพูด จะเห็นได้ในหลายๆ เรื่อง ในตัวละครที่มีบารมี หรืออำนาจ ที่เป็นตัวเด่นๆ
จำลองว่าเป็นตัวเองพูดอยู่ดูครับ
ยิ้มติดปัญหาที่ ตัวละครค่อนข้างใช้แบบว่าศัพท์สูงเยอะเพราะเป็นเทพน่ะค่ะ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ
ธรรมชาติของตัวเอง หากเลียนแบบคนอื่น ต่อให้สมจริงเท่าไหร่ก็ไม่มีวันดูเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง
หาประสบการณ์จากชีวิตจริง วิธีการพูด จุดประสงค์ อารมณ์ แล้วเขียนมันออกมา
ปัญหาคือมันเป็นนิยายแฟนตาซีค่ะ ยิ้มไม่เคยเป็นเทพมาก่อนเนี่ยสิ โฮก ขอบคุณนะคะ
ถ้ายิ้มไม่เป็นเทพ ถ้างั้นจะสร้างโลกในนิยายได้ยังไง?
จินตนาการน่ะค่ะ
นั่นไง คุณเป็นเทพแล้ว:)
ขำตรงที่คุณ คริกครักครุกคริก จังเลยค่ะ ฮ่าๆๆ ยังไงก็ลองเขียนแบบที่เราสนทนากับคนอื่นดูสิคะ แล้วเดี๋ยวคุณก็จะรู้เอง ไปได้ไหลลื่นนั่นเองค่ะ อิอิ
มันขึ้นกับเนื้อเรื่องและประเภทนิยายด้วยครับ อารมณ์ตัวละคร ยุคสมัย อุปนิสัย
อย่างนี้นี่เอง ยิ้มจะพยายามเข้าให้ถึงบทบาทตัวละครมากขึ้นค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ
เราวางนิสัยแต่ละตัวละครต่างกันโดยที่แต่ละคนจะมีความแตกต่างในตัวของมันเองที่เข้ากับตัวละครอยู่ค่ะ
เช่น A เป็นคนร่าเริง ไม่ค่อยอยู่นิ่งๆมีพลังตลอดเวลา นิสัยเหมือนเด็ก
ก็จะมีความคิด ที่ไม่ซับซ้อนการพูดก็จะ พูดชัดเร็วแรงแต่อาจไม่ได้พูดดีทุกเรื่อง แต่บทดูแล้วให้อารมณ์ ที่เหมือนตัวละครเจ้ากันกับบทจริงๆค่ะ
" เฮ้! นายไม่ไปจริงๆหรอ? ไปเถอะน้าฉันจะไปด้วย" อย่างที่เรายกตัวอย่าง
ค่ะ จากประโยคมีความร้องขอ แสดงความตกใจ ล้อเลียนชักชวนให้คนคล้อยตาม คนที่อ่านจะสัมผัสได้ว่าตัวละครเป็นไทป์สดใสร่าเริงชอบอ้อน
สรุปก็คือวางนิสัยไว้อย่างไรบทก็ควรจะเข้ากับตัวละครนั้นๆด้วยค่ะ
ดูนิสัยก่อนสินะคะ งื้อออ ขอบคุณมาก ๆเลยค่ะ
ต่างคนก็มีเทคนิคที่แตกต่างกันไป สำหรับผม ไม่ใช่แค่บทพูดแต่เป็นในทุกๆ ฉากที่เกิดขึ้นในเรื่อง ผมจะสร้างฉากนั้นขึ้นมา อย่างเช่นเราจะอธิบายฉากการประลองอะไรแบบนี้ ผมก็จะวาดลานประลองขึ้นมาในหัว แล้วจินตนาการถึงองค์ประกอบ ทั้งหมดก่อน แล้วเอาอะไรที่นักอ่านควรจะรู้หรือสิ่งที่เราอยากจะเล่าลงไป
บทพูดก็เช่นกัน เราต้องรู้ก่อนว่าบทสนทนานั้นจะมีใครประกอบอยู่บ้าง แล้วสร้างภาพของพวกเขาขึ้นมา และต้องรู้ว่าพวกเขายืนอยู่ในฉากแบบไหน อุปนิสัยของแต่ละคนเป็นแบบไหน จากนั้นก็ต้องไม่ลืมหัวข้อสนทนาว่าเราจะเล่าถึงเรื่องอะไร จากนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาคุยกัน...งะมะ จริงๆ คือลำดับเอาประโยคที่ควรจะเกิดขึ้นและน่าสนใจรวมถึงอะไรที่คิดว่านักอ่านจะติดตามอ่านแล้วนำมาแปลงเป็นตัวอักษรอีกที
อย่างเช่นบทสนทนาของพระนางในคืนเข้าหอ เราต้องมีห้องหอที่เป็นสถานที่หลัก แล้วเราต้องวาดห้องหอของเิราขึ้นมาให้ชัดเจน จากนั้นต้องรู้ว่าพระนางของเราเป็นคนที่มีอุปนิสัยยังไง แล้วลำดับเหตุการรวมถึงบทสนทนาออกมาเป็นตัวอักษร ในความคิดเป็นฉากๆ แล้วกรองมันมาเป็นบทสนทนาของเราอีกทีหนึ่ง ....
ผมว่าแค่เรามีนิสัยของตัวละครที่ชัดเจน และที่สำคัญคือสิ่งแวดล้อมที่แม่นยำ บทสนทนามันก็ไม่ได้ยากหรอก เพราะในที่สุดตัวละครของเราก็จะดำเนินเรื่องไปตามนิสัยที่เราวางเอาไว้
นักเขียนคือคนที่สร้างโลกของตัวเองขึ้น และเป็นคนที่บอกเล่าเรื่องราวของโลกแห่งนั้นออกมาเป็นตัวอักษรให้นักอ่านเข้าใจ
ผมเชื่อว่าโลกทุกใบของทุกคนน่าติดตาม แต่ที่สำคัญที่สุดเรื่องราวที่น่าสนใจนั้นจะได้รับถ่ายทอดออกมามากแค่ไหน...
ออกตัวก่อนเลยว่าผมก็แค่นักเขียนมือสมัคเล่นที่ไม่ได้โด่งดังหรือมีชื่อเสียงอะไร
แค่อยากแชร์สิ่งที่ตัวเองใช้อยู่เท่านั้นเอง *-*
เผื่อว่ามันจะมีประโยชน์
สู้ๆ นะ
เป็นกำลังใจให้ครับ
ขอโทษด้วยนะคะ พีชหายไปนานและเพิ่งกลับมาเล่นบอร์ด ซึ้งใจในคำตอบของคุณมาก ๆ เลยล่ะค่ะ ขอบคุณที่แชร์ความรู้ดี ๆ ให้นะคะ ^^
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?