Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

นักเขียน คือ นักเรียนรู้ตลอดเวลา

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
      สวัสดีเหล่านักเขียน และนัก(อยาก)เขียน ทุกท่าน เนื่องจากวันนี้เราต้องนั่งหาข้อมูลในการเขียนอีกแล้ว  แล้วหลังจากเรานั่งหาข้อมูลเสร็จ มาสรุปทำความเข้าใจ ก็เกิดความคิดที่ว่า 
' นี่เราต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ ' ขณะกำลังนั่งมองกระดาษที่เต็มไปด้วยอะไรที่โยงไปโยงมา เหมือนบทสรุปที่เตรียมไปทำข้อสอบ 

เราถามกับตัวเองต่อไป 'ว่าถ้าไม่ทำจะเป็นอะไรไหม รีบ ๆ ทำให้จบไป คงไม่มีใครสนใจหรอก '
แต่อีกใจหนึ่งก็บอกให้ตัวเองต้องทำ เพราะถ้าไม่ทำก็จะทำให้เขียนได้ลื่นไหลได้ยาก รู้สึกเองว่ามันไม่สมบูรณ์ มันรู้สึกตะขิดตะขวงใจ  ดังนั้นเราจึงได้แต่นั่งทำความเข้าใจต่อไป กับเรื่องที่ไม่รู้ศึกษาไปแล้วจะได้ใช้จริงไหม

          ซึ่งต่อมาเราก็นึกถึงเรื่องบางอย่างในอดีตขึ้นมาได้ ตอนที่เราส่งแผนงานให้กับอาจารย์ว่าแต่ละวันจะทำอะไรจนจบโปรเจ็ค  ' ซึ่งอาจารย์ก็ถามว่า ทำไมถึงไม่มีวันพักหาความรู้บ้าง ถ้าไม่ทำก็จะไม่ได้ผลงานดี ๆ หรอกน่ะ มันก็จะได้แค่งาน ' ซึ่งในตอนนั้นถึงเราพอจะเข้าใจ แต่ก็ไม่ได้เข้าใจมันมากเท่าตอนนี้  ในตอนที่เราพยายามทุ่มเทกับงานเขียน

          
เราอยากตบมือและเป็นกำลังใจให้กับเหล่านักเขียน และนัก(อยาก)เขียนจริง ๆ ที่พวกท่านต้องพยายามทุ่มเทอะไรมากขนาดนี้เพื่องานของพวกท่าน ที่ต้องพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่ตัวเองรู้  หรือแม้ไม่รู้ก็ต้องแสร้งทำเป็นว่ารู้ เพื่อให้เขียนงานออกมาให้ได้

         การเป็นนักเขียนนี่มันก็ยากเหมือนกัน  ต้องเรียนรู้ทุกอย่างเหมือนกับต้องเรียนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งไม่มีเป้าหมายว่าเกรดออก ท้ายเทอม  หรือ เรียนจบ  แต่ตราบใดที่นักเขียนยังคงเขียนงานอยู่ พวกเขาก็ยังคงต้องเรียนรู้ต่อไป เช่นเดียวกับอาชีพอื่น ๆ ที่ก็ต้องพยายามในทางของพวกเขาเช่นกัน  เรียนรู้ เรียนรู้ แล้วก็เรียนรู้  ถ้าอยากประสบความสำเร็จ  มันเป็นเรื่องที่เหนื่อย แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ก็เรามันเป็นคนเลือกมันเองนิ 
 
สู้ ๆ นะตัวเรา
อย่าลืมกลับมาอ่านบทความนี้เมื่อท้อ
หรือเหนื่อย ที่ต้องพยายามหาข้อมูลแบบวันนี้ด้วยล่ะ
 
สู้ ๆ  นะ เหล่านักเขียน และนัก(อยากเขียน) ทุกท่าน
 
ต.อวสาน

แสดงความคิดเห็น

>

8 ความคิดเห็น

22 ต.ค. 62 เวลา 17:28 น. 3

ก็แน่ล่ะค่ะ นักเขียนคู่มาด้วยความรู้เป็นองค์ประกอบ นักเขียนก็ต้องเรียนรู้ทุกอย่าง และเคยเป็นหนอนหนังสือมาก่อน ไม่เช่นนั้นเขาจะเรียกว่า "นักเขียน"หรือ เหล่าพวกนักเขียนได้ภาษีในด้านการอ่าน การเขียนก็เพราะอย่างนี้แหละค่ะ สู้ๆนะ

0
GPPPPPP 22 ต.ค. 62 เวลา 18:07 น. 5

5555 ผมนีีดองนิยายมาหลายอาทิตย์ละว่าจะมาแต่งต่อวันนี้หละ มาเห็นกระทู้นี้แล้วทำให้ผมมีพลังเพิ่มขึ้นมากเลยครับ ตอนนี้ผมสามารถแปลงร่างเป็นซุปเปอร์ไซย่าได้เลย ย้ากกกกกกกก!

34
22 ต.ค. 62 เวลา 19:06 น. 5-1

นี่คุณ ฉันยังไม่ได้สะสางคุณเลยนะ มาเม้นให้รกหน้านิยายทำไมเนี่ย มีอะไรก็ส่งข้อความมาสิ

0
GPPPPPP 22 ต.ค. 62 เวลา 19:20 น. 5-2

5555 ไม่มีไรทำครับผมก็เม้นไปเรื่อย อิอิ

0
GPPPPPP 22 ต.ค. 62 เวลา 20:03 น. 5-4

ใจเย็นๆ ดิครับ อารมณ์ร้อนแบบนี้ระวังแก่ไวนะครับ ฮ่าๆ ฮ่าๆ

0
GPPPPPP 22 ต.ค. 62 เวลา 20:15 น. 5-8

ฮ่าๆฮ่าๆๆ บายครับป้าไปดีมาดีนะฮะ หยอกๆ นิสัยคนมันกวนมาตั้งแต่เด็กมันแก้ไม่ได้อิอิ และก็ป

ผมไม่ได้โง่นะครับเขาเรียกฉลาดน้อย อิอิ

0
GPPPPPP 22 ต.ค. 62 เวลา 20:26 น. 5-10

โอเชๆ โดดเรียนบ่อยฮะตอนครูถามว่าไปไหนทำมัยไม่เข้าเรียนมันเลยต้องสรรหาประโยคที่ดีที่สุดเลยทำให้ผมมีสกิลแก้ตัวเลเวล 99 อยู่ และผมไม่ได้บ้านะครับเค้าเรียกว่าสติไม่คงที่ อิอิ (ไม่ได้โดดเรียนจริงๆนะแค่พิมเล่นๆ)



0
GPPPPPP 22 ต.ค. 62 เวลา 20:38 น. 5-12

ครับผม ไปพิมใส่เรื่องอื่นก็ได้ฮะ เห็นเขาบอกว่าอยากได้คอมเม้นนักเดี๋ยวจัดให้


0
GPPPPPP 22 ต.ค. 62 เวลา 20:50 น. 5-17

สบถ อย่างเช่น บัดซบ! ใช่มะฮ่าๆ เป็นคำด่าหรอไม่ๆผมไม่พิมหรอกคำด่าผมจะพิมแต่เรื่องไร้สาระลงแต่ตอนนี้เอาไว้ก่อนเพราะผมจะนอน

0
WriterA 22 ต.ค. 62 เวลา 21:09 น. 5-23

ถ้าเขาไม่ชอบอ่านเรื่องของพี่เขาคงไม่มาสาธยายหรอกครับ(มั้งนะ?ลองคิดในแง่บวกเข้าไว้)

0
น้ำค้างแสงดาว 22 ต.ค. 62 เวลา 21:13 น. 5-24

จ้าาา ฮ่าๆๆ คือเขาป่วนทุกเรื่องเลยก็ว่าได้ แต่เราคงไม่เอาเรื่องเขาหรอก คือมาบอกเตือนเขาเฉยๆผสมกับบ่น

0
WriterA 22 ต.ค. 62 เวลา 21:15 น. 5-25

มีคนบ่นคนว่าดีกว่าเงียบๆแล้วไม่คุยกับเราเลยนะครับ (รู้สึกคล้ายไม่ใช่คนสำคัญ) สำหรับผมน่ะนะ(บางที)

0
น้ำค้างแสงดาว 22 ต.ค. 62 เวลา 21:23 น. 5-26

อือ ก็จริง เราก็นึกว่านักอ่านคนอื่นมาคอมเม้นว่านิยายเราเป็นไงบ้าง แต่เปล่า กลายเป็นเจ้าเดิมซะงั้น เรานี่หมดความตื่นเต้นไปเลยอ่ะ แรกๆที่เห็นคอมเม้นใหม่นะ ทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจที่มีคนมาคอมเม้น แต่ไฉนเลย กลายเป็นคำมาแซวของเด็กคนเดิมซะงั้น เฮ้ออ หมดเลยความตื่นเต้น......

0
WriterA 22 ต.ค. 62 เวลา 21:28 น. 5-27

เดี๋ยวก็เจอคนที่ใช่กับคนที่ชอบเองล่ะครับ แค่คนคนนั้นยังมาไม่ถึงก็แค่นั้น

0
WriterA 22 ต.ค. 62 เวลา 21:39 น. 5-29

ผมก็คิดพล็อตไม่ออกเหมือนกันนี่แหละครับถึงว่างมาคุยด้วย

0
WriterA 22 ต.ค. 62 เวลา 21:46 น. 5-31

เวลาคุยกันไปคุยกันมาก็แบบนี้แหละครับเหมือนตอนเล่น Facebook,Line คุยทั้งวันบางทียังคุยได้เลย

0
WriterA 22 ต.ค. 62 เวลา 21:51 น. 5-33

กินข้าวอาบน้ำแล้วครับ อากาศร้อนแบบนี้วันนึงอาบน้ำไม่ต่ำกว่า 3 รอบ(เปลืองน้ำไปอีก)เราสองคนคุยกันขนาดนี้เจ้าของกระทู้คงไม่บ่นนะครับ ประมาณว่า ทำไมไม่ไปคุยกันสองคนมาคุยอะไรตรงนี้อะไรแบบนั้น

0
ทิตภากร : กันต์ระพี 22 ต.ค. 62 เวลา 18:57 น. 6

งานเขียนเป็นเรื่องที่เรียนรู้ไม่รู้จบค่ะ ไม่มีอะไรตายตัว หรือบ่งชี้ว่าเขียนอย่างนี้ถูกหรือผิด มีแต่แนวทางชี้แนะให้ปฏิบัติ ซึ่งสามารถข้ามขั้นตอนได้ ไม่จำเป็นต้องทำตามทุกขั้นตอนเป๊ะๆ หรอกค่ะ


เราเขียนงานมาสิบกว่าปี ไม่เคยมองว่าตัวเองเป็นนักเขียน ก็แค่คนที่เขียนนิยายได้ ไม่เคยเข้าคอร์สเรียนรู้อะไรทั้งนั้น ที่ผ่านมา...ไม่มีใครสอนหรือแนะนำว่าต้องทำยังไง อาศัยว่าอ่านมาเยอะ ก็แค่อยากเขียน อยากถ่ายทอดในสิ่งที่คิดว่าน่าจะสื่อสารกับคนอ่านเข้าใจ


การวางพล็อตก็เป็นเรื่องดีค่ะ สามารถกำหนดทิศทางเนื้อหาในการดำเนินเรื่องได้อย่างชัดเจน คนที่เขียนเก่งๆ สามารถเขียนข้ามฉากได้ หากคิดฉากที่เขียนอยู่ไม่ออก แต่ข้อเสียก็มีอยู่ ตรงที่การบีบตัวละครให้เดินตามเส้นเพื่อให้ถึงเป้าหมาย บางที...ก็ไม่สามารถทำได้ดั่งใจ จะปรับเปลี่ยนก็ต้องรื้อพล็อตที่วางไว้

ส่วนการไม่วางพล็อต มีข้อดีตรงที่ได้ความแปลกใหม่ ทันต่อเหตุการณ์ สามารถปรับเปลี่ยนเนื้อหาที่วางไว้ได้ตลอดเวลา แต่ข้อเสียก็มีอยู่ตรงที่ ไม่สามารถกำหนดแนวทางการดำเนินเรื่อง ถ้าไม่ควบคุมไม่ดี อาจออกทะเลอย่างกู่ไม่กลับ หรือที่เขาเรียกกันว่านิยายแตกแถว


แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ สิ่งสำคัญในการเขียน คืออารมณ์ของคนเขียนค่ะ การกดดันตัวเองไม่ช่วยให้เกิดประโยชน์อะไร หากต้องนั่งถ่างตาจนถึงเช้า เค้นสมองออกมา แต่คุณภาพผลงานออกมาแย่ พรุ่งนี้ต้องลบในสิ่งที่เขียนไป ก็สู้เอาเวลาไปนอนพักให้สมองโล่งจะดีกว่า


จำไว้ว่า...คนอ่านรับรู้ความรู้สึกคนเขียนได้ จากสิ่งที่ถ่ายทอดออกไป เพราะฉะนั้นสนุกที่จะเขียน อย่าซีเรียสเลยค่ะ ถ้าคนเขียนไม่รู้สึกว่าสนุก แล้วคนอ่านจะสนุกได้ยังไง เป็นกำลังใจให้จขกท. ค่ะ :)

3
GPPPPPP 22 ต.ค. 62 เวลา 19:25 น. 6-1

5555 ผมสังเกตมาหลายครั้งละพวกพี่ๆที่อยู่มานานๆละเนี่ย พูดอะไรก็ดูดีไปหมด(หรือว่าตรูคิดไปเองฟ๊ระ) พูดได้ดีมากเลยครับ(ยกนิ้วให้เลย มีโอกาศ 30℅ ที่จะเป็นนิ้วกลาง หยอกๆ) อิอิอิ!

0
เล่าปี่ขงเบ้งลิโป้ 22 ต.ค. 62 เวลา 19:48 น. 7

จริงครับ

ผมเขียนนิยายต้องหาข้อมูลเหล้าจนเชี่ยวชาญ(แต่ไม่เตยดื่ม)

หาข้อมูลเกี่ยวกับการอำพรางศพจนเชี่ยวชาญ

หาข้อมูลการฆาตกรรม สารพิษ ปืน ประวัติศาสตร์ ฯลฯ


0
TunKoB 23 ต.ค. 62 เวลา 11:52 น. 8

ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบเรียนรู้จากความผิดพลาด ซึ่งเวลาว่างๆคิดงานไม่ออกผมก็มักจะแวบไปดูนิยายของคนนั้นทีคนนี้ที อ่านคอมเม้น + รีวิว ที่มีนักอ่านวิจารณ์งานของเขาแล้วก็พยายามอ่านงานของเขาเพื่อหาว่ามันเป็นอย่างที่นักอ่านว่าไหม ด้วยที่ผมเป็นนักเขียนที่เขียนงานออนไลน์แฟนตาซีขาย จะว่าทำเป็นอาชีพมาได้ 2-3 ปีแล้วก็ได้ครับ ผมเลยต้องทำงานหนักและตื่นตัวอยู่ตลอด [ทุกคนก็น่าจะรู้แหละว่าอาชีพนักเขียนมันไม่แน่ไม่นอน วันนี้งานนิยมขายได้ วันหน้าอาจจะขายไม่ได้] ผมพยายามศึกษาดูสถิติตลอดว่างานของคนอื่นที่ดังๆหรือเป็นกระแสขายดีอยู่บนเว็บต่างๆตอนแรกมีนักอ่านเท่าไหร่ 100ตอนผ่านไป 200 ตอนผ่านไป 300 ตอนผ่านไปนักอ่านลดลงขนาดไหน บางเรื่อง 100 ตอนแรก คนอ่านต่อตอนหลักหมื่นแต่ทำไมตอนที่ 200 300 คนอ่านกลับลดลง เหลือตอนละ 500 600 700 ผมพยายามหาคำตอบเพื่อจะนำมาปรับแก้ไขกับนิยายของตัวเองอยู่ตลอดครับ [สรุปก็คือแม้จะมีรายได้ประจำซึ่งพอให้ลืมตาอ้าปากเพราะการเขียนนิยายอยู่แล้วตลอด 2-3 ปี ผมก็ยังต้องเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด ทั้งเรื่องภาษาที่ใช้ เนื้อเรื่อง สำนวน] ดังนั้นการที่บอกว่านักเขียนต้องเรียนรู้อยุ่ตลอดผมเห็นด้วยมากๆ จะเล่าอะไรให้ฟัง ก่อนที่ผมจะมาเขียนนิยายเป็นจริงเป็นจังเพื่อหาเงินและตัดสินใจเขียนนิยาย ผมเคยศึกษางานเขียนของนักเขียนยุกบุกเบิกระบบขายนิยายท่านหนึ่งใน dek ซึ่งเขาประสบความสำเร็จมากในปีแรก ให้ผมเดาคงโกยเงินได้เกือบครึ่งล้านละมั้ง อย่างต่ำก็หลายแสน 2-3 แสนแน่ๆในปีแรกที่ระบบขายนิยายเข้ามาใน dek d แต่ด้วยอะไรหลายๆอย่างมันทำให้นักเขียนท่านนี้หายไป [หรืออาจจะเปลี่ยนนามปากกาไปแล้วผมไม่รู้เพราะนามปากกาเดิมถูกนักอ่านแบนเขียนยังไงก็ดันยอดอ่านไม่ขึ้นขายได้น้อยไม่เหมือนกับเรื่องแรกๆ] กรณีของนักเขียนท่านนี้มันเตือนใจผมตลอดว่าต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาและต้องมีสติ ไม่หลงไปกับเงินที่หาได้และทรยศต่อนักอ่าน

0