[ภามนักเขียน] แต่งนิยายควรใช้ภาษายังไงคะ นึกพล็อตกันยังไง ดำเนินเนื้อเรื่องยังไง
ตั้งกระทู้ใหม่
ช่วยแนะนำเราหน่อยนะคะ เป็นมือใหม่หัดเขียน =///=
11 ความคิดเห็น
ภาษาเขียนยังไงก็ได้ให้คนอ่านเข้าใจและพยายามให้มีคำผิดน้อยจ้า (เราก็ยังทำไม่ได้55)
พล็อตก็อยู่ที่จินตนาการของเราค่ะ
เนื้อเรื่องก็อยู่ที่เราจะดำเนินเรื่องยังไงให้น่าอ่าน ไม่น่าเบื่อ
คำแนะนำ : แนะนำให้อ่านหนังสือเยอะๆค่ะ เพื่อจะได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างๆทั้งภาษาและอื่นๆมาพัฒนาการเขียนได้
สู้ๆค่า ใหม่เหมือนกัน55
หนังสือนิยายหรืออะไรคะ อันนี้สงสัย
อ่านได้ทุกอย่างค่า อ่านได้ตั้งแต่นิยายยันการ์ตูน หรือหนังสือประวัติศาสตร์ หนังสืออ้างอิง การอ่านแต่ละเล่มก็จะได้อะไรที่ต่างกันเยอะ อย่างอ่านนิยายเราจะได้ความสนุก นักเขียนอย่างเราจะได้ภาษาและการบรรยายมาด้วย เวลาเราอ่านเราจะนั่งวิเคราะห์ตัวละครค่ะว่าทำไมตัวละครทำแบบนี้ๆ สาเหตุคืออะไร อย่าลืมสนุกกับมันด้วยนะคะ55
ส่วนหนังสืออื่นๆ หนังสือเรียน ที่ไม่ใช่นิยายและการ์ตูน มันช่วยให้เราเขียนนิยายได้อย่างมีเหตุมีผลมากขึ้น มีอ้างอิงต่างๆ เราได้ความรู้เองด้วย มีติดไว้ไม่ได้ใช้ก็ไม่ได้เสียหายอะไร เราถือคติว่าเป็นนักเขียนก็ต้องรู้อะไรรอบด้าน เพราะโลกในนิยายมันกว้างค่ะ มันเป็นโลกที่เราสร้างขึ้นมาเอง ถ้าเรารู้น้อยนิยายเรามันก็แคบค่ะ
พื้นฐานของนักเขียนก็คือการเป็นนักอ่านที่ดีค่ะ ^^ อ่านทุกอย่างที่เป็นไปได้โดยไม่มีอคติ ถ้าเจองานไม่ดีให้เราวิเคราะห์ว่าทำแบบนี้ไม่ดีนะ เราอ่านยังไม่ถูกใจเลย เราก็อย่าเอาไปใส่ในงานเรา เรื่องไหนดีเรื่องไหนสนุกก็ไปหวีดกับเขาด้วย555555555
สู้ๆน้าาา
1.สำหรับผมนึกพล็อตยังไงก็ได้ครับให้เราเขียนแล้วมีความสุข
2.ภาษาไม่ควรใช้หวือหวาอลังการกว่าเหตุครับ เช่น พล็อตชีวิตวัยรุ่นธรรมดาๆแต่บรรยายแบบ Game of thrones มันก็ไม่ใช่ถูกไหมครับ?
3.ดำเนินเรื่องนี่แล้วแต่ตัวนักเขียนและก็พล็อตเลยครับ
สู้ๆครับ :)
ขอบคุณมากค่ะ
คิดพลอตเรื่องยังไงหรอ เราอยากแต่งแบบไหนก็แต่งแบบนั้น ภาษาที่ใช้ก็เอาตามที่ตัวเองถนัดผมก็แต่งในแบบตัวเองแต่ก็ต้องบรรยายให้คนอ่านเข้าใจได้ง่ายด้วยซึ่งอันนี้ผมก็ทำไม่ค่ิยได้หรอก555เพราะผมเป็นมือใหม่เหมือนกัน เวลาผมแต่งผมจะจินตนาการภาพในหัว จากนั้นก็บรรยายภาพที่เห็นในหัวออกมา เหมือนกับเวลาคุณเห็นอะไรแปลกๆแล้วเล่าให้เพื่อนฟัง555 วิธีผมอาจจะแปลกๆหน่อยแต่ผมรู้สึกว่าผมถนัดทำแบบนี้มากกว่า ถ้าผมแต่ตามวิธีคนอื่นจะรู้สึกไม่ถนัดยังไงไม่รู้แถมออกมาเละด้วย
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ เป็นกันเองใช่มะ
ภาษาขึ้นอยู่กับโทนเรื่องที่คุณใช้ค่ะ
เช่น ฉากของเรื่องอยู่ในไทยก็ต้องเขียนบริบทในไทย ให้มองเห็นภาพ
แต่พอมาเขียนแฟนตาซี
ซึ่งถ้าจะเขียนให้มันตลกก็จะเขียนแบบนี้ไม่ได้ ต้องไปเขียนแบบข้างบน
นึกพล็อตก็คิดว่าหลักใหญ่ของเรื่องคืออะไร ตอบโจทย์โดยยึดหลัก 5W1H เบสิคที่สุดแล้ว จึงค่อย ๆ เติมเข้าไปว่าจะให้มีอะไรบ้าง
คือเราต้องแต่งไปเรื่อยๆหรอคะ แล้วมันจะพัฒนาเองใช่มั้ยคะ
นึกพล็อตยังไง ดำเนินเรื่องยังไง อันนี้มันอยู่ที่ตัวผู้แต่งล่ะครับ ถ้ามันแว๊บเข้ามา
มันก็ไหลไปได้เรื่อยๆเอง ถามว่าทำยังไงคงบอกไม่ได้หรอกครับ แนะนำได้อย่างเดียว
คือเริ่มแต่งบรรทัดแรกก่อน แล้วค่อยๆไหลไปตามที่หัวเราคิดไว้ เพราะอย่างน้อยๆตัวเรา
ก็ควรจะมีแนวนิยาย หรือเส้นเรื่องในใจอยู่แล้ว ขาดแค่การลงมือครับ
ไอการที่ไม่ได้มีไอเดียอะไรมาก่อนแต่อยากแต่งเฉยๆ อันนี้คงจะเป็นไปไม่ได้แน่ๆ
ทุกคนที่อยากเริ่มแต่งนิยายจะต้องมีแรงบันดาลใจซักอย่างหนึ่ง หรือเรื่องราวในหัวเยอะ
จนอยากระบายมันออกมาเป็นตัวหนังสือ และสุดท้ายก็เขียนนิยายของตัวเองออกมา
ยังไงก็สู้ๆนะครับ แต่งไปแก้ไป ไล่อ่านวนไป ทั้งของตัวเองและของคนอื่น ปรับใช้ปรับแก้
ไปเรื่อยๆ นิยายเราก็จะน่าอ่านยิ่งขึ้น
เอาจริง ๆ ควรเริ่มจากการอ่านแบบหลากหลาย หรืออ่านตามความชอบแบบเยอะน่ะค่ะ
แล้วจะรู้สึกว่า ถ้าเราอยากให้มันเป็นแบบนั้น แบบนี้ เราจะทำอะไรได้บ้าง
อย่างเรา เริ่มจากแบบนี้แหละ
เขียนกันไม่จบ มีพล๊อตดีๆ เขียนไป 4-5 ตอน...อ้าวตัน ไปต่อพล๊อตใหม่ เรื่องใหม่ คือ พออ่านติดแล้ว ไปเจอว่าเขาดองไว้ ...มันจะรู้สึก..."เจ็บปวด "5555 จริงๆค่ะ
ตอนนั้นตามหาใน google เลยนะ ไปแต่งทิ้งไว้ตรงไหน จะตามไปอ่าน ซื้อก็ได้อ่ะ
แล้วมันไม่มี ตามไปดูใน profile ของเขา มีแบบนี้ มากกว่า 5 เรื่อง....เอออออออ
แต่งโชว์ก็ได้ มา เราชอบแนวไหน ก็ลองแต่ง ....ทุกวันนี้ก็ 20 เรื่องแล้วค่ะ /เราเข้ามาธ.ค.2560
นี่เล่าประสบการณ์แบบคร่าวๆ^^
แต่งนิยายใช้ภาษาอย่างไร => ภาษาตัวเอง
นึกพล็อตอย่างไร => นั่งเทียน
ดำเนินเรื่องอย่างไร => ตามที่นั่งเทียนได้ จากตอนแรกถึงตอนจบ
เปรี้ยง! มีรองเท้าลอยมา! กรุณาข้ามเม้นต์นี้!!
แฮ่ม
เม้นต์บน ๆ แนะนำอย่างดีมากแล้วแหละ อย่างแรกเลย ถ้าไม่รู้เลยว่านิยายเขาเขียนกันยังไง ก็ลองหาหนังสือ "นิยาย" มาอ่านดูค่ะ อยากเขียนแนวไหน ก็ไปศึกษาดูแนวนั้น
แต่การอ่านมากในทุก ๆ แนว (นอกจากอ่านคือ เสพสิ่งที่เป็น "เรื่อง" คือ ดูหนัง ละคร การ์ตูน ข่าว และชีวิตตัวเอง+คนรอบข้าง) มันจะทำให้ได้กลเม็ด เคล็ดลับ ลีลา และเทคนิคมากขึ้น เมื่อตกผลึกผสมผสานแนวต่าง ๆ ได้แล้ว มันก็จะได้เป็น "ภาษาของตัวเอง" รวมทั้งมันจะเป็นการสะสม "ตัวอย่างเหตุการณ์" ช่วยสะกิดให้เรา "คิดพล็อต" ออกมาได้ ด้วยน่ะ
แต่ไม่ใช่ว่าเอาแต่เสพ เหมือนเรียนภาษา อ่าน ดู ฟัง อย่างเดียว จำศัพท์ได้หมด แต่ไม่เคย "พูด" มันก็แข็ง ๆ ทื่อ ๆ ไปนะ อยากจะเขียนให้ลื่นไหลด้วย ระหว่างนั้นก็ "ลงมือ" เขียนไปด้วยเลยค่ะ จะเป็นบทความเรื่องสั้นอะไรก็ว่าไป ยังไม่มีพล็อตใช่ไหม ไม่มีก็เขียนได้ เช่น ซีนที่ตัวเองอยากจะเห็นตัวละครทำนั่นทำนี่ ทำทำไม? ไม่รู้ ก็แค่อยากเขียน เอ้า! ก็เป็นการฝึกไง!
สู้ ๆ นะจ้ะ
เป็นมือใหม่เหมือนกันค่ะ อยากแนะนำให้เลือกอ่านบทความตาม link ข้างล่างดูค่ะ จะเข้าใจขึ้นเยอะม๊ากกกกกกกกมากกกกกก มีทั้งการสร้างพล็อต ดำเนินเรื่อง บทสนทนา คิดว่าน่าครบทั้งหมดที่ถามมาเลยค่ะ สู้ ๆ นะคะ
https://www.dek-d.com/writer/tip/
เอาตามหลักของเราเลยนะที่เราใช้กับงานตัวเอง
1 ต้องกำหนดก่อนเลยหัวข้อเนื้อเรื่องที่เราสนใจเช่น การย้อนเวลากลับมาเกิดใหม่ การแก้แค้น ดราม่า ตลกร้าย การเมือง แฟนตาซี วิทยาศาสตร์ ช่วงเวลา ยุคสมัยไหน ประเทศอะไร ฯลฯ
2 ใครจะเป็นตัวดำเนินเรื่อง พระเอก นางเอก นางร้าย ตัวประกอบ (จะเล่าในมุมมองของใครนั้นแหละ)
3 ลักษณะนิสัยตัวละครและข้อมูลประวัติตัวละครแต่ละตัว ที่เราสร้างขึ้นมา(ตรงนี้สำคัญจะมีผลต่อการเขียนเรื่องเพราะมันจะมีผลต่อการเขียนบทพูดและบรรยายความรู้สึกตัวละครด้วย)
4 ภาษาจะถูกกำหนดไปเองตามโทนเรื่องที่เรากำหนดไว้ในหัวข้อที่1 ค่ะ เช่น ถ้าในยุคโบราณจะใช้การบรรยายกับคำศัพท์เก่าๆหรือสำนวนการเปรียบเปรยการใช้สรรพนาม บลาๆ(ตรงนี้ขึ้นอยู่กับชั่วโมงบินของนักเขียนค่ะว่าเก็บเกี่ยวประสบการณ์และการหาข้อมูลมามากน้อยแค่ไหนด้วย)
5 การเล่าเรื่อง เล่าในมุมมองแบบไหน เช่น ผมมองเมียตัวเองกำลังตำน้ำพริกกะปิเมนูโปรดของผมอยู่ในครัวหรือ นายเอมองนางบีกำลังนั่งตำน้ำพริกกะปิซึ่งเป็นเมนูโปรดของเขาอยู่ในครัว ประมาณนี้
6 การวางโครงเรื่อง เปิดเรื่องมาด้วยฉากไหน ตอนต่อไปจะต้องดำเนินเรื่องอะไรอย่างไรบ้างแต่ละตอนควรมีจุดสำคัญอะไรไหมที่จะต้องบรรยาย เช่น ตัวเอกไปกินข้าวกับสาวที่ชอบ แต่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเจอแฟนเก่าของสาวเจ้ามาหาเรื่องจากนั้นต่อยกันตัวเอกแพ้ (ประมาณนี้ส่วนจะตบมุกปรุงแต่งอะไรเพิ่มเติมก็ตามจินตนาการคนเขียน)
7 ปมของเรื่อง เช่น อยู่ดีๆซอมบี้จากที่ไหนไม่รู้มาบุกเมืองเอ พระเอกกับเพื่อนเอาตัวรอดหลังจากที่เอาตัวรอดมาซักพักก็บังเอิญเจอนางเอกที่เป็นบุคคลลึกลับซึ่งอาจจะมีส่วนรู้เห็นกับการมีซอมบี้มาบุกเมืองของพวกเขาเพราะนางเอก รู้ข้อมูลเกี่ยวกับซอมบี้แต่ละประเภทเป็นอย่างดีในตอนสุดท้ายอาจจะเฉลยว่านางเอกนั้นแหละคือหนึ่งในนักวิจัยที่สร้างซอมบี้ขึ้นมาแต่ ดันมีกลุ่มคนอำนาจมืดเข้ามาวุ่ยวายและเป็นสาเหตุทำให้ซอมบี้หลุดออกมาโจมตีใส่ประชาชน บลาๆ
8 ตอนจบ bad end, happy end, true end ตามแต่ใจนักเขียนจะกำหนด
คร่าวๆประมาณนี้แหละที่เราใช้กับตัวเองนะ ระหว่างเขียนอาจจะรีไรท์ตรวจคำตกหล่นคำผิดไปพลางๆด้วยก็ดีค่ะ(เราตรวจบ่อยๆอีกยังมีจุดผิดพอตัว555)
แรกๆอาจจะใช้คำง่ายๆไม่ต้องซับซ้อนมากไปก่อนแล้วค่อยๆเพิ่มเติมรายละเอียดเอาทีหลังค่ะ อาจจะแต่งเป็นเรื่องสั้นไปก่อนค่อยขยายเป็นเรื่องยาวก็ว่ากันไป
ใช้จินตนาการให้น้อย ความรู้สึกให้เยอะ ดำเนินเรื่องให้เหมือนไม่อยากให้ตัวละครหรือคนเขียนได้พบความสุข แต่แม่มเส ือกหัวเราะกับชีวิตเหมือนไม่รู้สึกอะไรไง แม่มน่าหมันไส้และไม่อาจเอาชนะมันได้
สรุป สะท้อนถึงตัวเองออกมา
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?
บทความที่คนนิยมอ่านต่อ