Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ดารา : จากจุดสว่างเล็กๆ กลางชีวิตที่สิ้นหวัง สู่อาชีพนักเขียนที่ดูแลครอบครัวได้

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่



มีอะไรในบทสัมภาษณ์นี้บ้าง

              - ‘น้องกานต์’ หรือที่เรารู้จักกันในนามปากกา ‘ดารา’ ผู้เขียนนิยายเรื่อง ‘ข้าไม่ใช่ตัวประหลาด’ เคยป่วยกระทันหันด้วยภาวะไตวายเฉียบพลัน จนต้องหยุดเรียนทันทีที่จบชั้นมัธยมปลาย

              - ขณะที่กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล น้องกานต์เกิดความเครียดจนคิดสั้นหลายครั้ง 

              - พี่ๆ นักศึกษาแพทย์แนะนำให้น้องกานต์ลอง ‘เขียนนิยายคลายเครียด’ จนตอนนี้เธอเขียนนิยายมาแล้วกว่า 7 ปี และมีผลงานนิยายในนามปากกาอื่นกว่า 20 เรื่อง

              - ปัจจุบัน น้องกานต์มีรายได้หลักจากการขายนิยายออนไลน์ มาช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาล และใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
 

 

              ถ้าอยู่ๆ เราลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่าร่างกายแปลกประหลาดไปจากทุกวัน เราจะรู้สึกยังไงบ้างคะ จะรู้สึกเหมือนกับ “น้องกานต์-ดารา” ผู้เขียนนิยายเรื่อง ‘ข้าไม่ใช่ตัวประหลาด’ บ้างไหม ที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าชีวิตหลังจากนี้จะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป เด็กสาววัย 17 ปี ได้กลายเป็นผู้ป่วยที่มีภาวะไตวายเฉียบพลันไปแล้ว ทุกอย่างที่เคยวาดฝันไว้พังทลายลงไปโดยที่เธอไม่ทันได้เสียใจเลยด้วยซ้ำ

 

              เรื่องราวจากวันนั้นจนถึงวันนี้ น้องกานต์ในวัย 24 ปีไม่ได้หวนนึกความฝันที่เคยมีในวัย 17 ปีอีกแล้วค่ะ ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา เด็กสาวต้องเผชิญกับความทุกข์ใจจนอยากลาจากโลกนี้ไปแล้วหลายครั้ง ด้วยไม่อาจใช้ชีวิตได้ตามปกติ และไม่อยากอยู่เป็นภาระของครอบครัว แต่ด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ของน้องกานต์ และความห่วงใยจากคนรอบข้าง ทำให้เธอตัดสินใจ ‘เขียนนิยายคลายเครียด’ ตามคำแนะนำของพี่ๆ นักศึกษาแพทย์ปี 5 ที่คอยให้กำลังใจอยู่เสมอ

 

              หลังจากวันนั้น น้องกานต์ก็เริ่มต้นเขียนนิยายผ่านโทรศัพท์จนมีผลงานมาแล้วมากมาย และตอนนี้นิยายเรื่อง ‘ข้าไม่ใช่ตัวประหลาด’ ที่กำลังได้รับความนิยมบนเว็บเด็กดี ก็เป็นนิยายเรื่องล่าสุดที่เธอลองเขียนไปด้วยเปิดขายไปด้วย จนทำให้เธอมีรายได้จากการขายนิยายรายตอน มาช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาลได้ด้วยตัวเอง 

 

              เบื้องหลังชีวิตของน้องกานต์ ไม่ใช่เรื่องราวที่เราปูมาเพื่อเรียกดราม่าหรือความเห็นใจแต่อย่างใดเลยค่ะ เราเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเหมือนกันว่าชีวิตที่มีความสุขของเธอในวันนี้ จะเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ยากจะก้าวผ่านมันไปได้ง่ายๆ แต่ในวันนี้เมื่อเรามีโอกาสได้พูดคุยกับน้องกานต์แล้ว เราก็อยากให้ทุกคนได้แง่คิดดีๆ จาก “จุดเปลี่ยนชีวิต” ของนักเขียนสาวที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ในบทความนี้เลยค่ะ 

 


จุดเปลี่ยนชีวิตครั้งแรกอาการป่วยไม่คาดคิด

 

              “เราป่วยเป็นโรคไตค่ะ ตอนอายุ 17 ปี  ตอนป่วยเราป่วยแบบไม่เหมือนคนอื่นเลยค่ะ ตื่นเช้ามามีอาการหน้าบวม ขาบวม ตอนนั้นเราคิดว่าประหลาดแล้วนะ ไม่ใช่ปกติแล้ว เราก็เลยไปโรงพยาบาลพบว่าเป็นไตวายเฉียบพลัน ตอนนั้นหมอก็สั่งให้เจาะคอเพื่อฟอกเลือด เป็นการป่วยครั้งแรกในชีวิตเลยที่ต้องนอนโรงพยาบาล แล้วก็นอนนานมากๆ ประมาณ 3-4 เดือน”

 

              “ตอนนั้นมันไม่ทันได้เสียใจด้วยซ้ำ มันเข้ามาทุกอย่างเลย ทั้งที่บ้าน ปัญหาเรื่องเรา พอเราป่วยแล้วเรื่องเงินอันดับแรกเลย มันต้องผ่าตัด มันต้องรักษา โรคไตมันใช้เงินเยอะมาก พ่อแม่ก็เริ่มมีปัญหา ทะเลาะกัน เป็นจุดเปลี่ยนทั้งหมดเลย เรื่องเรียนของเราจากแรกๆ ดี ตอนนั้นก็ไม่ดีไปเลย ตอนนั้นก็แย่หมดทุกอย่างเลยค่ะ”

 

              “อยู่ดีๆ ทุกอย่างก็เหมือนพังหมดเลย ต้องเปลี่ยนใหม่หมดเลยชีวิต จากที่เคยไปโรงเรียน ตอนเที่ยง ตอนเลิกเราก็ต้องกลับมาฟอกไต มันก็เลยคิดเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว อยากเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว มันมีหลายอย่างที่อยากทำ แต่พอป่วยเราก็เลิกอ่ะ เราหลอกตัวเองไม่ได้นะว่าเดี๋ยวก็หาย เพราะว่าโรคนี้ มันรู้ตัวว่าไม่ใช่การหายขาด ถึงจะผ่าตัดเปลี่ยนไตแล้วก็ยังมีข้อจำกัดหลายอย่าง”    

 

              “ความฝันที่เคยมีอะไรพวกนี้ มันรู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ เราก็เลยเลิกฝันไปเลยค่ะ ตอนนี้อย่างเดียวที่อยากได้ คือขอให้แข็งแรงขึ้น ไม่ป่วยลงไปมากกว่านี้” 

 



จุดเปลี่ยนชีวิตครั้งที่สองเริ่มเขียนนิยายคลายความเครียด 

             
               “ตอนนั้นที่ป่วย  แม่ก็ขนเป็นหนังสือมาให้อ่าน ตอนแรกก็เป็นหนังสือเรียนแต่สักพักมันไม่ทำให้เราสบายใจขึ้น ก็เลยเป็นหนังสือนิยายที่เราสะสมเอาไว้ หลังๆ ก็ซื้อมาเพิ่ม เพื่อนมาเยี่ยมก็ซื้อมาให้”

 

              “ทีนี้พี่นักศึกษาแพทย์เขาเป็นคนแนะนำให้เราลองเขียนนิยายเพื่อให้เราได้ระบาย เราอยู่ที่โรงพยาบาลเราทำอะไรไม่ได้ เราต้องอยู่บนเตียง ช่วงแรกเขาจะไม่อนุญาตให้ลงจากเตียงเลย เพราะเรามีอาการเลือดจางด้วยก็จะวูบบ่อย ก็เลยทำอะไรไม่ได้ อ่านหนังสือ โทรศัพท์ ทำได้แค่นั้น เพื่อนก็ไปเรียนเราก็ไม่สามารถคุยกับเพื่อนได้ตลอดเวลา เขาก็เลยแนะนำว่าถ้าเราอ่านนิยายเยอะขนาดนี้ ทำไมเราไม่ลองเขียนดูบ้าง มันน่าจะสนุกดีนะ ดูเราเข้าใจนิยายเยอะดี เราก็เลยลองเขียนดูตามที่พี่เขาแนะนำค่ะ”

 

              “พอได้มาเขียนนิยาย ได้คิดอย่างอื่นที่ไม่ใช่เรื่องป่วย ได้คิดว่าอยากแต่งนิยายแนวนี้ ได้คิดเรื่องนี้ อยากให้นิยายไปทางนี้ ตอนต่อไปทำยังไงต่อดี กลายเป็นว่าจะไปคิดเรื่องอื่นแทนที่ไม่ใช่เรื่องอาการป่วยของเราแล้วค่ะ มันก็เลยดีตรงนั้น ไม่หมกมุ่นเรื่องอาการป่วยมากเกินไปค่ะ”
 

 

จุดเปลี่ยนชีวิตครั้งที่สามเขียนนิยายหารายได้ดูแลตัวเองและครอบครัว

              “ตอนนี้เขียนนิยายเป็นอาชีพแล้วค่ะ รายได้หลักของเรามาจากตรงนี้เลย ได้เยอะมาก”

 

              “ตอนเริ่มเปิดขายนิยาย เราก็จะเปิดฟรีก่อน แล้วค่อยติดเหรียญทีหลัง หลังจากนั้นก็ติดมาเรื่อยๆ มันก็เลยได้รายได้ตั้งแต่ตอนนั้น เยอะขึ้น เสถียรขึ้น จนมันถึงขั้นที่เดือนนี้เราไม่อัป เราก็ได้เงินเดือน มันก็เลยเป็นการเปลี่ยนเลย เพราะว่าเราไม่จำเป็นต้องเครียดแล้วว่า ไม่มีเงินเลย ป่วยด้วย เป็นภาระด้วย หาเงินไม่ได้ด้วย ทำงานก็ไม่ได้ด้วย ต้องไปโรงพยาบาลอีก สุดท้ายพอเราหาเงินเองได้ปุ๊ป ภาระก็คือ คลายลงเลย มันก็เลยเป็นจุดเปลี่ยนเลยค่ะ”

 

              “ถ้าให้เทียบกันแล้วในครอบครัวเราเป็นคนที่มีรายได้เยอะที่สุด เดือนไหนพีคๆ ก็คือจะขึ้นสูงเลย สูงสุดที่เคยได้เลยเดือนหนึ่งก็หลักแสนค่ะ จริงๆ เราไม่ได้บอกครอบครัวตั้งแต่แรก แต่ว่าเรามีปัญหาเรื่องป่วย ต้องผ่าตัด เขาก็จะต้องหาเงิน เราก็เลยบอกว่าไม่ต้องแล้ว บอกว่าเราเขียนนิยายนะ”

 

              “พอบอกพ่อกับแม่ว่า เราเขียนนิยายนะ เขาก็เลยไม่ค่อยแปลกใจ ที่เซอร์ไพรส์คือได้เงินเยอะนั่นแหละ ตอนแรกเขาคิดว่าได้ไม่เท่าไหร่ แต่พอเราเอาไปจัดการค่าผ่าตัดของตัวเองได้ง่ายๆ คนเดียว เขาเริ่มสงสัยแล้วว่ามันได้เท่าไหร่กันแน่ สรุปแล้วก็คือมีเซอร์ไพรส์ตอนที่รู้ว่ายอดมันได้เยอะจริงๆ ค่ะ”

 

              “คือจะแปลกใจ เพราะพวกผู้ใหญ่เขาไม่คิดว่าเรื่องออนไลน์พวกนี้มันจะได้เงินเยอะ พวกยูทูปเบอร์ มันไม่ใช่อาชีพที่มองเห็นกันได้ทั่วๆ ไปอ่ะค่ะ พอเราได้เงินมาจากออนไลน์มันก็เลยดูแปลกสำหรับครอบครัวเลยค่ะ”

 

              “มันเป็นความคิดของพวกเขา เราก็เลยบอกว่าแต่ละคนชอบไม่เหมือนกันนะ อย่างแม่ชอบกินส้มตำ แต่ป้าข้างบ้านไม่ได้ชอบกินส้มตำกับแม่นะ เห็นไหมป้าที่ขายส้มตำเขาก็ขายได้แค่แม่คนเดียว เขาก็ไม่ได้ขายให้ป้าข้างบ้าน คราวนี้นิยายหนู หนูก็ขายให้กับคนที่เขาชอบ ตลาดของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน ความชอบของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน เราจะไปกำหนดแบบนั้นไม่ได้”

 

               “ส่วนตัวเรามีประสบการณ์มาแล้วว่า ถ้าเราเปิดขายนิยาย ยอดวิวมันก็จะลดลง ก็แก้ปัญหาง่ายๆ คือเปิดให้อ่านฟรีก่อน ถ้าเรากังวลเรื่องยอดวิว เรื่องอันดับเราจะตกลง เรื่องยอดวิวเราจะตกลง เราเปิดให้อ่านฟรีก่อนแล้วค่อยติดเหรียญทีหลังก็ได้”

 

               “แต่รายได้มันก็ไม่ใช่การได้มาปั้งเดียวนะคะ  มันค่อยๆ ขึ้นมาเรื่อยๆ รายได้ทุกเดือนเฉลี่ยแล้วคือ สองถึงสามหมื่น แต่มาพีคๆ ก็คือแสนเนี่ย เฉพาะบางช่วงเท่านั้น”

 

               “แล้วมันก็ไม่ใช่ง่ายๆ ที่ลงปุ๊ปแล้วคนก็มาซื้อเลย เป็นนักเขียนที่ใครก็ไม่รู้ ไม่รู้จัก อยู่ดีๆ ก็มาขายนิยายที่ยังลงไม่จบด้วยซ้ำ” 

 

              “เขียนนิยายเรา ต้องชอบและรักนะ สมมติว่าจุดมุ่งหมายเดียวคืออยากได้เงินจากตรงนี้ อยู่ได้ไม่นานหรอก เพราะว่าเราไม่ได้รู้สึกดีกับมัน เราไม่ได้ชอบมันเลย แค่หวังเงินแปปเดียวมันจะเบื่อละ ถ้ามันได้เงินไม่ถึงที่เราต้องการ มันก็จะอยู่ไม่ได้ แต่ว่าที่ทำให้ไปต่อได้คือเราชอบการเขียน ถ้าเราชอบ พอใจกับที่เขียนแล้วก็จะไปต่อได้เรื่อยๆ ค่ะ” 

 

. . . . . .

 

                น้องกานต์เผยความในใจกับเราว่า ก่อนหน้าที่จะมาเขียนนิยาย เธอเคยคิดสั้นฆ่าตัวตายมาแล้วหลายครั้งเพราะไม่อยากเป็นภาระของครอบครัว และรู้ดีว่าโรคที่เป็นอยู่นี้ไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ ถึงจะผ่าตัดเปลี่ยนไตแล้วแต่ก็ยังมีข้อจำกัดในการใช้ชีวิตหลายอย่าง จะกลับไปเรียนก็ไม่ได้ ช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวก็ไม่ได้ ป่วยด้วย ทำงานหนักก็ไม่ได้ ความคิดเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวเธอซ้ำๆ จนไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป 

 

                กระทั่งน้องกานต์ได้รับกำลังใจดีๆ จากครอบครัว ได้รับคำแนะนำจากเพื่อนๆ และพี่ๆ นักศึกษาแพทย์ที่คอยช่วยเหลือและสนับสนุนเรื่องการเขียนนิยาย   ทำให้ความคิดหมกมุ่นเกี่ยวกับอาการป่วย และความคิดที่อยากลาจากโลกนี้ ค่อยๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา 

 

                จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในวันนั้น ทำให้น้องกานต์หันมาหมกมุ่นกับการเขียนนิยายมากขึ้น จนค้นพบว่าการเขียนนิยายเป็นความชอบที่เธอสามารถทำมันออกมาได้ดี และสามารถนำไปต่อยอดเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับเธอได้ เรื่องราวจากวันนั้นจนถึงวันนี้ น้องกานต์บอกกับเราด้วยความมั่นใจว่า การเขียนนิยายทำให้เธอกลับมาภาคภูมิใจในตัวเองได้อีกครั้งหนึ่งค่ะ
 

 
 

              แม้ว่าเรื่องราวเหล่านี้จะผ่านมานานกว่า 7 ปีแล้ว แต่น้องกานต์ก็ยังต้องเข้ารับการรักษาอย่างสม่ำเสมอ ไม่สามารถทำงานหนักได้ ตลอดจนไม่สามารถกลับไปยืนท่ามกลางผู้คนจำนวนมากได้อีกแล้ว เพราะอาการภูมิคุ้มกันต่ำทำให้เธอเจ็บป่วยได้ง่าย ในบทสัมภาษณ์นี้ เราจึงอยากขอบคุณน้องกานต์มากๆ ที่เดินทางมาให้สัมภาษณ์ถึงออฟฟิศ Dek-D และยินดีส่งต่อเรื่องราวของเธอเพื่อเป็นแรงบันดาลใจต่อไป

 

              เรากล้าพูดเลยว่าจุดเปลี่ยนแต่ละช่วงชีวิตของน้องกานต์ เป็นการเรียนรู้และตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่มากๆ ถึงแม้ว่าน้องกานต์จะไม่ได้บอกเล่าว่าความฝันในอดีตนั้นสวยงามเพียงใด แต่ด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ และความมุ่งมั่นที่อยากเขียนนิยายต่อไปเรื่อยๆ เราเชื่อมากๆ ว่า เส้นทางนักเขียนของเธอต่อจากนี้ นักอ่านจะโปรยกลีบกุหลาบให้เธอ ได้ก้าวเดินในนิยายเรื่องต่อๆ ไปอย่างสวยงามแน่นอนค่ะ

 

              ความเชื่อมั่นนี้ เราเชื่อโดยอิงจากประสบการณ์ของนักเขียนสาวที่เคยเขียนนิยาย และเคยเปิดขายนิยายจนติดท็อปขายดีตั้งแต่ครั้งแรกที่เปิดขายเลยค่ะ แม้ว่าเว็บไซต์ Dek-D จะเพิ่งเปิดให้ใช้งาน ‘ระบบขายนิยายรายตอน’ ได้ไม่นาน แต่นักเขียนนิยายเรื่อง ‘ข้าไม่ใช่ตัวประหลาด’ กลับสามารถสร้างรายได้หลักแสนจากนิยายที่ยังเขียนไม่จบเรื่องได้ในเวลาเพียงไม่นาน 

 

              ทั้งนี้ เธอยังสามารถแจกแจงกลยุทธ์การขายนิยายออนไลน์ออกมาได้อย่างมืออาชีพอีกด้วย ซึ่งการลงนิยายให้นักอ่านได้อ่านฟรีก่อนแล้วค่อยเปิดขายทีหลังนั้น นักเขียนขายดีหลายๆ คนนิยมใช้เทคนิคนี้กันมากเลยค่ะ เพราะการลงนิยายให้อ่านฟรีก่อนเปิดขาย สามารถเพิ่มยอดวิวจากนักอ่านสายฟรีได้ และยังช่วยให้นักอ่านสายเปย์ตัดสินใจซื้อนิยายได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

 

              หากใครอยากลองดูว่าการขายนิยายออนไลน์จะสามารถสร้างรายได้จนเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของเราบ้างไหม ตอนนี้ระบบขายเด็กดีมีระบบสนับสนุนนักเขียนที่ยังเขียนนิยายไม่จบ อย่างการเปิดขายนิยายรายตอน และตอนอ่านล่วงหน้าด้วยนะคะ ไปลองเปิดขายกันได้ค่ะ หรือหากใครมีนิยายที่เขียนจบแล้ว การเปิดขายแบบแพ็กเกจก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจเหมือนกันนะคะ

 

              มาเริ่มเขียนนิยาย และศึกษาการขายได้ง่ายๆ ที่ลิงก์นี้เลยค่ะ : bit.ly/writer-howto

 

อ่านนิยายของ ‘ดารา’

-    ‘ข้าไม่ใช่ตัวประหลาด’

แสดงความคิดเห็น