Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ขอความเห็นเกี่ยวกับการเขียนและประเด็นในเรื่องหน่อยครับ "What Have I Done คืนนั้นที่ฉันกับเธอ" [ปล่อยอึ่งโปรโมต]

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ขอความเห็นเกี่ยวกับการเขียนและประเด็นในเรื่องหน่อยครับ อยากรู้ว่าแต่ละคนคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับประเด็นไหนในเรื่องบ้าง  จะเป็นความคิดเห็นส่วนตัวหรือความคิดเห็นส่วนรวมหรืออะไรก็ได้ครับ

เป็นนิยายความยาว 6,000 คำ มีทั้งหมด 3 ตอน เกี่ยวกับสาวไซด์ไลน์กับชายวัยทำงาน โดยเรื่องมันเริ่มที่พระเอกของเรื่องเพิ่งเลิกจากงานและอยากจะไปซื้อสาว ๆ  มาผ่อนคลายอารมณ์  แต่พอตอนจะมีอะไรกันเขาก็มีโอกาสได้เห็นอะไรบางอย่างที่เขียนอยู่บนบัตรประชาชนของเธอ


เนื้อหานิยายทั้งหมดอยู่ในช่องแสดงความคิดเห็นนะครับ


https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=2250868

คือว่าผมกำลังเดินเรื่องจะทำ "What Have I Done คืนนั้นที่ฉันกับเธอ" ฉบับหนังสือขึ้นมาด้วย เลยอยากได้ความเห็นเพิ่มเติม แต่ว่าเอาเข้าจริงแล้วก็ยังไม่รู้เลยว่าจะมีใครเห็นด้วยหรืออยากซื้อมั้ยเลย

เฟซบุ๊กแฟนเพจ "คนเขียนอึ่ง"
https://www.facebook.com/ploiung


 

แสดงความคิดเห็น

5 ความคิดเห็น

23 ส.ค. 64 เวลา 18:51 น. 1

ตอนที่ 1 คืนนั้นที่ฉันกับเธอ


ความจริงคือผมตัดใจว่าจะไม่มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันมันเหมือนมีอะไรมาทำให้ผมต้องกลับมารอที่นี่เหมือนเดิมอีกอย่างนั้นน่ะสิ แล้วมันก็เป็นอะไรที่น่าแปลกใจเป็นอย่างมากเมื่อผมลืมตาขึ้นมาแล้วพบกับเธอเข้าในที่สุด เด็กสาววัยอ่อนต่อโลกที่ในวันนั้นผมขืนใจเธอไป



วันนั้นหลังจากที่เลิกจากการทำงานล่วงเวลาผมก็รู้สึกเหนื่อยล้าจนอยากจะหาอะไรมาปรนเปรออารมณ์สักหน่อย สาวขายบริการตามท้องถนนจึงเป็นทางออกเหมือนกับทุก ๆ ที และแม้ว่าช่วงนี้จะมีตัวเลือกไม่ค่อยมากก็เถอะนะแต่อย่างน้อย ๆ ก็ขอเป็นเด็กยี่สิบต้น ๆ ที่พอจะทำให้ซู่ซ่าได้สักหน่อยแล้วกัน


ผมเลือกที่จะปฏิเสธสาว ๆ กลุ่มหนึ่งที่เพิ่งจะขับรถผ่านมาเพราะยังไม่ตรงกับที่ต้องการมากเท่าที่ควร แต่พอเขยื้อนรถต่อไปอีกหน่อยผมก็กลับเจอสาวสวยคนหนึ่งที่นั่งบนม้านั่งอยู่เพียงตัวคนเดียว


ด้วยความคาใจหรือเพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกันมันทำให้ผมเกิดความสนใจและชะลอรถลงไปภายในเวลาไม่นาน แต่พอเขยื้อนจนเข้าไปใกล้สาวสวยที่ว่าก็ยันตัวเองขึ้นมาพร้อมมองที่ผมกลับมาเหมือนกัน เมื่อเห็นอย่างนั้นผมก็แทบจะฟันธงได้ทันทีเลยว่าเธอก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากสาว ๆ ที่เพิ่งจะขับรถผ่านมาเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้มีอะไรอยู่เพียงแค่นั้นอย่างนั้นแน่นอน


ผมตัดสินใจลองเสี่ยงกับเธอดูสักตั้งว่ามันจะออกหัวหรือก้อยกันแน่ เพราะต่อให้เธอจะรอใครอยู่จริง ๆ ผมก็ไม่ได้ทำให้เธอเสียหายเลยแม้แต่อย่างใด


ผมค่อย ๆ แตะเบรกลงไปจนกระทั่งรถทั้งคันหยุดอยู่ต่อหน้าเธอ กระจกฝั่งซ้ายก็ถูกเลื่อนลงจนกระทั่งมองเห็นใบหน้าสวย ๆ ได้ชัดกว่าเดิม


“สวัสดีค่ะพี่ ขับรถเล่นกันหน่อยไหมคะ”


เธอกล่าวทักทายไปตามประสา ใบหน้าก็ดูสดใสเสียยิ่งกว่าสิ่งใดในสากลโลก


“สวัสดีครับ ขับรถเล่นเหรอ”


“ค่ะพี่ ขับรถเล่นกัน”


“ขับรถเล่นแบบที่เอ่อ...”


“ค่ะ ขับรถเล่นแบบที่เอ่อ...นั่นแหละ ฮิ ๆ”


ใช้ความน่ารักเข้ามาเชิญชวนมันก็ได้อยู่หรอกนะ แต่ว่าจะให้ว่าอย่างไรดี


“น้องมาคนเดียวเหรอ ไม่เห็นมีเพื่อนอยู่ด้วยสักคนเลย”


“ค่ะพี่”


“กลุ่มนั้นไม่ใช่ใช่ไหม”


“เปล่าค่ะ หนูมาคนเดียว”


“อ้าว แล้วน้องไม่กลัวเหรอมานั่งคนเดียวแบบนี้ เห็นมีข่าวว่ามีคนหรือตัวประหลาดออกมาลวนลามผู้หญิงด้วยสิ”


“ฮิฮี่”


รู้ไหมว่าที่เธอทำคือฉีกยิ้มให้แล้วส่ายศีรษะไปมาเบา ๆ


“งั้นเหรอ”


แต่บอกตามตรงว่าในตอนนั้นผมไม่ชอบใจเลย


“แล้วน้องอายุเท่าไหร่”


“ลองเดาดูสิคะ”


“เห้ย อะไรวะเนี่ย เอาจริงดิ”


“ค่ะ เอาเลย”


“อืมมมม”


“ติ๊กตอก ติ๊กตอก ติ๊กตอก”


จะว่าไงดี เธอเป็นคนที่สวยมากเลยนะ สวยแบบที่ไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าทาปากทุกคนก็

พร้อมที่จะชมว่าสวยได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว


เธอดูเป็นผู้ใหญ่มาก ๆ ทั้ง ๆ ที่ก็น่าจะยังเด็กอยู่เลยแท้ ๆ ทั้งเรื่องของโครงหน้า และก็ส่วนสูงที่ตัวเธอมี และในตอนนั้นทางนี้เองก็กะอายุลำบากเหมือนกัน


“ยี่สิบเป็นไง”


“ปิ๊งป่อง”


“เห้ย จริงดิ”


“ฮ่า ๆ ๆ แล้วจริง ๆ พี่คิดว่าเท่าไหร่เหรอคะ”


“ก็ไม่รู้สิ ยี่สิบเอ็ดมั้ง น่าจะยี่สิบเอ็ดแหละ”


ไม่หรอก ผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย จริง ๆ จะบอกว่าน้อยกว่านั้นเสียเลยด้วยซ้ำ


“โหย หนูไม่ได้แก่อะไรขนาดนั้นสักหน่อย”


ใช่ เธอไม่ได้แก่อะไรขนาดนั้นเหมือนอย่างที่พูดออกมานั่นแหละ


“งั้นเหรอ โทษที ๆ”


แต่ก็นั่นล่ะนะที่ทำให้เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นมา


“ว่าแต่มีใครสักคนไปขับรถเล่นเป็นเพื่อนพี่บ้างหรือยัง”


มีอะไรบางอย่างหรือหลายอย่างทำให้ผมเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาอย่างไม่ทันคาดคิด ชายโสดอายุสี่สิบสี่เกิดมีความรู้สึกสนใจใคร่รู้ในตัวของเด็กสาวที่มีอายุอานามเพียงแค่ยี่สิบเท่านั้น เมื่อเราตกลงราคากันเสร็จผมก็บึ่งไปเปิดประตูให้เธอได้ก้าวเข้ามา และต่อจากนั้นผมก็แทบจะละความสนใจจากเด็กคนนี้ไปไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว


“ฮิ ๆ มองถนนดีกว่าค่ะ ไปถึงห้องแล้วเดี๋ยวให้มองจนครบชั่วโมงเลย”


ผมได้ความมาว่าเธอเรียนอยู่รามและเงินที่แม่ส่งมาให้ก็ค่อนข้างน้อยอยู่พอสมควร การมาทำงานเสริมอะไรแบบนี้จึงเป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างพอใจสำหรับเธอเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะได้มาทีเดียวในจำนวนที่ค่อนข้างเยอะจนแทบไม่อยากจะเชื่อแล้ว ช่วงเวลาที่ใช้กับมันไปก็มีเพียงแค่ไม่ถึง 1 ชั่วโมงเอง


“งานไม่หนักนะคะ เสียเหงื่อแค่ไม่กี่เม็ดเอง สบายมาก”


ซึ่งมันก็ จริง


แต่พอไปถึงและวางกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อยริมฝีปากและลิ้นของเราก็ประกบจูบเข้ากันได้เป็นอย่างดี และมันก็ถึงเวลาเสียทีที่ผมจะทำในสิ่งที่ใจต้องการ


“ถอดเสื้อรอนะ เดี๋ยวขอไปเอาถุงยางมาก่อน”


“อย่าไปนานนะคะ”


นาทีนั้นเองสิ่งที่ผมเฝ้าตั้งตารอมันก็เกิดขึ้นจริงได้ในที่สุด ผมอาศัยโอกาสนั้นเข้าไปค้นกระเป๋าของเธอได้อย่างไม่เป็นปัญหา ก่อนจะหยิบเอาอะไรมาดูเพื่อความแน่ใจในเวลาต่อมา แล้วถามกับเธอว่าสิ่งที่อยู่ในมือของผมนี่มันคืออะไรกัน


“นี่คุณคิดจะทำอะไรน่ะ อย่ามาค้นกระเป๋าของคนอื่นมั่ว ๆ นะ”


และแน่นอนว่าสรรพนามมันก็ต้องเปลี่ยน ขณะเดียวกันผมก็คอยระวังไม่ให้เธอมาแย่งเอาบัตรประชาชนของตนไปได้ เด็กสาวเปลื้องผ้าที่อ้างตนว่าอายุยี่สิบค่อนข้างให้ความสำคัญกับสิ่งที่ผมกุมไว้ยิ่งกว่าสิ่งใด มันคืออะไรที่หลอกกับใครในทุก ๆ คืน


“นี่ เอาของของฉันคืนมา”


“ไม่ บอกมาว่านี่มันคืออะไร”


“ฉันบอกให้เอาคืนมา”


“บอกมาว่าพอ.ศอ.เกิดพวกนี้มันคืออะไร !”


มันคงต้องมีตะคอกกันบ้าง ไม่อย่างนั้นมันคงได้คุยกันอย่างไม่รู้เรื่องต่อไปเป็นแน่


“พอ.ศอ.เกิดอะไรมันก็เรื่องของฉันสิ เอามา”


“คิดได้แค่นี้เหรอห้ะ ที่พูดนี่คิดได้แค่นี้งั้นเหรอ”


“คิดได้มากกว่าผู้ใหญ่หลายคนก็แล้วกันล่ะน่า”


“รู้ไหมว่าที่ทำแบบนี้น่ะผู้ใหญ่เขาเป็นห่วงกันมากขนาดไหน”


“จะเป็นห่วงได้ยังไงไม่มีใครรู้ว่าฉันไปทำอะไร ที่ไหนสักหน่อย”


“หน็อย ไม่ฟังกันเลยใช่ไหมห้ะ”


“ว้าย อย่านะ ออกไปเดี๋ยวนี้นะ”


“เก่งนักไม่ใช่หรือไงห้ะกับเรื่องแบบนี้นี่น่ะ”


“-บ้า ออกไปเดี๋ยวนี้นะ นี่แน่ะ นี่แนะ”


มันก็ค่อนข้างวุ่นวายแล้วก็เจ็บตัวอยู่พอสมควร ชายวัยกลางคนที่แค่แกล้งข่มขืนจนโดนตีซ้ำ ๆ จนแทบจะหมดสภาพอย่างช่วยไม่ได้ ก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันไปจี้ใจดำของเธอเข้าตรงจุดไหน แต่ภาพที่เห็นคือเธอร้องไห้อยู่ต่อหน้าต่อตา


ใจจริงผมก็ไม่ได้อยากให้มันออกมาเป็นแบบนี้เลยแม้แต่น้อย แต่พอได้เห็นมันแล้วมันก็อดอยู่เฉยไม่ได้จริง ๆ ผมอาจติดคุกก็ได้ข้อหาล่วงละเมิดทางเพศหรือพรากผู้เยาว์ แต่สิ่งที่ผมยอมไม่ได้มากกว่าคือเธอยังเด็กและอาจมีใครกำลังเป็นห่วงเธออยู่จริง ๆ


รู้ตัวอีกทีผมก็กลับถึงบ้านภายในเวลาต่อมา ก่อนจะเห็นว่าสาวน้อยประจำบ้านรีบออกมาต้อนรับไม่เหมือนกับทุก ๆ วัน


“พ่อคะไปไหนมากลับดึกจังเลย”


“พ่อเหรอลูก”


“ค่ะ พ่อไปไหนมา”


“...พ่อไม่รู้เหมือนกัน”


“ห้ะ เอ่อ พ่อมีอะไรหรือเปล่าคะ”


“ไม่มีอะไรหรอกลูก ขอพ่อกอดสักหน่อยเถอะ มา”


“ห้ะ อะ อะไรนะคะ”


ผมค่อนข้างจะรู้สึกผิดที่ทิ้งเด็กสาวอายุสิบเจ็ดไว้เพียงคนเดียวอยู่พอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำได้แค่เข้าไปสวมกอดด้วยความเป็นห่วงยิ่งกว่าสิ่งใด


“ปลอดภัยดีนะลูก กลางค่ำกลางคืนอย่าออกไปเที่ยวที่ไหนไกลนะ”


“เอ่อ พ่อเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”


และในคืนนั้นเองผมก็ขอไปนอนกับเธออย่างที่ไม่ได้ทำกันมานาน แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเผลอทำให้เธอเป็นห่วงกลับมามากถึงเพียงไหนกัน


“คิดถึงแม่เหรอคะ”


“หืม”


“คิดถึงแม่เหรอกอดหนูใหญ่เชียว”


“ก็คิดถึงลูกด้วยนั่นแหละ”


“อยากมีแฟนใหม่เหรอ”


“ฮ่า ๆ ๆ เปล่าสักหน่อย พ่อรักแม่จะตาย จะไปอยากมีแฟนใหม่ได้ยังไงกัน”


“จริงเหรอคะ”


“จริงสิ แถมยังมีลูกสาวคอยหวงขนาดเนี้ยไม่มีโอกาสได้หาแฟนใหม่ที่ไหนหรอกนะ”


“ฮึ่ม อย่าให้หนูรู้แล้วกันว่าพ่อหาทางที่จะนอกใจแม่น่ะ”


“ฮ่า ๆ ๆ ครับผมว่าที่แพทย์หญิง”


นับจากเหตุการณ์ในคืนนั้นอะไรบางอย่างในตัวของผมมันก็เริ่มเปลี่ยนไป จากที่จะกลับบ้านเร็วในทุก ๆ วันก็เปลี่ยนเป็นกลับบ้านช้าในทุก ๆ คืน ผมใช้เวลาอยู่ร่วมหลายชั่วโมงในการนั่งรอเด็กสาวที่อ้างตนว่าอายุยี่สิบอยู่บนม้านั่งตัวเก่า ทว่าคืนแล้วคืนเล่าก็ไม่เห็นว่าเธอจะโผล่หัวออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว


“พ่อกลับบ้านช้าอีกแล้ว แอบมีแฟนใหม่แน่เลย บอกหนูมาเลยนะว่าใคร”


และยิ่งมาเจอลูกสาวสุดที่รักเข้าไปแบบนี้โอกาสที่จะได้เจอกับเธอก็ยิ่งน้อยลงไปอีกทุกครา


“โถ่ลูกพ่อติดงานจริง ๆ ดูไหมว่าเงินไหลเข้าบัญชีของพ่อเท่าไหร่”


“หนูไม่ได้อยากได้เงินขนาดนั้น หนูอยากให้พ่อกลับมากอดหนูไว ๆ พ่อบอกเองไม่ใช่เหรอว่าตอนกลางคืนมันอันตราย แล้วทำไมพ่อถึงยังกลับดึกแบบนี้อยู่ทุกวันอีก”


“...พะ พ่อขอโทษนะลูก แต่พ่อจำเป็นจริง ๆ”


“จำเป็นกว่าหนูอีกเหรอ”


“...ปะ เปล่านะ ลูกสำคัญกับพ่อที่สุดเลย พ่อถึงได้รีบกลับบ้านมาหาลูกอยู่ทุกวันนี่ไง”


“เธอเป็นใครบอกหนูมาหน่อยได้ไหม”


“...พ่อขอโทษนะลูก พ่อบอกไม่ได้จริง ๆ”


“ฮึ่ม ไม่คุยกับพ่อด้วยแล้ว”


“โอ๋ ๆ ไม่เอานะ พ่อขอโทษ ๆ ขอโทษนะที่ทำให้ลูกรู้สึกไม่ดีน่ะ พ่อจะไม่กลับดึกแบบนี้อีกแล้ว”


“ไม่ พ่อโกหก”


“นะ ๆ ๆ พ่อพูดจริง ๆ พ่อจะไม่กลับดึกแบบนี้อีกแล้ว”


“...ไม่กลับดึกจริง ๆ นะ”


“ครับ ไม่กลับดึกแบบนี้อีกแล้ว พ่อจะกลับมากอดลูกให้ได้เร็ว ๆ เหมือนกับเมื่อก่อนเลย พ่อไม่อยากให้ลูกต้องมาเป็นห่วงแบบนี้อีกแล้ว”


“พ่อให้สัญญานะ”


“ครับ พ่อให้สัญญา”


“เกี่ยวก้อยด้วย”


“ครับ เกี่ยวก้อย ๆ”


ซึ่งในตอนนั้นผมก็จำเป็นต้องตัดใจจริง ๆ อย่างไรเสียผมก็ไม่อยากจะเสียสิ่งที่เป็นที่รักไปไหนอีกแล้ว


“...น่ารักไหม”


“อะ อะไรเหรอลูก”


“แฟนใหม่ของพ่อน่ะเธอน่ารักไหม”


สุดท้ายก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรทำให้เธอเกิดใจดีขึ้นมา แต่มันก็คือโอกาสเพียงไม่กี่ครั้งแล้วล่ะที่จะทำให้ผมได้ไปนั่งรอที่ตรงม้านั่งตัวนั้นอีกที


และเมื่อคืนนี้มาถึงผมก็เอาแต่เฝ้ารอให้เธอโผล่หัวออกมาเหมือนอย่างเคย จนกระทั่งผมเผลอหลับไปแล้วตื่นขึ้นมาใหม่และได้พบเธอ


คืนนั้นที่ฉันกับเธอ

1
23 ส.ค. 64 เวลา 18:57 น. 1-1

ตอนที่ 2 คืนนี้ที่เธอกับฉัน


“เห้ย”


ผมค่อนข้างแปลกใจเป็นอย่างมากที่จู่ ๆ ก็ตื่นขึ้นมาแล้วพบกับเธอ เพราะถึงแม้ว่าจะอยากเจอยิ่งกว่าอะไรแต่ก็ไม่คิดว่าจะได้เจอกับเธอจริง ๆ


“ไง ง่วงนอนงั้นเหรอ”


เด็กสาวที่ผมเฝ้ารอทักท้วงขึ้นมา ทำเอาผมต้องส่ายศีรษะให้มันหายง่วงไปในเร็วพลัน


“ก็ ไม่หนิ”


“เหรอ”


เมื่อเริ่มหายง่วงลงไปบ้างแล้วผมจึงมองกลับไปที่เธออีกที


“นึกว่าจะมาเสียเที่ยวแล้วซะอีก”


“พอดีว่าเพิ่งเคลียร์ธุระเสร็จน่ะ”


“เหรอ”


“ทางนี้เองยังมีเรื่องที่ค้างคาใจอยู่น่ะ”


ทางนี้เองก็เหมือนกันแหละน่า


“นั่งลงก่อนสิ”


“ขอบคุณค่ะ”


หึ เธอมาแล้วนี่ ทีนี้เอาไงดีล่ะเรา


ผมมองไปยังเด็กสาวข้างกายที่ก็เลือกนั่งอยู่ตั้งห่างกัน มันคงจะเป็นเส้นแบ่งกั้นที่ทำให้เธอได้อุ่นใจยิ่งขึ้น


“กลัวเหรอ”


“คุณต่างหากที่กลัว”


“ฉันมานั่งก่อนนะเว้ย”


“พูดกับเด็กน่ะพูดให้เพราะ ๆ หน่อย”


ชะอ้าว เออเว้ย


“เอ่อ ถ้างั้นก็ขอโทษแล้วกัน”


“ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องแค่นี้เอง”


แต่เด็กเหรอ กับเธอเนี่ยนะที่เรียกว่า “เด็ก”


ไม่รู้สิ วันก่อนเห็นใส่เสื้อขาว กางเกงขาสั้น แถมยังทำตัวเล่น ๆ ก็ยังพอจะเรียกว่าเด็กได้บ้างอยู่หรอก แต่พอเปลี่ยนมาเป็นเสื้อดำ กับกระโปรงยาว แล้วทำตัวจริงจังมันก็แทบจะเรียกว่าเด็กเหมือนเดิมไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว กลับกันมันก็ยิ่งทำให้เธอดูสวยมากขึ้นไปอีกเป็นหลายเท่าตัว และในตอนนี้ผมก็ละสายตาจากเธอไปไกลไม่ได้จริง ๆ


“หนูเขินนะมองกันแบบนั้นน่ะ”


จู่ ๆ เธอก็ทักท้วงขึ้นมา คงจะสังเกตเห็นว่าผมนั้นแอบมองเธอจนมากกว่าที่ควร


“ห้ะ อะ โทษที”


“หืม”


“เอ่อ กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่น่ะ”


“เหรอ”


ผมพยายามสลัดความคิดที่อยู่ในหัวเหล่านั้นออกไป ก่อนจะกลับมาตั้งใจเพื่อพูดคุยกับเธอให้เหมือนเดิมอีกที


“คิดว่าหนูสวยไหม”


แต่แล้วจู่ ๆ เธอก็ถามตัดหน้าขึ้นมาเอาเสียอย่างนั้น ทำเอาผมที่เพิ่งจะตั้งตัวได้ก็ถึงกับไปต่อไม่เป็นกันเลยทีเดียว


“อะ อะไรนะ”


“หนูถามว่าหนูดูเป็นผู้ใหญ่หรือเปล่า”


“อะ อื้อ ดูเป็น ๆ”


“ดูเป็นยังไง”


“เอ่อ ก็อาจจะทั้งรูปร่าง บุคลิก เอ่อ นิสัยกับความคิดนี่ไม่รู้นะ”


“แล้ว”


“ห้ะ”


“แล้ว”


“สะ สวย ๆ สวยมากเลย”


“เหรอ”


“แล้วคิดว่าหนูดูอายุเท่าไหร่”


อายุเหรอ ถามทำไมกันอีกล่ะนั่น


“อะ เอ่อ ก็ไม่รู้สิ ยี่สิบเอ็ดมั้ง น่าจะยี่สิบเอ็ดแหละ”


“ปิ๊งป่อง”


เห้ย เดี๋ยว ยังมีอารมณ์จะมาเล่นมุกอยู่อีกเหรอเนี่ย


“เอ่อ แล้วถามทำไม”


“ตอนนั้นคิดไงถึงทำงั้นล่ะ”


“ตอนนั้นเหรอ”


“อื้อ”


ตอนไหนวะ


“หมายถึงตอนขับรถวนรอบเมืองหรือเปล่า”


“อื้อ ตอนนั้นนั่นแหละ หนูงงมากว่าลุงจะขับรถพาหนูวนรอบเมืองทำไม”


เรียกลุงแล้วเรอะ


“เอ่อ ไม่รู้สิ แค่คิดว่าถ้าเปลี่ยนมาเป็นเพื่อนคุยมันก็น่าจะหายอยากได้บ้างเหมือนกัน มั้งนะ”


“เหรอ”


“ก็ถ้าหลอกถามอายุจริงได้ด้วยมันก็น่าจะจบสวยกว่านี้ไม่ใช่หรือไงเล่า”


“ก็เลยต้องข่มขืนหนู”


“ก็เลยต้องค้นกระเป๋าต่างหากเว้ย”


“ฮ่า ๆ ๆ ลุงนี่ตลกไม่เปลี่ยนเลยนะ”


แน่ะ ลุงอีกแล้ว


“ให้มันน้อย ๆ หน่อยเธอน่ะ”


“ค่ะ ๆ คุณลุง”


...เห้อ อยู่ ๆ ก็ขี้เกียจจะคุยกับเธอขึ้นมาซะแล้วล่ะสิ


“แต่หนูขอเดานะว่าลุงน่าจะมีลูกสาวอยู่ที่บ้านอย่างน้อย ๆ ก็น่าจะ 1 คนล่ะแน่นอน”


“ทำไมถึงไม่คิดว่าฉันจะเป็นคนดีบ้างล่ะ”


“คนดีมันเป็นยาก อย่างน้อย ๆ เป็นพ่อที่ดีก็ยังจะทำได้ง่ายกว่าเลย”


ดูถูกกันชัด ๆ นี่หว่า


“งั้นเหรอ”


“แล้ว”


“ฉันมีลูกสาวอยู่ที่บ้านคนหนึ่ง เธอก็ค่อนข้างน่ารักอยู่พอสมควรเลยนะ”


“ก็เลยพาหนูไปกินไปเล่น”


“ก็เท่าที่พอจะเลี้ยงไหวนั่นแหละ”


“แปลว่าให้เวลากับงานจนไม่มีเวลาให้กับลูกอย่างนั้นสินะ”


เมื่อได้ยินอย่างนั้นผมก็แทบจะพูดอะไรไม่ออกกันเลยสักคำ ไม่รู้ว่าที่ให้ไปนั้นมันเพียงพอต่อความต้องการของเด็กคนหนึ่งบ้างแล้วหรือยัง พอกลับมานึกดูดี ๆ บางทีแค่พ่อที่ดีผมก็อาจจะยังเป็นให้เธอไม่ได้เสียเลยด้วยซ้ำ แล้วผมจะต้องทำอย่างไรถึงจะเป็นได้เหมือนอย่างที่เราพูดกัน


“ทะ ทำเป็นรู้มากน่า”


“แทงใจดำล่ะสิ”


นะ หน็อยแน่ยัยเด็กนี่


“ว่าแต่เธอเถอะออกมาที่นี่คนเดียวแบบนี้ไม่มีใครห่วงบ้างเลยหรือไง”


“ไม่มีใครรู้ว่าหนูออกมาทำอะไร ที่ไหนสักหน่อย”


“เดี๋ยวก่อนสิเห้ย ฉันยอมเสี่ยงติดคุกนี่ก็เพื่อเธอนะ”


“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่ต้องแล้ว”


อะ อะไรกันวะ ที่เราทำไปทั้งหมดนี่มันไม่มีความหมายเลยหรือไงกัน


“หมายความว่าไง ที่บอกว่ามีแม่คอยทำงานหาเงินมาให้นี่เธอไม่เคยเข้าใจบ้างเลยหรือไงห้ะ”


“หนูเข้าใจค่ะ”


“เข้าใจแล้วยังจะมา”


“แม่หนูตายแล้ว”


“ห้ะ อะ อะไรนะ ?”


มะ เมื่อกี้เธอล้อเล่นหรือเปล่า ทำไมถึงทำน้ำเสียงกับสีหน้าจริงจังแบบนั้นออกมาได้กัน มันใช่เวลาที่จะมาล้อเล่นแบบนั้นได้อยู่อีกเหรอ


“เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ”


“...แม่หนูตายแล้ว”


มันมาถึงจุดที่นั่งอยู่กับที่ไม่ไหวจริง ๆ ขาทั้งสองมันยันตัวขึ้นยืนแล้วเดินไปหยุดอยู่ต่อหน้าของเธอ ผมไม่รู้ว่าแม่ของเธอเป็นใครแต่ผมก็เข้าใจถึงการสูญเสียนั้นเป็นอย่างดี อย่างน้อย ๆ ก็ไม่อยากจะเห็นเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้านี้เอาเรื่องความตายมาล้อเล่นอีกแล้ว


“ดะ ได้ไง วันนั้นเธอบอกว่าแม่ของเธอยังสบายดีไม่ใช่หรอกเหรอ”


“ขอโทษนะเรื่องนั้นคือหนูโกหก”


“โกหกยังไง อธิบายมาให้มันรู้เรื่องได้ไหมห้ะ”


“ขอโทษนะแต่ช่วยนั่งลงก่อนได้ไหม”


“ใครมันจะไปนั่งลงล่ะวะ เงยหน้าขึ้นมาคุยกันดี ๆ สักหน่อยได้ไหม”


“อยากเห็นน้ำตาของหนูขนาดนั้นเลยเหรอ”


“อะ”


ดะ เดี๋ยวสิเห้ย น้ำตาพวกนี้นี่มันอะไรกัน ยัยนี่เอาจริงหรือไงเนี่ย ที่พูดเมื่อกี้นั่นคือเรื่องจริงงั้นเหรอ ก่อนหน้านี้ยังคุยเล่น ๆ กับเราอยู่เลยแท้ ๆ


“หนูขอล่ะช่วยใจเย็น ๆ แล้วนั่งลงก่อนได้ไหม”


“ที่พูดนี่คือเรื่องจริงใช่ไหม”


“น้ำตามันบีบกันง่ายขนาดนั้นเลยหรือไง”


อะ เอาไงดี เราควรจะทำยังไง นี่มันไม่ใช่ครั้งแรกแล้วนะที่เราต้องมาเจออะไรแบบนี้จากเธอกันน่ะ ความผิดของเรางั้นเหรอ เราทำให้เธอรู้สึกไม่ดีขนาดนั้นเลยหรือไง


“ฉะ ฉันขอโทษ ฉันควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่”


เมื่อเห็นอย่างนั้นอีกฝ่ายก็แทบจะไม่ได้กล่าวโทษอะไรกลับมาเลยแม้แต่นิดเดียว มีเพียงแค่เช็ดน้ำตาให้กับตัวเองไปทั้งอย่างนั้นเลย ส่วนผมก็ได้แต่ยืนดูเธอโดยที่ไม่ได้ขยับไปไหนเหมือนอย่างเคย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากจะทำให้เธอต้องลำบากใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว


ผมนั่งลงไปที่ม้านั่งตัวเดิมตามที่เธอร้องขอ พยายามทำใจให้เย็นลงเพื่อที่จะฟังเรื่องที่เธอเล่า จากนั้นค่อยเห็นว่าเธอเพิ่งเช็ดน้ำตาเสร็จไปแล้วเหมือนกัน ก่อนจะปล่อยให้เธอทำใจอีกหน่อยแล้วค่อยเริ่มเล่าอย่างที่เธอตั้งใจ


“แม่ของหนูเพิ่งจะเสียไปหลังจากวันนั้นที่เราได้เจอกันน่ะ”


“ระ เรื่องจริงงั้นเหรอ”


“แล้วยังจำได้ไหมว่าหนูบอกอะไรเกี่ยวกับแม่ไปบ้าง”


“อื้อ จำได้”


“ที่คุณรู้ไปนั่นหนูโกหก ความจริงแล้วแม่ของหนูต้องทำงานคนเดียวเพราะหนี้สินจากการพนันที่พ่อได้ก่อเอาไว้ แต่หลังจากที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เข้าแม่ก็มองอะไรไม่เห็นและเดินไม่ได้นับจากนั้นอีกเลย”


“หนูจำต้องเรียนและทำงานพิเศษแทนแม่เพื่อหาเงินซื้อข้าวกินไปวัน ๆ แต่แค่นั้นมันยังไม่พอเพราะว่าเจ้าหนี้ก็ยังตามมาทวงในทุก ๆ สัปดาห์ ดีแค่ไหนแล้วที่พวกมันไม่เอาหนูไปขัดดอกก่อนน่ะ ถ้าไม่ให้หนูทำงานพิเศษแบบนี้แล้วจะให้หนูไปทำอะไรอีกเล่า”


นะ นี่น่ะเหรอเหตุผลจริง ๆ ของเธอน่ะ


“ตอบมาสิ”


“...ฉะ ฉันไม่รู้”


“...ไม่รู้ก็ดี หนูเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”


“มีคนในหมู่บ้านสงสัยว่าหนูแอบไปทำอะไรตอนกลางค่ำกลางคืนบ่อย ๆ พอแม่รู้เรื่องเข้าท่านก็ทำใจยอมรับไม่ได้เป็นการใหญ่ บอกว่าเลี้ยงหนูมาให้เป็นกุลสตรีไม่ใช่กะหรี่ที่คอยถ่างขาให้กับคนอื่น วันนั้นเราเลยทะเลาะกันหนักมาก แต่พอตอนเช้าของวันต่อไปหนูก็พบว่าแม่นั้นฆ่าตัวตายไปตั้งนานแล้ว”


“ดะ เดี๋ยวก่อนสิ ฆ่าตัวตายเหรอ เพราะเรื่องที่เธอขายตัวใช่ไหม”


“แม่หนูหัวโบราณ บอกว่าอายชาวบ้านที่มีลูกสาวมาทำงานที่เสียศักดิ์ศรีแบบนี้”


ไม่ใช่แล้ว แม่เธอไม่ได้อายชาวบ้านสักหน่อย


“ไม่รู้หรือไงว่าที่ยังมีอยู่มีกินในทุกวันนี้เพราะว่าหนูออกไปทำอะไรแบบนี้มาน่ะ”


ก็เพราะว่ารู้ดีนั่นแหละถึงได้ทำแบบนั้นลงไป เธอต่างหากล่ะที่ไม่เข้าใจถึงความต้องการของแม่ของตัวเอง


“รู้ไหมว่าหนูเกลียดแค่ไหนที่ต้องมานอนถ่างขาให้กับใครต่อใครแบบนี้น่ะ กว่าจะทำใจให้ชินได้หนูเสียน้ำตาไปไม่รู้ตั้งกี่รอบแล้ว แล้วนี่น่ะเหรอที่แม่ทำกับหนูน่ะ”


“เดี๋ยว เธอไม่เข้าใจ”


เมื่อได้ยินอย่างนั้นเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าจึงลุกขึ้นมาแล้วระเบิดอารมณ์ใส่ผมทันที


“หนูเข้าใจน่าว่าแม่แค่หาข้ออ้างในการฆ่าตัวตายน่ะ หนูรู้น่าว่าการดูแลคนพิการน่ะมันลำบาก แต่ที่หนูออกมาหาเงินเพราะหนูอยากอยู่กับแม่ไม่ใช่เพราะหนูอยากชดใช้หนี้ แล้วดูที่แม่ทำกับหนูมาสิ มาทิ้งกันไปแบบนี้ในฐานะแม่มันใช้ได้เหรอ แล้วที่หนูทำไปทั้งหมดมันจะมีความหมายอะไรกันเล่า”


อะ อะไรกันน่ะ ยัยเด็กนี่เข้าใจทั้งหมดตั้งแต่แรกอยู่แล้วงั้นเหรอ


“ทำไมแม่ไม่เข้าใจบ้างว่าหนูมีชีวิตอยู่จวบจนทุกวันนี้ได้ก็เพราะว่ามีแม่น่ะ แล้วไม่คิดบ้างเหรอว่าถ้าแม่ไม่อยู่แล้วหนูจะอยู่ยังไง ทำไมถึงเห็นแก่ตัวแบบนี้ด้วย”


โกรธแม่ที่ทิ้งตัวเองไปได้ถึงขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย นี่คือความรู้สึกทั้งหมดที่เด็กคนนี้เก็บเอาไว้งั้นเหรอ


“หนูเกลียดแม่ ฮือ ๆ หนูเกลียดแม่ มาทิ้งกันไปแบบนี้ได้ยังไง”


และวินาทีนั้นความรู้สึกที่อดกลั้นมานานมันก็พรั่งพรูออกมาจากตัวของเธอ จากที่เคยเช็ดออกไปแล้วก็กลับไหลออกมากันอีกครั้งหนึ่ง ใบหน้าที่แต่งแต้มออกมาอย่างสวยงามบัดนี้กลับกลายเป็นอาบไปด้วยน้ำตาเอาเสียอย่างนั้น เธอคงไม่ได้ตั้งใจที่จะมาร้องไห้ให้ผมดูตั้งแต่แรกกันหรอกใช่ไหม


ผมลุกขึ้นไปแล้วกอดเธอไว้ด้วยความเบามือ อยากให้เธอปล่อยสิ่งที่ถือที่อยู่ในมือเหล่านั้นลงไป เด็กสาวที่อยู่ในอ้อมกอดก็ค่อย ๆ สวมกอดกับผมกลับคืน ขณะเดียวกันก็ยังคงสะอื้นพร้อมทั้งน้ำตาอยู่อย่างนั้นต่อไป



เมื่อผ่านไปได้สักพักเด็กสาวก็เริ่มที่จะทำใจไปได้บ้างแล้ว เธอค่อย ๆ คลายวงแขนจากผมลงไปแล้วกลับมาเช็ดน้ำตาให้ตัวเองอีกที


“หนูขอโทษ หนูไม่ควรเอาอารมณ์มาลงที่ลุงเลย”


“ไม่หรอก แบบนี้แหละดีแล้ว”


“นั่งลงก่อนดีไหม”


เธอเลือกที่จะไม่ตอบอะไร แต่ถึงอย่างนั้นก็ค่อย ๆ นั่งลงไปแล้วเช็ดน้ำตาให้หมดอีกที


“...ขอบคุณค่ะ”


“อะ อื้อ”


คราวนี้ผมเองก็ต้องนั่งลงไปบ้างเหมือนกัน อยากอยู่เป็นเพื่อนรับฟังให้กับตัวเธอจนกว่าจะพอใจ


“หน้าหนูเลอะหมดแล้วอย่ามองนะ”


“ห้ะ อะ โทษที ๆ”


ยังจะมาห่วงสวยอะไรเอาตอนนี้อีกล่ะนั่น


“ก็ไม่ต้องเลี่ยงมองหน้าหนูขนาดนั้นก็ได้”


“ห้ะ อะไรวะ จะเอายังไงกันแน่เนี่ยห้ะ”


“ฮ่า ๆ ๆ คุณลุงนี่ยังตลกไม่เปลี่ยนไปเลยจริง ๆ”


“หน็อยแน่เธอนี่”


“ฮ่า ๆ ๆ ก็มันจริงนี่นา หนูไม่ได้โกหกอะไรลุงสักหน่อย”


“ฮึ่ม เห็นว่าเพิ่งจะร้องไห้มาหรอกนะไม่งั้นไม่ยอมง่าย ๆ แน่”


“ค่ะ ๆ คุณลุง”


“เห้ย เรียกลุงให้มันน้อย ๆ ลงหน่อย”


“ให้กลับไปเรียกพี่เหมือนเดิมไม่เอาหรอกนะ”


“พี่ก็ไม่เอาเว้ย”


“งั้น ‘พ่อ’ หนูก็ไม่เอาเหมือนกัน”


“มะ หมายความว่าไง”


“หนูรู้นะว่าลุงคิดอะไรอยู่น่ะ แต่หนูขอปฏิเสธ”


“แล้วถ้าฉันไม่ยอมล่ะ”


“หนูก็เลือกที่จะไม่ยอมลุงเหมือนกัน”


“แต่ฉันไม่ใช่พ่อของเธอที่คอยก่อปัญหาให้นะเว้ย”


“แต่ลุงก็ไม่ใช่คนที่จะต้องมารับผิดชอบชีวิตของหนูอยู่ดี”


“นี่เธอยังจะกลับไปทำอะไรแบบนั้นอยู่อีกงั้นเหรอ”


“แล้วที่หนูทำน่ะมันผิดตรงไหน หนูไม่ได้ก่อความเดือนร้อนให้ใครสักหน่อย ทุกบาททุกสตางค์เกิดจากหยาดเหงื่อแรงกายของหนูทั้งนั้น”


“แล้วกฎหมายล่ะเห้ย”


“ผิดศีลยังทำได้ นับประสาอะไรกะอีแค่กฎหมายที่เอาผิดใครไม่ได้สักครั้งเลยล่ะ”


“แล้วที่แม่เธอยอมทำแบบนั้นลงไปเธอจะยอมให้มันสูญเปล่าไปอย่างนั้นน่ะเหรอ”


“แล้วที่หนูทำลงไปทั้งหมดแม่ไม่ทำให้มันสูญเปล่าไปเลยหรือยังไงกัน”


“เดี๋ยวก่อนสิ เธอจะมาเอาชนะแม่ตัวเองด้วยเรื่องแบบนี้ไม่ได้นะ”


“ทำไมมันจะไม่ได้ก็ในเมื่อแม่ทำกับหนูลงไปก่อนน่ะ ลุงไม่ใช่หนูซะหน่อยลุงจะไปเข้าใจอะไร”


“...นะ นี่เธอจะไม่ยอมให้อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยใช่ไหม”


“...ขอโทษนะหนูไม่อยากคุยกับลุงแล้ว”


“อะ ดะ เดี๋ยวสิ นี่จะไปจริง ๆ งั้นเหรอ เรายังคุยกันไม่ทันรู้เรื่องเลยนะ


“ขอบคุณสำหรับที่ผ่าน ๆ มานะคะ แต่หลังจากนี้หนูจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว”


“วะ ว่าไงนะ”


“รีบกลับบ้านไปหาลูกสาวของลุงเถอะค่ะ บางทีเธออาจจะกำลังเป็นห่วงลุงอยู่ก็ได้”


ไม่สิ มันจะต้องไม่ใช่แบบนี้สิ จะมาจากกันไปแบบนี้ไม่ได้นะ


หยุดสิ ช่วยหยุดเดินแล้วหันมาทางนี้สักหน่อยได้ไหม


เห้ย เธอน่ะได้ยินไหม เธอได้ยินที่ฉันพูดบ้างไหม


นี่มันนอะไรกัน มันไม่ควรจะออกมาเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ เด็กสาวที่เราอยากจะช่วยมาตลอดกำลังไกลออกไปเรื่อย ๆ แล้วนะ หลังจากนี้ไปเธออาจจะแอบทำร้ายตัวเองก็ได้ไม่ใช่เหรอ ทำไมเราถึงได้ห่วยแตกอะไรอย่างนี้ ทำไมเราถึงช่วยอะไรเธอไม่ได้บ้างเลย ทำไมกัน


คืนนี้ที่เธอกับฉัน

0
23 ส.ค. 64 เวลา 19:02 น. 2

ตอนที่ 3 วันนี้ที่ฉันกับอีกคน


หลังจากที่ปล่อยให้เธอจากไปจนลับสายตาผมก็ได้แต่เดินทางกลับบ้านอย่างคนที่ไม่รู้จะทำอย่างไร ลูกสาวก็ออกมาต้อนรับอย่างไวแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นมาจนหายได้เลย เธอสังเกตเห็นสีหน้าของผมก็รับรู้ได้แล้วว่าเรื่องที่เจอมันยังไม่เป็นที่พอใจเท่าที่ควร เลยได้แต่ชวนให้ผมเข้าบ้านไปก่อนก็เท่านั้นเอง


ผมตัดสินใจเล่าความจริงให้กับลูกสาวเพียงคนเดียวนี้ฟังตั้งแต่ต้นยันจบ บอกเธอไปหมดทุกอย่างว่าผมทำอะไรกับสาวน้อยที่เพิ่งจะเจอกันไปเมื่อคืนก่อนบ้าง แต่ก็ยังถือว่าผมโชคดีที่ลูกสาวคนนี้นั้นพร้อมที่จะเปิดใจรับฟัง ผมจึงสามารถบอกความในใจไปได้ทุกอย่างอย่างที่ไม่กลัวจะถูกโกรธกลับมาเลย


"พ่อเข้านอนก่อนไหมคะ"


และคืนนี้ทั้งคืนผมก็เอาแต่นั่งคอตกอยู่แต่ในห้องนั่งเล่นไปทั้งอย่างนั้น คิดวนเวียนแต่เรื่องของเด็กสาวที่หัวใจแตกสลายซ้ำไปซ้ำมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเธอกำลังมีปัญหาอยู่เลยแท้ ๆ แต่ผมกลับปล่อยให้เธอก้าวเดินจากไปไปได้อย่างไร อย่าว่าแต่ “พ่อที่ดี” เลยแค่ “เพื่อนคนหนึ่ง” บางทีผมก็อาจจะยังทำได้ไม่ดีเสียเลยด้วยซ้ำ ผมมันไม่ได้เรื่องจริง ๆ



“พ่อคะ ...พ่อคะ”


อือ ...เสียงลูกของเราเหรอ


“พ่อคะตื่นได้แล้วค่ะ นี่จะเช้าแล้วนะ พ่อไม่ไปทำงานเหรอ”


งานเหรอ ห้ะ งาน


เมื่อคิดได้อย่างนั้นผมจึงรีบยันตัวขึ้นมาอย่างทันทีทันควัน ก่อนจะพบว่ามีลูกสาวยืนอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ที่เล็ดลอดเข้ามา


“เช้าแล้วเหรอลูก”


“ค่ะพ่อเช้าแล้ว”


ผมมองไปยังรอบ ๆ เพื่อดูให้แน่ใจว่าที่นี่คือที่ไหนกัน แต่พอเห็นว่ามันไม่ใช่ห้องของผมแล้วนั้นจึงได้แต่ถอนใจให้กับตัวเองเบา ๆ


...เห้อ หลับคาโซฟาไปอีกแล้วสินะเนี่ย ทุกทีเลยสิน่า


“พ่อไหวไหมคะ”


“หืม”


“โอเคหรือเปล่า”


ได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง


“อะ อื้อ พ่อโอเค”


“เหรอคะ งั้นก็ดีแล้วล่ะ”


“ลุกไปอาบน้ำเถอะค่ะ เดี๋ยววันนี้หนูทำกับข้าวให้เอง”


“ห้ะ อ๋อ ไม่หรอก พ่อทำเองดีกว่า เดี๋ยวลูกจะไปโรงเรียนสายเอา”


“แต่พ่อเพิ่งตื่นนะ หนูว่าพ่อไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”


“ฮ่า ๆ ๆ ไม่เป็นไร พ่อไหวจริง ๆ เดี๋ยวทำของโปรดให้เลย”


“อะ เอางั้นก็ได้ค่ะถ้าพ่ออยากทำ”


“ขอบใจนะ”


“ค่ะ”


เมื่อเป็นอย่างนั้นสาวน้อยตรงหน้าก็ค่อย ๆ เดินจากผมไป ส่วนผมก็ได้แต่มองตามหลังเพื่อดูว่าเธอจะไปแล้วจริง ๆ ไหม


...เห้อ เผลอทำให้เป็นห่วงอีกจนได้ ไม่ไหวจริง ๆ เลยนะเรา


...เห้อ


“ฮึบ อ้ะ”


...พ่อที่ดีงั้นเหรอ งั้นเอาเป็นไข่เจียวไปก่อนละกัน



...


“พ่อคะ”


...


“...พ่อคะ”


...


“...พ่อ !”


“ห้ะ อะ อะไรเหรอลูก ?”


อะไรวะ ตะโกนทำไม


“พ่อทำอะไรอยู่เหรอ”


อะไรเหรอ ไม่เข้าใจคำถามแฮะ ก็ เจียวไข่ไม่ใช่เหรอ


“เอ่อ พ่อก็เจียวไข่อยู่ไง”


“เหรอคะ”


หืม ในมือเรามันก็จานไข่เจียวมันก็ถูกแล้วนี่


“ลูกมีอะไรหรือเปล่า ?”


“พ่อนั่นแหละมีอะไรหรือเปล่า หนูเห็นพ่อยืนเจียวไข่มาหลายนาทีแล้วนะ”


ห้ะ เรานี่น่ะเหรอยืนเจียวไข่ไปตั้งหลายนาที


ผมมองไปยังไข่ในจานที่ถูกเจียวจนละเอียดอย่างไม่มีชิ้นดี แต่พอเห็นลูกสาวเข้ามาทักท้วงแบบนี้ก็ไม่รู้จะไปต่ออย่างไรเหมือนกัน


“เอ่อ พ่อขอโทษนะลูก พ่อไม่รู้ตัวน่ะ”


“นึกแล้วเชียว หนูไม่น่ายอมพ่อเลยจริง ๆ”


...ไม่ได้เรื่องจริง ๆ ด้วย


“พ่อคะคุยกันสักหน่อยดีไหม”


“ห้ะ”


“ไม่ต้องตอบแล้วค่ะ วางไข่เจียวที่อยู่ในมือแล้วมานั่งที่โต๊ะกับหนูนี่เลย”


“เดี๋ยว ๆ ลูกพ่อเดินไปเองได้”


นะ นี่ลูกเราเอาจริงเหรอเนี่ย


“มา ไม่ต้องขัดขืนหนูเลย”


นานแค่ไหนแล้วนะที่เราไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้น่ะ


“โอเคค่ะ พ่อนั่งลงก่อนเลย เดี๋ยวหนูนั่งเก้าอี้อีกตัวแล้วกัน”


ตั้งแต่ที่คุณจากไปเลยหรือเปล่านะ


“โอเคค่ะ ว่ามาเลย”


“วะ ว่ามาอะไร”


“ก็เรื่องแฟนพ่อนั่นแหละจะอะไรซะอีก”


“ไม่มีแล้ว พ่อเล่าให้ฟังหมดแล้ว”


“หมดแล้วจริง ๆ นะ”


“อื้อ หมดแล้ว”


“พ่อรู้ใช่ไหมว่าเธอยังมีญาติพี่น้องเหลืออยู่อีกน่ะ”


“พ่อรู้”


“แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงอยู่ดีสินะ”


“...ก็คงงั้นแหละมั้ง”


“งั้นหนูขอถามหน่อย ที่พ่อเป็นห่วงหนูน่ะเป็นห่วงเพราะว่าอะไรงั้นเหรอ”


“เพราะว่าอะไรงั้นเหรอ ?”


“อื้อ”


“ก็เพราะว่าลูกเป็นลูกของพ่อยังไงล่ะ”


“มีอะไรนอกเหนือจากนี้อีกไหม”


อะไรนอกเหนือจากนี้อีกงั้นเหรอ


“ก็เพราะว่าลูกยังเด็กอยู่ไง”


“อื้อ นั่นแหละ ๆ”


...เด็ก เหรอ เด็ก อย่างนั้นเหรอ


...มันเหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่ค้างคาใจเราอยู่เลยแฮะ


“ ‘หนูถามว่าหนูดูเป็นผู้ใหญ่หรือเปล่า’ ”


ห้ะ ดะ เดี๋ยวสิ


“ ‘อะ อื้อ ดูเป็น ๆ’ ”


เดี๋ยว แบบนี้มันจะไม่ง่ายไปหน่อยเลยเหรอ


“ ‘แล้วคิดว่าหนูดูอายุเท่าไหร่’ ”


ไม่ ๆ ๆ มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ มันต้องไม่ใช่


“ ‘ปิ๊งป่อง’ ”


...ฮะ ฮะ ฮ่า ๆ ๆ ฮ่า ๆ ๆ ไม่ใช่งั้นเหรอ มันจะไม่ใช่แบบนั้นได้ยังไงกันวะ


นี่เธอไม่ได้กะจะมาขอบคุณหรือบอกข่าวของแม่จริง ๆ สักหน่อยนี่หว่า ยัยเด็กตัวแสบเอ้ยเล่นทำให้เป็นห่วงอยู่ได้ตั้งนาน


“ฮ่า ๆ ๆ เข้าใจแล้วล่ะ พ่อเข้าใจแล้วลูก”


“อย่างนั้นเหรอคะ”


“อื้อ พ่อเข้าใจสิ่งที่ลูกต้องการจะบอกแล้ว”


“ฮิ ๆ ดีแล้วล่ะค่ะ พ่อจะได้กลับมาเป็นพ่อคนเดิมของหนูสักที”


“ครับ พ่อกลับมาเป็นพ่อคนเดิมของลูกแล้ว”


“ดีเลยค่ะ งั้นวันนี้พ่อไม่ต้องทำกับข้าวแล้วนะ เดี๋ยวหนูจัดการให้เอง พ่อลุกไปอาบน้ำดีกว่า”


“ฮ่า ๆ ๆ ครับผมว่าที่แพทย์หญิง”


เห้อ ในที่สุดก็โล่งใจสักที ไม่นึกว่าเรื่องในครั้งนี้มันจะส่งผลต่อเราได้ถึงขนาดนี้มาก่อน


อย่างไรก็ตามถ้าหากว่าเธอยังยืนยันที่จะเดินไปบนเส้นทางนั้นผมเองก็จะไม่ขัดอะไรแล้วล่ะ แต่ถ้าหากว่าวันหนึ่งเกิดคิดถึงเธอขึ้นมาชื่อบนบัตรประชาชนที่ผมจำได้นี่ก็น่าจะช่วยตามหาเธอได้บ้างอยู่เหมือนกัน ส่วนลูกสาวสุดที่รักก็คงจะต้องหาวันลางานเพื่อพาเธอไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจอีกสักหน่อยแล้วล่ะ ไม่แน่นะคะแนนความเป็นพ่อที่ดีของผมก็อาจจะพุ่งสูงขึ้นอีกกว่านี้ก็เป็นได้


วันนี้ที่ฉันกับอีกคน


What Have I Done คืนนั้นที่ฉันกับเธอ

จบ

5
Menomy 24 ส.ค. 64 เวลา 06:10 น. 2-1

เรารู้สึกแปลกๆ ตรงคำพูดของน้องผู้หญิงที่ว่า

"..ดีแค่ไหนแล้วที่พวกมันไม่เอาหนูไปขัดดอกก่อนน่ะ.." (ที่บท 2)

มันหมายถึงการไปเสียตัวให้เจ้าหนี้ใช่ไหม?

แต่น้องผู้หญิงก็ออกมาทำงานกลางคืน ซึ่งก็เสียตัวอยู่ดี หรือเราเข้าใจอะไรผิด xP

มันเลยรู้สึกแปลกๆ เพราะผลลัพธ์คือเสียตัวเหมือนกันแต่น้องผู้หญิงบอกว่า "..ดีแค่ไหนแล้ว.." ซึ่งมาพูดตอนนี้ก็...ไม่น่าจะรู้สึกว่าที่ตัวเองทำมันดีกว่าการไปขัดดอกให้เจ้าหนี้นะ

//นี่เป็น คหสต. บางทีเราอาจรู้สึกแปลกไปคนเดียว 555

//และขอโทษที่ประเด็นมันอยู่บท 2 แต่เราดันเอามาถามที่บท 3 = ="


อีกเรื่องนึง

เราไม่เข้าใจตอนจบอ่ะ (บอกหน่อยๆ xD)

คือเข้าใจว่า ตัวเอกนึกคำพูดของน้องผู้หญิงที่คุยตอนนั้น

แต่เรางงว่า นึกขึ้นได้ แล้วมันหมายความว่าไงหรอ?


แล้วลูกเขาต้องการจะบอกอะไรหรอ เราก็งง


คือไม่ได้ว่าคุณเขียนงงนะ เราน่าจะงงเอง ปกติก็ตามคนไม่ค่อยทันอยู่ละ 5555

0
ปล่อยอึ่ง 24 ส.ค. 64 เวลา 08:23 น. 2-2

ผมไม่รู้นะว่าในชีวิตจริงมันมีมั้ย แล้วถ้ามันมีมันจะเป็นยังไง แต่ให้สมมติว่ามันมีไปก่อนละกัน


-เรื่องขัดดอกเนี่ยนะผมว่ามันน่าจะเป็นประเด็นของความรุนแรงของการกระทำหรือความเต็มใจในการยินยอมมากกว่า เจ้าหนี้อาจจะแค่ทำเอามันตามปกติหรือทำรุนแรงเพื่อสร้างความกลัวเพื่อบีบให้ไปหาเงินมาใช้เร็ว ๆ ก็ได้ แต่ในกรณีที่ไปขายตัวแบบนั้นมันก็ยังพอที่จะเจรจากับคู่นอนได้อยู่ว่าขอเบา ๆ และไม่โล้ดโผนเกินไป


ไม่รู้นะ ผมอาจจะมองโลกในแง่ร้ายไปตามสื่อที่เสพมาตั้งแต่ยังเด็กก็ได้


ส่วนเรื่องสุดท้ายนี่ก็ยังไงดี จะมาอธิบายเอาตรงนี้มันก็ดูยังไง ๆ อยู่ แต่จริง ๆ คำตอบมันก็ง่าย ๆ นะครับ เดี๋ยวผมแวบไปทางข้อความลับละกัน

0
ปล่อยอึ่ง 24 ส.ค. 64 เวลา 09:40 น. 2-4

เห็นทักเรื่องตอนจบผมก็เลยกลับไปพิจารณาอีกรอบ เห็นข้อมูลบางอย่างที่ลืมใส่มันเข้าไป มันเป็นเบาะแสเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะช่วยบีบคำตอบให้มันแคบลงหรือเห็นได้ง่ายขึ้น เกือบไม่ได้ตั้งกระทู้ขอความเห็นแล้วนะเนี่ย


ขอบคุณที่ให้ความสนใจครับ

0
Menomy 24 ส.ค. 64 เวลา 21:23 น. 2-5

ว่าด้วยการ "ขัดดอก" เราลืมประเด็นเรื่องความรุนแรงกับการยินยอมไปซะสนิทเลย

ตอนนี้เริ่มเข้าใจสิ่งที่คุณจะสื่อละ ขอบคุณมาก :)


แต่ตอนจบที่คุณใบ้เพิ่มให้เราในข้อความ เราก็ยังงงอยู่ 555

ปกติไม่อ่านแนวเศร้าๆ แบบนี้ สมองเลยไม่ตีความสิ่งที่ตัวละครพูดให้มันลึกซึ้ง

เลยงงอยู่ดี และยังอยากรู้อยู่ดี xP

เดี๋ยวไปขอความกระจ่างในข้อความอีกรอบ ขอบคุณมาก x)

0
babybaby1234 23 ส.ค. 64 เวลา 20:12 น. 3

อ่านจบแล้ว ... เขียนได้ดีมากเลย


ถึงจะจบแล้ว ... แต่ก็เป็นการจบแบบที่ไม่จบเสียทีเดียว (นิยายหลายเรื่องของผมก็เป็นแบบนี้)


จริงๆแล้วสามารถเขียนต่อได้อีกเป็นหลายร้อยหน้าเลยนะ ถ้าจะเขียนต่อนะ


พล็อตเรื่องน่าสนใจ


เป็นเรื่องทั่วๆไปในชีวิตของผู้คน ที่เรียล ไม่ลาเวนเดอร์ (ผมชอบนิยายแนวนี้)


ถ้าเขียนต่อ สามารถจบได้หลายหลากแบบ


(ถ้าจะทำเป็นเล่ม คิดว่าคงต้องเขียนเพิ่มนะ เพราะหกพันคำ หนังสือจะบางเลย)


https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-01.png ขอชมอีกครั้ง เขียนได้ดีมากเลย

1
ปล่อยอึ่ง 24 ส.ค. 64 เวลา 08:48 น. 3-1

ก็ถ้าเล่าเหตุการณ์ไปตามปกติ ไม่ต้องเล่าย้อนความ ไม่ตัดทอนเนื้อช่วงขับรถพาเที่ยว ช่วงชวนเข้าห้อง ช่วงกลับบ้านไปหาลูก ช่วงออกไปเฝ้ารออยู่ทุกคืน แล้วก็ใส่รายละเอียดที่สมควรจะใส่ลงไป ผมว่า 10,000 คำมันก็น่าจะถึงอยู่นะ แต่มันก็น้อยไปอยู่ดี ฮ่า ๆ ๆ


คือผมอยากลองเล่าแบบย้อนความด้วยแหละ ลองสรุปสั้น ๆ ดู ดูซิว่ามันจะดูเข้าใจยากไปมั้ย มันจะตัดอารมณ์หรือเปล่า


ขอบคุณที่ให้ความสนใจครับ แล้วมีความเห็นอะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่าครับ

0
24 ส.ค. 64 เวลา 15:15 น. 4-1

หมายถึงอยากให้เล่าตอนจบต่ออีกสักหน่อยหรือเปล่าครับ เช่น วันนั้นพระเอกตัดสินใจลางานกระทันหัน เอาข้อมูลในบัตรที่จดเอาไว้ไปค้นที่ทะเบียนราษฎร์หรือไม่ก็ที่โรงพักเลย จากนั้นก็ให้ใครสักคนพาไป แล้วก็เจอกับนางเอกภายในวันนั้นเลย ประมาณนี้หรือเปล่าครับ ถ้าเป็นแบบนั้นก็น่าจะโอเคอยู่นะผมว่า


หรือว่าหมายถึงเจาะความสัมพันธ์ของทั้งสองระหว่างขับรถเที่ยวหรือเปล่าครับ

0
24 ส.ค. 64 เวลา 17:28 น. 5

ฉบับอีบุ๊กมาแล้วนะครับ

แต่มันเป็นไฟล์พีดีเอฟอย่างเดียว

ตอนนี้กำลังขอให้ทางเม็บแก้ไขให้มีไฟล์แบบอีพับด้วย

อีกหน่อยก็น่าจะได้แล้วล่ะ


ขอฝากผลงานเอาไว้ด้วยครับ


https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiNTUwNjE5NCI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjE2NjI5MiI7fQ

0