Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

นิยายสมัยนี้เป็นแบบนี้กันหมดแล้วเหรอ?

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ปัจจุบัน คงต้องยอมรับถึงการเข้าถึงที่ง่ายดาย และการกลายเป็นนักเขียนที่ง่ายยิ่งกว่า ทำให้เกิดงานเขียนหลายๆแบบปรากฏตัวขึ้นในสื่อที่หลากหลาย และหนึ่งในสื่อเหล่านั้นที่มีผู้ใช้งานมากเป็นอันดับต้นๆคือ DEK D.com ศูนย์รวมเนื้อหาที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อใครหลายๆคน ทั้งยังมีสมาชิคเว็บที่เคารพกฏกติกาไม่ว่าจะเป็น

การขายแฟนฟิคชั่น
การเปิดฉาก NC อย่างเปิดเผยและไม่เหมาะสม
การพาดพิงโดยตรงถึงบุคคลต่างๆและสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของบุคคลนั้นๆ

ไม่ว่านิยายจะบรรยายแย่แค่ไหน แต่ไม่มีใครสามารถตำหนิได้ เพราะถ้าทำจะเอามันไปลงในกลุ่มเฟสและขอกำลังใจไม่ยอมรับความผิดพลาดของตนเอง (อันนี้ไม่ผิดกฏหรอก แต่ก็นะ บางคนเป็นแบบนี้จริงๆ ส่วนนักอ่านบางคนสุดยอดมาก ติเพื่อความสนุกล้วนๆ)

ผมเป็นคนที่ศึกษางานเขียนหลายๆที่และนิยมชมชอบนิยายสมัยใหม่ฝั่งตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผลงานขายดีหรือได้รับคำวิจารณ์ในทางบวก และแน่นอน ทั้งที่อ่านแบบแปลแต่กลับมีเนื้อหาที่ยังคงสนุกและแฝงไว้ด้วยแนวคิดต่างๆมากมาย

แต่งานเขียนในเด็กดีส่วนใหญ่ล่ะ?
งานเขียนส่วนมากในเว็บไซต์ปัจจุบันเกิดขึ้นมาโดยนักอยากเขียนที่ไม่เคยอ่่านนิยายรูปเล่ม หรือนิยายที่ได้รับคำวิจารณ์ไปในทางที่ดี รวมถึงไม่เข้าใจระบบของการเขียน ไม่สามารถคิดพล็อตและเนื้อเรื่องเองได้จนต้องไปเลียนแบบผลงานชิ้นอื่นๆออกมาขายทอดๆต่อๆกัน กลายเป็นสังคมที่นักอ่านอ่านแต่เรื่องเดิมๆและนักเขียนเขียนแต่เรื่องซ้ำๆ


ยกตัวอย่างที่เห็นได้บ่อยที่สุด

แฟนตาซี/กำลังภาย/อดีตปัจจุบันอนาคต
ตัวเองต้องตาย เกิดใหม่ สิงร่างเขา ไปเจอเทพ อื่นๆ ต้องเกิดในร่างคนกระจอก พยายามแก้แค้นอวดแบ่ง และไม่ได้มีเนื้อหาที่มีสาระอยู่ข้างใน เป็นแค่งานเขียนส่งๆที่สร้างขึ้นเพื่อสนองความต้องการของนักเขียนที่อยากจะเท่แบบในหนัง เก่งแบบในอนิเมะ แมรี่ชูและแกรี่ชูกันเต็มพิกัด ทั้งนังก็อปผลงานคนอื่นๆกันมาอย่างหน้าด้านๆ เขียนคำผิด บรรยายไม่ลื่นไหล ไม่สมเหตุสมผล และไม่สมจริง สักแต่จะเขียน

ยกตัวอย่างการก็อปขั้นสุดยอด
นิยายเรื่อง ชีวิตสโลว์ไลฟ์เทพนักฆ่า เป็นนิยายยอดเยี่ยเรื่องหนึ่งที่สนุกและมีพล็อตที่ คล้าย แต่แตกต่างจากเรื่องอื่นๆอย่างชัดเจน และด้วยความที่มันสนุกแบบนี้ จึงเกิดผลงานก็อปออกมา!!!(ซึ่งถูกลบไปแล้วหลังจากโดนแฟนขลับด่า)

โดยที่ตัวเอกของนิยายชีวิตสโลว์ไลฟ์ของเทพนักฆ่านั้นเป็นพระเอกที่เกิดจากการทดลองในแล็ป ถูกสร้้างขึ้นเพื่อเป็นนักฆ่าขององค์กร ก่อนจะตายลง ได้พบพระเจ้า และถูกส่งไปทำภารกิจที่โลกเวทมนตร์ โดยที่ สถานที่รกที่พระเอกคนนี้ปรากฏตัว คือหมู่บ้านที่ล่มสลายไปแล้วเพราะเเหุการณ์บางอย่าง และเขาได้ทำการปิดประตูแห่งโคร้ายก่อนจะพบว่าในนั้นมีเทพ อะไรซักอย่างอยู่ ที่ให้พลังความมืดกับเขา ลืมไป พระเอกชื่อเซรอส จำชื่อไว้ดีๆนะ

ตัดภาพมาที่นิยายขี้ก็อป


พระเอกถูกสร้างขึ้นโดยองค์กรให้เป็นอาวุธสงคราม บินได้ เหาะได้ มีพลังเหมือนซุปเปอร์แมน เขาตาย และถูกส่งมาพบพระเจ้าเพื่อให้ไปทำภารกิจ โดยจุดแรกที่เกิดคือหมู่บ้านร้างที่ไม่มีใครอาศััย เขาได้พบกับประตูประหลาดก่อนจะทำการปิดผนึกมันลง และได้เจอกับเทพแห่งความมืดซึ่งเป็นต้นกำเนิิดของโรคระบาดหลายๆที่ ก่อนจะได้รับพลังของนางมา

อ๋อใช่ และมันชื่อ ซีโร่

ก็อปกันชัดๆ!!!

ยังมีอีกหลายๆเรื่องที่ทำแบบนี้ออกมา โดยคำนึงถึงแค่ความต้องการของตนเองและไม่สนใจว่านักเขียนเจ้าของเรื่องท่านอื่นๆจะคิดยังไงกับมัน สังคมนักเขียนแย่ลงไปมากทเดียว (นี่ยังพูดถึงแค่แฟนตาซีนะ)

บทความนี้ มีจุดประสงค์เพื่อชี้ให้เห็นถึงความเละของงานเขียนปัจจุบันที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่ในเด็กดี แต่อีกหลายๆที่ก็เช่นกัน นักเขียน ทั้งการ์ตูน นิยาย และมังงะ เขียนแบบภายเรื่องในอ่าง วนอยู่กับที่และไม่มีอะไรแปลกใหม่ ไม่มีเสน่ห์ในเนื้อเรื่องเป็นของตนเอง ออกงานซ้ำๆรูปแบบเดิมๆออกมา จึงอยากให้ทุกท่าน ลองพิจารณาถึงงานของตนเองดู และมองซิว่าเราทำให้มันแตกต่่างหรือดีกว่านี้ได้ไหม

เพราะนั่นคือโลกของคุณ โลกที่คุณต้องสร้างด้วยน้ำพักน้ำแรง ความเหนื่อยและความพยายาม คุณเป็นนักเขียน จงเขียนในแบบของคุณ พล็อตของคุณ เพื่อสร้างเสน่ห์ที่ออกมาจากเนื้อเรื่องของคุณ แน่นอนว่ามันไม่มีหรอกนิยายที่พล็อตไม่ซ้ำ 10000% แต่คุณทำให้มันแปลกใหม่ได้ ทำให้มันเป็นงานเขียนของคุณจริงๆได้ ผมไม่เคยว่าการหาแรงบันดาลใจจากนิยายเรื่องอื่นๆ หรือชอบบางส่วนของเขา แต่มันต้องถูกนำมา ปรับใช้กับงานของเรา ไม่ใช่เอามาทั้งดุ้น หรือเขียนแบบภายเรือในอ่างจนทุเรศ

ยังไงก็สู้ๆนะครับ นักเขียนทุกคน ผมเชื่อว่ามีอีกหลายคนที่สามารถสร้างงานเขียนที่แปลกใหม่ออกมาได้ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น

>

19 ความคิดเห็น

เคย์เซย์ 24 ก.ค. 65 เวลา 20:09 น. 1

สำหรับเรา มันเป็นไปตามกระแสของโลก อยากแมสก็ต้องเขียนตามขนบของแมส แม้แต่ตอนแฮรี่ดังๆ นิยายเลียนแบบแฮรี่ก็มีเยอะแยะไป จะบอกว่าในปัจจุบันมีเละก็ไม่ได้อ่ะ เพราะถ้าว่ากันด้วยความเละ มันเละมาตั้งแต่ในอดีต ตั้งแต่สนพ.เอาแต่งานซ้ำๆ มาขายจนล้นตลาด เพื่อสนองตอบคนอ่านที่ซื้อแต่แนวกระแสในช่วงเวลานั้นๆ ใครฉีกขนบออกไปหน่อยไม่ได้ คนไม่อ่าน ไม่ซื้อ ไม่เปย์ แล้วจะให้นักเขียนตัวเล็กตัวน้อย แต่ยังต้องทำมาหากินจะทำอย่างไรดีล่ะ ต้องอดอยากปากแห้งต่อไปงี้เหรอ? เขาไม่มีทางเลือกก็ต้องเขียนตามขนบกระแสในช่วงเวลานั้น รอติดตลาดก่อนค่อยใส่ความเป็นตัวเอง


อีกอย่างมันไม่ใช่แค่ตลาดเด็กดี ตลาดไทย ตลาดจีนที่ว่าใหญ่หนักใหญ่หนาก็เป็นแบบนี้ ตอนนิยายแนววังหลังออกเยอะๆ ทั้งตลาดก็แทบจะมีแนวนี้ ตายแล้วเกิดใหม่ ตายแล้วได้ย้อนเวลาแก้ไขอดีตเนี่ย มาเพียบ ดังบ้างไม่ดังบ้าง ไปอ่านแต่ละเรื่องแนวทางหลักไม่ได้ต่างกันเลย ต่างกันแค่ทริกเล็กๆ น้อยๆ กับประเด็นที่หยิบจับมาใช้ก็เท่านั้น


กระทั่งตลาดนิยายตะวันตกเองก็เถอะ มันก็ประมาณนี้แหละ นิยายแนวไหนขายดี ก็จะมีนิยายแนวนั้นออกมาอีกเพียบ ตอนทไวไลท์ดังๆ ก็มีงานเขียนสไตล์เดียวกันออกมาวางในตลาดหนังสือของต่างประเทศจนเกร่อเกลื่อนไปหมด เพราะตลาดโหยหาต้องการงานแนวนี้กันมากๆ


10 ปีก่อนพูดแบบนี้ ตอนนี้ก็ยังพูดแบบนี้ จะบอกว่ามันเพิ่งมาเละก็ไม่ได้หรอก มันก็แค่อุปสงค์อุปทาน

0
24 ก.ค. 65 เวลา 21:09 น. 2


สำหรับคนที่เขียนนิยายเป็นอาชีพ เขาก็ย่อมคำนึงถึงคนอ่านเป็นหลัก เขียนมาแล้วไม่มีคนอ่านก็คงแย่ ทั้งความรู้สึกและกระเป๋าตังค์


ไม่ได้สนับสนุนเรื่องการก๊อปงานนะ เพราะนิยายของตนเองก็เคยถูกก๊อปเหมือนกัน แต่บางครั้งคำว่าแรงบันดาลใจมันก็เป็นเพียงม่านบางๆขวางกั้น


คำพูดของคุณดูเหมือนจะแรงไปหน่อยนะ และเหมือนจะเหมารวม กับคำว่าส่วนใหญ่ พออ่านถึงตรงตายแล้วสิงร่าง คนที่ด้อยกว่านี่สะดุ้งโหย่งเลย ตูเผลอไปเขียนเหมือนใครหรือเปล่าเนี่ย อุตส่าห์ไม่ให้ตัวเอกย้อนเวลา แต่กว่าจะคิดพล็อตออกมาได้ตอนต่อตอน จะมีคนหาว่าฉันก็อปงานใครหรือป่าวเนี่ย


โปรดอย่าใช้คำว่าส่วนใหญ่เลย ใช้แค่คำว่าคนบางคนก็พอ...

ยิ่งหัวข้อกระทู้ด้วยแล้ว ยิ่งหมายถึงทุกคน...

0
ำพััะพระัี 24 ก.ค. 65 เวลา 22:10 น. 3

ผมคิดว่าส่วนนึงเกิดจากการที่คุณไม่เข้าใจภาพรวม


อันนี้ไม่ได้มีเจตนาดูถูกหรือเจตนาที่ไม่ดีนะครับ ผมมีเจตนาแค่ต้องการชี้แจงเท่านั้น และจะขอชี้แจงแบบสั้นๆในแต่ละประเด็นเท่านั้น(แต่กลายเป็นไม่สั้นซะแล้ว)


ประเด็นเรื่องที่ว่านักเขียนไทยทำไมไม่เข้าใจระบบการเขียน


-เพราะการเรียนรู้ถึงระบบการเขียนในประเทศนี้ไม่ได้เปิดกว้างและใจดีเหมือนการศึกษาของต่างประเทศครับ รวมทั้งไม่ได้รับการยอมรับเท่าที่ควรด้วย นักเขียนยังต้องปากกัดตีนถีบขวนขวายความรู้ต่างๆด้วยตัวเอง หรือต่อให้มีมหาลัยไหนเปิด การเข้าถึงก็ยังถือว่ายากลำบากและมีข้อจำกัดเยอะอยู่ดี ส่วนความรู้จากด้านนอกสถานศึกษา จะเป็นความรู้ที่ถูกถ่ายทอดจากประสบการณ์ของนักเขียนที่ได้รับการยอมรับว่าประสบความสำเร็จโดยตรง หรือให้เห็นภาพมากขึ้นคือ มันเป็นการถ่ายเอกสารนักเขียนคนนั้นขึ้นมาอีกทีในเวอร์ชั่นที่สมบูรณ์น้อยกว่า เพราะแม้แต่ตัวนักเขียนคนนั้นเองก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้อย่างแท้จริงว่าความลับในความสามารถของตัวเองคืออะไร จะสังเกตได้ว่า หากนักเขียนถูกถามว่า คุณทำแบบนั้นได้ยังไง คุณก็จะได้คำตอบกลับมาแบบคลุมเครือว่า อ้อ เพราะอ่านเยอะกับเขียนเยอะไง ครับ ก็ตามนั้น ในขณะที่การสอนเขียนของต่างประเทศจะสอนคุณสร้างประโยคให้แข็งแรง กำหนดย่อหน้าให้ถูกต้อง และรู้รูปแบบการเรียบเรียงเพื่อส่งสารให้ได้ใจความตามที่ต้องการ พร้อมทั้งบอกคุณว่าอะไรเป็นสิ่งต้องห้ามที่ห้ามทำ หรือสมควรรีบทำเลย


ต่อมา ความรู้ที่มีการนำเข้ามาจากต่างประเทศก็เป็นความรู้ที่ขาดๆเกินๆมีสาระสำคัญไม่ครบถ้วนด้วย เพราะไม่ได้เข้าระบบการศึกษาแบบจริงๆ ไม่มีแผนการเรียนการสอน เป็นการนำเทคนิคที่คิดว่าดีเข้ามา แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับพื้นฐาน เช่น ระบบการศึกษาการเขียนของต่างประเทศจะสอนสั่งให้คุณส่งสารให้ได้ ส่งสารให้ดี ส่งสารให้รู้เรื่อง อย่าไปมัวไร้สาระกับเส้นพล็อตขึ้นๆลงๆโง่ๆ ...แต่ของไทยน่ะเหรอ คุณจะได้รับความรู้ว่าคุณจะนั่งปั้นคำได้ยังไงให้สวยงาม ทัศนะคติเรื่องการนั่งปั้นคำนี้มีมาตั้งแต่เมื่อไหร่คิดว่าผมคงไม่จำเป็นต้องบอก เพราะมันฝังหัวมาเป็นร้อยๆปีแล้ว คุณจะนั่งปั้นคำให้สวยได้ยังไง ถ้ายังสร้างประโยคให้ถูกต้องตามหลักไวยกรณ์ไม่ได้(และน่าแปลกที่ความรู้พื้นฐานพวกนี้กลับมีสอนแบบจริงๆจังๆแค่สถานศึกษามีชื่อเพียงไม่กี่ที่เท่านั้น คุณจะไม่ได้เห็นการอัดพื้นฐานด้านไวยกรณ์ภาษาไทยให้แน่นจนสามารถเอามาใช้จริงได้ตามโรงเรียนวัดหรือในพื้นที่ที่ห่างไกลตัวเมืองไปหน่อย ถ้าที่นั่นไม่ได้มีเทวดาที่เรียกว่าคุณครูผู้ทุ่มเทในอุดมคติไปโปรดน่ะนะ)


แต่ด้วยที่สมัยนี้มีสิ่งที่เรียกว่ากูเกิ้ล การไม่ขวนขวายยัดความรู้ใส่ตัวเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับว่ามีนักเขียนจำนวนนึงใช้กูเกิ้ลไม่ค่อยเป็น(ไม่ได้ดูถูก แต่หลายคนคิดว่าใช้เป็น แต่เขาใช้ไม่เป็นจริงๆนะ) หรือไม่ได้ใช้งานมันอย่างดีเท่าที่ควร แต่ถ้าคุณลองใช้กูเกิ้ลค้นหาความรู้เป็นภาษาไทย คุณจะเจอแต่ความรู้หล่อเท่กำกวมที่เอามาใช้จริงไม่ค่อยได้ ผมจะยกตัวอย่างถึงการพล็อตเรื่อง ซึ่งจะเป็นความรู้ที่ทุกคนจะกรอกหูคุณเช้ากลางวันเย็นถึงความสำคัญของมัน พร้อมถึงวิธีสร้างพล็อตบลาๆต่างๆนาๆ ในขณะที่ราชานิยายสยองขวัญระดับโลกอย่างสตีเวน คิง บอกว่า พล็อตคือสิ่งที่ปลิ้นปล้อน ไว้ใจไม่ได้ และสมควรถูกกักบริเวณ รวมทั้งบอกอีกว่าพล็อตเรื่องในนิยายของเขาเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทีหลัง ในขณะที่นักเขียนมีชื่อหลายคนของไทยยอมรับว่าเขาด้นสดเอาโดยวางต้นเรื่อง กลางเรื่อง ตอนจบคร่าวๆไว้เท่านั้น หรือบางคนหนักกว่าที่จะยอมรับโดยภาคภูมิว่าเขาด้นสดล้วนๆ


เวรกรรม กะจะพิมพ์ตอบสั้นๆกลายเป็นยาวขนาดนี้แล้ว แถมยังคิดว่าแจกแจงไปได้แค่ครึ่งเดียวของประเด็นเล็กๆนี้เท่านั้นเอง ผมจะสรุปโดยย่อว่าปัจจัยเล็กๆแค่นี้ แต่สิ่งที่ทำให้มันเป็นแบบนี้คือโครงภาพที่ใหญ่กว่า ไม่ว่าจะเป็นเพราะการเมือง การศึกษา ทัศนะคติ ผู้ใหญ่ในวงการและอื่นๆอีก ทุกอย่างหลอมรวมให้ระดับภาพรวมที่เล็กกว่ากลายเป็นสิ่งที่มันเป็น


ผมจะขอเบลอประเด็นต่อจากที่ผมตอบไปเลยแล้วกันนะครับ ผมขี้เกียจพิมพ์แล้ว แค่อยากจะย้ำว่า ในขณะที่คนไทยยังต้องเอาชีวิตรอดประหนึ่งว่าอยู่ในหนังเรสซิเด้นท์อีวิลยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หลายๆวันยังต้องต้มมาม่ากิน ส่วนอีกหลายวันมากกว่านั้น ไม่มีตังจ่ายค่าเช่าบ้าน ระบบการเข้าถึงความรู้ถูกกำจัดแบบบ้าๆบอๆ คุณจะให้คนที่ใช้ชีวิตแบบนี้ไปมีจิตวิญญาณเหมือนคนจนในต่างประเทศได้ยังไง(ขนาดคนจนในต่างประเทศแถบยุโรปยังมีบ้านเดี่ยว ชีวิตหลังเกษียณก็มีเงินใช้ตลอดชีวิต นี่แค่คนจนนะ คนพวกนี้มีเวลาสร้างจิตวิญญาณอันสูงส่งได้ไม่ยากขนาดนั้นหรอก เจเคโรลลิ่งยังมีเวลานั่งปั้นแฮรี่พอตเตอร์ในตอนที่ชีวิตบัดซบที่สุด แต่คุณคิดว่าคนไทยจะอย่างงั้นได้ไหม วันนี้เป็นคนรวย แต่ถ้าตกงาน สถานะคนรวยอาจจะเปลี่ยนกลายเป็นคนไร้บ้านไปภายในวันนั้นเลยก็ได้) ผมไม่ได้พยายามจะแก้ตัวจากผิดให้เป็นถูก สิ่งที่ผิดย่อมผิดวันยันค่ำ และการกระทำผิดหลายอย่างที่ล้ำเส้น ก็สมควรจะถูกลงโทษโดยไม่มีข้อยกเว้น และไม่ควรมีคำแก้ตัวใดๆให้กับการกระทำผิดทุกกรณี แต่ในฐานะของเพื่อนร่วมชาติ อย่างน้อย เราควรเข้าใจภาพรวมว่าอะไรที่ทำและบังคับให้เขาต้องกลายเป็นแบบที่เขาเป็น เพียงแต่ คุณควรเข้าใจบริบทภาพรวมในโลกความเป็นจริงของผู้คนที่ต้องปากกัดตีนถีบและพยายามเอาชีวิตให้รอดในโลกบ้าๆบอๆด้วยเช่นกัน ไม่อย่างนั้นคุณจะกลายเป็นแค่คนเบียวๆคนนึงที่เข้าใจว่าความสุขของกระทิคือชนชั้นของคนจน

0
Hoshisora 24 ก.ค. 65 เวลา 22:49 น. 4

เอาจริงๆ ไม่ต้องสมัยนี้หรอกคับ มันน่าจะเป็นมาทุกยุคทุกสมัย เพียงแต่ว่าทุกวันนี้คนเข้าถึงเว็ปไซต์ได้มากขึ้น (ทั้งคนเขียน/อ่าน) มันเลยเหมือนว่ามีงานขี้ก็อปมากขึ้นเฉยๆ ที่จริงมันเป็นเรื่องของสัดส่วน เพราะงานที่ดีๆ ก็มีเยอะขึ้นเหมือนกัน


จริงๆ นี่ก็เป็นเรื่องปรกติของทุกอย่าง มันจะต้องเกิดการสร้างใหม่ซ้ำ ๆ จนได้ของที่ดีจริงๆ ออกมา ดูอย่างวงการเกมก็ได้ แนว MOBA เริ่มจาก DotA ที่ดังขึ้นมาจริง ๆ เป็นเกมแรก แล้วจากนั้นก็มี "เกมก็อป" DotA ขึ้นมาอีกมากมาย แต่พอเวลาผ่านไป ก็เหลือแค่ไม่กี่เกมที่ยังเหลือรอดอยู่ และมันเป็นเกมที่ดีจริง ๆ จนไม่มีใครกลับไปเล่น DotA กันแล้วในตอนนี้


เพราะงั้นมันไม่สำคัญหรอกคับว่าใครจะก็อปใคร (จะเรียกว่าก็อป หรือ แรงบรรดาลใจ อะไรก็ช่าง) มันสำคัญว่าใครทำได้ดีกว่า แนวเกม แนวนิยาย มันก็อปกันได้ แต่ยังไง นิยายก็เป็นนิยายคนละเรื่อง ถ้าไม่ถึงขนาดที่ก็อปมาทั้งดุ้นที่จะเป็นเรื่องทางกฏหมาย เราในฐานะคนอ่านด้วยก็คือดูคับว่าเรื่องไหนดี เรื่องไหนไม่ดี อันหลังถ้าเจอก็แค่ข้าม การที่อะไรที่มันดูขัดใจเราแล้วมันยังอยู่ได้ มันอาจจะไม่ถูกใจเราคนเดียวก็ได้ ถ้ามันยังมีคนดู คนอ่าน การก็อปกันไปมาแบบนี้มันก็ยังคงมีต่อไป


ตัวอย่างง่าย ๆ เลย ผมไม่ชอบเมะ SAO และไม่ชอบเมะแนว ๆ เดียวกันด้วย คือแบบที่พระเอกเก่งแบบไม่ค่อยมีเหตุผล เมะที่เอาแต่ตะโกนใส่กัน เมะแนวต่างโลกก็ด้วย ไม่เคยดูซักเรื่อง แต่มันก็ไม่ได้มายความว่าคนอื่นจะไม่ชอบ และก็ไม่ได้ปฏิเสธว่ามันคือกระแสของโลกในตอนนี้คับ ถ้าไม่ตาม ก็ต้องทำให้ดีกว่า และแน่นอนว่าของที่ดีมันก็ยังมีอยู่ทุกยุคนั่นล่ะ ทางเลือกไม่ได้มีมากคับ อย่างที่ คห.1 อธิบายไว้


0
ข้าวผัดแหนม 24 ก.ค. 65 เวลา 23:15 น. 5

ก็คิดว่าที่นี่เป็นสนามเด็กเล่นสิครับ ให้เขาได้ลองให้เขาได้เล่น

อย่างน้อยก็ได้หัดอ่าน หัดเขียน

ความสำเร็จมันก็เติบโตขึ้นมาจากความล้มเหลว

ความยิ่งใหญ่มันก็เติบโตมาจากสิ่งเล็กๆ

เรียกว่ามันว่าสนามเด็กเล่น คนที่เติบโตไปจากที่นี่ก็ก้าวเข้าไปสู่สนามที่ใหญ่กว่า หรือ เขาอาจจะเลิกเล่นไปก็ได้ใช่ไหมล่ะ

ตอนนี้ผมก็กำลังหัดเล่นอยู่ เกิดใหม่ด้วยสิ 555https://image.dek-d.com/27/0955/8489/132991086

0
นักอ่านหมายเลข1 24 ก.ค. 65 เวลา 23:17 น. 6

ผมไม่รู้ว่าทำไมนักเขียนถึงมีความคิดซับซ้อนนักนะ ชอบมองว่านิยายมันต้องเป็นดั่งที่ตัวเองคิด ทุกอย่างมันหมุนรอบรสนิยมของตัวนักเขียนหรือยังไง?


ผมจะบอกอะไรให้ง่ายๆ นักอ่านทั่วไปเขาอ่านตามความชอบกัน ถ้าคิดว่าเรื่องไหนใช่แนวตัวเอง ก็กดจิ้มเข้าไปอ่าน ไม่ชอบก็แค่เปลี่ยนเรื่องจบ ไม่ได้ซับซ้อนอะไร เช่น ผมชอบอ่านแบบพระเอกโชว์เทพ แต่ไปเปิดอ่านเรื่องหนึ่ง พระเอกไม่เทพ แต่พัฒนาการเป็นลำดับขั้น ผมก็ไม่อ่าน แต่มันไม่ได้แปลว่า ทุกคนจะไม่อ่านเรื่องนั้น มันก็มีที่ชอบแนวนี้อยู่เหมือนกัน ฉะนั้นถ้าคุณชอบอ่านอะไรที่ได้สาระแก่นสาร ก็แค่หาเรื่องที่ตรงจริตมาอ่านก็เท่านั้น


มันไม่ใช่แค่ประเทศไทยหรอกนะครับที่มีการนำแนวเรื่องเดิมๆมาเขียนซ้ำ จีนก็มี เกาหลีก็มี ญี่ปุ่นก็มี ซึ่งก็ไม่ได้เห็นเขามีปัญหาอะไร ในบางครั้งผมติดใจแนวนั้น ก็หาเรื่องแนวๆที่คล้ายกันอ่าน เช่น ผมชอบ solo leveling พระเอกโชว์เทพ ผมไปเจอเรื่อง Solo Max-Level Newbie ผมก็อ่าน ไม่จำเป็นว่าอ่านแนวนี้จบ ต้องไปหาแนวอื่น


สิ่งที่วัดความสำเร็จของนิยายหลักๆ คือยอดคนซื้อ ยอดคนติดตาม บ้างก็ยอดคนอ่าน ฉะนั้นแม้ว่านิยายที่คุณมองว่ามันไม่ดีสำหรับคุณ แต่ถ้ายอดคนซื้อ คนติดตาม คนอ่านเยอะ ก็แปลว่าเขาประสบความสำเร็จ


ผมอยู่ในกลุ่มนักเขียน ไว้หานิยายอ่าน แต่ก็พบว่ามีนักเขียนหลายคนอิจฉาริษยาหรืออะไรไม่ทราบ ตั้งโพสต์เหยียดผลงานนักเขียนคนอื่น หาว่าไม่สมจริงบ้างละ เป็นแบบนี้ไม่ได้บ้างละ แต่ปรากฏว่าผลงานที่เขาเหยียดนั้นก็ขายดี มีคนติดตามจำนวนมาก ซึ่งเขาอาจจะเขียนธีมเดียวกัน แต่โทนเรื่องออกไปทางแนวเรียล ก็เลยเหยียดคนที่ไม่เขียนแนวเดียว ผมก็เลยลองถามเขาไปตรงๆ นิยายของนักเขียนที่โพสต์เชิงดูถูกน่ะยอดตามเท่าเขาไหม ก็เงียบหายไปเลย



-เขียนในสิ่งที่ตัวเองชอบ เดี๋ยวมันก็ดึงดูดนักอ่านที่ชอบแนวเดียวกันเข้ามาติดตามคุณเอง

-แน่นอนว่าในบางครั้ง หนทางมันก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่คิด เพราะฐานนักอ่านที่ชอบมีน้อย คุณอาจจะโกรธ อาจจะไม่พอใจมันเป็นสิทธิ์ของคุณ แต่ไม่มีสิทธิ์ไปดูถูกคนอื่น

ตั้งแต่รู้จัก Dek-D มา มีนักเขียนไม่น้อยเลยที่ผิดหวัง แล้วมาตัดพ้อ มาต่อว่านิยายแนวตรงข้าม ที่ตัวเองตั้งใจเขียนเพื่อความต่าง แต่สิ่งง่ายๆที่ทำได้คือสู้ต่อไปแล้วหวังว่าสักวันมันจะแมส กับอีกแบบคือการปรับตัว ลดอีโก้ลง ยอมเขียนอะไรที่มันเป็นกระแสดู


ข้อสำคัญที่สุดคือนักเขียน(ที่ชอบโพสต์ว่านิยายแนวอื่น)เอาตัวเองเป็นที่ตั้งตลอด ไม่ได้ไปศึกษาคนอ่านจริงๆ ว่าทำไมเขาชอบแนวนั้นแนวนี้ ตอนผมอ่านเพชรพระอุมา ผมเคยคิดนะว่ามันสุดยอดมาก ได้กลิ่นไอความสมจริงในการเดินป่า นิยายที่ไม่ได้ฟีลความสมจริงคือนิยายไม่ดี แต่หลายปีต่อมา เรียนจบมีงานทำ เจอความเครียด เจอความไม่ชอบธรรมในชีวิต ก็เลือกอ่านเลือกดูนิยายที่มันล้างแค้นสาสม บางช่วงเจออะไรที่เราทำไม่ค่อยดี โดนตำหนิ ก็ไปอ่านพระเอกเทพ บางครั้งเครียดงานมากๆ ไปอ่านแนวเมากาว สมจริงไม่มี (เหนื่อยกว่าเดิมอีก ขำทั้งเรื่อง เจ็บหน้าอกไม่ไหว) มันช่วยให้เราพล็อตคลายได้ กลับกันไปอ่านสารนิยายกลับไม่ชอบเลย


สรุป

ทุกคนไม่ได้ชอบสิ่งเดียวกันหมด ไม่อย่างนั้นหนังสือจะแยกประเภท แยกแนว แยกธีมออกมาทำไมตั้งเยอะแยะ เอาเวลาโพสต์ต่อว่านิยายคนอื่น ไปศึกษาว่าแนวที่ตัวเองเขียน คนอ่านต้องการอะไรจากมันดีกว่าครับ

0
Supakit_Chacha 25 ก.ค. 65 เวลา 00:00 น. 7

มันไม่แปลกเลยที่จะมีนิยายแนวนี้เยอะ เพราะมันเป็นกระแส นักเขียนที่เขามีไอเดียในหัวหรือได้รับแรงบันดาลใจมาจากสื่อทั้งหลายก็เอามาเขียน เขียนนิยายในกระแสนิยมมันทำให้ขายง่าย คนอ่านเยอะ คนเลยเขียนกันเยอะ ถ้าเขียนนอกกระแสถ้าใจไม่แข็งคงยากเพราะไม่มีคนอ่าน ไม่มีคนซื้อ จะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงชีพ เราว่านิยายที่ก๊อปกันจนเละเทะ นักอ่านเขาอ่านแล้วก็คงปล่อยคงด่าไปเองแหละ งานเขียนทุกงานที่ไม่ใช่ก๊อปวางมันก็มีคุณค่าในตัวเองแหละ ถ้างานเขียนนั้นๆ ไม่มีจุดเด่นจุดแตกต่าง หรือจุดขายเลย ก็คงจะมีคนอ่านน้อยหรือขายไม่ได้เลย ฉะนั้นถ้าได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ก็ต้องปรับแต่งให้เป็นแนวของตัวเองให้ได้ ต้นเรื่องมันจะคล้ายๆ กันก็ไม่แปลก แต่เนื้อหาต่อๆ ไปก็ต้องใส่ตัวตนของเราเข้าไปด้วย พูดในฐานะนักเขียนกำลังภายใน จุดเริ่มเรื่องมันก็มีแตกต่างกันไม่มากหรอก เนื้อในถัดจากนั้น สำนาน การบรรยาย และประสบการณ์เขียน จะเป็นตัวตัดสินว่านักอ่านจะอยากอ่านต่อหรือไม่

และขอบอกเลยว่าการก๊อปงานเขียนเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และไม่สนับสนุนให้นักเขียนหรือคนที่จะเป็นนักเขียนทำโดยเด็ดขาดครับ

ความคิดของคุณเจ้าของโพสก็กล่าวได้ถูกต้องครับ จริงๆ แล้วมันก็ไม่มีอะไรผิดหรือถูกหรอกครับ

ออกมาเขียนเตือนใจนักเขียนในช่วงนี้ก็เป็นสิ่งที่ดีมากเลย เพราะนักเขียนใหม่เริ่มเยอะแล้ว ขอบคุณสำหรับพื้นที่แสดงความคิดเห็นครับ ^^

0
ฉันก็เป็นนักเขียน 25 ก.ค. 65 เวลา 09:58 น. 8

กระแสของโลก การตลาด ความรู้สึกคงเป็นเรื่องธรรมดา

ส่วนพล็อตนอกกระแส เรื่องนอกกระแส ไม่มีฐานแฟนคลับ หรือฝีมือนักเขียนอาจไม่ถึงก็ถูกฝังกลบ ไม่มีโอกาสได้่เกิด ดูแล้วเราบอกได้เลยว่าคุณไม่เคยเห็นงานเรา ลองไปค้นให้ทั่วเว็บน่าจะเจอหลายเรื่องโดนฝังกลบ 5555


ตัวเราเขียนทั้งรักทั้งกำลังภายในก็มีแต่ออกพล็อตตามใจตลอดไม่อิงกระแสอะไร ปัง 20% เองมั้งจากทั้งหมด ถ้าเราไม่ชอบงานที่เขียนอยู่ เราเทไปแล้ว

นิยายที่แตกต่างจากที่คุณพูดมา ยอดกะจิดริดที่เหมือนเรานั่งตบแปะกับตัวเองเลย ฝีมือการเขียนเราอาจไม่ดีและเราก็กำลังพยายามพัฒนา แต่มันต้องใช้เวลาไม่ใช่ว่าทำวันนี้พรุ่งนี้ได้ บางครั้งเราท้อนะแต่เราก็ไม่ไปโทษคนเขียนแนวตลาดหรือโทษการโปรโมท ลงทุนกับสิ่งที่แน่นอนเซฟสุด


ทีนี้ลองมองในมุมนักเขียนใหม่มองเข้ามาในวงการบ้าง ถ้าคนอ่านคาดหวังความเพอร์เฟกต์ อยากอ่านนิยายเนื้อหาดีๆ แตกต่างแต่ต้องเขียนสำนวนดี ทำให้ได้แบบระดับนิยายแปลเลิศๆ จะมีสักกี่คนที่กล้าเริ่มต้นกล้าเสี่ยง จาก 0 ต้องทำไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่ามันจะแมสตอนไหน วันไหนเราถึงจะได้เจอกับคนที่เห็นงานของเรา??


ยิ่งแนวกำลังภายในแฟนตาซีนี่ก็ต้องลงไปเป็นยี่สิบตอนกระมัง ถึงจะเริ่มเห็นผล

นักเขียนใหม่เขียนเซฟโซนไว้ก่อน เขียนแนวตลาดที่มองว่ามันซ้ำซาก แต่คนชอบอ่านยังไงก็ขายได้ ยังไงก็ถูกหยิบมาโปรโมท คุณจะมองว่าเขามีคำผิด เขาไม่ลื่นไหล ยังไงเขาก็ยอดเยอะไง


จะดีมากถ้ามีการสนับสนุนต้นอ่อนต้นใหม่ที่เขียนแนวที่ต้องการด้วย ไม่ใช่พยายามรณรงค์ให้สร้างอะไรแปลกใหม่ นอกกรอบ ขณะที่กลุ่มคนที่ต้องการเห็นหรือกลุ่มนักอ่านตั้งมาตรฐานการอ่าน ตั้งความคาดหวังไว้สูง พอไปเห็นเรื่องที่เขายังทำได้ไม่ดีก็กดออกเลย

ไม่อย่างนั้นคงต้องนั่งรอไป รอจนกว่าจะมีนักเขียนสักคนเขามุ่งมานะไปจนถึงจุดสุดยอดได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไร555

ปล เรื่องก๊อปเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอยู่แล้ว แต่เคสที่คุณยกตัวอย่างมา ตัวเราไม่รู้จักทั้งสองเรื่อง ดังนั้นเราไม่ออกความเห็น

1
White Frangipani 25 ก.ค. 65 เวลา 15:11 น. 9

นิยายสมัยนี้เป็นแบบนี้กันหมดแล้วเหรอ?


สวัสดีค่ะ คุณเจ้าของกระทู้


ก่อนอื่นนะคะ อยากบอกคุณว่า...ทั้งหมดที่คุณพิมพ์เข้ามานี้ เมื่ออ่านหลาย ๆ รอบแล้วนะ ก็สามารถรับรู้ได้ว่า คุณนะคะ "ได้ทำการกระทำ ผ่านคำพูดของคุณ ในแบบตบหัว แล้วลูบหลัง" ค่ะ


คือข้อความของคุณนะ เมื่ออ่านแล้วนะคะ รู้สึกหดหู่ รู้สึกสงสารคุณมากมายค่ะ


ฮื้ออ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-13.png


คุณนะคะทำเช่นนี้เพื่ออะไร?


คุณทำ ทำไมคะ?


คุณทำเพื่ออะไรคะ?


หรือคุณกระทำลงไปเพราะไม่รู้ตัวคะ?


คือการที่ผู้ที่ทำแบบนี้ได้นะคะ เพราะเขาเองไม่รู้ว่าเขาทำอะไรอยู่ นั้นเป็นความจริงนะคะ


คือเจ้าของเม้นต์เข้าใจแบบนั้นค่ะ


การที่คนเราจักกระทำการสร้างสรรค์ พัฒนา แท้จริงมีความหมายคล้ายกับการที่คนเราต้องทำการยก...หรือปรับเปลี่ยน สิ่งนั้น ๆ จากที่เห็นได้ว่ายํ่าแย่ ให้ดีขึ้นนะคะ


หากแต่นี่...คุณนะคะ ดูจะใช้คำที่อ่านออกมาแล้วนะ คล้ายคุณหมิ่นเหม่ และซํ้าเติมนะคะ


และที่นี่นะคะ เป็นที่ของเด็ก ๆ เค้านะคะ


เพราะอะไรนะ ผู้ใหญ่ที่พยายามบอกว่าตนดีแล้ว เยี่ยมแล้ว รู้แล้ว เข้ามาใช้คำเหล่านี้ กับเด็ก ๆ เค้านะคะ?


แต่งานเขียนในเด็กดีส่วนใหญ่ล่ะ?

งานเขียนส่วนมากในเว็บไซต์ปัจจุบันเกิดขึ้นมาโดยนักอยากเขียนที่ไม่เคยอ่่านนิยายรูปเล่ม หรือนิยายที่ได้รับคำวิจารณ์ไปในทางที่ดี รวมถึงไม่เข้าใจระบบของการเขียน ไม่สามารถคิดพล็อตและเนื้อเรื่องเองได้จนต้องไปเลียนแบบผลงานชิ้นอื่นๆออกมาขายทอดๆต่อๆกัน กลายเป็นสังคมที่นักอ่านอ่านแต่เรื่องเดิมๆและนักเขียนเขียนแต่เรื่องซ้ำๆ


และนี่ คือคำพูด ผ่านการพิมพ์ ที่ยอกย้อน ย้อนแย้ง เป็นการเหน็บแนมที่เห็นได้ชัดเจนนะคะ


จริงแล้วนะ งานเขียน...คือการเล่า...เล่าเรื่องต่าง ๆ ในแนว ในพล็อตต่าง ๆ และการเล่าเรื่องราวในแนวต่าง ๆ นั้นหรือ ก็เป็นความพอใจของเจ้าของเรื่อง ซึ่งเป็นผู้เล่า เรื่องราวจักออกมาแบบไหน อย่างไรนะคะ ก็เรื่องของเค้า เพราะอะไรคุณจึงใช้คำที่อ่านออกมาแล้วนะ รู้สึกคุณไม่ให้ค่าคะ?


เพราะจริงแล้วนะ งานเขียนคือศิลปะ คือศิลป์นะคะ สิ่งที่เป็นศิลป์ หรือศิลปะทุกชิ้นนะคะ มีค่าในตัวมันเองนะคะคุณเจ้าของกระทู้


ในที่นี้ คุณบอกคล้ายหวังดี ด้วยที่แนะนำไม่ให้ก็อปงานของผู้อื่น นั้นดูจะเป็นความหวังดี


แต่ในเว็บแห่งนี้นะคะ มีงานเขียนร่วมล้านเรื่อง การที่งานบางเรื่องได้แรงบันดาลใจจากผลงานอื่น ๆ ด้วยที่นักเขียนฝึกหัดทั้งหลายนำมาเป็นแรงบันดาลใจ นั้นก็มีอยู่มาก


คุณไม่รู้สึกว่าคุณควรจะใส่ใจการใช้คำบ้างหรือคะ?



ปัจจุบัน คงต้องยอมรับถึงการเข้าถึงที่ง่ายดาย และการกลายเป็นนักเขียนที่ง่ายยิ่งกว่า ทำให้เกิดงานเขียนหลายๆแบบปรากฏตัวขึ้นในสื่อที่หลากหลาย และหนึ่งในสื่อเหล่านั้นที่มีผู้ใช้งานมากเป็นอันดับต้นๆคือ DEK D.com ศูนย์รวมเนื้อหาที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อใครหลายๆคน ทั้งยังมีสมาชิคเว็บที่เคารพกฏกติกาไม่ว่าจะเป็น


การขายแฟนฟิคชั่น

การเปิดฉาก NC อย่างเปิดเผยและไม่เหมาะสม

การพาดพิงโดยตรงถึงบุคคลต่างๆและสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของบุคคลนั้นๆ



คุณอ่านนะคะ ว่าเป็นความจริงไหม คุณเหน็บแนม คุณเสียดสี คุณทำเพื่ออะไรคะนี่?


คือคนเรานะคะโต ๆ กันหมดแล้วเนาะ หากคุณเก่งจริงนะคะ คุณจงแสดงให้เห็นสิคะ จงอย่าใช้วิธีนี้ค่ะ


เพราะสถานที่แห่งนี้นะคะ เป็นที่ ที่ของเด็ก ๆ เค้า คุณเองก็รู้ และแต่เพราะอะไรนะ คุณจึงใช้วิธี เขียน และสื่อในแบบที่คุณส่งเข้ามานี้คะ?


หากคุณต้องการให้เด็ก ๆ หรือผู้ที่อ่อนหัดเก่งขึ้น ดีขึ้น พัฒนาขึ้นจริง และหากคุณเก่งกว่า และคุณดีจริง คุณไม่น่าจะใช้วิธีสื่อผ่านตัวอักษรในแบบที่คุณทำอยู่นี้นะคะ


เพราะจริงแล้วนะ การสร้างสรรค์ พัฒนา ที่จะสามารถเกิดผลดีขึ้นได้นะคะ คือคนเราต้องใช้วิธียก หรือปรับเปลี่ยนด้วยความตั้งใจจริง ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ผ่านการกระทำ ผ่านคำพูด ด้วยการใช้คำแนะนำที่ดีนะคะ


คือไม่น่าจะใช้คำในแบบที่คุณทำอยู่นี้ค่ะ


คือแม้ตัวคุณเองที่เข้ามาเหน็บแนม ย้อนแย้ง คล้ายซํ้าเติมอยู่ปาว ๆ นี้ หากแต่คุณเข้าใจว่าคุณทำดีที่สุดแล้วนะคะ?


และคล้ายคุณตั้งใจสรุปลงท้ายด้วยความหวังดี และอยากให้ทุกอย่าง หรือทุกคนเป็นนักเขียนที่เก่ง และที่ดีให้จงได้ คือไม่ใช่ ไม่ถูกต้องแล้วค่ะ คุณเจ้าของกระทู๊


https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-08.png


https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-03.png


คุณนะคะ หากมีเวลาสักนิด ก็จงสำรวม จงตั้งสติบ้าง และพยายามทำใจเย็น ๆ มีเหตุผลบ้าง จะช่วยให้คุณเห็นเหตุได้ชัดเจนที่จิตใจคุณเอง ก่อนอื่นใด ก่อนที่คุณจักกระทำสิ่งใด ๆ นั้น และจักช่วยทำให้คุณชัดเจนในทุกอย่างที่คุณทำด้วยค่ะ


คืออยากบอกคุณว่า...การส่งเสริม สั่งสอน (ด้วยความหวังดี)หรือแม้การให้กำลังใจคน(ด้วยความบริสุทธิ์ใจ)นะคะ หากจะเปรียบคงไม่ต่างจากที่ว่า หากคุณนะคะ ต้องการสอนให้ใคร ๆ เขาว่ายนํ้าเก่ง คุณเองคงจะต้องว่ายนํ้าให้เป็นก่อน น่าจะดีกว่านะคะ หากไม่แล้วนะ คุณเองค่ะที่จะจมนํ้าตาย และผู้ที่ว่ายนํ้าไม่เป็นนั้นเขาก็จะตายไปกับคุณ เพราะทั้งหมดนี้นะคะ เป็นกลไกของธรรมชาติ เป็นธรรมชาติในภาคปฎิบัติในคน จริงนะคะ


คุณนะคะ อาจจะไม่เข้าใจได้ว่ากลไกของจิตใจของคนเรานะคะ ซับซ้อน และในบางคนนะคะ เปราะบางด้วย และการที่จักขับเคลื่อนทุกย่างผ่านคนนะคะ ต้องขับเคลื่อนที่จิตใจค่ะ


และการที่คุณต้องการที่จักดีลกับจิตใจของคนนะ คุณเองค่ะ ที่น่าจะต้องมีความเข้าใจในธรรมชาติของมันก่อนด้วย น่าจะดีกว่านะคะ


ในเรื่องของการที่จะเป็นนักเขียนที่ดีได้ ที่เก่งได้นะคะ หากคุณเป็นนักเขียน นักอ่านที่เก่งจริงนะคะ ขอให้คุณแสดงผ่านการใช้คำ...ที่ว่า ผลงานการเขียนของคุณนะคะ ต้องอ่านออกมาแล้วรู้สึกดีนะค๊าาาา


คือ อ่านออกมาแล้วนะคะ ต้องรู้สึกดีต่อจิตใจนะคะ

(แต่ข้อความของคุณนะคะ อ่านแล้วหดหู่ จริงนะคะ ฮื้ออhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-03.png)


ทั้งหมดนี้ เม้นต์ให้ เม้นต์ตอบเนื้อหา สาระ ที่คุณส่งเข้ามานะคะ และเจ้าของเม้นต์นี้หรือ ก็เป็นเพียงนักเรียนหัดเขียนค่ะ แม้แต่อยากหัดเขียน มีภาษาที่อ่อนหัด ห่วยแตกมาก ๆ (รู้ตัว)ด้วยค่ะ ด้วยสาเหตุดังกล่าวนี้ หากคุณเห็นว่าเม้นต์นี้เป็นอะไรที่คุณไม่สามารถเข้าใจได้นะคะ ขอความกรุณา ขอให้คุณช่วยอธิบายความรู้สึกของคุณที่มีต่อข้อความของเจ้าของเม้นต์ด้วยนะคะ จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งค่ะ และเจ้าของเม้นต์จะทำการพัฒนาปรับปรุง ตามคำแนะนำของคุณต่อไปค่ะ


หวังว่าคุณจะสามารถสื่อสารได้ดีพอ ที่เจ้าของเม้นต์(ผู้ที่อ่อนหัด) จะสามารถเข้าใจคำตอบของคุณได้ด้วยนะคะ


อีกอย่างนะคะ เจ้าของเม้นต์นี้เปราะบางมาก ๆ ด้วยค่ะ ขอคุณนะคะจงใช้คำที่จรรโลงใจด้วย หากคุณใช้คำที่รุนแรงเกินไปนะ มีร้องไห้หลายวันแน่ ๆ แง๊๊ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

(กลั๊วอ่ะ https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-03.png )


คือขอให้คุณต้องใจ กลั่นกรอง ในการใช้คำกับเด็กอ่อนหัดด้วยนะคะ


ทั้งนี้เพื่อการที่เจ้าของเม้นต์จะสามารถเรียนรู้สิ่งที่ดี ๆ ได้จากคุณ แทนที่ ที่จะกลัวคุณจนมีอาการเกร็ง หรือกดดันนะคะ


ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ


https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png

-------------------------

-----------------------------------

----------------------------------------------

-------------------------------------------------------


รอคำแนะนำดี ๆ เพราะ ๆ จากคุณนะคะ


https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-04.png


ในโอกาสที่นั่งรอการเรียนรู้...ในเรื่องของเทคนิคการเขียน...ที่ดี ๆ จากเจ้าของกระทู้นะ เราก็นั่งฟังเพลงเพราะ ๆ ความหมายดี ๆ ประกอบรีวิวโรแมนติก ในซีรีส์เรื่องโปรด เพื่อเป็นการเรียนรู้ เรื่องราวในแนวแฟนตาซีไปด้วยดีกว่า ใช้เวลารอให้เป็นประโชน์นะ ยิ่งมีเวลาน้อยอยู่ด้วย ใช้ทุกนาทีให้เป็นประโยชน์


รอนะคะ


https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png



0
Analockman 25 ก.ค. 65 เวลา 16:43 น. 10

มันก็เรื่องธรรมดา.......... ที่ญี่ปุ่นเขาเรียกว่าแนว อิเซไก isekai คือแนว ไปอยู่ต่างโลก ต่างมิติ ต่างเวลา ทำออกมาทั้งอนิเมะเกมนิยายจน เกลื่อนไปหมด อีกแนวคือตรงกันข้าม เรียก รีเวิร์ส อิเซไก คือ เอาคนต่างโลกมาอยู่ในยุคปัจจุบัน ทุกอย่างที่สามารถถูกจินตนาการได้ก็ถูกจินตนาการไปหมดแล้ว มันไม่ต่างกันมากหรอก แต่ที่จะทำให้งานเขียนต่าง กันก้แค่ตรง "การนำเสนอ" ว่าจะนำเสนอแบบไหน https://image.dek-d.com/27/0920/0271/132138331

0
wanderingforever 26 ก.ค. 65 เวลา 00:34 น. 11

ง่ายๆ สั้นๆ

เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน สังคมเปลี่ยน


ไม่งั้นตอนนี้นักแต่งนิยายทุกคนคงยังนั่งแต่งนิยายเป็นกลอนเป็นโคลงแหละค่ะ

ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย สมัยไหนใครชอบแบบไหน งานมันก็จะเทไปทางนั้นเนอะ


แต่ก็แอบเสียดายเหมือนกันค่ะ เกิดมาก็เห็นหนังสือเล่มแต่อ้อนแต่ออก ส่วนตัวก็พยายามคงกลิ่นอายหนังสือเล่มเวลาแต่งนิยายนะ


พยายามไม่ตัดสินว่ามันดีหรือไม่ดีดีกว่าค่ะ แค่คิดว่าทุกอย่างมันไหลไปตามเวลา 5555 ไม่งั้นเครียดตาย

0
11-12 26 ก.ค. 65 เวลา 03:59 น. 12

ความรู้เราไม่มากในการเป็นนักเขียนแต่จะขอพูดในถานะนักอ่านคนหนึ่ง เวลาที่เราได้อ่านนิยายเรื่องหนึ่งไม่ว่าจะแนวไหนก็ตาม เราจะรู้สึก "อยากอ่าน" นิยายแนวนั้นเรื่องอื่น ถึงเรารู้ว่ามันอาจจะเหมือนกันแต่มันคงเป็นอาการ "ติดลม" และคาดหวังว่าจะมีสักเรื่องในนั้นที่เขียนสิ่งที่มันถูกใจเราบางส่วน แต่พอค้นพบว่ามันไม่เราก็ต้องระบายอาการนั้นออกมาเป็นงานเขียนสักเรื่อง(ซึ่งเราไม่ได้เผ่ยแผ่ออกไปเพราะโดนหาว่าก็อปแน่นอน) เรียกมันว่าความอินในการเสพติดการอ่านนิยายก็ได้ เราไม่รู้ว่าคนอื่นมีอาการแบบเดียวกันนี้ไหม(มันต้องมีสักคนแหละที่เป็น) แต่พวกเขาก็มีความท้าทายอยู่คือเขียนยังไงไม่ให้โดนด่าว่าก็อปเขามา(ซึ่งบางคนถ้าก็อปจริงต้องต้องถอนตัวไป)ส่วนบางคนที่แค่อยากเขียนแนวนี้ให้เหมือนกันเฉยๆเราว่าเขามีความพยายามมากๆยิ่งถ้าเขาเขียนเรื่องนั้นจบคนๆนั้นยิ่งต้องพยายามมากๆเพราะว่าแรงบรรดาลใจที่ได้รับมานั้นมันจะอยู่ไปไม่ถึงตอนจบของเรื่องราว(หรือเป็นที่เราคนเดียวก็ไม่รู้เขียนๆไปแล้วก็ดองเพราะเราหยุดติดลมเรื่องนั้นแล้วไปติดเรื่องอื่นต่อ) นั้นก็เป็นส่วนของตัวเราที่เป็นทั้งนักอ่านและนักอยากเขียน เราอาจไม่เข้าใจว่านักเขียนจริงๆเขาพยายามกันขนาดนั้นเพราะเราแค่ต้องการปลดปล่อยสิ่งที่อยู่ในใจออกมาเป็นตัวหนังสือเท่านั้น แต่ในถานะนักอ่านแล้วเราสามารถเลือกได้ว่าอยากอ่านไหมหรือไม่ หรือถ้าอ่านแล้วไม่โอเคก็แค่ถอยออกมาเงียบๆหรือพูดบางสิ่งที่เพื่อให้เขาแก้ไขในสิ่งที่เราคิดว่าแบบนี้ไม่ค่อยโอเคจริงๆ(เคยถามนักเขียนคนหนึ่งเรื่องตัวละครตรรกะป่วยๆเขาบอกว่าเขาตั้งใจเขียนแบบนั้นเราเลยเลิกอ่านเพราะไปกันไม่ได้) ส่วนเรื่องนิยายแหวกที่คนอ่านน้อยแม้มันจะดีมากๆนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าแต่ไม่สามารถทำอะไรได้แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีคนอ่านแค่คนอ่านน้อยก็แค่นั้น ต้องมาดูต่อไปว่าแนวทางนิยายในอีกหลายสิบปีข้างหน้าจะพลิกบทบาทไปสู่หมวดหมู่ไหนบ้าง จะมีนิยายหมวดใหม่ที่มาล้มล้างการเกิดใหม่แล้วไปล้างแค้นได้หรือไม่ ถ้าไม่ตายก่อนเราจะติดตามอย่างใกล้ชิดอย่างแน่นอน (พูดเหมือนเป็นสงครามเลยอะ)

0
M.laset 26 ก.ค. 65 เวลา 17:45 น. 13

จากที่อ่านกระทู้ของคุณมา ประเด็นสำคัญคือ คุณกำลังเบื่อหน่ายในพล็อตที่ซ้ำซาก หรือว่า ต้องการตำหนินักเขียนบางคนกันหรือคะ


หากเป็นในเรื่องพล็อตแล้ว เราขอตอบในความคิดเห็นของเราว่า พล็อตมันก็มีคล้าย ๆ กันอย่างที่คุณบอกนั่นแหล่ะค่ะ และเชื่อว่ามีนักเขียนหลายคน ที่แม้เขียนงานที่พล็อตแรกเริ่มซ้ำไปกับตามแนวกระแส แต่เมื่ออ่านไปเรื่อย ๆ แล้วงานของพวกเขาจะมีตัวตนของงานชิ้นนั้นที่เป็นเอกลักษณ์ขึ้นมา


เราไม่เห็นด้วยกับการก็อปผลงานที่คุณพูดถึง แต่ก็ไม่คิดว่าถึงกับต้องมาพิจารณางานของตนเองว่ามันซ้ำกับคนนั้นคนนี้ขนาดนั้น ไม่งั้นนักเขียนจำนวนมากต้องคิดกันหัวแตกกันแล้วล่ะว่าพล็อตแบบนี้จะไปซ้ำกับใครไหม แค่คิดพล็อตของตัวเอง แนวทางการดำเนินเรื่องของตัวเองก็พอแล้ว


แต่ถ้าปัญหาของคุณไม่ใช่พล็อตคือการกระทำของนักเขียน อย่างการก็อปงานแล้วละก็ น่าเห็นใจคุณที่ไปเจอกับงานที่ก็อปแบบนั้นมาเลยค่ะ เราไม่เคยเจอกับตัวตรง ๆ ว่าอ่านเรื่องนี้แล้วไปเจออีกเรื่องที่เหมือนเปี๊ยบขนาดนั้น คิดว่าเป็นชนส่วนน้อยที่ทำตัวแบบนั้นเสียอีกด้วยซ้ำ แต่เรื่องก็อปเราได้ยินว่ามันมีมานานแล้วนะคะ ขึ้นอยู่กับตัวคนแต่ละคนมากกว่าว่าทำตัวอย่างไร คนที่ไม่เคารพกฏระเบียบมีให้เห็นกันได้ทุกที่แหล่ะค่ะ ไม่ใช่แค่ในสังคมของนักเขียนเท่านั้น


ส่วนในเรื่องการบรรยาย เรามองว่าในเว็บเด็กดีเป็นที่พัฒนาของนักเขียนหลาย ๆ คนให้ลองเขียน ลองพัฒนาไปเรื่อย ๆ นะคะ เมื่อก่อนเราก็บรรยายไม่ดี บรรยายไม่ออก ซึ่งปัจจุบันก็มีโมเมนต์ที่เป็นแบบนั้นอยู่ แต่อ่านไปเรื่อย ๆ เขียนไปเรื่อย ๆ มันก็ดีขึ้น ถ้าคุณเปิดอ่านแล้วไม่ถูกจริตก็เปลี่ยนเรื่องอื่น แบบนี้จะสบายใจกว่า ทั้งสำหรับคนเขียนและคนอ่าน ให้เวลานักเขียนหน้าใหม่เขาได้พัฒนาบ้าง

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

Kun_Mu 28 ก.ค. 65 เวลา 03:45 น. 16

นักเขียนก็มีหลายระดับนะคะ นักเขียนอาชีพที่ทำผลงานออกมาดี และนักเขียนมือสมัครเล่นที่กำลังหัดเขียน นักเขียนเด็กดีบางคนยังเป็นเด็กอยู่เลยด้วยซ้ำ เราว่าถ้าชอบอ่านผลงานดีๆ ก็ลองเลือกอ่านผลงานตีพิมพ์หรือผลงานยอดนิยมที่มีสำนักพิมพ์คัดกรองแล้ว หรือมีกระแสตอบรับว่าเรื่องนี้ดี ส่วนพื้นที่ตรงนี้มีคนหลากหลายเข้ามาใช้งาน มันอาจไม่ใช่แค่พื้นที่ของนักเขียนมืออาชีพจริงๆ แต่รวมไปถึงพื้นที่ของเด็กๆ ที่อยากลองหัดเขียนอยู่ด้วยค่ะ เวลาเจองานเขียนในเด็กดีที่สำนวนไม่ดีหรือวิธีการเขียนไม่ถูกใจก็ลองคิดว่าเขาอาจจะเป็นเด็กตัวน้อยที่กำลังหัดเขียนอยู่ก็ได้ ถ้าไม่ชอบเรื่องนี้หรือวิธีเขียนแบบนี้ก็ลองหาดูเรื่องอื่นๆ นักเขียนที่เก่งๆ ในเด็กดีก็มีอยู่อีกเยอะค่ะ

0
teamgo 28 ก.ค. 65 เวลา 11:14 น. 17

ชอบกระทู้ นี้ นิยายส่วนใหญ่คล้ายละครไทยมาก โง่ไร้สมอง การเขียนฟรี แนวละครไทย จะไม่ด่า ถ้าไม่ฟรี แล้วเขียน แนวละครไทย จะด่า คนตั้งกระทู้ขอเป็นกำลังใจ อย่างไปสนใจพวกโง่


2
Manintag 28 ก.ค. 65 เวลา 20:55 น. 18

อ่า..อันนี้ ขออนุญาติพูดในฐานะนักเขียนนะครับ

ผมก็เขียนนิยายแฟนฟิคเรื่อง Summoning NATO ซึ่งเดิมเรื่องนี้มาจากต้นฉบับคือ Nihonkouku shoukan ญี่ปุ่นสู่ต่างโลก

จากการดูเนืื้อหาอะไรประมาณนี้ เนื่องจากว่าทางคนเขียน(แปล) บอกว่านิยายเรื่องนี้ฟรีลิขสิทธิ์และก็มีเรื่องหลายๆเรื่องตามมา ที่เด่นๆเลยคือ American summoning แน่นอนครับ ว่ามันก็เขียนไว้อยู่ว่า " ได้รับแรงบันดาลใจ " ซึ่งก็หมายถึง การให้ลิขสิทธิ์แก่เขาแม้มันจะฟรีลิขสิทธิ์ก็ตามที

การนำแนวคิด/ไอเดีย 'แค่บางส่วน' ไปใช้ในการนิยาย ย่อมไม่ผิด ไม่ถือเป็นการก็อป...

อ่ะ...ตัวอย่างก็ที่เห็นได้ชัดนะครับ ก็เรื่องที่ผมแต่ง Summoning NATO อะไรทำนองนั้น

ผมเองเคยทำพลาดอยุ่อย่าง คือเขียนนิยายเรื่องหนึ่งชื่อเรือง Cobra gold ตอนแรกกำลังเขียนไปได้ด้วยดี แต่นึกไปนึกมา รู้สึกมันเหมือนไปซ้ำกับนิยายสงครามอีกเรื่องอย่าง Dead sqaud ตอนนั้นก็เลยไปขออนุญาติทางเจ้าของนิยายเรื่องนั้น[คนแต่งเป็นคนไทยนะครับ] ทางเจ้าของนิยายเขาบอกผมนะ เขาบอกผมว่า " ผมคงไม่ว่าอะไร ถ้าคุณมาขอก่อนหน้าที่คุณจะลงนิยายของคุณ แต่ทำแบบนี้มัน 'ตบหัวแล้วลูบหลัง' ชัดๆ " ......

ใช่ครับประโยคนั้น ทำให้ผมคิดได้ และทางเจ้าของนิยายเรื่องนั้นเขาก็ไม่อนุญาติ ด้วยความที่ผมกลัวเรื่องลิขสิทธิ์ จึงต้องจำเป็นลบไปก่อน และหันมาเขียนนิยายเรื่องนี้ต่อ


แต่ว่า..การที่คุณพูดแบบภาพรวม ว่า พระเอกตายแล้วย้อนเวลา หรือนิยายแฟนตาซีที่พล็อตเรื่องมันซ้ำๆกัน

มันทำให้ไอคนที่กำลังเขียนนิยายแนวแฟนตาซีแนวนี้อยู่เกิดตกใจขึ้นมา ตายแล้ว..นี่กูไปซ้ำเรื่องไหนรึเปล่า

สิ่งที่คุณพุดมามันจริงอยู่ ที่ว่านิยายแนวต่างๆมันดูพล็อตเรื่องซ้ำๆแต่ว่ามันก็ไม่ได้ซ้ำไปหมดทุกอย่าง มันก็คือกระแสในช่วงเวลาหนึ่ง ที่ผู้เขียนต้องการเขียนเพื่อตอบสนองรายได้ที่ตัวเองต้องการ



เอางี้ ผมจะหยิบยกคำพูดของนัดเขียนนามแฝง Reaper093 มานะครับ

"ดูอย่างนิยายต่างโลก หลายคนก็เขียนเปิดเรื่องมาเหมือนกัน...คือตัวเองตาย ได้เกิดใหม่ ได้รับพลังมา ออกผจญภัย...

หรือแบบแนวเกมส์ออนไลน์...ที่พระเอกมันต้องเขาไปติดอยู่ในเกมส์แล้วออกไม่ได้ ต้องสู้บอสให้ผ่าน ถึงจะออกมาได้ เก็บเวเวล เจออาวุธเทพ สร้างปาร์ตี้...

ทั้งหมด มันก็ Pattern เหมือนกันๆ ก็ไม่ได้นับว่าผิด แต่ถ้าเนื้อหาในเรื่องมันออกมาคล้ายจนแทบจะเหมือนกัน นั่นแหละที่ผิดปกติ" นั่นแหละครับ ผมจึงคิดว่ากระทู้ของคุณมีทั้งผิดและถูก

แต่ว่าคุณก็ควรจะใช้คำซอฟต์ๆลงหน่อยก้ได้ และถ้าไม่จำเป็นก็อย่าไปพูดเหมารวมนะครับ........



2
TunKoB 28 ก.ค. 65 เวลา 22:27 น. 18-1

เรื่อง Copy นี่ยังไงมันก็จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน เพราะมันอ้างไปเรื่อยได้ เลข 1 2 3 4 5 6 7 มันก็เหมือนพลอต แค่ก็อบเอา 1 2 3 4 5 6 7 มาเรียงใหม่เป็น 7 6 5 4 3 2 1 มันก็กลายเป็นคนละอย่างแล้ว น่าเกลียดหน่อยก็เอา 1 2 3 4 5 6 7 มาหมดแล้วเรียงใหม่ น่าเกลียดน้อยก็เอา 1 มา 3 มา 5 มา เพิ่ม 8 เพิ่ม 9 สลับไปมา ปัญหาจะเกิดกับนักเขียนทันทีเมื่อนิยายเรื่องนั้นดังและเป็นที่สนใจ เพราะอะไรที่เคยจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน มันจะถูกคนหมู่มากรุมจับผิดว่าตรงนี้ไปเอาไอเดียคนอื่นมานี่หว่า ตรงนั้นไปเอาไอดีจากเรื่องนี้มานี่หว่า แต่ตราบใดที่นิยายเรื่องนั้นยังไม่ดังมากพอมันก็จะไม่ถูกจับผิดแบบสับเละ มันก็อ้างได้หมดว่าแรงบันดาลใจ ในมุมมองของผม มันเป็นแบบนี้ ดูตัวอย่างในเว็บเด็ก D ตอนนี้ก็ได้ นิยาย ติด Top บางคนก็ไปเอานิยายแปลมาแปลให้อ่านฟรี แปลแล้วก็แอบไปเก็บเงินเว็บนอกด้วยการโดเนท ถ้าโดเนทก็ได้อ่านก่อน มีการเอาหลักฐานการขออนุญาติจากเจ้าของผลงานมาลง ซึ่งบางทีก็ดูแล้วไม่ใช่เจ้าของผลงานตัวจริง! ถึงจริง ตอนไปขอ ขอแปลแบบไม่เก็บเงิน แต่ก็ไม่ได้บอกเขาหมดว่าจะเอามาเปิดโดเนท ถ้าไล่บี้กันจริงๆคือผิด แต่สุดท้ายใครล่ะจะไปไล่บี้ ใครล่ะอยากจะสนใจ ? ไล่บี้แล้วได้อะไร? สุดท้าย Copy ก็คือ Copy ส่วนจะอ้างให้ดูดี ผิดน้อย สวยหรูยังไงมันก็คือ Copy ส่วนตัวผมเขียนนิยาย ผมไม่ได้กลัวเรื่องพวกนั้น ไม่ต้องระวัง ไม่ต้องอะไรเลย เพราะทุกอย่างผมคิดขึ้นมาจากสมองผมเอง 2-3 เรื่องหลัง พลอต ตัวละคร ชื่อ เหตุการณ์ในเรื่อง การดำเนินเรื่อง ก็ถ้ามีนักอ่านคนไหนมาบอกว่าเรื่องผมไปคล้ายไปตรง คือเขามโนแล้ว เพราะต่อให้จะตรงบางส่วน มันก็คงไม่ตรงทั้งหมด ทว่ามันก็มีบ้างช่วงเริ่มเขียนนิยายใหม่ๆที่ผมไปเอาแรงบันดาลใจมาจากนิยายจีน ระดับขั้นพลัง ชื่อดินแดน อะไรแบบนั้น แต่ช่วงหลังคิดเองเกือบหมด

0
Manintag 29 ก.ค. 65 เวลา 06:20 น. 18-2

ถูกของคุณครับ

ผมชอบตามประโยคท้ายของคุณที่กล่าวนะครับ

"ทว่ามันก็มีบ้างช่วงเริ่มเขียนนิยายใหม่ๆที่ผมไปเอาแรงบันดาลใจมาจากนิยายจีน " มันก็หมายถึงคุณน่ะ มีความสามารถในการเขียนด้วยตัวเองอยู่แล้ว และก็ต้องขอเคารพในนิยายที่คุณเขียนจริงๆ ผมว่ามันก็น่าสนใจดี

สาเหตุที่ผมยังเขียนแนวแฟนฟิคและอ้างว่าได้แรงบันดาลใจ มันก็ได้แรงบันดาลใจจริงๆ

ตามที่คุณกล่าวว่า ยังไงมันก็คือการก็อป อันนั้นอาจจะเป็นความเห็นส่วนตัวของผม และผมก็ไม่มีเจตนาที่จะหมิ่นความเห็นส่วนตัวของผม

ผมเป็นแค่นักเขียนมือใหม่ ที่ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์ ผมจึงเขียนแนวแฟนฟิคไปก่อน

แต่ถามว่ามีเรื่องที่ผมคิดเองไหม มีครับ....เพียงแค่ผมยังไม่สามารถเขียนมันขึ้นมาได้ เนื่องจากต้องวางแผนผังและพล็อตเรื่องก่อน

ความคิดเห็นของคุณ ผมเห็นว่าที่คุณพูดมา มันก็ถูกนะ เอาตีเป็นเปอร์เซนต์เลย ก็ 80 % ด้วยความที่คุณบอกว่า'เป็นมุมมองของตัวเอง' ทำให้ผมก็พอเข้าใจได้ ว่าต่างคนมันก็ต่างมุมมองกัน จะบังคับให้เหมือนกันหมดก็ไม่ได้

ถึงยังไผมก็ชอบความเห็นของคุณที่นำมาคอมเมนท์นะครับ

0
เขียนนิยายในท่านอน 30 ก.ค. 65 เวลา 22:17 น. 19

ผมคิดว่ามันเป็นที่เทรนด้วย ตราบใดที่แนวเทือกๆนี้ยังขายได้

มันก็ไม่แปลกที่จะมีคนผลิตมาตอบสนองเรื่อยๆเช่นกัน

ดีมานซัพพลาย

ส่วนตัวผมคิดว่าถ้าเนื้อเรื่องมันไม่ซ้ำจนน่าเบื่อเกินไป

เช่นถ้าคนเขียนพลิกแพลงเก่ง แตกประเด็นที่แตกต่างออกไปมันก็ยังน่าสนใจอยู่ดี

ผมที่ก็แอบคิดเหมือนกันกับ จขกท ก็เลยแต่งนิยายล้อไปกับแนวต่างโลก แต่ไม่ใช่ตายแล้วเกิดใหม่

เป็นโลกความฝันแทน จริงๆมันก็คือแนวโลกคู่ขนานนั่นแหละ มันก็ขึ้นอยู่กับคนแต่งแล้วว่าทำให้มันน่าสนใจได้มั้ย



0