ชีวิตนักเขียนไส้แห้ง
ชีวิตยิ่งกว่านิยายใครก็รู้ ตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีที่เขียนพ็อกเก็ตบุ๊คแนว How to มา จนตัวเองเลิกนับไปนานแล้วว่าตีพิมพ์จำหน่ายไปแล้วกี่เล่ม แต่อย่าพึ่งเข้าใจผิดนะ หนังสือทุกเล่มไม่ใช่ลิขสิทธิ์ของเรา เราเขียนหนังสือตามใบสั่งและขายขาดให้ สนพ. เรามีสิทธิ์บนผลงานของเรามากที่สุดได้แค่ลงนามปากกาของตัวเองบนปกหนังสือเท่านั้น ดังนั้น เราคือ "นักเขียนไส้แห้ง" ตัวจริงที่ยังหลงเหลืออยู่ในโลกใบนี้
เราใช้ชีวิตอย่างประมาทก่อนที่โควิดจะมาเยือนโลกมนุษย์ เราคิดแค่ว่ารายได้ประจำที่เคยได้มา จะเลี้ยงชีวิตเราและลูก ๆ ได้ตลอด อีกทั้ง บก. เรายังเป็นมหาบุรุษผู้ใจดี มันจึงยิ่งทำให้เรามั่นใจว่าเราจะสามารถทำงาน "เขียน" นี้และเลี้ยงลูกจนโตเรียนจบได้ ความฝันบั้นปลาย เมื่อลูกทำงานมีครอบครับกันหมดแล้ว เราจะอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย 2 คนกับแฟน และนั่งเขียนนิยายให้คนอ่านจนกว่าชีวิตจะหาไม่ นี่คือความสุขที่คิดว่ามันดีที่สุดแล้วสำหรับเรา
จนเมื่อโควิด ตู๊ม เข้ามา ทุกอย่างเปลี่ยนไป สนพ. เกิดภาวะขาดทุนย่อยยับ ร้านขายหนังสือเจ้าใหญ่ ๆ ของเมืองไทยเกิดปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน ห้างฯ ปิด ร้านหนังสือก็ต้องปิด บริษัทจัดจำหน่ายรายใหญ่ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศประสบกับภาวะขาดทุน ผู้จัดจำหน่ายรายย่อยและสายส่งหนังสือทั่วประเทศก็ล้มตาม สนพ. ก็ง่อนแง่น แล้วนักเขียน "ประจำ" อย่างเราก็ถึงคราวที่จะต้องม้วยมรณา อาจจะไม่ถึงขนาดนั้นแต่ก็เล่นเอาเราเกือบตาย
ตอนนี้โควิดใกล้จะหมดโลกแล้ว (จริงเหรอ) แต่รายได้ของนักเขียนไส้แห้งอย่างเรายังไม่เหมือนเดิม มันเหมือนสินค้าที่ขึ้นราคาแล้ว ไม่มีทางลดราคากลับลงมาเท่าเดิมได้ คล้ายกับรายได้ของเราที่เมื่อมีอันได้ลดลงมากกว่าครึ่งแล้ว ก็ไม่มีทีท่าว่ามันจะเพิ่มขึ้นกลับไปเท่าเดิมได้อีก ทำไม? อันที่จริงโลกของหนังสือที่เป็นกระดาษเตรียมตัวจะเปลี่ยนผ่านเป็นไฟล์ดิจิตอลมานานแล้ว แต่มันยังเปลี่ยนไม่ได้ทันทีด้วยเหตุผลหลายประการ จนวันหนึ่งโควิดเข้ามาเปลี่ยนให้ ตู๊ม! เหมือนมันเป็นสัจธรรมที่ความเปลี่ยนแปลงที่ดีจำเป็นจะต้องมีบางคน บางฝ่าย บางกลุ่มต้องเลือดตกยางออก ต้องเกิดความสูญเสียขึ้นบ้าง "ไม่ใช่จะล้มบนฟูกได้ทุกคน"
เราหวังลึก ๆ อยู่ว่า สนพ. ของเราจะรีบเปลี่ยนแปลงเอาหนังสือที่เป็นกระดาษแปลงโฉมให้มันกลายเป็นไฟล์ดิจิตอล เผื่อว่ารายได้ของเราจะมีโอกาสได้กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่เราก็ได้แค่หวัง เพราะที่ผ่านมาเราเปรย ๆ ถึงเรื่องนี้หลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจาก... เรื่องที่เราเรียก
เราไม่เคยคิดเลยว่า วันนี้! เราจะมาแต่งนิยายที่เป็นความฝันบั้นปลายของชีวิต ที่ผ่านมาเราคิดมาตลอดว่าตัวเองมือไม่ถึง ปากกาไม่คมพอ ไม่กล้าเขียนเพราะกลัวมันจะออกมาไม่ดี แต่ในที่สุดเราก็เขียนนิยายเล่มแรกสำเร็จบนความไม่แน่ใจว่ามันจะดีและคุ้มค่ากับผู้อ่านที่สละเวลาอ่านมันหรือไม่ และเราไม่ปฏิเสธว่ากระทู้นี้ตั้งขึ้นมาเพื่อให้นักอ่านเข้าถึงผลงานของเรา เราไม่แน่ใจว่านิยายของเราดีหรือไม่ แต่เราแน่ใจว่าเราตั้งใจเขียนมันขึ้นมาอย่างดีที่สุด อยากให้ท่านนักอ่านและท่านนักเขียนติชมผลงานของเรา เพื่อให้เราได้มีโอกาสปรับปรุงผลงาน และที่สำคัญก็คือมีที่ยืนบนโลกออนไลน์นี้ ฝากทุกท่าน ติดตามและติชม :
https://writer.dek-d.com/pear-parapiml/writer/view.php?id=2353328
อย่างไรก็ตาม ขอเป็นกำลังใจให้นักเขียนไส้แห้งทุกท่าน อย่าท้อถอย อย่าท้อแท้ ถอนหายใจได้เป็นล้านครั้ง แต่อย่ามีสักครั้งที่ท้อ! ถ้าคุณเป็นนักเขียนโนเนมเหมือนเรา ถ้าคุณไม่มีแฟนคลับเหมือนเรา คุณอาจจะกำลังท้อ แต่อย่าถอยเป็นอันขาด ถ้าคุณเขียนอะไรได้สักอย่างจบเป็นเล่ม แปลว่าคุณไม่ใช่คนธรรมดา คุณมีพรสวรรค์ของการเป็นนักเขียนแล้ว แต่จะไส้แห้งไหม? เราคิดว่าคุณต้องเลือกได้แน่นอน และอย่าประมาทเหมือนเราเด็ดขาด!
13 ความคิดเห็น
ความฝันครั้งสุดท้าย The last dreams : https://writer.dek-d.com/pear-parapiml/writer/view.php?id=2353328
การอธิบายแต่ละประโยคสละสลวยมากเลยครับ แจ๋วมากๆๆ
ขอบคุณค่ะ
จะเขียนตามใจฉันเหมือนสมัยก่อน มันมีแต่ต้องเสี่ยงดวงดูอะว่าจะ ปัง หรือ พัง
เพราะพฤติกรรมคนเสพสมัยนี้เปลี่ยนไปเยอะ มีนิยายหลายแนวให้เลือกเสพหลากหลายมากขึ้น
ที่สำคัญสมัยนี้นักเขียนต้องเป็นการตลาดด้วย ถ้าไม่เป็นการตลาด ถึงจะเขียนดีเลิศเลอแค่ไหน ก็อยู่ไม่ได้จ้า
เห็นด้วยเลย ถ้าแต่งลงเว็บ กลุ่มเป้าหมายมักจะเป็นวัยรุ่นจนถึงวัยเริ่มทำงาน ต้องหาความนิยมของเขาให้เจอ
ขอบคุณค่ะ
อืม...
พล็อตที่คนรักฆ่าตัวตายมันน่าสนใจนะ มันพาคนอ่านไปสำรวจอะไรได้หลายอย่าง ทั้งคนที่มีชีวิตอยู่จะถูกลงโทษจากความตายของคนรักอย่างไร หรือการตามหาคำตอบว่าอะไรคือฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เขาหรือเธอคิดสั้น จะไปสำรวจทางคนตายก็ยังได้
แต่ว่างานของคุณ เล่าเรื่องได้แย่มาก คุณไม่ตกผลึกว่าจะสื่อสารอะไรกับคนอ่าน ไม่ลำดับเรื่องราว เล่าเรื่องเรื่อยเปื่อย ผลคือเนื้อเรื่องไม่เคลื่อนไปข้างหน้า เป็นบ่อน้ำขังที่มีลมเอื่อย ๆ พัดใบไม้ที่ล่วงลงมาเคลื่อนไปติดขอบ รอวันจม ผุพังเน่าสลายที่ก้นบ่อ
เรื่องราวไร้พลังจนน่าตกใจ
ภาษาที่หยิบมาใช้ก็ดูเก้กังเหมือนหยิบจับไม่ถนัดมือเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ ภาษาเลยกระโดดไปมา
ถ้ามีนิยายที่เคยชอบ นักเขียนที่รักก็ลองหยิบมาอ่านปรับอารมณ์ดูก่อน
ที่เขียนอยู่นี่จังหวะการเดินเรื่องมันแย่มาก ๆ
กลัวคนอ่านท่านอื่นจะเข้าใจผิดว่านิยายเรื่องนี้ มีคนฆ่าตัวตาย ไม่มีใครฆ่าตัวตายในนิยายเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณสำหรับคำติชมค่ะ
ดำเนินเรื่องได้ดีครับ เดาไม่ออกทำให้น่าติดตาม ภาษาสวยดี สำนวนเก่าบอกถึงอายุคนเขียน เดี๋ยวนี้หายากนิยายที่อธิบายความรู้สึกได้ละเอียดลึกซึ้ง นิยายทุกวันนี้ส่วนใหญ่เห็นแต่เครื่องหมายคำพูดทั้งเล่ม แต่บอกตามตรงนิยายของคุณอาจจะถูกติมากกว่าถูกชม เพราะคุณดันไปเล่นกับความเชื่อและศรัทธาของคน บางคนที่มีศรัทธาแรงกล้า จะอคติกับนิยายของคุณตั้งแต่อ่านบทแรกเลยครับ คุณเหน็บแนมตีกระทบหลายเรื่องที่ละเอียดอ่อน คนอาจไม่พอใจ ถ้าลองปรับบทแรกใหม่อาจจะดีครับ ถ้าอยากให้นิยายติดตลาด คุณจะต้องเขียนเอาใจคนอ่านทุกความคิด ทุกความเชื่อ ทุกความศรัทธา อย่าลงรายละเอียดลึกมาก เขาจาด่าเอา
ทำใจแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ แค่หวังให้มีคนชอบนิยายเล่มแรกของเราก็พอใจแล้ว แต่ไม่ปฏิเสธว่าจะไม่เสียใจ ถ้ามันจนขายไม่ได้เลยสักเล่ม
อ่านตอนแรกนึกว่านางเอกฆ่าตัวตาย กำลังจะเลิกอ่านละ เบื่อเรื่องแนวแบบนั้นอะ แต่พอมารู้ว่าที่จริงนางเอกถูกฆ่าชักเริ่มสนุก อยากรู้จังพระเอกจะให้ธรรมชาติชดใช้ยังไง เพราะนางเอกถูกฆ่าจริง ตายจริง ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ ตายฟรี
ลงตอนใหม่แล้วค่ะ ติดตามนะคะ นพกรณ์กับลัดดาจะทำยังไงต่อไป
เราก็เป็นนักเขียนโนเนมเหมือนกันค่ะ แต่งนิยายเพราะความชอบล้วน ๆ ส่วนรายได้ไม่ได้หวังมากนัก ได้ก็ดีไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะมีงานประจำ ความคาดหวังของเราต่ำมาก ๆ แค่มีนักอ่านชื่นชอบสักคนก็ใจฟูแล้วค่ะ อยากน้อยก็มีคนชอบแนวเดียวกัน
เดี๋ยวจะตามไปอ่านค่ะ
ขอบคุณค่ะ
เหมือนหวย
บางคนเล่นแล้วถูก ก็รวยกันไป
แต่หลายคนไม่ถูก ยากจนกันต่อไป
ไส้แห้งนะแน่นอนอยู่แล้ว โอกาศรวยน้อยมาก ทำมาหากินอื่นยังมีโอกาศดีกว่านี้
ชอบที่คุณพูดถึงอริยสัจ 4 จริงเลยยย เราไม่เคยเอาธรรมนี้ของพระพุธเจ้ามาใช้กับการดำรงชีวิต เรากราบไหว้ เราศรัทธา เราสวดมนต์ เพื่ออยากให้ตัวเองได้ดี สุขภาพแข็ง ไม่ทุกข์ ชีวิตเจริญรุ่งเรื่อง คือทำแค่ขอพรให้ตัวเองได้ดี แต่เราไม่เคยเอามรรคมาตีแผ่เพื่อปรับใช้กับชีวิต เราใช้แค่บางข้อ เราทุกข์ก็ไม่รู้ว่าทุกข์เพราะอะไร ไม่เคยหาสาเหตุ และเราหาแค่วิธีพ้นทุกข์ตามแรงขับเคลื่อนของชีวิตและความอยาก เราไม่เคยเอาอริยสัจ 4 มาใช้เลย แล้วก็อีกอย่างหนึ่งที่คุณเขียนบอกไว้ ชอบมาก ไม่ได้หวังจะได้นิพพาน แค่เอาเหตุแห่งนิพพานมาใช้ในชีวิต ชอบๆๆๆๆ
สู้ๆนะคะ
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณค่ะ
เป็นนักเขียนไส้แห้งเหมือนกัน ไม่มีตังค์กินหนมเลย
จ้า โดยเฉพาะนักเขียนประจำอย่างเรา ๆ
โดยเฉพาะนักเขียนประจำอย่างเรา ๆ นักเขียนมีสังกัด ใช้เงินเดือนชนเดือน ไม่มีเงินสำรองไว้ใช้รอแบ่งค่าลิขสิทธิ์อย่างใครเขา เขียนหนังสือเดือนละ 1 เล่มเป็นอย่างน้อย หนังสือ 1 เล่ม คือเงินเดือน 1 เดือน เขียนตามใบสั่ง เขียนไม่ได้ เนื้อเรื่องไม่ถนัด ก็ต้องพยายามศึกษาเอาจนเขียนให้ได้อย่างผู้เชี่ยวชาญ สุดใจขาดดิ้น! บางวันนั่งจ้องหน้าคอมเป็นชั่วโมง ๆ แต่เขียนอะไรไม่ได้สักตัว แถมไม่กล้าอ่านหนังสือของคนอื่น เพราะกลัวจะติดสำนวนของเขามา ไม่ก็มักง่ายเอางานของคนอื่นมารีไรท์ ตัดปัญหาไม่อ่านงานคนอื่นซะเลย งานเหมือนง่าย แต่มันไม่ได้ง่ายเหมือนขนหินจากหน้าบ้านไปกองไว้หลังบ้าน บางทีเรายังเคยคิดอยากเปลี่ยนงาน ทำงานแบบเสร็จเป็นวัน ๆ เหนื่อยสายตัวแทบขาด เหงื่อท่วมกาย งานเสร็จรับเงินกลับบ้านหาลูก แล้วนอนพักผ่อนพรุ่งนี้ตื่นไปสู้กับงานใหม่ 555 บางทีเราไปซื้อของร้านชำตอนเย็น ๆ เห็นพี่น้องผู้ใช้แรงงานนั่งล้อมวงกับก๊งเหล้าพูดคุยกันสนุกสนานเฮฮาหลังงานเสร็จ เราก็นึกอิจฉาพวกเขาในใจ ความสุขในชีวิตไม่เห็นต้องวุ่ยวายคิดยาก! ทำงาน ออกแรง ทำเสร็จ กินเหล้าพอเป็นกระษัยให้ท้องร้องบอกหิวข้าว กลับบ้านกินข้าวกับลูก แล้วเข้านอนกับแฟน แล้วค่อยตื่นมาสู้ีวิตใหม่ ดูมันเป็นชีวิตที่น่าอภิรมย์ยิ่งนัก 555 นี่ฉันเขียนอะไรลงไป!
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?