ขอพื้นที่โปรโมทนิยาย เทพสงคราม มารสวรรค์
ขอฝากผลงานหน่อยครับ ปั่นมาเจ็ดตอนแล้ว มีคนอ่านเพิ่มอีกนิดก็ยังดี ยอดวิวหนืดมาก
https://writer.dek-d.com/deary69/writer/view.php?id=2353080
แม่ทัพหนุ่มหยิบภาพวาดนั้นมามองอีกครั้งแล้วยิ้มด้วยความเย้ยหยัน เขาเดินทางมาที่นี่เพียงลำพังด้วยความเร่งรีบโดยทิ้งลูกน้องทหารไว้ที่โรงเหล้า
ชาวบ้านในชุดสีขาวเหมือนๆ กันประมาณหกเจ็ดคนที่อยู่ด้านนอกของอารามพากันมองนายทหารด้วยความแปลกใจ เพราะโดยปกติที่นี่ถ้าไม่ใช่คนที่ศรัทธาก็เป็นคนเจ็บป่วยที่มาให้ท่านฤาษีช่วยรักษา
ทัสสาหาได้ใส่ใจสายตาเหล่านั้น เขาเดินปรี่เข้าไปในอารามกวาดตามองหาผู้ที่อ้างตนว่าเป็นผู้ทรงศีล แต่นอกจากชาวบ้านในชุดขาวที่นั่งกราบไหว้เทวรูปองค์ใหญ่ เขาก็ยังไม่พบคนที่ต้องการค้นหา
“โกหญ เจ้าอยู่ที่ไหน!” แม่ทัพหนุ่มตะโกนถามเสียงดังกึกก้อง ผู้คนหันมามองด้วยความตื่นตระหนก หาได้มีใครรู้จักชื่อนั้น
เมื่อยังไม่พบผู้ที่ต้องการ ทัสสามีอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นไปอีก สายตาเหลือบไปเห็นเทวรูปที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับภาพวาด เขามุ่งไปยืนตรงหน้าเทวรูปแล้วเอ่ยต่อไปว่า “หากเจ้าไม่ปราฏ ข้าจะทุบรูปปั้นบ้าๆ นี่ทิ้งซะ”
ทว่าหลังสิ้นคำกล่าวของทัสสา สีหน้าของชาวบ้านแปรเปลี่ยน คราวนี้พวกเขาหาได้กลัวลนลานเหมือนเมื่อครู่ ทุกคนแสดงสีหน้าดุดันจ้องมองผู้มาเยือนใหม่ด้วยแววตาขุ่นเคืองพร้อมที่จะปกป้องเทวรูปนั้นเต็มกำลัง แต่มีหรือที่ผู้ผ่านการฆ่าฟันนับหมื่นอย่างเขาจะหวาดหวั่น ตาสีตาสาพวกนี้เพียงแค่ขยับดาบไม่กี่ทีคงหัวขาดทั่วทั้งอาราม
“ท่านมีธุระอันใดให้ข้าช่วยเหลือ ก็จงแจ้งมาเถิด อย่าได้สร้างความเสียหายให้แก่สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เลย” เสียงจากใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
ทัสสามองไปยังเจ้าของคำปราม แสงย้อนจากดวงอาทิตย์ที่ลอดผ่านมาทางประตูทำให้เขาเห็นผู้ที่กำลังเดินผ่านเข้ามาไม่ถนัดนัก
แต่เมื่อร่างนั้นเดินใกล้เข้ามาจึงเห็นว่าเป็นชายวัยกลางคนในชุดขาวไร้ลวดลายสีสันใดๆ เส้นผมดำขลับไร้สีขาวเจือปนถูกเกล้ามวยไว้อย่างประณีต ไม้เท้าในมือบ่งบอกถึงฐานะผู้นำสูงสุดในลัทธิที่ตนสร้างขึ้น
แต่สิ่งที่สะดุดตากว่าอื่นใดคือด้านขวาของใบหน้าอันสุขุมเยือกเย็น ปรากฏแผลเป็นคล้ายดั่งถูกอาวุธมีคมชนิดหนึ่งฟาดฟันตั้งแต่หัวคิ้วพาดผ่านดวงตาไปถึงโหนกแก้ม ความเสียหายทำให้เนตรขวานั้นไม่เหมือนคนปกติ แต่เหมือนถูกแทนที่ด้วยวัตถุคล้ายอัญมณีสีฟ้า
“ท่านฤาษีสวายะ...” ชายคนหนึ่งในที่นั้นเอ่ยขึ้น จากนั้นผู้คนทั่วทั้งอารามต่างพากันหมอบกราบเคารพ เว้นแต่เพียงท่านแม่ทัพ
ทั้งสองยืนประจัญหน้ากันอยู่กลางอาราม ทัสสายังไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เป็นอีกฝ่ายที่ส่งจิตมาถึงด้วยฤทธิ์แห่งเวทย์คนทั้งสองไม่จำเป็นต้องขยับปากเปล่งเสียงให้ใครได้ยิน
“ไม่ได้เจอกันเสียนานเลยนะท่านนาสัต ไม่ใช่สิ ด้วยรูปโฉมของท่านในตอนนี้หาได้ใช่เทพสงครามบนชั้นพรหม” ผู้ทรงศีลกล่าวเหมือนดูแคลน
“จงอย่าได้เอ่ยชื่อนั้นอีกโกหญ เจ้าเทพชั้นต่ำ ข้าไม่ใช่นาสัต นามของข้าต่อจากนี้คือทัสสา หากเจ้ากล่าววาจาไม่เข้าหูอีก ตาอีกข้างก็จะไม่เหลือให้เจ้าได้มองเห็น” แม่ทัพหนุ่มส่งจิตตอบกลับไปด้วยความฉุนเฉียว
“ฮีๆ อย่าได้ใส่ใจความเข้าใจผิดของข้าเลย เรื่องในอดีตข้าก็หาได้เก็บมาผูกใจเจ็บ เวลานี้เราทั้งสองต่างมีสิ่งที่ต้องพึ่งพากันและกัน ขอเชิญท่านมาหารือก่อนแล้วข้าจะอธิบายให้ฟัง
แสดงความคิดเห็น