Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

จริงไหมที่คำกล่นด่าของคนกลุ่มเพียงกลุ่มเดียว สามารถเปลี่ยนคนได้?

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

คำถามนี้จะเชิงปรัชญาและจิตวิทยาสักหน่อยครับ เพราะผมต้องการสร้างฮีโร่ที่กลายเป็นตัวร้ายแล้วประกาศเป็นศัตรูกับคนทั้งโลก ผมเลยต้องการความคิดเห็นของแต่ละคนว่ามันจริงหรือไม่ที่คำด่า การกระทำปฎิบัติไม่ดี ของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้นก็สามารถที่จะทำลายคนธรรมดาหรือคนดีๆ สักคนจากความล้มเหลวเพียงเล็กน้อยและครั้งเดียวจนทำให้เขาต้องอาจจะเสียตัวตนดั้งเดิมที่ดีกลายเป็นคนที่เบื่อโลก ต่อต้านสังคคม หรือขอยุติจบชีวิตลงเพื่อเลี่ยงปัญหา หรือที่เลวร้ายก็คือทำตัวเลว ตอบสนองคำก่นด่าของกลุ่มคนพวกนั้น ยังไม่ได้รวมการถูกก่นด่าสะสม โดนทัวร์ลงที่อาจจะส่งผลร้ายแรงกว่า


จากที่ผมได้ไปศึกษาดูหลายเคสๆ ในวงการต่างๆ แต่ผมขอยกตัวอย่างจากสื่อบันเทิงแทนอย่างเรื่องใกล้ๆ ตัวก็คง My Hero Academia ที่ว่าฮีโร่ได้ช่วยเหลือผู้คนเพื่อผลประโยชน์ตัวเองบ้างหรือเพื่อส่วนรวมก็ดี แต่เมื่อเหล่าฮีโร่ที่คิดช่วยเหลือคนได้ถูกคนด่าว่าเป็นพวกเห็นแก่ตัว เป็นฮีโ่ร่เพื่อจะได้ชื่อเสียงหรือเงินทองใช้เองกับตัว หรืออุตส่าห์ยอมเสี่ยงแลกชีวิตเพื่อช่วยปกป้องคนอื่นจากใจความเป็นฮีโร่จริงๆ แต่พอประชาชนผิดหวังที่อีโร่ไม่สามารถช่วยผู้คนได้อีกทำให้ประชาชนเริ่มจะก็ก่นด่าและขับไล่ทำร้ายจิตใจฮีโร่ ทำให้ฮีโร่บางคนที่ทนได้ก็ทนทำงานต่อ หรือลาออกไปบ้างจากความเจ็บปวดใจ หรือที่เลวร้ายคือหันหลังเป็นตัวร้ายซะเอง

แล้วสิ่งหนึ่งที่ผมติดใจเลยคือว่า พลังด้านลบนั้นมันมีพลังเยอะกว่าพลังงานด้านบวกจริงๆ ใช่ไหม? เพราะคำชื่นชมต่อให้ 100 หรือ 1,000 คน ก็ไม่อาจจะกลบคำด่าที่ทำร้ายจิตใจจากคน 1 คน หรือคน 10 คนได้ แล้วปกติพวกมนุษย์จะจดจำด้านลบอย่าง ความชั่วร้าย ความล้มเหลว มากกว่าจะจดด้านบวกอย่างคนทำความดีและผู้สำเร็จ

ผมเลยออยากถามความคิดเห็นว่าแต่ละคนมีความคิดยังไงบ้างกับสิ่งที่ผมได้ตั้งไป

แสดงความคิดเห็น

>

12 ความคิดเห็น

gassasin 10 มี.ค. 66 เวลา 20:39 น. 2

คนเราไม่เหมือนกัน เพราะงั้นอาจจะมีทั้งคนที่ทนได้ และทนไม่ได้ กับเสียงด่า บางคนก็ไม่ได้สนใจเสียงด่าด้วยซ้ำ ปล่อยผ่านไปไม่ได้เอามาคิดมาก มุ่งทำแต่สิ่งที่ตัวเองคิด ไม่ว่าจะผิดหรือถูก โลกนี้มีหลายกลุ่มคน มันก็อยู่ที่คุณแล้วว่าจะเขียนคนแบบใหนขึ้นมา เช่นเดียวกับตัวเลือกในความเป็นจริง

0
พะ่ีั่าีั 10 มี.ค. 66 เวลา 21:43 น. 3

ด้านลบมันอาจจะดูแย่แต่ถ้ามีเหตุสมควร มันจะมีค่ากว่าเงินทอง ในทางกลับกัน ด้านบวกดูสวยหรูถ้าเกินจนไม่รู้ผิดชอบ อยู่ไปก็มีแต่เป็นภัยต่อสังคม หนักกว่าตายหลายเท่านัก เราจึงไม่ควรมองแค่มุมเดียว และมองถึงความพอดีด้วย


ส่วนเรื่องด้านลบเป็นที่น่าสนใจมากกว่าด้านบวก ผมเห็นด้วยกับสิ่งนี้ และผมก็ชอบยืมไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในงานเขียนของผม

0
re จำศีล 10 มี.ค. 66 เวลา 22:30 น. 4

ผมไม่รู้จะพูดยังไงดีเพราะถ้าพูดคงคิดว่าบ่นแน่ ถ้างั้น—

"ช่างแม่งแล้วกลายเป็นแอนตี้ฮีโร่ดีกว่า"

ถ้าดูมายฮีโร่ ลองทำความเข้าใจบัก(Staind)ดูก็ได้ น่าจะมีบ่นเรื่องนี้อยู่น่ะ

อ๋อ~~~ถ้าคิดไม่ออกลองเอาผมเป็นตัวอย่างก็ได้

https://www.dek-d.com/board/writer/4079864/10/1

ไม่ก็พวกตัวละครแนว พวกมีปัญหาหรือเจอปัญหาหลายๆตัวที่พบบ่อยๆในอนิเมะอ่ะนะ

8
yurinohanakotoba 10 มี.ค. 66 เวลา 23:39 น. 4-1

รู้สึกตัวเองเป็นเหยื่อที่ถูกกระทำเหรอครับ?

โถ...แถวนี้มีแต่คนใจร้าย

0
re จำศีล 11 มี.ค. 66 เวลา 00:07 น. 4-2

รู้จักธรรมะแท้บ่ไอ-้บื้อ~~~ถ้าคิดงั้นเจ้าก็แค่ไอ-้บื้อด้อยพัฒนาเด้~~~

แล้วก็เบิ่งๆๆๆ ตัวอย่างสู่ เดี๋ยวทุบด้วยกีต้าร์เลย หยอกๆ

(ปล.โบจจิ น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก)

ขอบคุณสำหรับความใจดีครับ

0
re จำศีล 11 มี.ค. 66 เวลา 00:36 น. 4-4

อ๋ออออแล้วก็ จะคิดยังไงกับผมก็ได้แหละ แต่ไม่ไปตอบในกระทู้นั้นล่ะ?? บื้อไปป่าวหรือแยกแยะไม่ออก หว่าาา~~~สงสารกลับเลยยยน่ะเนี่ยยย นึกว่าตัวเองแปลกแล้วมีคนแปลกเขาขั้นกว่าเหรอเนี่ย~~อะไรเก็บได้ก็เก็บเนะ บื้อ มองส่วนรวมด้วยน่ะ บื้อ

0
ลนม. 12 มี.ค. 66 เวลา 21:29 น. 4-7

ร้ายไม่ร้ายบางคนถูกกระทำจนไม่สามารถลุกขึ้นมาได้เพราะคำปากคน เห้อ!


0
re จำศีล 12 มี.ค. 66 เวลา 21:44 น. 4-8

อิหยังนิ~~~??

การปรากฏตัวของกองกำลังที่3เหรอเนี่ย!!

ร้ายไม่ร้าย ไม่รู้

แต่นี่คือผมตอนเห็นคอมเมนต์นี้

https://youtu.be/4051MfM4Ip0

(ปล.โกรธใครมารึเปล่าครับ)


0
กล่นด่าไม่มีในโลก 10 มี.ค. 66 เวลา 22:40 น. 5

ก่นด่า ไม่ใช่ กล่นด่า

ก่น แปลว่า ตั้งหน้าตั้งตาทำ, ด่าหรือแช่ง, ขุดหรือถอนรากเหง้า มีการใช้ร่วมกับคำว่าด่า รวมเป็น "ก่นด่า" พจนานุกรมราชบัณฑิตบัญญัติคำว่า ก่นโคตร แปลว่า ขุดโคตรขึ้นมาด่า

กล่น แปลว่า เกลื่อนกลาด ไม่เคยเห็นใครใช้คำว่า กล่นด่า


เขียนนิยายพล็อตสำคัญมาก แต่การสะกดคำบ่งบอกความรับผิดชอบของนักเขียน

คำศัพท์ที่สะกดถูกต้องหาได้ใน google

3
jackler 11 มี.ค. 66 เวลา 03:06 น. 5-1

ขอบคุณสำหรับกล่าวเตือนคำผิดของคุณ "กล่นด่าไม่มีในโลก" ด้วยครับ ต้องขอโทษด้วยครับกับคำผิดที่ผิดทั้ง 4 จุด ทั้งบน Head และในเนื้อหา ที่สามารถทำให้สมาธิและความอดทนของคุณถูกทลายลงได้ จากการที่คุณได้ตั้งชื่อและแสดงออกมานี่ก็จะบอกได้ว่าคุณคงมีระดับความอดทนที่ต่ำซึ่งอาจจะมีปัญหากระทบกับการใช้ชีวิตของคุณได้นะครับ

สำหรับความถูกต้องของ"คำ" และ "ประโยค" แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญที่อาจจะทำให้คนบางคนเกิดการสับสนจากความหมายที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างเช่นคุณเป็นต้น แต่ความอดทนต่ำของคุณนั้นดูจะเป็นปัญหามากกว่าเมื่อเทียบกับคำผิด 4 จุดของผม เพราะความอดทนต่ำของคุณนั้นมันคงจะไปทำให้ใครสักคนรอบข้างคุณไม่พอใจได้เช่นกัน

และขอขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับคำตอบที่ไม่ตรงกับคำถามที่ผมได้ตั้งถามไป ยังไงก็ช่วยรบกวนปิดแจ้งเตือนนี้แล้วไปศึกษาหาวิธีเพิ่มเติม หรือไปฝึกฝนจิตใจเพื่อจะได้ทำให้จิตใจของคุณนั้นมีความอดทนต่อสิ่งรอบข้างมากขึ้นครับ

โอเคนะครับ



0
ผ่านมางง 11 มี.ค. 66 เวลา 16:38 น. 5-2

เราว่าเจ้าของเม้นท์นี้เขาก็ไม่ได้ดูหัวร้อนอะไรนะ ก็เหมือนมาเตือนเฉยๆ ว่าพิมพ์ผิด

ไม่น่าด่วนตัวสินว่าเขาเป็นคนความอดทนต่ำหรือถึงขั้นมองว่าเขาจะมีปัญหากับคนรอบตัว แค่เพราะเขามาแก้ไขคำผิดในกระทู้นี้

0
jackler 11 มี.ค. 66 เวลา 21:59 น. 5-3

แค่ "ชื่อ" ที่ตั้งมาก็แสดงอย่างชัดเจนแล้วละครับว่าจงใจมา "กวน" ทั้งที่ชื่อมีให้เลือกใช้มากมายแต่ดันตั้งชื่อมาเจาะจงคำที่ผิดเพี้ยน ผิดแปลก เพียงคำเดียว เหมือนกลัวว่าผมจะความจำสั้นแล้วจะทำผิดซ้ำอีก แค่ตั้งชื่อดีๆ ปกติก็ได้

แล้วผมตั้งกระทู้ตั้งคำถาม ถามความคิดเห็น เขามาตอบแค่บอกคำผิด แล้วไม่ได้ออกความคิดหรือแสดงความคิดอะไรเพิ่มเลย ผมได้อะไรไหม....? นอกจากประโยชน์ที่เป็นคำที่ถูกต้องอย่างเดียว

การแก้คำเป็นสิ่งที่ถูกต้องเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้น อันนี้เป็นสิ่งที่ดีผมยอมรับ แต่การเข้ามาเม้นเตือนอย่างเดียวแล้วไม่ออกความคิดเห็นหรือพูดอะไรเลยกับคำถามที่ผมตั้ง แค่บอกผมเพิ่มเติมว่าขอไม่ออกความคิดเห็นผมจะได้ทราบว่าคุณไม่ประสงค์แต่นี้เขาปล่อยว่าง ไม่กล่าว ไม่พูด ไม่พิมพ์ตอบอะไรเกี่ยวกับคำถามเลย เหมือนมาใส่ใจคำผิดมากกว่าเนื้อหา แล้วเขาก็คงทำเหมือนกับกระทู้อื่น ทั้งที่คนอื่นมาตั้งคำถามเพื่อจะได้คำตอบ แต่สิ่งที่พวกนักตั้งคำถามได้ก็แค่คำเตือนเกี่ยวกับคำผิดและคำตอบของคำถามที่ว่างเปล่า สำหรับตัวผม ถ้าผมจะเตือนใครผมก็คงจะกล่าวเตือนพร้อมกับพ้วงคำตอบของผมไปด้วย ถึงจะเสียเวลาแต่มันก็ทำให้เขาได้รับรู้ว่าเราไม่ได้ใส่ใจแต่คำผิดแต่ใส่ใจในเนื้อหาด้วย

0
Amasu 11 มี.ค. 66 เวลา 00:34 น. 6

บนโลกนี้มีสังคมอยู่หลากหลายรูปแบบ แน่นอนว่ามุมมองของแต่ปัจเจกบุคคลก็ไม่เหมือนกันอยู่แล้วแต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ ไม่มีใครเลวร้ายหรือดีเลิศมาตั้งแต่เกิด


ชนวนเหตุของการเปลี่ยนแปลงมีหลากหลายสาเหตุ แต่หลักๆเกิดจากการถูกทำร้ายทั้งทางร่างกาย วาจา การกระทำ การแสดงออก เหล่านี้คือสิ่งเร้าจากภายนอกที่กระทบเข้าสู่ตัวของบุคคลหนึ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง


อย่าลืมว่าโลกนี้ไม่เคยเปลี่ยนไป คนรอบข้างก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเช่นกัน แต่มุมมองของตัวเราที่ถูกกระทำ จะตัวที่เปลี่ยนมุมมองของคนๆนั้นไปเองโดยที่คนรอบข้างหรือแม้แต่เขาที่ถูกกระทำก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเปลี่ยนไป


อย่าลืมว่าผู้ถูกกระทำมักจะเชื่อเสมอว่าตนเองนั้นถูกกระทำ การตอบโต้ผู้อื่นเป็นความชอบธรรม ต่อให้ผู้อื่นขอร้องอ้อนวอนมากแค่ไหนแต่ในมุมมองของผู้ถูกกระทำจะมองว่าเป็นเรื่องที่ไร้สาระ เพราะเขามองว่าเมื่อยามที่ตัวเขาร้องขออ้อนวอนก็ไม่มีใครช่วยเหลือเขา

คำตอบแบบนี้คงไม่น่าเกลียดไปละมั้ง แต่นี้คือมุมมองของเราน่ะ

0
jackler 11 มี.ค. 66 เวลา 13:41 น. 7-1

น่าจะเกินกว่าจะแก้ไขแล้วล่ะเคสนี้

0
White Frangipani 11 มี.ค. 66 เวลา 19:07 น. 8


จริงไหมที่คำกล่นด่าของคนกลุ่มเพียงกลุ่มเดียว สามารถเปลี่ยนคนได้?


สวัสดีค่ะ


จริงไหมที่คำกล่นด่าของคนกลุ่มเพียงกลุ่มเดียว สามารถเปลี่ยนคนได้?


สำหรับคำถามจากหัวข้อนะคะ

ตอบคุณว่า

ก็ไม่เสมอไปค่ะ

ในบางคนเขามีภูมิต้านทานดี ก็ไม่มีอะไรสัมผัสเขาได้ คือไม่มีสิ่งเลวร้ายใด ๆ ทำร้ายเขาได้


คนเช่นนี้ก็มีอยู่มากมายค่ะ

---


คำถามนี้จะเชิงปรัชญาและจิตวิทยาสักหน่อยครับ...


มากระทู้นี้ดูจะเป็นคำถามเชิงปรัชญา(ในส่วนบุคคล) ซึ่งหลาย ๆ คน อาจจะมีอยู่ และเป็นปรัชญา เป็นความเชื่อ เป็นความเข้าใจ(ทั้งหมดนี้เราเรียกปรัชญาในส่วนบุคคลนะคะ)ในรูปแบบที่แตกต่างกันได้ จริงด้วยสิ


คือเป็นเหตุการณ์ เป็นคำถาม เป็นการกล่าว...ในเชิงปรัชญา ซึ่งเจ้าของเม้นต์เห็นด้วยตามที่คุณได้กล่าวมาข้างต้นค่ะ


และเมื่อเข้าใจ ในสิ่งที่คุณยกมาถาม และยกมาเป็นหัวข้อในการพูดคุยนี้


จึงอยากจะลองช่วยตอบให้คุณ ตามที่มีความเข้าใจในคำถามของคุณนะคะ

(หากแต่คุณรู้สึกว่าข้อความข้างล่างนี้ผิดประเด็นของคุณไป ขอให้คุณช่วยติติงเข้ามาด้วยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ)


ก่อนอื่น ขอบอกว่า เจ้าของเม้นต์เป็นเพียงผู้อยากหัดเขียนนิยายนะคะ ภาษา การสื่อสารผ่านภาษาไม่ง่ายนัก(สำหรับเจ้าของเม้นต์เองค่ะ) แต่จะพยายาม ทั้งนี้ เพื่อถือโอกาสนี้เป็นการฝึกปรือการเขียนไปในตัว

--

ข้อความข้างล่างต่อไปนี้หากมี ผิด ถูก ตกหล่นขึ้น ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยนะคะ


จากคำถามในหัวข้อของคุณ และเกิดเป็นข้อความย่อยของคุณ ที่คุณส่งเข้ามานะคะ เมื่อได้อ่านแล้ว และทำความเข้าใจได้ชัดเจนดี



และคุณมีบทสรุปของคุณเข้ามาให้ด้วย


จึงขอยกบทสรุปของคุณเข้ามาไว้ ภายในข้อความนี้ เพื่อที่จะเห็นได้ว่าเราคุย ในเคส หรือในเหตุการณ์เดียวกันนะคะ(ต้องมีบทสนทนาไว้ ไม่แล้วนะ ชอบออกทะเลค่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png ฮื้อ https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-13.png)


แล้วสิ่งหนึ่งที่ผมติดใจเลยคือว่า พลังด้านลบนั้นมันมีพลังเยอะกว่าพลังงานด้านบวกจริงๆ ใช่ไหม?


ตอบคุณว่า ตามความเข้าใจ โดยส่วนตัว เข้าใจว่า จริงแล้วพลังด้านบวกมีค่ามากกว่า(ค่ามากกว่าในที่นี้ คือมีความแกร่งกว่า มีอานุภาพมากกว่าพลังลบนะคะ) หากแต่ ความแกร่งในคุณค่าของพลังบวกนี้ จักมีได้นั้น เขาจะต้องเป็นผู้ที่มีความเข้าใจในแก่นสารของสาเหตุต่าง ๆ ในการนำมาของพลังค่ะ


ผู้ที่มีความเข้าใจในแก่นสารต่าง ๆ ในที่นี้ คือการรู้ได้ สัมผัสได้ถึงแก่นสารของพลังบวก ด้วยที่ว่าพลังบวกนะคะ เป็นภูมิต้านทานได้ เป็นพลังขับเคลื่อนที่ดีเยี่ยมได้ เป็นพลังเสริมในตัวตนของมันเองได้ และเป็นพลังเสริมให้(ตัวเราเอง)ในยามที่เขาอ่อนล้าได้


คือคนเรานะอ่อนล้าได้ เป็นธรรมดานะคะ แต่ตราบที่เรามีความคิดที่ติดบวก พลังแห่งความคิดที่ติดบวก จะเป็นพลังขับเคลื่อนพื้นฐานที่แข็งแกร่งมาก ๆ มันจะเสริม มันจะซ่อมแซมให้จิตใจของคนเราได้ ในยามที่พบเจออุปสรรค์นานา และตลอดเวลา ตราบที่จิตของเขาสว่าง


ทั้งนี้พลังบวกเป็นพลังที่มหัศจรรย์ ในการสร้างสรรค์ ขับเคลื่อน เยียวยา เป็นพลังต้านทาน เป็นภูมิต้านทาน เป็นพลังเสริม เป็นพลังขับเคลื่อน คือพลังบวก เป็นพลังที่มหัศจรรย์ยิ่งในคนค่ะ


หากแต่พลังลบหรือ ก็คือเป็นพลังที่มีค่าตามคำที่เราตั้งให้มันค่ะ คือเป็นพลังลบ (เป็นอะไร ที่ติดลบแบบนั้นนะคะ)เป็นพลังที่สามารถทำให้ทุกอย่างย่อยยับได้ เป็นธรรมชาติที่เป็นตัวทำลายล้างในตัวมันเอง เป็นธรรมดาของมันด้้วย


ผู้ที่จะมีพลังลบได้มากมาย คือผู้ที่มีจิตที่อ่อนแอ จิตใจตกตํ่ามืดมน พลังดังกล่าวนี้เป็นธรรมชาติที่มีขึ้น ละตรงข้ามพลังบวกอย่างสิ้นเชิง ทั้งนี้ ด้วยเหตุใดนั้นเจ้าของเม้นต์ไม่รู้ได้ค่ะ ว่าเพราะอะไรนะธรรมชาติจึงให้พลังลบนี้แก่คนเรามาเป็นธรรมชาติด้วย เพราะพลังลบนะ มีผลทำให้ผู้คนขมขื่น ทำให้คนอ่อนแอ


และเมื่อมีพลังลบทำให้ทุกข์ทรมาน พลังลบสามารถนำพาเหล่าผู้ที่มีจิตที่ติดลบเองไปทำสิ่งไม่ดี และผลเป็นความขมขื่น


หากแต่พลังลบนั้น ก็มีศักยภาพที่รุนแรงด้วยเช่นกัน แต่มีน้อยกว่าพลังบวกค่ะ

(แบบนี้ล่ะ ตัวร้ายจึงพ่ายแพ้ พระเอกในแนวฮีโร่ได้ ในที่สุดหลังต่อสู้กันมาแสนนาน)


ผู้ที่มีศักยภาพที่มีจิตสว่างสไว แจ่มจรัสได้ดีพอ เท่านั้นที่จะเป็นผู้ที่สามารถมีภูมิต้านทานพลังลบได้ดีเยี่ยมโดยไม่มีข้อแม้ แบบนี้แล้ว คืออานุภาพของพลังบวก มีศักยภาพกว่าพลังลบเป็นธรรมดา โดยธรรมชาติ และมีอยู่จริงในคนนะคะ


คือเข้าใจเช่นนั้นค่ะ


เพราะคำชื่นชมต่อให้ 100 หรือ 1,000 คน ก็ไม่อาจจะกลบคำด่าที่ทำร้ายจิตใจจากคน 1 คน หรือคน 10 คนได้


ตอบคุณว่า คำกล่าวเหล่านี้ ไม่เป็นผลจริงแต่อย่างใดค่ะ


เพราะผู้ที่เขามีพลังบวกที่แท้จริงเป็นแก่นสารอยู่ หากเขามีอยู่โดยธรรมชาตินะคะ เขาจักไม่ยี่หร่ะต่อคำกล่าวชมใด ๆ ไม่ว่าจะมีกี่คำ หรือไม่มีเลย เขาก็จะไม่ยี่หร่ะ คือไม่มีผลค่ะ

(คือคนที่เขามีพลังบวกได้จริงนะคะ คือเขาผ่านตรงนั้นมาแล้วค่ะ เขาจึงจะมีได้) และแน่นอน เหล่าผู้ที่มีพลังบวกเป็นพื้นฐาน เขาทำดีเพียงเพื่อทำดี ทำดีเพียงเพื่อความดีเกิด เขาจึงมีพลังบวกขึ้นมาได้ และแน่นอน คำชื่นชม และคำก่นด่า หรือคำตำหนิใด ๆ จักไม่มีผลใดทั้งสิ้นต่อเขาเหล่านี้ ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นได้ เป็นความจริง เป็นธรรมชาติในตัวตนของมันเองนะคะ


แล้วปกติพวกมนุษย์จะจดจำด้านลบอย่าง ความชั่วร้าย ความล้มเหลว มากกว่าจะจดด้านบวกอย่างคนทำความดีและผู้สำเร็จ


ตอบคุณว่า ที่เหล่าเพื่อนมนุษยชาติติดอยู่กับคำชม เกิดเป็นความสุข และคำติ คำก่นด่า นั้นมาใส่ตน และปล่อยให้เกิดเป็นวาระ เป็นการเป็นอยู่ในวังวลที่ติดอยู่กับความทุกข์ ความสุข ไปวัน ๆ ด้วยที่ไม่มีพื้นฐานแห่งความสงบจากพลังบวกได้ทำงานแบบเสมอต้นเสมอปลาย เหตุเช่นนี้เกิดขึ้นได้ เพราะคนทั้งหลายไม่สามารถเข้าใจในแก่นสารที่แท้จริงของการเป็น...อยู่ ที่สามารถอยู่ได้ด้วยการรักษาการความคิดที่ติดบวกไว้ได้ในทุกวินา หรือในทุกวัน


คือ"คนเรายังไม่หลุดพ้น"...คำ คำนี้ เราก็สามารถใช้ได้ค่ะ


หากแต่ เมื่อเข้าใจในแก่นสาร...ในความเป็นคน ในธรรมชาติ ซึ่งมีความแตกต่างอยู่มากมายในเหล่าผู้คนได้เมื่อไร เขาทั้งหลายก็จักหลุดพ้นได้ และในวันนั้นเขาจะมีเพียงพลังบวก เขาจะเป็นสุข สงบ สันติ ยินดีได้ ยอมรับในความแตกต่างได้ ให้อภัยได้ อโหสิกรรมให้เพื่อน ๆ ร่วมโลกผู้ที่อาจจะผิดได้ และเขาเองก็สามารถที่จะยอมรับ เข้าใจ และสามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้เรื่อย ๆ ทั้งหมดนี้ ยิ่งจักทำให้พลังบวกยิ่งมีแรงกล้าขึ้นในตัวเขา


ฮีโร่ หากจักเปรียบนะคะ คือผู้ชนะสิบทิศ คือผู้ชนะทุกอุปสรรค์ทั้งปวง คือผู้ที่ตกนํ้า เขาก็จะไม่ไหลตามนํ้า ตกไฟ ไฟก็จักไม่สามารถเผาผลาญเขาได้


และนี่...คือฮีโร่ตัวจริง ค่ะ


และแน่นอน คนเหล่านี้ มีอยู่จริง ไม่เพียงในหนังยอดฮิตที่นิยมสร้างมากมาย หรือในละครไทย ซึ่งมีวัฒนธรรมการสร้างตัวละครเอก ด้วยการวางคาแร็คเต่อร์ให้เขาในบทบาทดังกล่าวนี้นะคะ


ฮีโร่ หรือผู้ที่มีพลังบวกที่แกร่งมาก แม้เพียงดู เป็นหนัง เป็นละคร หรืออ่านเป็นนิยายก็สามารถทำให้สัมผัสความรู้สึกปิติ ยินดีได้ เป็นอานุภาพ ก่อเกิดเป็นผลต่อเนื่องของพลังบวกจริงนะคะ


แบบนี้แล้ว พลังบวก คือพลังสร้างสรรค์ คือพลังขับเคลื่อนที่เยี่ยมมาก และมีอานุภาพพลังมหาศาลมากกว่าพลังลบ อย่างแท้จริงค่ะ


ผมเลยออยากถามความคิดเห็นว่าแต่ละคนมีความคิดยังไงบ้างกับสิ่งที่ผมได้ตั้งไป


สรุป ตอบคุณว่า เข้าใจว่า...พลังบวกในคนจะเป็นพลังต้านทาน สนับสนุน ต่อต้านพลังลบได้อย่างแท้จริง ตราบที่เขาทั้งหลายนั้น มีพลังบวกอย่างแท้จริงค่ะ


ทั้งหมดนี้ เป็นคำตอบให้คุณนะคะ


คุณอ่านคำเม้นต์ที่แบ่งปันให้คุณนี้ ด้วยการพิจารณญาณด้วยนะคะ ทั้งนี้เพราะเป็นข้อความที่เป็นของส่วนบุคคลค่ะ (เพราะคนเรานะคะ สามารถคิด เข้าใจ รู้ เห็น มีแง่มุมในสิ่งที่แตกต่างกันได้จริงนะคะ) เราแลกเปลี่ยน แบ่งปันนะคะ


ทั้งหมดนี้ เป็นความคิดของผู้ที่รักอยากเขียนนิยายแฟนตาซี ในรูปแบบพลัง ๆ ทั้งบวก และพลังลบด้วยเช่นกันค่ะ

ภายใต้เม้นต์นี้ เป็นการฝึกหัด...การบอกเล่า... เกี่ยวกับการมีพลัง...ทั้งพลังบวก และพลังลบ...ผ่านตัวอักษรนะคะ หากคุณไม่สามารถเข้าใจการสื่อ...ผ่านภาษาที่ส่งเข้ามานี้ได้ ต้องขออภัยด้วยค่ะ


คำถามนี้จะเชิงปรัชญาและจิตวิทยาสักหน่อยครับ เพราะผมต้องการสร้างฮีโร่ที่กลายเป็นตัวร้ายแล้วประกาศเป็นศัตรูกับคนทั้งโลก


อยากบอกคุณว่า คาแร็คเต่อร์ดังกล่าวนี้ ที่คุณต้องการสร้างเขานี้นะคะ เขาตัวละครดังกล่าวนี้คงต้องวิบากมาก ๆ ค่ะ เพราะการที่คนเราจะหันหลังให้พลังบวก ละทิ้งพลังบวก และรับเอา สะสม กุมพลังลบไว้ในตัวตนของเขาเองนั้น จะเกิดเป็นความขมขื่นอย่างที่สุดนะคะ


และผู้ที่มีพลังลบนะคะ ไม่ง่ายที่จักมีชีวิตที่ดีได้ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด หรือด้วยปมอันใดที่คุณจะต้องนำไปเป็นสาเหตุ เป็นปัจจัยให้แก่เขา เพื่อที่เขาจะมีอันตกตํ่า และยอมรับ ยอมเป็น ยอมจำนนในการมีพลังลบ เขาตัวละครตัวนี้ ต้องวิบากมากมายกับทุกอย่างในชีวิต และการดำรงไปของเขา ทั้งหมดนี้ ซึ่งเป็นความจริงที่คุณจะหลบเลี่ยงไม่ได้นะคะ เพราะทั้งหมดนี้...เป็นอานุภาพ เป็นศักยภาพของการครอบครองพลังลบ อย่างแท้จริง โดยธรรมชาติค่ะ


สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอเพื่อแฝง... หรือเพื่อสะท้อน...ผ่านนิยายของคุณ แต่เจ้าของเม้นต์ก็ขอร่วมเป็นกำลังใจให้งานเขียนของคุณด้วยค่ะ


https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png


3
White Frangipani 11 มี.ค. 66 เวลา 22:11 น. 8-2

สวัสดีค่ะ เจ้าของกระทู้


ข้อความยาว ๆ นั้น คุณอ่านไหวนะคะ


และข้อความทั้งหมดนั้น คุณเห็นเป็นเช่นไรบ้างคะ?


คุณจะแลกเปลี่ยน ในมุุมมอง แง่คิดที่คุณเองอาจจะมีอยู่ และมีความแตกต่างจากของเจ้าของเม้นต์กลับมาบ้างก็ดีนะคะ


แม้จะมีความแตกต่างกัน แต่ก็ยินดีที่จะแลกเปลี่ยนไว้ เป็นข้อมูล เป็นความรู้ เพื่อเก็บไว้เขียนนิยาย ด้วยเช่นกันค่ะ


https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png


0
jackler 12 มี.ค. 66 เวลา 01:51 น. 8-3

ข้อความเนื้อหายาวนี้ไม่มีปัญหาเลยครับ ที่จริงผมชอบคนที่ตอบความยาวได้เพราะผมจะได้สามารถนั่งอ่านแล้วนั่งคิดพิจารณา ตีความเนื้อหาแบบคำต่อคำ และประโยคต่อประโยค ซึ่งถึงมันจะดูเสียเวลาเมื่อไปเทียบกับข้อความสั้นที่สรุปโดยย่อ มันก็ได้แค่คำตอบแบบสรุปด้วยคำสั้นจำกัดใจความและข้อมูลแบบเจาะจงเท่านั้นซึ่งก็อาจจะทำให้เนื้อหาหรือสิ่งที่อาจจะน่าสนใจในประโยคอธิบายความยาวหายไป อย่างการได้ทราบข้อมูลที่กว้างขึ้น การได้รู้ถึงคำของผู้ใช้ที่บางทีอาจจะไม่มีให้เห็นทั่วไป ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นดีราวกับได้สวมบทบาทเป็นโจรปล้นสุสานได้นั่งแก้รหัสหาคำตอบในโบราณสถานที่เราไม่เคยรับรู้มาก่อน

ต่อจากนี้จะเป็นความคิดเห็นส่วนของผม โดยที่จะมีแต่เพียงการใช้ความศัพท์ตื้นๆ เพื่อให้เข้าใจง่าย หรือบางทีก็อาจจะมีการใช้ศัพท์ที่ดูแปลกๆ ที่ไม่มีในสากลโลกปกติ จนอาจจะทำให้งุนงงก่งก๊งไปบ้าง และด้วยความติดนิสัยที่ชอบกวนด้วยการเล่นภาษาที่อาจจะทำให้รู้สึกอ่านแล้วรำคาญบ้าง จึงต้องขอโทษเอาไว้ก่อนเลยครับ


สำหรับคำตอบโดยรวมจากฝั่งผมนั้น ผมขอแทนตัวเองในฐานะผู้ที่ได้ด่ำดิ่งและหลงไปในอำนาจพลังด้านลบทั้งผลงานศิลปะ วรรณกรรม บทเพลง และชีวิตบางส่วน สำหรับผมผมมองว่าพลังด้านลบนี้มันดูเป็นพลังที่ทรงพลังอย่างยิ่ง เป็นพลังที่มาแต่โบราณที่กำลังควบคุมโลกทั้งใบจากครั้งอดีตกาล และอยู่ภายในผู้คนโดยส่วนใหญ่

แม้พลังด้านบวกจะดูเป็นพลังขั้วตรงข้ามที่อาจจะเป็นพลังคู่ขนานคอยคำจุนกันแต่ถ้าอิงจากหลักความเป็นจริงเข้ามาเกี่ยวข้อง ความดีงามหรือพลังบวกมันเกิดขึ้นหลังจากพวกมนุษย์คิดและตระหนักรู้ถึงสิ่งที่ตนได้ทำไปได้ จึงทำให้พวกเขาแยกลักษณะของพลังของสองขั้ออกมา

แต่มันก็ยากจะปฎิเสธได้ที่พลังด้านลบมันมีมากกว่า สำหรับผมพลังด้านลบไม่ได้เป็นแค่แต่เพียงส่งผลทำตัวคนเลวร้าย ขวางโลก อยากจะทำร้ายหรือทำลายผู้อื่น แต่มันคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตของคนนั้นอยู่รอดต่อภายในโลกอันโหดร้าย ความกลัวเป็นสิ่งที่ทำให้เราอยากเอาตัวรอด ด้วยกลไกลับอะไรสักอย่างของสิ่งมีชีวิตที่มีสมองทุกชีวิต ทั้งมนุษย์และสัตว์อื่นๆ จะสามารถทำสิ่งที่เลวร้ายได้เสมอเพื่อการเอาตัวรอด แต่จะมากหรือน้อยมันก็แล้วแต่สถานการณ์ กรณี ปัจจัย และเหตุผล

ยังไงแล้วมนุษย์เป็นเผ่าพันธ์ุเดียวที่เป็นผู้ที่ได้สร้างความคิดเกี่ยวกับความดี ความชั่วขึ้นมาเพียงเท่านั้น หากมองไปยังสัตว์โลกทั้งหลายที่ถึงพวกมันจะมีชีวิต จิตใจ แต่มันก็ไม่ได้คิดได้แบบคนเรามันก็ได้ใช้ชีวิตตามวิถีของมันเอง โดยสำหรับมุมมองของคนบางคนอาจจะมองว่าพวกสัตว์กินเนื้อเป็นพวกสัตวร้ายที่ทำร้ายสัตว์ สัตว์กินพืชหรือสัตว์ที่ถูกล่าเป็นพวกที่อยู่กลางๆ หรือพวกสัตว์ที่แสนดีที่ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนใหใครแบบพวกสัตว์ร้าย

ส่วนเรื่องฮีโร่เอง ทุกคนที่มองว่าฮีโร่ที่เป็นฮีโร่สายขาวอย่างซุปเปอร์แมนที่มีพลังบวกสายขาวมากมายมหาศาล คอยช่วยเหลือคนและกำจัดผู้ร้าย สำหรับเขาดูเป็นยอดวีรบุรุษและฮีโร่อย่างแท้จริงและสมบูรณ์แบบ แต่แน่นอนว่าตัวเขาเองก็มีพลังลบอยู่ภายในจิตใจเพราะถ้าเขาเป็นผู้ที่แสนดีเกินไป เขาคงไม่คิดใช้กำปั้นต่อยตีกับใคร

ส่วนฮีโร่อีกสาย อย่างฮีโร่ผู้ใช้ความมืด อย่างแบทแมนที่ชีวิตนั้นไม่ดีเลยเมื่อเทียบกับซุปเปอร์แมนที่มีชีวิตสดใส สวยงามดีกว่า แบทแมนเขาเลือกที่จะใช้พลังงานด้านลบเป็นแรงขับเคลื่อนจิตใจในการต่อสู้อาชญากร สำหรับเขาถึงจะใช้ความรุนแรงแต่ก็ไม่คิดจะสังหารใครจริงๆ จังๆ ขณะคนที่เลวและสมควรถูกประหารอย่างโจ๊กเกอร์ แบทแมนมีสิทธิ์ที่จะปิดชีวิตแต่ไม่ทำเพราะด้วยพลังบวกที่คอยซ่อนอยู่ในใจ

สำหรับความเป้นไปทุกอย่างโดยรวมคือ มันมีสีขาวและสีดำผสมกันเป็นหนึ่งเดียวกันจนกลายเป็นสีเทา เหมือนกับหยิน หยาง ที่มีขาวโดดเด่นแต่มีจุดดำเล็กๆ อีกด้านก็มีดำเด่นแต่ก็ยังมีจุดขาวปรากฎ แล้วโดยเฉพาะในโลกปัจจุบันนี้สื่อหลายๆ สื่อก็แสดงพลังแห่งสมดุลของทุกอย่าง

ถ้าว่าด้วยความสุดโตร่งสายใดสายหนึ่งก็คงพระเจ้าและปีศาจที่อาจจะดูเข้าใจง่าย แต่บางทีมันก็คงมีความตีความแตกแยกออกไปว่าพระเจ้านั้นแท้จริงช่วยร้าย ให้เรากำเนิดมาเพื่อใช้ชีวิตเป็นบาป แล้วปีศาจที่คิดว่าจะร้ายจริงๆ เขาก็อาจจะเป็นคนดีที่ต้องการปลดปล่อยมนุษย์จากบาปกรรม

โดยบทสรุปของผมโดยรวมของผมก็คือมันอยู่ที่มุมมอง ปัจจัย และการปฎิบัติของแต่ละบุคคล สัจธรรมของโลกทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงเสมอ ส่วนเรื่องความดีความชั่วใครจะปฎิบัติยังไงก็อยู่ที่ตัวบุคคลและปัจจัยหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็เป็นดั่งเดิม หากมีการเปลี่ยนแปลงก็เปลี่ยนแปลง

แต่ผมก็เห็นด้วยกับความคิดที่ว่าการใช้พลังงานด้านลบเกินไปมันจะส่งผลร้ายมากกว่าผลดี ผมขอยกตัวอย่างจากเรื่องเบอร์เซิร์ก จากการกระทำของตัวละครอัศวินกะโหลกเหมือนว่าชีวิตของเขาล้วนมีแต่ดำเนินอยู่ด้วยความแค้นเพียงอย่างเดียวด้วยเป้าหมายในการอยากจะกำจัดพระเจ้าที่พรากคนรัก อำนาจ อาณาจักร ประชาชน ศักดิ์ศรี หรือให้ว่าคือทุกสิ่งอย่างไปจนหมด แล้วตัวเขาก็ทำทุกอย่างเพื่อล้างแค้น แต่เมื่อตายเขาก็ต้องกลายเป็นภูติผีอยู่บนโลกมนุษย์ไม่ไปเกิดไหน เพื่อจะได้ดำรงอยู่บนโลกต่อแล้วรอวันที่จะล้างแค้นกับพระเจ้าให้สาสม ซึ่งเขาก็ต้องใช้ชีวิตภายในร่างผีจากพลังแรงแค้นนี้มาจริงไม่รู้กี่พันปี

แต่กลับตัวเอกอย่างกัส ถึงเขาจะสูญเสียเพื่อน ศักดิ์ศรี แขน ความสุขของคนรัก แต่เขาก็ยังสามารถดำรงชีวิตด้วยการเป็นตัวละครเทาๆ ที่ดูจะขาวสดใสขึ้น จากการได้มีเพื่อนใหม่ๆ การได้ผจญโลกกว้าง ทั้งยังคงมีคนรักอยู่เคียงข้าง และยังได้รับคำเตือนคำแนะนำอย่างอัศวินกะโหลกที่เห็นว่าชะตากรรมกัสเหมือนกับเขา จึงทำให้เขามีภูมิคุ้มกันต่ออำนาจทางลบได้

ซึ่งจริงๆ มันก็มีมากอยู่กับตัวอย่าง ตัวละครที่ดีกลายเป็นร้าย ร้ายกลายเป็นดี โดยมีเหตุผล ปัจจัย และตัวบุคคลเป็นตัวแปรหลัก แล้วโดยเฉพาะปัจจุบันที่ตัวร้ายไม่ได้ร้ายแบบไม่มีเหตุผลแล้ว แต่มันก็ยังมีบางส่วนที่อาจจะดูแบบรำคาญใจนิดๆ อย่างเอเลนในไททันยักษ์เหยียบถล่มเมือง ในช่วงไฟนอล เป็นต้น

0
Hoshisora 13 มี.ค. 66 เวลา 11:12 น. 9

มันมีทั้งคนที่แย่ลง เฉยๆ และเป็นคนดีขึ้น การโดนด่า หรือโดนเรื่องอะไรต่างๆ เข้ามา ไม่ได้จะทำให้ใครคนใดแย่ลงอย่างเดียว ที่เราเห็นในสื่อชอบเป็นแบบนั้นเพราะมันขายได้ง่ายเฉยๆ


ตัวอย่างคนนึ่งที่ผมชอบยกมาพูดมากๆ คือ Obi-Wan Kenobi คือจงเป็นคนอย่างโอบีวัน ที่ว่าเสียอะไรขนาดไหนก็ยังเป็นคนเดิม ทั้งที่เรื่องต่างๆ ที่เจอมา ถ้าโอบีวันจะกลายเป็นตัวร้ายนี่คือไม่มีใครกังขาเลย แต่ก็ไม่ โอบีวันอยู่ฝ่ายดีจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต และก็ยอมตายเพื่อพิสูจน์มันด้วย (แม้ว่าตอนหลังจะกลายเป็นผีได้อยู่ก็ตาม)


ถ้าถามผมตอนนี้ เกี่ยวกับคำถามของคุณก็คือ


จริงไหมที่คำ(ก่น)ด่าของคนกลุ่มเพียงกลุ่มเดียว สามารถเปลี่ยนคนได้?

- ได้ จริงๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนกลุ่มเดียว ให้เป็นคนเดียว หรือแมวข้างถนนด้วยเดียวก็ทำได้


การกระทำปฎิบัติไม่ดี ของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้นก็สามารถที่จะทำลายคนธรรมดาหรือคนดีๆ สักคนจากความล้มเหลวเพียงเล็กน้อยและครั้งเดียวจนทำให้เขาต้องอาจจะเสียตัวตนดั้งเดิมที่ดีกลายเป็นคนที่เบื่อโลก...

- เป็นไปได้จริง รวมถึงคนที่ทำเลว หรือเป็นคนไม่ดีมาทั้งชีวิต ก็สามารถเปลี่ยนเป็นคนดีได้ด้วยคำพูดไม่กี่คำ ของคนไม่กี่คนเช่นกัน


พลังด้านลบนั้นมันมีพลังเยอะกว่าพลังงานด้านบวกจริงๆ ใช่ไหม?

- ไม่ได้เยอะหรือน้อยไปกว่ากัน คนแค่ไปโฟกัสกับพลังงานด้านลบมากกว่า ซึ่งนั่นเป็นหนึ่งในจุดอ่อนของมนุษย์แทบทุกคน เป็นกลไกป้องกันตัวตามธรรมชาติ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

0
กระต่ายปากเเดง 14 มี.ค. 66 เวลา 12:53 น. 10

เราเคยเป็นคนเรียนไม่เก่ง ส่งงานช้า เพื่อนก็ด่าๆๆ[ด่าแรงด้วย] สรุปเราก็พยายามเรียนและส่งงานไว้ขึ้น แต่ความเจ็บปวดที่โดนคนรอบข้างด่าและบูลลี่ไม่ได้หายไป และกลายเป็นคนที่ทำอะไรก็ระแวงสายตาคนรอบข้าง ถ้าผิดพลาดก็กลัวจะโดนด่าอีก

-กลับกัน เราว่าถ้าอยากบอกให้คนสักคนดีขึ้น ไม่ต้องด่า พูดดีๆเขาก็รู้เรื่อง ไม่ใช่วัวใช่ควาย แถมสุขภาพจิตของคนคนนั้นก็จะไม่เป็นแบบเรา

0
Ryuune_chan 15 มี.ค. 66 เวลา 00:09 น. 11

ได้สิ พระเอกเรื่องผมแทบทุกเรื่องก็เคยถูกปฏิบัติไม่ดี และแม้จะเคยมีมิตรสหายคอยช่วยบ้างแต่สุดท้ายเมื่อถึงจุดหนึ่งที่พวกนั้นเห็นว่าไม่ไหว ก็กลับถอยหนีตีจากไปจนหมด ไม่มีใครอยู่เคียงข้างจนถึงที่สุดทั้งที่ถ้าทำก็อาจจะช่วยได้แท้ ๆ ถึงได้กลายเป็นตัวละครสายเก็บกด และมีองค์ประกอบของความประชดชีวิตในการกระทำปนอยู่ด้วยเสมอ และไม่มีใครที่จะเขียนโดยเข้าใจตัวละครแบบนั้นได้มากกว่า คนที่มีประสบการณ์จริงจากเรื่องทำนองนั้นเสียเอง

0
☀ J E N N A ☀ 15 มี.ค. 66 เวลา 13:26 น. 12

คิดว่ามีหลายปัจจัยเป็นตัวตัดสินนะคะ เช่น ความสำคัญของกลุ่มคนนั้นต่อตัวเอก สภาพจิตใจของตัวเอก ภูมิคุ้มกันของตัวเอก สรุปรวมๆ มันก็คือ อยู่ที่ความคิดของตัวเอก ณ ตอนนั้นอ่า

อย่างคนเราเจอเรื่องแย่ๆ มา เราอาจจะคิดว่านั่นคือแย่สำหรับเรา แต่กับคนที่มีภูมิคุ้มกัน เข้าใจหรือเคยเจอเรื่องแบบนั้นมาแล้ว ก็อาจจะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องแย่ อยู่ที่ว่าตัวเองจะเปลี่ยนความคิดของตัวเองรึป่าว ถ้าเชื่อว่าเรื่องนั้นมันแย่แล้ว ตัดสินใจเปลี่ยนไปเป็นคนเลวเลยแล้วกัน ก็จบ คนอื่นก็ช่วยอะไรไม่ได้

ก็ตรงกับหัวข้ออยู่นะ มันก็เป็นเรื่องของจิตวิทยา ทุกตัวละครมีเหตุผลของตัวเอง แค่ว่าเหตุผลนั้นรับได้กับสังคมปัจจุบันรึป่าว พื้นเพ ชื่อเสียง อคติ ก็มีผลต่อตัวละครด้วย

เราว่าพลังบวกมีมากกว่าค่ะ แต่มันใช้ยาก ผลิตยาก การจะใช้พลังบวกได้อย่างเต็มที่มันต้องแลกกับสุขภาพจิตหรือระดับวิญญาณอะไรต่างๆ ไปมาก เทียบกับพลังด้านลบ ที่แค่คิดลบ คิดร้าย ความโลภ ความโกรธ ก็เป็นพลังลบได้ มันเป็นสิ่งที่ใช้ง่าย เข้าถึงง่าย ผลิตง่าย มันแทบจะไม่ต้องแลกอะไรไปเลย เราคิดประมาณนี้อ่ะค่ะ

0