ทำไมตอนเป็นนักอ่านไม่สนความสนจริง ไม่เรื่องมาก สนองนี้ดพอ แต่พอเขียนเองกลับทำตรงกันข้าม
ตั้งกระทู้ใหม่
ตอบหัวข้อเลยครับ ทำไมพอเขียนเองกลับบ้าความสมจริง ชอบยัดข้อมูล เหมือนอยากอวดโลก เนื้อเรื่องต้องซับซ้น หักมุมเรื่อยๆ กาวไม่มากหรือไม่กาว ต้องสมเหตุสมผลทุกอย่าง แคร์ศีลธรรม ทีตอนเป็นคนอ่าน หรือดูถอดสมองได้ ศีลธรรมโยนมันทิ้งได้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เพื่อนๆเป็นเหมือนกันไหม
16 ความคิดเห็น
คิดว่านะ
แล้วแต่รสนิยม แต่ที่อยากให้ระวังคือบางคนก็คิดงานตัวเองวิเศษ ยกเชิดชูพร้อมเหยียบย้ำผลงานคนอื่น แต่ความจริงไม่ได้อะไรขนาดนั้นหรอก ต้องระวังเรื่อง Creator's Bias ให้มากโดยเพราะตอนเขียนนิยายเสร็จใหม่ ๆ มันจะบดบังสติปัญญามองความจริงไม่เห็น
ดังนั้นพอเขียนงานเสร็จก็ให้ดู Creator's Bias ของตนว่าใหญ่โตขนาดไหนก่อน ถ้ามันใหญ่มากก็เก็บงานใส่ลิ้นชักสักสัปดาห์ค่อยเอามาอ่านใหม่เถอะ
ตัวเราเป็นนะ ค่อนข้างจะคิดเยอะ แพลนไว้เยอะ
เป็นเพราะเราไม่ได้อยากได้แค่นักอ่านที่ถอดสมอง โยนศีลธรรมทิ้ง มาอ่านงานของเรา
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากได้ทั้งสองกลุ่ม
ทั้งกลุ่มที่อ่านเอาสนุก และอ่านเอาสาระด้วย
ดังนั้นจึงต้องประณีตกับผลงานของตัวเอง
...(เท่าที่ทำได้555)
เราเป็นนักวิทยาศาสตร์แต่ตอนเขียนชอบเขียนแฟนตาซีเพราะอยากโยนความสมจริงทิ้งไปไกล ๆ ค่ะ
ทางนี้ขนาดแฟนตาชีแล้วยังต้องวางกฎเกณฑ์พลังเวทอยู่เลย ปวดหัว เอากาวมาให้ทางนี้ทททที
ก็นะ.... เสพเอาบรรเทิงกับแต่งโดยมีความคาดหวังจากผู้อ่าน แรงกดดันมันคนละเรื่องอยู่แล้วครับ
อ่านไม่สนุกก็แค่ปิด ก็แค่หาเรื่องใหม่อ่านต่อ สมจริงหรือไม่ก็แล้วแต่อารมณ์ตอนนั้นด้วย บางทีเครียด ๆ ก็อยากอ่านแนวกาว ๆ บางทีว่างๆอยากเคาะสมองก็อ่านแนววางแผน แนวหักมุมกันไป
แต่นิยายที่เขียนเอง มันมีความรับผิดชอบที่ต้องแบกร่วมด้วยล่ะนะ ยิ่งใครเป็นประเภทจริงจังสูงนี่ยิ่งมักละเอียดขึ้นไปอีก เพราะว่าผลงานนั้นๆคือความรับผิดชอบของผู้เขียนครับ จะให้แบบไม่พอใจลบทิ้งเขียนใหม่นี่ก็คงไม่ใช่เรื่อง ขนาดดองไว้นานๆยังมีรู้สึกอึดอัดใจอยู่เลยครับ
สมัยเด็กผมนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนโดราเอม่อนได้ทั้งวันทั้งคืน นี่เขาเรียกว่าความชอบ ชอบแบบถอดสมองอ่านจนลืมโลกภายนอกไปเลย เหมือนหลุดเข้าไปในหน้าหนังสือจริงๆ กร๊ากกกก
แต่ถ้าจะให้เขียนนิยายแนวเดียวกันนั้น บอกเลยว่าไม่โอแค๊
เพราะอะไรนะหรือ นิยายที่เราเขียนจะเปลี่ยนไปตามช่วงอายุที่มากขึ้น
เราตอนอ่านนิยาย/มังงะ/มันฮวา หรือดูหนังดูซีรีส์ก็ถอดสมองออกไปนะ เสพเอาความบันเทิง แต่พอเขียนนิยายของตัวเองจริงๆ ถึงมันจะแฟนตาซีหรือมาจากจินตนาการก็ยังใส่ใจกับความสมเหตุสมผลอยู่บ้าง โยนทิ้งไปเลย 100% ไม่ได้หรอก แล้วสื่อบันเทิงส่วนมากก็ไม่ได้ละทิ้งความสมเหตุสมผลและความสมจริงของมันแบบ 100% ด้วยน่ะนะ มันยังมีบางอย่างที่สมเหตุผลในแบบของมันอยู่
ผมเคยคิดจะแต่งนิยายแนวสมจริง ทุกอย่างมีที่มาที่ไป...
...สุดท้ายไปไม่รอด
สำหรับผมแล้วถ้าผลงานนั้นสามารถทำให้เราอินและสนุกกับมันได้จะสมจริงหรือไหมไม่ค่อยสนใจเท่าไร ส่วนเรื่องนิยายของตัวเองเป็นปกติที่อยากให้คนอ่านรู้สึกสนุกไปกับผลงานเลยพยายามทำออกมาให้ดีที่สุด บางทีอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่าสิ่งที่เขียนไปมันสมเหตุสมผลหรือเปล่า....
นิยายของเรามีหลายช่วงวัยเข้ามาอ่าน
เวลาเขียนก็เลยระลึกไว้อยู่เสมอว่าต้องรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองเขียนออกมาด้วย
เราเขียนนิยายรักชวนฝันค่ะ แต่ชวนฝันของเราจะยืนอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง
แล้วคนที่เข้ามาติดตามเพจหลายคนก็เป็นน้องผู้หญิงม.ปลายด้วย
เราไม่อยากเอาความเพ้อฝันเหมือนในนิยายที่เราเคยอ่านมามอมเมาน้องๆ
ก็เลยตั้งใจเขียนอย่างถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้
คงแล้วแต่อารมณ์ ฟีลแบบดูหนังดิบเถื่อนมาหมาดๆ อยากเปลี่ยนมู้ดดูหนังตลก เบาสมอง สำหรับเราถ้าแค่ถูกใจก็อ่านละ ไม่คิดอะไรมาก แต่ตอนเขียนนี่ชอบวางนู่นนี่นั่น ...วางไปทำไมนะทั้งที่ก็ไม่มีคนอ่าน 555 เอ้อ มีนี่หว่า คนเขียนไง...
เพราะในใจเรารู้อยู่แล้วว่าเรื่องถอดสมองพวกนั้นมันเป็นยังไงเวลาเห็นคอมเม้นหาความสมจริงเราก็จะขำๆว่าพวกนี้มันจริงจังกับชีวิตไปปะ แต่พอเรามาอยู่ในจุดเดียวกับคนที่ต้องจริงจังกับชีวิตแล้วเรารู้ว่าเราจะทำแบบขอไปทีไม่ได้ เรารู้สึกว่างานเรามันต้องออกมาดีต้องไม่เป็นบ้าเหมือนงานที่เคยอ่าน เพราะเดิมทีใจเราต่อต้านแต่เราก็เลือกที่จะพูดว่าจะไปคิดมากอะไร แต่ใดๆคือการเขียนนิยายแบบถอดสมองมันยากจริงๆนะ ส่วนตัวเราเป็นคนที่จริงจังด้วยแหละส่วนคนอื่นคือไม่รู้เหมือนกัน ตัวเรานี้ขนาดจะเขียนนิยายกาวๆหรือนิยายที่มีแต่เรื่องบนเตียงยังเผลอใส่เนื้อเรื่องเข้ามาเลย เพราะถ้าไม่ใส่เรารู้สึกว่ามันขาดอะไรไป มันไม่ใช่นิยายในแบบที่เราอยากอ่าน
ว่าไปแล้วคงเป็นความรู้สึกย้อนแย้งละมั้ง คือรู้สึกทึ่งกับคนที่เขียนนิยายตลกและถอดสมองได้มาก เพราะนี้ทำไม่ได้ คิดปมนิยายจนปวดหัวต่อไปสิ
แล้วแต่อารมณ์เหมือนกันค่ะ
แต่สุดท้ายก็จะไม่เขียนอะไรที่ตัวเองไม่ชอบ แล้วก็ไม่อ่านอะไรที่ไม่ชอบเหมือนกัน
จริงๆ ที่ จขกท. พูดมา บางครั้งคนที่อ่านกับเขียนก็อาจจะเป็นคนละคนกันก็ได้นะ ในคนๆ เดียวคงไม่ข้ามขีดความชอบของตัวเองออกไปขนาดนั้นหรอกมั้ง แถมไม่ต้องโจมตีก็ได้ว่าอวดโลก คนที่ศึกษาหาข้อมูลน่ะ ก็เพื่อที่จะไม่สื่อสารอะไรผิดๆ ออกไปไงคะ
เราว่าจริง ๆ แล้วไม่มีนักเขียนที่ถอดสมองเขียนหรอกนะ ไม่ว่าเรื่องจะดูไม่ใช้สมองแค่ไหน เราคิดว่านักเขียนก็พยายามเต็มที่กันจริง ๆ
เรื่องราวบางอย่างอาจสมเหตุสมผลกับนักเขียนก็ได้ หรืออาจจะตั้งใจทำให้นักอ่านต้องถอดสมองก็ได้ แต่ในมุมของนักเขียนมันคงถอดสมองเขียนไม่ได้หรอกมั้งนะ
เพราะฉะนั้นอย่าสงสัยให้มากความเลย โพซิชั่นมันแตกต่างกัน เวลาเป็นนักเรียน กับเป็นอาจารย์ มันก็ไม่เหมือนกันแล้ว แม้ว่าจะคุย/พูด/สอน/เรียน เรื่องเดียวกันอยู่
คุณคงจะแค่เป็นสายเรียลลิสม์ (แบบผม) ที่เน้นยัดความสมจริงหรือใกล้เคียงเท่าที่จะเป็นไปได้ และเห็นด้วยว่าพอเขียนไปเขียนมาก็อยากใส่ทุกรายละเอียดจนตอนนึงยาวไม่ต่ำกว่าสองหมื่นคำทุกที... แถมต้องมาไล่เช็คความเมคเซ้นส์อีกว่าฉากนั้นฉากนี้สมเหตุสมผลไหม โดยเฉพาะฉากต่อสู้นี่แหละที่ยาก ถ้าทำให้ชนะได้ง่ายไปมันก็จะดูไม่ระทึก ไม่ตื่นเต้นอีก
นิยายแต่ละเรื่องก็เหมือนลูกหลาน ก่อนออกจากบ้านใครก็อยากให้ดูดีน่ะ อีกอย่างเป็นคนอ่านกับคนเขียนมันต้องต่างกันแน่นอน อย่างน้อยตัวเราก็เอาใจใส่เข้าไปในงานด้วย
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?