นิยายแบบที่ความยาวไม่มาก ควรมีตอนช่วงตกหลุมรักนานแค่ไหน

นิยายรักมีจังหวะตกหลุมรักหลายแบบค่ะ เช่น

-Slow burn ค่อย ๆ ซึมซับความรักเข้าไปช้า ๆ แบบไม่รู้ตัว ซึ่งใช่ว่านิยายสั้นจะทำไม่ได้ เรื่องสั้น 3-4 หน้า เราก็เขียนมาแล้ว

-Love at first sight รักแรกพบ ถึงนักจิตวิทยาบอกว่าที่จริงมันเป็นความประทับใจในแรงดึงดูดทางเพศของอีกฝ่าย

-จังหวะนรก มีโอกาสหรือจังหวะที่ทำให้เกิดรู้สึกประทับใจ

มันต้องเลือกให้สอดคล้องกับนิสัยตัวละครและเนื้อเรื่องนะคะ ถ้าสามารถทำให้มันกลมกลืนเข้ากันได้ไม่ว่าจะเร็วหรือช้ามันก็ได้ทั้งนั้น เหมือนเพลงหนึ่งเพลงทั้งช่วงจังหวะรัวบีทหนัก ทั้งผ่อนคลาย ทั้งเร่ง เราต้องหาจังหวะให้ดี มันถึงจะทัชใจคนอ่านค่ะ

ไม่ต้องจีบกันก็ได้แค่ใช้เวลาร่วมกัน อยู่ในสถานการณ์เดียวกันและต้องดิ้นรนออกจากสถานการณ์นั้น ถ้าคุณเขียนไม่แย่ตัวละครมีเคมีที่เข้ากัน คนอ่านก็เชียร์แล้ว นี่คือประสบการณ์ในฐานะคนอ่านนะ

ไม่ว่าเรื่องจะสั้นจะยาวแค่ไหน ลองแบ่งเนื้อหานิยายคุณออกเป็น 3 องก์ดูค่ะ

Act 1 set up ความสัมพันธ์และชีวิตของตัวละครทั้งสอง

Act 2 เดินเข้าสู่เรื่องหลัก จะเริ่มรักกันก็ตรงนี้แหละ

Act 3 เตรียมเข้าสู่บทสรุป ถึงจะรักกันแต่จะได้ลงเอยกันไหม หรือสุดท้ายจะแยกจากกัน

พอแบ่งคร่าว ๆ แล้วก็จะเห็นเส้นเรื่องและลำดับได้แล้วว่าควรเริ่มให้รักกันช่วงไหน

ถ้าอิงทฤษฎี Meet cute ของภาพยนตร์ นิยายของคุณน่าจะเป็นแบบ Push-Push ค่ะ(มีหลายแบบ แต่แคสของคุณคงเป็นแบบที่เรากล่าวค่ะ)

นั่นคือทั้งสองต่างผลักไสใส่กันในตอนแรก ดูแล้วไม่น่าจะรักกันได้นอกจากเป็นคู่กัด ทว่าพอมีเหตุการณ์ที่จับทั้งสองตัวละครให้มาอยู่ด้วยกัน(Inciting incident & Turning point 1) ทำให้ตัวละครทั้งสองมี Conflict(เหตุการณ์ความขัดแย้งต่าง ๆ ที่จะทำให้เรื่องเดิน) และไต่ระดับไปเรื่อย ๆ จนทั้งสองเปิดใจให้กัน ความรักก็จะเริ่มต้นขึ้นค่ะ

ความรักระหว่างตัวละครอาจเกิดจากการช่วยเหลือกัน การดูแลกัน การเป็นที่พึ่งพาให้อีกฝ่ายได้ การมีประสบการณ์ร่วมกันทั้งในอดีตหรือปัจจุบัน ชีวิตที่คล้ายกัน หรือปัญหาแบบเดียวกันค่ะ(Share pain)จากนั้นพอตัวละครรู้เบื้องหลังในระดับหนึ่ง แล้วช่วยอีกฝ่ายแก้ปัญหาสลับกันไปมา ก็จะเกิดความรักขึ้นได้ค่ะ ใครจะรักก่อนก็ได้ทั้งนั้น หรือไม่ต้องรักกันก็ได้ แต่อย่างน้อยมันจะเกิดความสัมพันธ์ขึ้นแน่

เวลา ระยะทางไม่ใช่ตัวกำหนดความรักขนาดนั้นค่ะ

สุดท้ายนี้ก็เหมือนที่คอมเม้นท์ท่านอื่นกล่าว คือตัวละครควรมีเคมีที่เข้ากันค่ะ

พยายามอย่าทำตัวละครที่เหมือนกันให้มารักกัน สมมุติคุณใช้เรื่อง Share pain มาทำให้ตัวละครรักกัน มันก็ไม่ได้แปลว่าทั้งคู่ต้องเติบโตมาแล้วกลายเป็นคนแบบเดียวกัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าแบบนี้จะรักกันไม่ได้อีกนะคะ แค่อยากให้มองว่าตัวละครคงพึ่งพาคนที่เหมือนตัวเองไม่ได้หรอก ต่างฝ่ายต้องเติมในเต็มในสิ่งที่อีกฝ่ายไม่มีค่ะ

เราคิดว่าเราเริ่มอธิบายวนละ ขอตัดจบแต่เพียงเท่านี้ค่ะ