ว่าด้วยเรื่อง E-book
ตั้งกระทู้ใหม่
ทำไมซื้อ E-book ห้ามแชร์ ห้ามหาร ผิดกฎหมาย นักอ่านไม่มีสิทธิจะทำอะไรกับนิยายที่ตัวเองซื้อมาทั้งนั้น นอกจากอ่าน(คนเดียว) แต่ซื้อหนังสือเป็นเล่มสามารถปล่อยเช่าได้ ทั้งๆที่ราคา E-book แพงมาก นักเขียนหลายคนขาย E-book ราคาเท่าหรือเกือบเท่าหนังสือเล่มด้วยซ้ำ งง
12 ความคิดเห็น
ซื่อหนังสือเล่มก็ไม่มีใครว่านะคะ ปล่อยต่อก็ได้ด้วย
แต่อนาถกว่าการซื้ออีบุ๊กคือ การซื้อรายตอนค่ะ ถ้าคุณเป็นคนอ่านครั้งเดียวพอซื้อรายตอนถูกกว่าเยอะ แต่ถ้าต้องการอ่านซ้ำแบบสิบปีข้างหน้าก็จะกลับมาอ่านขอแนะนำให้ซื้ออีบุ๊กค่ะ เพราะถ้าเป็นนิยายแปล พอหมดลิขสิทธิ์ ผู้เผยแพร่ต้องลบที่ลงรายตอนออกอ่านไม่ได้อีก แต่อีบุ๊กยังสามารถอ่านได้ตลอดค่ะ
ข้อเท็จจริง: ถ้าอ่านหน้าลิขสิทธิ์ บางสำนักพิมพ์มีการระบุว่าห้ามปล่อยเช่าด้วยในยุคร้านเช่าเฟื่องฟู แต่โดนดราม่าเลยต้องตัดออกค่ะ
พึ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้เอง ถ้ารู้ตั้งแต่แรกก็ไม่มีทางซื้อแบบ E-book หรอก ราคาแพงเท่าหนังสือเล่ม แต่แชร์ไม่ได้ ปล่อยเช่าไม่ได้ ขายต่อก็ไม่ได้ เสียเปรียบมาก
นอกจากนี้ โปรดรับรู้ว่านักเขียน โดนหักค่าฝากวางอีกบุ๊กไปเยอะจากราคาปกนะคะ ยิ่งคนซื้อกดจาก iOS ทุกอย่างมีต้นทุนแฝงหมดแหละค่ะ
แต่ถ้าคุณอายุมากขึ้นซื้อหนังสือไปสะสมไปสัก 10 ปี ไม่ได้มีบ้านเนื้อที่เป็นไร่ คุณจะเข้าใจว่า ทำไมคนถึงซื้ออีบุ๊กมากกว่าค่ะ
นอกจากนี้ตอนสมัครแอปอีบุ๊กเขามีข้อตกลงในอ่านนะคะ แต่คนส่วนใหญ่ไม่อ่านเอง
ข้อสำคัญของกฎหมายคือ คุณไม่สามารถอ้างว่าคุณไม่รู้ไม่ได้
บางเรื่องทำแต่หนังสือเล่ม แต่คนเรียกร้องให้ทำอีบุ๊กเพราะอะไรทราบไหมคะ?
เพราะเล่มใหญ่หนักที่จะถือ นอกจากนี้พอมีอาการสายตายาว การอ่านอีกบุ๊กสามารถปรับขยายตัวหนังสือได้ ไม่ต้องใส่แว่นสายตาค่ะ
หนังสือเล่มก็มีค่าเชลฟ์วางขายในร้าน ค่าหมึกพิมพ์ไหม ยังไงก็มองว่ามันไม่ควรราคาเท่ากันอะ E-book ควรจะราคาถูกกว่าหนังสือเล่ม เพราะนักอ่านไม่ได้ครอบครอง ไม่มีสิทธิในนิยายอย่างเต็มที่
มองว่าถ้าเป็นนิยายทำมือไม่ฝากวาง ไม่ผ่านสายส่ง ราคาหนังสือ 100 บาท นักเขียนได้ 100 บาท ไม่รวมส่งนะคะ
แต่อีบุ๊ก โดนหักค่าฝากวางไปไงล่ะ
ข้อดีของ E-book มันก็มี แต่คิดว่ายังไงข้อเสียก็เยอะกว่า ตามที่บอกไป แล้วอีกอย่างนึงที่สงสัยคือ อีบุคมันให้อ่านในแพลตฟอร์มเท่านั้น ถ้าเกิดวันนึงแพลตฟอร์มปิดตัวลง เลิกทำขึ้นมา นักอ่านจะทำยังไง? มองแบบไหนผู้บริโภคก็เสียเปรียบทุกทางอยู่ดี
มีเคสที่แอปหนึ่งปิดตัว แบบปิดถาวรไปเลย ทางนั้นมีแผนรองรับผู้ใช้บริการด้วยการแบ็กอัปข้อมูล e-book ของลูกค้าไปให้เจ้าใหญ่ที่ให้บริการแบบเดียวกันอีกเจ้าดูแลแทน ซึ่งข้อมูลก็ไม่ได้หายไปไหนนะ
ส่วนเรื่องเอาเปรียบทุกทาง นักเขียนก็โดนเอาเปรียบด้วยเปล่า? ถ้าข้อมูล E-book หายไปเพราะแอปปิดให้บริการ เขาก็เสียช่องทางการขาย แถมค่าวางแพลตฟอร์มก็ไม่ได้คืน ข้อมูลคอมเมนต์หรือสิทธิประโยชน์ที่เขาเคยได้ก็หายไปเหมือนกัน
สรุปเหยื่อเหมือนกันทั้งคู่ มองไม่ออกจริงเหรอ?
ถึงจะซื้อแบบเล่มก็ใช่ว่าจะไม่เสียประโยชน์นะ น้ำท่วมมา เชื้อราเข้า ไหนจะเก็บจนลืม ปลวกกิน วันดีคืนดีอยากจะบริจาค ขายต่อก็ไม่มีทางได้กลับมาเหมือนกัน
นี่ ebook ยังดีนะที่แพลตฟอร์มเขาดูแลอ่ะ
แล้วประโยคไหนที่บอกว่านักเขียนไม่โดนเอาเปรียบ? ที่พิมพ์มาทั้งหมดพูดถึงเรื่องสิทธิในการครอบครอง เป็นเจ้าของนิยายที่คนอ่านเสียเงินซื้อจ้า ถ้าได้สิทธิไม่เท่ากัน ก็ไม่ควรเสียเงินเท่ากัน อย่าหลงประเด็นมั่วเละ
กรณีน้ำท่วม/ไฟไหม้/ภัยพิบัติ มันมีโอกาสเกิดขึ้นกี่%
หนังสือดีๆ ใครจะโง่เก็บให้ปลวกกิน
แล้ว E-book มันขายต่อหรือบริจาคได้กี่โมง ที่พิมพ์มานี่ได้ใช้สมองคิดแล้วเหรอ?
แล้วเปอร์เซ็นต์ที่แพลตฟอร์มจะปิดมันมีกี่เปอร์เซ็นต์อ่อ มากเท่าน้ำท่วมป่าว
น้ำท่วมทุกปีไหมประเทศไทย บ้านใครสูงก็โชคดี บ้านใครพื้นที่ลุ่มก็ท่วมเป็นประจำอ่ะ
ปลวกมาบางทีก็ห้ามไม่ทันอ่าาา
ก็ขายต่อไม่ได้ไง ที่บอกขายได้บริจาคได้คือเล่ม มะกี้พูดถึงเล่มอยู่นา
มันมีข้อกฎหมายอธิบายอยู่ค่ะ แต่จำไม่ได้ว่าอยู่ไหน จะเอาแปะสักหน่อย
อันนี้หรือเปล่าคะ https://www.mebmarket.com/?action=term_of_use
บริการ E-Book มันไม่ใช่การซื้อสินค้า แต่เป็นการซื้อบริการ นึกภาพว่าร้านอาหาร คิดบริการรายหัว แต่คุณสลับเพื่อนมากินด้วยมันก็ไม่ถูกใช่ไหม หนังสือที่ซื้อ ๆ ใน E-book ก็ไม่ได้เป็นเจ้าของ เราแค่ซื้อสิทธิ์เข้าถึงเท่านั้น ถ้่าธุระกิจเขาไปไม่รอดมันก็หายไป
ถ้า ซื้อ E-book = ซื้อบริการ งั้นก็ไม่ควรราคาเท่ากับซื้อสินค้าเป็นหนังสือเล่มไหม?
ก่อนเราจะตอบอะไร หวังอย่างเดียวว่า จขกท.และนักอ่านอีกหลายๆ คนจะพร้อมเปิดใจรับนะ
ข้อแรก E-book ไม่ได้อยู่ในขอบเขตของกฎหมายที่นักอ่านจะมีสิทธิ์ขาดเหมือนหนังสือเล่ม ดังนั้นจึงไม่สามารถหารกันซื้อได้
ข้อสอง ตามข้อกำหนดของแพลตฟอร์ม ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่า 1 ID สามารถซื้อและเป็นเจ้าของ e-book ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
ข้อสาม E-book เป็นลักษณะของการเช่าซื้อ คือ คุณจะสามารถอ่านนิยายได้เฉพาะในเว็บ/แอปที่คุณซื้อเท่านั้น ซึ่งจะอ่านได้ตราบจนเท่าที่แพลตฟอร์มยังเปิดให้บริการ หรือนักเขียน/สำนักพิมพ์ยังคงไฟล์เอาไว้ในแอป (ถ้าเอาออกก็คือ อดอ่าน เว้นแต่ผู้ให้บริการกำเนิดไว้เป็นอย่างอื่น) ซึ่งตรงส่วนนี้ นอ.ไม่มีสิทธิ์ขาด และมีไม่ได้ด้วย เพราะมันจะกลายเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
ที่นี้ถามว่าทำไมหนังสือเล่มจึงสามารถปล่อยเช่าหรือขายต่อได้ มันก็เพราะว่าผู้ซื้อมีสิทธิ์ในโพรดักต์ (หนังสือ aka สิทธิ์ขาดในน้ำหมึกที่ใช้ตีพิมพ์ กระดาษที่พิมพ์ รวมถึงอุปกรณ์ใดๆ ก็ตามที่ใช้เข้าเล่มหนังสือนั้นๆ **ไม่ใช่เนื้อหาของนิยาย**) ดังนั้นผู้ซื้อจึงสามารถดำเนินการใดๆ ก็ได้กับหนังสือเล่มนั้น จะปล่อยเช่า จะขายทำได้หมด แต่ e-book ทำไม่ได้
ต่อมาถามว่า e-book สามารถเช่าได้ไหม (ตั้งสติอ่านดีๆ นะ เรากำลังพูดถึงเรื่องเช่า ไม่ใช่หาร แชร์ หรืออื่นๆ ที่เป็นการละเมิดกฎหมาย) คำตอบคือ ทำได้ และมีการทำมาหลายปีแล้วด้วย โดยเป็นลักษณะของ "การเช่าอ่านในชั่วระยะเวลาหนึ่ง"
ยกตัวอย่างเช่น แอป TK read (และแอปเช่าอ่านนิยายฟรีอื่นๆ ที่เปิดบริการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย) จะมีไฟล์ e-book จำนวนหนึ่งที่เปิดให้คนอ่านสามารถเช่าได้ ผู้เช่าจะต้องเข้าคิวเพื่อรออ่าน เมื่อถึงคิวของตัวเอง ไฟล์ e-book จะปรากฏในระบบแอปของคุณ ซึ่งคุณจะได้อ่านตามระยะเวลาที่ทางแอปกำหนดไว้ หลังจากนั้นไฟล์ก็จะหายไป ถ้าอยากอ่านซ้ำคุณต้องกลับไปต่อคิว
สุดท้ายถามว่าทำไม e-book จึงแพงมาก คำตอบคือ...เพราะต้นทุนมันแพง ทุนสำหรับการฝากวางในแพลตฟอร์มนั้น แทบจะเทียบเท่ากับค่าฝากวางสินค้าในร้านหนังสือปกติ (ซึ่งหักกัน 30-50%) เรียกได้ว่ามันแทบจะมาแทนต้นทุนในส่วนของการจัดพิมพ์เล่มแบบ print on demand ด้วยซ้ำ
อะ...เผื่อนึกภาพไม่ออกนะ ในการจัดพิมพ์นิยาย 1 เรื่อง กรณีนักเขียนขั้นตอนบรรณาธิการเอง (ปรู๊ฟ/จัดหน้า/บ.ก.) ทุนที่ต้องใช้จะมี ค่าพิมพ์ ค่าส่งจัดส่ง ค่าแพ็กเกจ ค่าฝากวางในร้าน (กรณีฝากวางในร้าน)
แต่ในการทำ e-book นั้น แม้จะไม่มีเล่ม แต่ค่าฝากวางในแพลตฟอร์ม ค่าตัวกลางชำระเงินของแอปเปิล ค่าธรรมเนียม และค่าอื่นๆ อีกจิปาถะ มันจะมาแทนตรงส่วนของ ค่าจัดส่ง ค่าแพ็กเกจ ค่าฝากวางในร้าน ฯลฯ
นี่ยังไม่รวมต้นทุนของหน้าปกนิยายด้วย ภาพประกอบ อาร์ตในเล่ม ฯลฯ พวกอาร์ตอะไรเนี่ย มันก็ต้องจ้างในสัญญาครอบคลุมเชิงพาณิชย์ (ซึ่งบางเจ้าก็แบ่งยิบแบ่งย่อยออกไปอีก ปกราคาหนึ่ง ถ้าเอาไปทำที่คั่น/โปสต์การ์ดด้วยก็บวกเพิ่ม หรือเอาไปทำพรี่เมียมอื่นๆ ก็จะมีการคิดราคาเพิ่มตามแต่ละชนิดของสินค้าที่ทำไปอีก) เพราะนักวาดเองก็ไม่มีใครอยากกดค่าแรงตัวเองเหมือนกัน
แถมปกยิ่งสวย ราคาก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
ไหนจะค่าแรงของนักเขียน (เชื่อว่านักอ่านหลายคนไม่ได้มองตรงจุดนี้เลย แต่อย่าลืม นข.ที่ขายงานก็คือ นข.ที่ทำงาน (เขียนนิยาย) แลกเงินเหมือนกัน) ค่าไฟ ค่ายาตอนเจ็บป่วยจากการเขียนนิยาย ฯลฯ
แล้วลองนึกภาพต่อว่า ถ้านักเขียนคนนั้นไม่ได้ชำนาญด้านกระบวนการบรรณาธิการเลย เขาต้องไปจ้างปรู๊ฟรีดเดอร์มาพิสูจน์อักษร จ้างช่างอาร์ตมาจัดหน้ากระดาษ จ้างเบต้ารี้ดมาหาช่องโหว่ในนิยายของตัวเอง ต้นทุนในการทำนิยายแต่ละเรื่องแต่ละเล่มของ นข. ถ้าตัดค่าพิมพ์ออกไป มันก็แทบจะเทียบกับทุนต่อเล่มของ สนพ.เลยนะ มองไปแล้วนักเขียนก็แทบไม่ต่างจากแม่ค้าขายของตามตลาดนัดที่ทุกอย่างที่ทำลงไปมันคือทุนของเขา
เพราะอย่างนั้น e-book จึงมีราคาสูงไม่แพ้เล่ม โดยที่ตัวนักเขียนเองก็ไม่ได้อยาก...ไม่ได้ต้องการให้มันสูงขนาดนั้นเหมือนกัน แต่ในเมื่อนายทุนเขายังคงไม่ปรับเปลี่ยนอะไร มีแต่จะต้องหาทางหักรีดส่วนที่นักเขียนควรจะได้มากขึ้นในทุกๆ ปี ราคา e-book มันก็จะเพิ่มสูงขึ้นเป็นธรรมดา
สรุปคือคนอ่านรับจบ เสียเปรียบทุกทาง เยี่ยมมาก
คนอ่านรับจบคนเดียวเสียที่ไหน คนเขียนก็ร่วมแบกกับพวกคุณด้วยนี่แหละ
คุณคิดว่านิยายที่ออกๆ มากันเนี่ยจะขายได้หลักร้อยกันทุกเรื่องหรือ!?
ไม่นะ ไม่ใช่ทุกเรื่อง นักเขียนหลายคนขาดทุนยับๆ บางคนตั้งราคานักอ่านซื้อได้สบายๆ ยังขายได้ไม่กี่เล่ม ทั้งที่ทำปกสวย เนื้อหาดี จ้างปรู๊ฟรี้ดมาพิสูจน์อักษร ขายราคาย่อมๆ กะเอาดีมานด์เข้าสู้ แต่ยังไม่ไหวเลย
การขายรายตอนเองก็ใช่ว่าจะขายได้ตลอดกาล ลงนิยายจบไปสักพัก มันก็ขายไม่ออกแล้ว คนไปอ่านเรื่องใหม่ๆ กันหมด ซึ่งบางทีคนเขียนยังไม่ได้ทุนกลับมาเลย ยิ่งคนไหนวางไม่แมส แทบจะกัดก้อนเกลือกิน
พูดก็พูดเถอะ เราไม่โอเคกับนักอ่่านที่มีตรรกะว่านักอ่านเป็นเหยื่อแบบคุณเท่าไหร่ เพราะสุดท้ายแล้ว ทั้งนักเขียนและนักอ่านล้วนคือเหยื่อของระบบทั้งนั้น
ต่างกันเพียง นักอ่านอย่างพวกคุณมีสิทธิ์เลือกคือ ว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ จะหาเงินจากที่ไหนมาซื้อความสุขจากการอ่าน
แต่นักเขียนที่เป็นผู้ผลิตนั้นกลับต้องแบกรับความกดดันทางการเงินมากกว่า ถ้าไม่ใช่ นข.ที่แมส หรือ นข.การงานมั่นคง หรือ นข.ที่ครอบครัวซัพพอร์ตทางการเงิน การเดินบนเส้นทางนี้ไม่ง่ายเลย
เหนืออื่นใด สำหรับมนุษย์ วรรณกรรมเป็นสิ่งฟุ่มเฟื่อย เมื่อ ศก.แย่ วรรณกรรมจะโดนตัดออกจากลิสต์เป็นอันดับต้นๆ เสมอ
โปรดเห็นใจพวกเราคนสร้างวรรณกรรมบ้าง...พวกเราก็ทำงานแลกเงินเหมือนคนอ่านทีี่ทำงานเพื่อซื้อความสุขจากการอ่าน นิยาย 1 เรื่องก็เหมือนเรากรีดเลือดเถื้อเนื้อถอดกระดูกออกมาเขียน ไม่ได้เสกสร้างมาจากมนตร์วิเศษ
อย่าเบลมหรือกดดันให้นักเขียนเข้าใจพวกคุณอย่างเดียว เพราะก่อนจะเป็นนักเขียน พวกเราเกือบทุกคนเคยเป็นนักอ่าน และเป็นไปตลอดกาลที่เป็นนักเขียน ทำไมเราจะไม่เข้าใจ พวกเราแค่อยากขอให้นักอ่านอย่างพวกคุณมาช่วยกันเรียกร้องให้นายทุนขยับเขยื้อนเพืื่ิอพวกเรา (นักเขียนและนักอ่าน) กันบ้าง อย่าปล่อยให้นักเขียนเคลื่อนไหวฝั่งเดียวโดยปราศจากแรงสนับสนุน
อย่าใจร้ายกับพวกเรานักเลย
สรุป ต่อไปนี้จะซื้อนิยายที่เป็นเล่มเท่านั้น จะไม่ซื้อ E-book อีกเด็ดขาด เพราะเสียเปรียบคนที่ซื้อเล่มทุกอย่าง ไม่มีสิทธิขาดในนิยายที่เสียเงินซื้อ ให้เพื่อนยืมอ่านไม่ได้ ปล่อยเช่าไม่ได้ ขายต่อไม่ได้ ไม่มีสิทธิทำอะไรทั้งนั้น นอกจากอ่านอย่างเดียว แถมไม่รู้แพลตฟอร์มจะปิดตัวเมื่อไหร่ เผลอๆอาจเสียเงินฟรีไปเปล่าๆ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาตอบ
อย่างน้อยๆ เรียงร้องให้มีระบบเช่า e-book ที่เป็นรูปธรรมก็ได้ ขนาด TK read กับแอป eread ยังทำได้เลย แพลตฟอร์มอื่นๆ ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ ไม่ใช่เอาแต่โหยหาการหารไฟล์ แชร์ไฟล์ ปล่อยเช่า หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เหมือนหนังสือเล่มซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายและละเมิดลิขสิทธิ์ของนักเขียนอย่างเดียว
ถ้างั้น E-book กับเล่มมันก็ไม่ควรขายราคาเดียวกัน ทำไมผู้บริโภคต้องมาจ่ายเงินเท่ากัน ทั้งๆที่ได้สิทธิในสินค้าที่ซื้อไม่เท่ากัน???
มาเรียกร้องให้เห็นใจนักเขียน แล้วสิทธิของคนอ่านล่ะ ช่างแม่ง? ซื้อนิยายก็เพื่อสนองความสุขของตัวเอง ไม่ใช่มาทำบุญทำทาน
ตรรกะเอาแต่ได้ ไม่สนสิทธิประโยชน์ใดๆของผู้บริโภค ขอให้ขายดีละกัน
ต้องหัดคิดให้ถี่ถ้วนขึ้นนะครับ Critical Thinking skill ก็สอนกันไม่ได้ด้วยสิ
เขย่าปอมปอมเอาใจช่วย
ก่อนจะอวยพรเรา โปรดกลับไปอ่านสิ่งที่เราคอมเมนต์ก่อนนะ แล้วทำความเข้าใจดีๆ ด้วย ทุกคอมเมนต์ของเราจะยิ่งดีมาก
เราเป็นนักเขียน แต่เราก็เป็นนักอ่าน เราเองก็ซื้อสินค้าแบบเดียวกับนักอ่านเหมือนกัน เผลอๆ เราจ่ายมากกว่านักอ่านอย่างพวกคุณด้วย เพราะการเขียนนิยาย เราก็ต้องอ่านนิยายและข้อมูลอ้าวอิงอื่นๆ เพื่อเก็บเกี่ยวข้อมูลเหมือนกัน
สิ่งที่เราเรียกร้องจากนักอ่าน นอกจากความเข้าใจต่อนักเขียนแล้ว (ซึ่งคุณจะยังไม่เข้าใจเหมือนตอนนี้ก็ไม่เป็นไร แต่...) ช่วยมองเราเป็นเหยื่อของระบบด้วยค่ะ ย้ำว่า นักเขียนและนักอ่านเป็นเหยื่อของระบบ (นายทุน) ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
แต่นายทุนฟังเสียงของนักอ่านมากกว่านักเขียน ยืนยันได้จากการที่นักเขียนในวงการจำนวนมากรวมตัวไฝว้กับนายทุนมาตลอด แต่พวกเราขยับเขาไม่ได้ เขาไม่สนใจพวกเรา (ขณะเดียวกันก็เบียดบังส่วนที่นักเขียนต้องได้) เขาสนใจแต่ยูสเซอร์ (คนอ่าน) ที่มีจำนวนมากกว่านักเขียนถึง 10 เท่า
เพราะอย่างนั้นช่วยพวกเราหน่อย ก่อนเบลมนักเขียนตั้งราคาแพง ก่อนเบลมนักเขียนว่าเอาเปรียบ ช่วยกันกดดันนายทุนกันหน่อย เผื่อเขาจะมีอะไรมารองรับบ้าง
เฮ้อ...บางทีก็เหนื่อยนะ ขนาดแม่ค้าตามสั่งยังไม่โดนกดดันเท่าพวกเราเลย เหมือนโดนเบลมอยู่ฝ่ายเดียวทั้งที่ระบบบีบให้นักเขียนอย่างพวกเราทำ (ซึ่ง นข.หลายคนก็ไม่ได้ขาย e-book เท่าราคาเล่ม บางคนใส่ราคาเล่มทั้งที่ไม่ได้ขายเล่ม (อันนี้ก็ความผิดเขาที่ไม่ทำอะไรให้เคลียร์ๆ) บางทีหักทุนกำไรก็ได้น้อยกว่าเล่มด้วยซ้ำ)
@yuri เสร่อจ้า ขอบคุณที่กล้าสั่งสอนหนู หัดสอนตัวเองก่อนเถอะ คอมเมนท์ข้างบนไม่มีปัญญาตอบ มาแซะด่าข้างล่าง ใครอยากสนับสนุนนักเขียนปากแบบนี้ เรียนเชิญ นี่ไม่ล่ะ อุ
โดยด่าเสร่อค่ะ น้องยุรีเสียจัยม๊ากมาก
แชร์ ID ให้เพื่อนอ่านเงียบๆ ก็ไม่เป็นไรมั้ง ปล่อยเช่านี่ต้องเอาIDให้คนอื่นนะ ไม่กลัวหายไปทั้งaccountหรอ
นักอ่านมีสิทธิ์ทำอะไรกับหนังสือเล่มที่ตัวเองซื้อได้นะ
-เอาไปบริจาคห้องสมุด
-เอาไปขายต่อที่ร้านขายหนังสือเก่า ร้านขายหนังสือมือสอง
ขายให้กับคนที่รักในการอ่านจริง ๆ ที่ต้องการจะสะสมหนังสือ
และขายมือสองใน Shopee กับ Lazada
ราคาที่เป็นหนังสือมือสองกับหนังสือเก่าถูกกว่าราคาจริงที่เป็นมือหนึ่ง
เราหาพวกหนังสือเก่า ๆ หายากที่ไม่มีการตีพิมพ์ใหม่มานานมากแล้วเจอจากใน Shopee
หนังสือที่เราซื้อจะมีบางเล่มที่มีทั้งหนังสือเล่มและ E-Book
ใน SE-ED กับร้านนายอินทร์จะมีแค่บางเล่มที่มีแต่ E-Book อย่างเดียว
เพราะเป็นหนังสือเก่าหายาก ไม่มีวางขายในร้านแล้ว และไม่มีการตีพิมพ์ใหม่แล้ว
หนังสือเล่มบางเล่มมีขายเฉพาะในเว็บอย่างเดียว
หนังสือที่ขายใน SE-ED กับร้านนายอินทร์ ราคาของ E-Book จะถูกกว่าหนังสือเล่ม
หารผิดกฎหมายเหรอคะ ขึ้นกับว่าทางแพลตฟอร์มให้ล็อกอินได้กี่เครื่องด้วยหรือเปล่า แต่ยังไง อีบุ๊กมีตัวอย่างให้อ่านและตัดสินใจ กับมีแบบบุฟเฟ่ต์ ถ้าเรื่องนั้นลงบุฟเฟ่ต์นะคะ
หารผิดกฎหมาย ไม่มีกฎหมายรองรับ แถมละเมิดกฎแพลตฟอร์มด้วย ตอนนี้ยังไม่มีแพลตฟอร์มไหนทำ 1 ไอดีล็อกอินได้กี่เครื่องซะด้วย เลยมีคนลักไก่เอามาหารจนเกิดความเสียหายแก่นักเขียน/สนพ.
ที่ จขกท บ่นมา มันมี 2 ประเด็น จะตอบแยกละกัน
ประเด็น 1 ราคาแพง
สมัยนี้ราคา ebook แพงขึ้นจริงๆ แหละ (แต่ส่วนใหญ่ก็ยังถูกกว่าแถมลดราคาเยอะกว่าตัวเล่ม)
แต่ จขกท ต้องเข้าใจกลไกการตลาดด้วย สมัยก่อนที่มันถูกมากๆ เพราะ มันเป็นของใหม่ ลูกค้ายังมีน้อย และส่วนมากยังติดพฤติกรรมการอ่านจากเล่ม
การตั้งราคาถูกจึงเป็นการดึงลูกค้าให้มาอ่าน ebook แทน และเปลี่ยนพฤติกรรมการอ่านของลูกค้าไปในตัว ไหนจะมีข้อดีที่ไม่ต้องเปลืองพื้นที่จัดเก็บหนังสือ
โดยในช่วงนั้นในฐานะนักอ่านก็ดีใจที่ราคาถูก แต่หารู้ไม่ว่า แพลตฟอร์มและนักเขียนได้กำไรบ้างรึป่าว? ก็ไม่ได้สนใจใช่มั้ยล่ะคะ
พอ ebook เติบโตขึ้น มีฐานลูกค้าที่มั่นคงแข็งแรง ก็ถูกแล้วที่เขาจะขึ้นราคาเพื่อเอากำไรคืน
ทีนี้ในฐานะนักอ่านก็ต้องชั่งใจเอาเองว่าอยากซื้อแบบไหน
.
.
ประเด็น 2 ห้ามหาร ห้ามแชร์ นักอ่านไม่มีสิทธิจะทำอะไรกับนิยายที่ตัวเองซื้อมาทั้งนั้น นอกจากอ่าน(คนเดียว)
ถามว่าตอนที่มันเป็นเล่ม นักอ่านเอาไปปล่อยเช่าโดยที่ตัวเองไม่ใช่ร้านเช่าที่จดทะเบียนถูกต้องได้เหรอ? ก็ไม่ได้ป่าว เพราะมันมีกฎหมายลิขสิทธิ์ซึ่งถ้าอ่านก็น่าจะรู้ "ห้ามดัดแปลง ห้ามจำหน่าย" ไม่ใช่แค่หนังสือ แผ่นซีดีที่ซื้อมาก็เอาไว้ดูคนเดียว นอกจากเปิดทีวีแล้วที่บ้านดูด้วย
กับ ebook ถ้าอยากแบ่ง ก็เอาแอคเคาน์ให้เพื่อนยืมอ่านก็ได้ ถ้ามั่นใจว่าเพื่อนจะไม่เอาไปทำอะไรต่อ
.
.
ก็สำหรับกระทู้นี้ที่ตอนแรกอาจจะแค่บ่นเอามันส์ หวังว่าจะให้ได้ความรู้กลับไปนะ จะได้ลองคิดถึงหัวอกนักเขียนและแพลตฟอร์มมั่ง เพราะไม่ว่าจะซื้อแบบไหนมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียหมดแหละ
ถ้าจะถามว่าผิดที่ไหน ก็คงผิดที่เศรษฐกิจบ้านเราที่ทำให้คนมีกำลังซื้อหนังสือลดลง นั่นแหละ ตังกินข้าวก็แทบไม่มี ซื้อหนังสือเดือนละเล่มก็หมดตัวแล้ว พูดแล้วเศร้า
ใครบ่นเอามันส์? บ่นให้หมามันมาเห่าต่างหาก
เอ่า เจ๊อย่าวีน
ก็ลิกขสิทธิ์ไง อะไรที่มันละเมิดมันก็ผิดลิกขสิทธิ์ ที่เค้าทำได้เพราะไม่มีใครดูและ แต่อันที่มีคนดูแลมันก็ต้องทำตาม อยากทำได้อิสระก็ต้องเขียนอีบุ๊คเองแล้วปล่อยขายถูกๆ ถูกกว่าท้องตลาด
แนะนำเวบเช่าebookแบบถูกลิขสิทธิ์ค่ะ https://book-ez.com/ https://www.ereadpublisher.com/
เหมือนคนตั้งกระทู้จะไม่ฟังเหตุผลอะไรเลย ที่คนอื่นอธิบายมันคือค่าผลิตสื่อebook ซึ่งนับได้ว่าเป็นสื่อบันเทิง ผู้บริโภคจ่ายเงินเพื่อเข้าถึงสื่อนั้นๆ ซื้อebook ก็คือจ่ายเงินอ่านเนื้อเรื่องในนิยายนั้นๆ เหมือนกับที่ไปดูภาพยนตร์ คุณก็ได้แค่ดู จ่ายเงินเพื่อซื้่อความบันเทิง แต่คุณครอบครองไม่ได้ เอามือถือไปถ่ายคลิปมาทำสำเนาเผยแเพร่ก็ไม่ได้ เพลง/ดนตรี ก็เช่นกัน หรือจะซื้อเป็นแผ่นCD แล้วมาขายต่อเป็นสินค้ามือสองก็ทำไม่ได้ ผิดกฏหมายเพราะกฏหมายเค้าระบุมาว่าสื่อที่คุณซื้อมานั้นไม่สามารถนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์(ขาย)ได้ ถ้าจะทำอย่างนั้นต้องขออนุญาตเจ้าของผู้ผลิตสื่อก่อน
น่าทำอีบุ๊คและพิมพ์เป็นเล่มแถมให้ไปเลยดีไหม ขายให้นักอ่าน ไปอ่านให้สบายใจ #SS NC # Dek D
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?