Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ขอวิธีเขียนบรรยายฉากโซโล่กีต้าร์ในนิยายทีครับ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ตอนนี้กำลังเขียนนิยายแนววงดนตรีครับ และกำลังคิดว่าจะบรรยายฉากโซโล่กีต้าร์ยังไง ผมพยายามนึกศัพท์เทคนิคที่ใช้เวลาเล่นโซโล่อย่างพวก hammer-on, pull-off, ดันสาย, alternate picking, speed picking, sweep picking, trill ฯลฯ สมมติว่าผมเขียนท่อนโซโล่มาท่อนนึง แล้วจะให้ตัวละครนั้นโซโล่กีต้าร์ตามท่อนที่ผมเขียนขึ้นมา แต่นึกไม่ออกเลยว่าเขียนบรรยายยังไงให้คนอ่านอ่านแล้วรู้สึกได้ยินทำนองตาม หรือบางทีคนอ่านบางคนไม่ได้เล่นกีต้าร์เขาก็อาจจะอ่านแล้วตาลอยไปเลย

แสดงความคิดเห็น

>

7 ความคิดเห็น

dawei 25 ก.พ. 67 เวลา 19:40 น. 1

นายควรรู้ก่อนว่า นิยายไม่ได้ถูกออกแบบมาสื่อสารทางประสาทหู ต่อให้ผู้อ่านเข้าใจทฤษฎีเพลงมาก่อนก็เดาเพลงของนักเขียนไม่ได้หรอก เพราะมันเงียบกริบตลอด ไม่นับเสียงรบกวนอย่างแม่เรียก เปิดทีวี เสียงแว้นวิ่งหน้าบ้าน จุดปะทะฉลองปีใหม่ ไลน์โทรมา ฯลฯ

0
Miran/Licht 25 ก.พ. 67 เวลา 19:52 น. 2

ตอนเราเขียนก็เขียนแค่นี้แหละ โปรดคิดเสมอว่าคนอ่านเป็นมักเกิ้ล คุณควรใช้บทบรรยายสื่ออารมณ์แทนเช่น เสียงสูงเสียงต่ำ จังหวะเป็นไง เร็วช้า รื่นหู บาดหู เสียดแทงอะไรทำนองนี้ค่ะ


https://image.dek-d.com/28/0060/1867/134149843


0
Ciel En Rose 25 ก.พ. 67 เวลา 19:58 น. 3

เขียนตัวละครเล่นกีตาร์เหมือนกันค่ะ แต่ไม่ได้ใช้ภาษา

เทคนิกมาก เพราะตนเองเคยหัดแค่กีต้าร์โปร่งกับอูคูเลเล่ค่ะ

ซึ่งเป็นการดีดแค่จับคอร์สเท่านั้น เคยเล่นเป็นเพลงแค่เพลงเดียวค่ะ ซึ่งเป็นเพลงร่มสีเทา ตอนหัดอูคูเลเล่กับคุณครูค่ะ

0
ำพเะ 25 ก.พ. 67 เวลา 20:26 น. 4

ถ้ากลุ่มตลาดเป็นบุคคลทั่วไป แนวนำให้บรรยายที่คนปรกติรู้ เช่น ความรู้สึก อาการ กิริยา การตอบสนอง ของตัวละครหรือผู้ชม ที่มีต่อการโซโล่กีต้า


แต่ถ้าเขียนเฉพาะให้คนมีความรู้อ่าน ก็จัดเต็มคำศัพท์ไปเลย เค้าจินตนาการตามได้

0
yurinohanakotoba 26 ก.พ. 67 เวลา 00:12 น. 5

ประสบการณ์ที่ได้จากนิยายคือการดึงประสบการณ์ในสมองมาเรียบเรียงกลายเป็นประสบการณ์ใหม่

อย่างเช่นผมเขียนว่า


ภาพแบ่งเป็นสองฝั่ง ด้านซ้ายเป็นสีน้ำเงินเข้มส่วนด้านขวาเป็นสีแดงสด แต่เพราะฝีแปรงของศิลปิน สีน้ำเงินนั้นคล้ายเคลื่อนไหว ม้วนตัวเป็นเกลียวคลื่น สีแดงก็โบกพริ้วเป็นเปลวไฟทั้งที่เป็นเพียงสีแดงเสมอกัน แต่จุดที่ทั้งสองสีบรรจบกลับปรากฏสีดำเด่นชัด ทั้งที่ไม่ใช้สีดำแต่ความมืดนั้นกำลังเคลื่อนไหวเหมือนมีชีวิต ผมชักเท้าถอยหลัง แต่ไม่ทันแล้วในวินาทีนั้นความมืดกระชากวิญญาณผมดำลึกลงไปในรอยต่อระหว่างทะเลคลั่งและเพลิงนรก


การเล่าแบบนิยายจะต่อเติมประสบการณ์ที่มีของคนอ่านเพิ่มอีกครึ่งก้าวบ้าง ก้าวหนึ่งบ้าง แต่มันมีขอบเขตที่คนเขียนคนอ่านมาก ๆ จะเข้าใจว่าได้แค่นี้ ได้ประมาณนี้ แล้วเอาประสบการณ์มาเรียบเรียงเป็นประสบการณ์ใหม่ ถ้าเป็นอาหารก็จะสร้างความน่ารับประทานได้แม้คนอ่านจะไม่ได้รับรสชาติ


ดังนั้นแล้วคุณต้องทำความเข้าใจสื่ออย่างนิยายใหม่ว่ามันทำงานแบบไหน ให้ประสบการณ์แบบไหนได้บ้าง


0
ผักคะน้า 26 ก.พ. 67 เวลา 13:58 น. 6

รู้จักสีซอให้ควายฟังรึเปล่า


สํานวนสุภาษิตนี้หมายถึงการพูดสอนให้ผู้ที่มีความรู้น้อยได้ฟังแต่ผู้ฟังไม่ใส่ใจที่จะฟัง หรือฟังแต่ก็ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ ทำให้ผู้สอนนั้นเสียเวลาเปล่า เปรียบเปรยถึงการสีซอให้ควายฟัง ไม่ว่าจะสีซอให้ไพเราะเพียงใด ควายก็ไม่สามารถจะรับรู้ถึงความไพเราะนั้นได้


อธิบายง่ายๆ แม้คนอ่านได้ฟังดนตรี 1,000,000 เพลงมาทั้งชีวิต ตราบใดไม่เคยเรียนดนตรีภาคปฏิบัติหรือไม่เข้าใจทฤษฎีดนตรี อ่านให้ตายก็ไม่เข้าใจพวกศัพท์เพลงหรือวิธีการแต่งเพลงอยู่ดี อยากได้คนธรรมดามาอ่านนิยายก็หลีกเลี่ยงการยัดความรู้มั่นหน้าของตนจะดีกว่า


3
222 26 ก.พ. 67 เวลา 15:12 น. 6-1

เขาถามก็ตอบดีๆก็ได้ครับ ไม่ต้องติดดาบหรอก หรือว่าปากอยู่ไม่สุข

0
333 26 ก.พ. 67 เวลา 16:56 น. 6-2

อย่าบอกนะว่า ที่โรงเรียนของคุณไม่เคยสอนสุภาษิตไทย ถึงมาตัดสินคนอื่นว่า-

0
444 26 ก.พ. 67 เวลา 20:56 น. 6-3

คำสอนแก่ๆผิดยุคใครจะไปจำ ถ้านำสุภาษิตนี้ไปใช้ โรงเรียนก็ไม่จำเป็น นั่งโง่เป็นควายทั้งชีวิตแล้ว


คนเรารู้น้อยก็ต้องพยายามเรียน ครูเห็นเด็กไม่เข้าใจก็ต้องพยายามสอน ไม่ใช่ตัดสินว่าโง่แล้วไม่สอน หรือ คิดว่าตนโง่ก็ไม่ต้องเรียน


อะไรที่มันเป็นฟอสซิลไปแล้ว ก็ไม่ต้องขุดขึ้นมาใช้ แค่จัดแสดงให้เห็นถึงความแก่ก็พอ

0
Aom Finn 1 มี.ค. 67 เวลา 20:42 น. 7

เราก็เขียนเรื่องดนตรีนะคะ แต่เป็นดนตรีคลาสิก ใช้การบรรยายแบบบุรุษที่ 1 จะบรรยายแค่ประมาณนี้ค่ะ เพราะคนอ่านเค้าไม่ต้องมารู้ความสามารถก็พอ


เขาเล่นไวโอลินได้อย่างเพราะพริ้งเชียว ท่าทางแหบห้าวทั้งหมดดูจะมลายหายไปในทันทียามนิ้วมือเลื่อนแผ่วผิวสีคันชัก  มันเหมือนกับว่าเวลาได้ถูกหยุดเอาไว้แล้วตอนนี้ เสียงเพลงทำให้ข้านึกเห็นตัวเองตอนที่ร้องเพลงเปล่งเสียง ข้ารู้สึกเหมือนนกที่กำลังหัดบิน กระทั่งเสียงไวโอลินหยุดลงกะทันหันและนั่นเองที่ทำให้ข้าสะดุ้งตื่นจากฝันหวาน


กับอีกอัน


แต่แล้วเสียงฟลุทที่เขาเริ่มบรรเลงต่อนั้นทำเอาข้าชะงัก เพลงกลายเป็นเสียงสูง พริ้วใสเมือนพิคโคโร่ มาร์คแชลสามารถเล่นโน้ตสูงที่สุดในวงออร์เคสตราได้เชียวหรือ เสียงC สูงที่ดังลอดมากลางทางเดินสามารถเปลี่ยนเปลวเทียนลู่ลมที่พร่าเลือนให้มองแล้วรู้สึกสดใสในยามค่ำคืนขึ้นมาทันตา

ข้าหลับตาทิ้งตัวลงบนที่นอนราวกับกำลังฝันไป แม้เสียงนั้นจะยังตราตรึงอยู่ในหัว


มันเป็นนิยายพีเรียตหน่อยค่ะ

0