อยากถามเพื่อนๆ ว่าการเขียนนิยายนี่ให้อะไรกับชีวิตเราบ้างเหรอครับ
ตั้งกระทู้ใหม่
ขอเกริ่นก่อนนะครับว่าผมเริ่มลงมือเขียนนิยายตั้งแต่ ม.3 พักบ้างเขียนบ้าง ช่วงที่พีคมากๆ ก็เป็นตอนที่เขียนเรื่องสั้นส่งประกวดในสนามระดับเยาวชน แต่พออายุเลยเยาวชนก็เริ่มที่จะไม่ได้รางวัลเพราะสู้มือเก๋าๆ ไม่ไหวแล้วครับ 555+
ใดๆ คือ หลังจากที่ผมเลิกเขียนเรื่องสั้นส่งประกวด ก็เหมือนจะเคว้งๆ หยุดเขียนไปเพราะไม่ค่อยมีเป้าหมายอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน หนีไปทำยูทูบอยู่เป็นปีๆ ได้โอกาสเรียนต่อ ทำงานนู่นนี่นั่น
แล้วก็กลับมาฉุกคิดได้ว่า เฮ้ย! -ทักษะเขียนนิยายที่ขลุกอยู่กับมันมาค่อนชีวิตนี่มันก็ให้ประโยชน์อยู่นะ ทำเป็นเล่น
ไม่ใช่เรื่องภาษาเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของการครีเอตคอนเทนต์นำเสนองาน การเรียน การพิชชิ่ง สีสันการพูดคุยโต้ตอบ หรือบรีฟคนในกลุ่ม ทักษะหลายอย่างที่ใช้ในชีวิตการทำงานดันมีพื้นฐานมาจากทักษะการเขียนนิยายอย่างน่าเหลือเชื่อ
ก็อยากจะลองถามเพื่อนๆ ว่าเขียนนิยายนี่ให้อะไรกับเพื่อนๆ ในชีวิตบ้างครับผม
17 ความคิดเห็น
1.เปลี่ยนคนที่เขียนเรียงความไม่ได้เรื่องให้กลายเป็นคนเขียนนิยายที่มีคนอ่านหลักแสน
2.ได้มีประสบการณ์ตีพิมพ์หนังสือเป็นของตัวเอง
3.ได้เงินค่าชา กาแฟ และอาหารแมว
4.ทำให้เราได้ไปโรงพยาบาลบ่อยขึ้น ได้กระจายเงินออกจากกระเป๋าอย่างมีประโยชน์
ข้อสุดท้ายนี่ยังไงนะครับ 5555
ปกติเราจะใช้เงินไปกับการซื้อนิยายมาดองซึ่งนอกจากจะรกตู้แล้วก็ยังไม่มีประโยนช์อะไร แต่หลังจากที่เป็นนักเขียนเราจะได้ใช้เงินไปหาหมอเพื่อรักษามือและหลัง ทำให้ได้ใช้เงินอย่างมีประโยชน์มากขึ้นค่ะ
ระบายความเครียดค่ะ 5เดือนมานี้เหมือนเวลาผ่านไปรวดเร็วมากด้วย
ขอบคุณที่แชร์ครับ
ชัดที่สุดของผมก็คือมีสถานที่ให้ได้อยู่กับตัวเอง ได้สำรวจจิตใจตัวเอง
จริงนะครับ พอมาย้อนอ่านนิยายเก่าๆ ของตัวเองจะรู้เลยว่าตอนนั้นผมอยู่ในสถานะไหน เพราะเรื่องที่เขียนล้วนมาจากเราล้วนๆ
ได้สายอาชีพอิสระครับ ออกมาอยู่ ตจว. คนแก่ที่บ้านก็สุขภาพดี 555
งานในฝันของผมเลยครับ 555
ได้ถ่ายทอดจินตนาการพิสดารพันลึกในหัวค่ะ
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือนิยายที่เราเขียนได้มีส่วนช่วยฮีลใจให้นักอ่านค่ะ มีนักอ่านเม้นมาหลายครั้งว่าในวันที่รู้สึกแย่ แต่ได้อ่านนิยายเราแล้วรู้สึกดีขึ้น เหมือนได้รับการปลอบประโลม แค่เหตุผลข้อเดียวนี้ก็มีพลังมากพอจะทำให้เราเขียนต่อไปได้แล้วค่ะ
อื่นๆ การเขียนนิยายทำให้้เรามีทักษะการพูดที่ดีใช้ได้ด้วยค่ะ อธิบายเรื่องต่างๆได้เข้าใจง่าย เวลาเล่าเรื่องอะไรเพื่อนฟังแล้วสนุก เอ็นจอย บอกสมจริงประหนึ่งอยู่ในเหตุการณ์555
เป็นแรงกระตุ้นที่ฮีลใจมากครับ มีงานบางชิ้นที่ผมเขียนมาเพื่อปลอบช่วงเวลาตอนเด็กๆ ของตัวเอง แต่พอมีคนอ่านชอบก็ถือว่าเป็นกำไรที่ทำให้เขายิ้มได้เหมือนกัน
1.ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมาก ๆ ค่ะ
2.ได้มิตรภาพดี ๆ ค่ะ
3.พอมีรายได้เสริมค่ะ
4.ได้ใช้เวลาอยู่กับสิ่งที่ชอบค่ะ
5.รู้สึกมีความสุขมากเลยค่ะเวลาเขียนเรื่องและอ่านงานของตนเองในแบบที่ชอบ แต่ก็อ่านนิยายนักเขียนอื่นด้วยนะคะ
6.คลายเครียดและได้พบทางออกของความสงสัย เมื่อลองจำลองให้ตัวละครแก้ไขสถานการณ์ที่เราหาทางออกเองไม่ได้ เนื่องจากจะได้พบมุมมองที่ไม่ใช่ความคิดตนเองค่ะ
ในข้อ 6 นี่ได้ประโยชน์มากจริงๆ นะครับ มันเหมือนกับว่าได้ฝึกการคิดแบบเป็นขั้นเป็นตอนไปด้วย ถึงบางครั้งชีวิตก็มีความซับซ้อน แต่อาจไม่เท่ากับนิยายที่เราเขียนครับ 555+
1.ปลดปล่อยจินตนาการค่ะ
2.ช่วยเรื่องโรคเบื่อที่ทำงาน
3.ทำให้เวลาที่ถูกฆ่า ได้รับการแปรรูป ไม่เสียเปล่า
4.พัฒนาสมอง
ชอบความแปรรูปนี้ ขอซื้อต่อครับ
ยินดีค่ะ
เราไม่สนว่าได้อะไร เพียงคิดว่าให้อะไร
นักอ่านอาจน้อยนิด แค่สื่อสิ่งดีงามในนิยายเรา ให้สังคมได้ขบคิด เท่านั้นก็พอใจ
ให้ความสงบสุข จริงๆ ค่ะ
พี่เริ่มเขียนตั้งแต่อยู่ป.3 เขียนโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองเขียนอะไร แล้วก็เอาไปให้เพื่อนในห้องอ่าน เป็นกระดาษใบเดียว วันละ 1 ใบ เป็นเหมือนมุกตลกตามหนังสือขายหัวเราะ(ในสมัยนั้น ฮ่าๆเก่ามากกก) แล้วก็คอยดูปฏิกิริยาเพื่อนในห้อง บางคนอ่านก็แค่อมยิ้มนิดหน่อย บางคนขำเอาเป็นเอาตาย ด้วยความเด็กอ่ะเนอะ รู้สึกยังไงก็แสดงออกมาอย่างงั้นเลย แล้วก็ส่งกระดาษต่อๆ กันไป ตลกดี จากนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองชอบเขียนมาก นั่งเขียนทั้งวันทั้งคืนเป็นเล่มๆ (เวลาเรียนจบแต่ละปีนี่ชอบมาก จะตามขอสมุดปกแข็งของพี่เอามาตุนไว้เขียนนิยาย!) เขียนจนพ่อเริ่มบอกว่าไม่ไหวแล้ว ลูกไม่ทำการบ้านเลย พ่อมองว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ ดูละครมากไม่ดีนะ! เลิกดูซะ ให้เลิกแต่งนิยายเพ้อเจ้อด้วย! พ่อไม่ชอบมากๆ แต่โตมาพออายุ 17 ก็ลงนิยายในเด็กดีนี่แหละ ตอนนั้นมีสำนักพิมพ์ติดต่อมา สรุปราคากันจบที่ 2 หมื่น ตอนนั้นได้เงิน 2 หมื่นก้อนแรกในชีวิต น้ำตาไหลพราก พ่อรีบพาไปเปิดบัญชีเลยจ้า พ่อยินดีด้วยมากๆ จากนั้นพ่อก็ไ่ม่เคยห้ามอีกเลย พ่อลงทุนซื้อโน๊ตบุ๊คให้ด้วยในตอนนั้น นี่ก็ผ่านมาเป็นสิบๆ ปีละ เลยกลับมาเขียนนิยายใหม่แต่ก็ไม่ปังอะไรหรอก แต่ชอบเขียน ว่างจากงานก็มาเขียน ดีซะอีก เราจะได้ไม่ไปหมกหมุ่นกับพวกแอพส้ม แอพดำ ไม่งั้นก็จะหมดเงินไปอีกกับการโดนแอพเหล่านี้ดูดเงิน 555555 พล่ามซะยาว สรุปคือการเขียนนิยายคือการที่เรากำลังทำเรื่องที่มีความสุขอยู่ค่ะ เหมือนคนชอบเล่นเกมส์ คนชอบซื้อหวย นั่นแหละ มันคือความสุขของฉันจริงๆ ตอนนี้ก็มีนิยายที่อัพอยู่ แต่งจบทุกเรื่อง เข้ามาส่องได้นะไม่ว่า55555
สมัยนั้นผมก็ถูกที่บ้านต่อต้านจริงๆ นะครับ แต่พอได้รางวัลจากการประกวด เขาก็ไม่เคยยุ่งอีกเลยว่าเราจะเขียนอะไร 555+ เดี๋ยวจะเข้าไปส่องนะครับ
มันทำให้เราคิดว่า
ในนิยาย เราสามารถเขียนให้ข้ามบางฉากบางเหตุการณ์ได้ โดยมุ่งที่เหตุการณ์สำคัญได้เลย
ส่วนในชีวิตจริง มันไม่ใช่ เราต้องใช้ชีวิตไปวินาทีต่อวินาที ข้ามเพลาพวกนี้ไปไม่ได้ ต้องหายใจกี่ครั้ง ต้องกินข้าวกี่คำ ต้องกระพริบตาเท่าไรในขณะที่ลืมตาอยู่ ต้องเดิน นั่ง นอน แล้วแต่ว่าจะทำอะไร เวลาไม่สามารถข้ามได้
อันนี้น่าคิดนะครับ บางช่วงชีวิตของเราก็อยากให้มันผ่านไปเร็วๆ เหมือนนิยายบ้าง
ส่วนตัวก็คล้ายๆ หลายๆ ท่านที่ตอบไปแล้ว
-ได้พัฒนาภาษาเขียน จากที่คิดว่าตนเองเขียนได้ดีแต่เมื่อลองเขียนจริงๆ จึงได้รู้ความเป็นจริงค่ะ 555+
-ได้ท้าทายตนเองว่าจะทำได้สำเร็จไหม การเขียนนิยายให้จบ 1 เรื่องแบบมีวัตถุประสงค์ต่างจากนิยายปกติ(เพื่อเผยแพร่ความรู้ของผู้พิการ) อันนี้รอดค่ะ ทำได้จริง อิอิ
เพียงแต่ได้เพิ่มวัตถุประสงค์ในปัจจุบันอีกข้อที่อยากมีรายได้จากผลงานเพื่ิอนำไปทำประโยชน์ให้ผู้พิการแต่ยังรีไรท์ไม่สำเร็จสักทีค่ะ
-ได้มิตรภาพทั้งจากนักอ่านและนักเขียน ซึ่งอันนี้อาจตีมูลค่าไม่ได้แต่กลับสร้างให้เราเห็นคุณค่าในความจริงใจและสร้างกำลังใจเกิดแรงพยายามให้ผลงานออกมาได้ดีกว่าที่วางแผนว่าจะเขียนนิยายสั้นๆ สักไม่น่าเกิน 30 ตอน ให้เป็น 45 ตอน และกำลังรีไรท์ใหม่ให้เป็น 90 ตอน (สงสัยจะบ้าพลังเกินไป เลยเขียนไม่จบสักทีค่ะ 555+)
ความคิดที่จะเขียนเพื่อคนอื่นนี่น่าชื่นชมมากครับ ใจฟูสุดๆ
เฉกเช่นกับในหลายความคิดเห็นที่แสดงออกมา หากแต่ผมอาจจะเพิ่มเติมในส่วนของตัวเองไปสักหน่อยที่รู้สึกว่า 'การเขียน' มันช่วยในการ Shape ตัวผมเองทำให้กลายเป็นคนที่ชื่นชอบในการวางแบบแผน สร้างวินัยในตัวเอง เพิ่มความสม่ำเสมอและที่สำคัญคือทำให้สามารถใช้สมาธิจดจ่อกับ 'บางสิ่งบางอย่าง' ได้นานมากกว่าปกติครับ
เรียกง่าย ๆ ว่าการเขียนนิยาย ช่วยในเรื่องอะไรหลายอย่าง นอกเหนือไปจากเรื่องจำนวนเม็ดเงินหรือว่าได้รับชื่อเสียง แต่มันช่วยทำให้เรามองเห็นอะไรบางอย่างในตัวเรา เกิดความรู้สึกในการสร้าง Self-Esteem และสร้างคุณค่าในตัวเองทำให้รู้สึกว่า 'มันดีกว่าที่จะปล่อยให้เวลาผ่านไปในแต่ละวันอย่างสูญเปล่า'
เอาจริง ๆ คำถามนี่ผมคิดอยู่หลายตลบมากว่าจะตอบยังไง เพราะถ้าให้พูดถึงแล้ว ตอนเริ่มต้นเขียนนิยายเรื่องแรก ตอนนั้นคือทำไปเพราะ Passion + เปิดพื้นที่จินตนาการให้กับตัวเองล้วน ๆ ส่วนเรื่องอื่นที่เหลือคือแทบไม่เคยนึกถึงเลย จนมาถึงช่วงระยะเวลาหนึ่งที่รู้สึก 'ไขว้เขว' เอามาก ๆ เพราะด้วยความที่เขียนมานานแล้วยังไม่ได้ 'ผลตอบรับ' เท่าที่ตัวเองต้องการ เลยมีแอบนอยด์ ๆ อยู่นิดหน่อย คิดว่าตอนนั้นคงจะตัดใจเลิกเขียนไปช่วงนึง แต่ในท้ายที่สุดก็กลับมาหามันอยู่ตลอด (เพราะส่วนนึงสังคมโลกภายนอกที่ตัวเองอยู่มันค่อนข้าง 'เลวร้าย' กับตัวเอง จนต้องกลับมาเดินทางสายงานเขียนอีกนั่นแหละครับ xD)
ถ้าให้พูดแบบง่าย ๆ การเขียนนิยายมันช่วยเพิ่ม เสริม รวมถึงเปิดกว้างความเป็นไปได้หลายอย่างเอามาก ๆ และคือยิ่งด้วยความที่ช่วงนึงคือทางนี้ตัดสินใจยอมลงทุนซื้อหนังสือหลายเล่ม หลายแนว วรรณกรรมเอย นิยายแปลเอย และอะไรอีกต่าง ๆ นานา แทบเรียกได้ว่าพอได้อ่านผลงานของนักเขียนแต่ละคน + มีพี่สาวที่เหมือนเขาจะชื่นชอบในการอ่านมังงะและสะสมนิยายอยู่แล้ว ก็เลยขอยืมไปอ่านเพื่อใช้เป็น 'เครื่องปรุง' กับ 'เปิดจินตนาการ' ให้กับตัวเอง แบบนั้นมันก็เลยค่อนข้างทำให้ตัวผมเองขลุกอยู่กับการเขียนนิยายและการอ่านนิยายไปด้วยแหละครับ 5555
(ฟังดูเหมือน 'เนิร์ด' แต่ความจริงคือไม่ เราแค่ชอบอ่าน ชอบวิเคราะห์ ชอบใช้สมองเฉย ๆ)
สรุปสั้น ๆ มันก็คงประมาณนี้ การเขียนนิยายให้อะไรหลายอย่างมากมายมหาศาล และถึงแม้จะไม่ได้ประสบความสำเร็จในด้านการขายงานหรือด้านชื่อเสียง แต่มันช่วยทำให้เรารู้สึก 'ภูมิใจ' แหละครับ ภูมิใจที่อย่างน้อยในช่วงนึงของชีวิตเราก็เขียนนิยายเรื่องยาวได้จนจบ ภูมิใจที่ช่วงเวลาหนึ่งเราได้ตัดสินใจใช้เวลาขลุกตัวไปกับวรรณกรรมและหนังสือที่เราชอบอ่านและได้ศึกษาความเป็นมาหลายอย่าง จนในที่สุดก็ดันกลายเป็น 'คนชอบใฝ่รู้' ไปเสียอย่างนั้น xD
ทั้งหมดมันก็ประมาณนี้เท่าที่ผมสำรวจเจอมา 55555
ดีใจที่ได้แชร์กันครับ
-ให้เราได้กำหนดชีวิตตัวละครตามใจชอบ
ซึ่งในชีวิตจริงทำไม่ได้
ด้วยข้อจำกัดมากมาย
- ให้เราได้ชี้เป็นชี้ตายใครก็ได้
รู้สึกถึงอำนาจในมือ
-ให้เราปล่อยจินตนาการแบบสุดขั้ว
โดยมีคนอ่านสนับสนุน (ตัดสินจากยอดวิว)
และท้ายสุด
- ให้เราได้เงิน สำคัญที่สุดเลยข้อนี้ (ฮ่าๆๆ)
1.ได้ใช้ความคิดและจินตนาการ เป็นการบริหารสมองที่ดีมากครับ
2.ได้ฝึกฝนการใช้ภาษาให้ถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์นั้นๆ
3.ได้ศึกษาหาความรู้รอบตัว เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการเขียนเรื่องราวต่างๆ
4.ได้ฝึกฝนทักษะในการสื่อสารกับผู้อื่น โดยเฉพาะคนอ่านครับ
ประมาณนี้ก็แล้วกัน
จากมุมมองส่วนตัวที่เขียนเล่นๆเป็นงานอดิเรก ไม่ได้เปิดรับรายได้หรือต้องแข่งขันกับใคร สิ่งที่ได้คือพื้นที่ให้ปลดปล่อยจินตนาการที่ผุดอย่างหยุดไม่หยุด ได้ฝึกขัดเกลาทักษะภาษาไทย ได้จับตามองกระแสสังคม แล้วก็เป็นแรงผลักดันให้เริ่มหาความรู้จากแหล่งต่างๆเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบหรือแรงบันดาลใจ มีแต่เรื่องเล็กๆพวกนี้แหละครับ แต่โดยรวมแล้วคือทำแล้วสบายใจ
ช่วยให้หนีจากโลกความจริงได้ค่ะ
การเขียนช่วยให้ได้ปลดปล่อยจินตนาการที่สะสมมานาน และก็เติมเต็มแรงใจในการใช้ชีวิตค่ะ
ตั้งแต่เด็กๆ จินตนาการต่างๆ ได้มาจากการดูหนัง ดูการ์ตูน อ่านนิยาย และความฝัน เราก็จะชอบวาดการ์ตูนให้ตัวเอง น้องสาวกับเพื่อนอ่าน วาดรูปมาตลอดเลยค่ะ
ทีนี้มันก็มา suffer ช่วงต่อมหาลัย ก็เลือกที่จะเรียนสายอื่น แล้ววาดรูปเป็นงานอดิเรก วาดอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันเหมือนกันค่ะ
จนกระทั่งได้อ่านพวก graphic novel
มันเหมือนตอบโจทย์เรามากๆ เราอยากเขียนนิยายแต่ก็ไม่อยากทิ้งความชอบในการวาด ก็เลยมีความคิดว่าอยากจะทำดูค่ะ
ถึงเวลาทำงานอดิเรกจะน้อยมาก แต่การที่เราตัดสินใจเอาการวาดเขียนนิยายเป็นงานอดิเรก เรามองว่าเป็นข้อดีมากๆ เหมือนกัน เพราะว่าชีวิตงานประจำช่วยให้เราอัพเดตชีวิตให้ทันโลกอยู่ตลอดเวลา ได้มุมมองใหม่ๆ จากเพื่อนร่วมงาน และได้กำลังใจอย่างมากด้วยค่ะ
ตอนนี้การเขียนนิยายก็เป็นเป้าหมายของชีวิต ให้ได้มองไปข้างหน้า
ให้มีอะไรทำให้ตอนที่รู้สึกว่าง อยากจะสำเร็จค่ะ!
ใจฟูสุด ขอบคุณที่แชร์ครับ
ขอบคุณค่าาา
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?