มาสครับหน้าให้ถูกวิธีกันดีกว่า


          ปัจจุบันนี้มีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ออกมาให้วัยรุ่นได้เลือกใช้กันอย่างมากมาย หนึ่งในนั้นก็มีประเภทการสครับผิวหน้ารวมอยู่ด้วย “พี่กิต” เชื่อว่าการสครับหน้าถือเป็นหนึ่งอย่างที่น้องๆ หลายคนเลือกใช้ เพราะการสครับผิวหน้าจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายไปแล้ว หรือชั้นหนังกำพร้าให้หลุดออก แล้วทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใส เกลี้ยงเกลา และยังสามารถกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณใบหน้าได้ดีอีกด้วย

           แต่ว่าหนุ่มๆ อย่าพึ่งวางใจไป เพราะการสครับผิวหน้าก็มีหลักการใช้ที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้อยู่เหมือนกัน วันนี้ “พี่กิต” เลยนำข้อควรรู้ของการทำความสะอาดผิวหน้า ด้วยการสครับผิวมาฝากให้น้องๆ ทุกคนได้นำไปใช้กันด้วย

            ก่อนอื่นเลยน้องๆ รู้มั้ยครับว่าผลิตภัณฑ์สครับผิวหน้านั้นแบ่งออกได้ 2 ประเภทดังนี้

           1. สครับที่ผลิตจากธรรมชาติ โดยเนื้อเมล็ดของสครับนั้นจะทำจากเมล็ดของพืช เช่น Walnut Meal, Corn Meal, Coconut Meal, Apricot Meal และอื่นๆ เมล็ดสครับที่ได้จากธรรมชาตินั้นมักจะมีรูปร่าง และขนาดที่ไม่แน่นอน มีลักษณะค่อนข้างหยาบ เมล็ดสครับให้ประสิทธิภาพในการขัดที่ดี เนื่องจากความแตกต่างทางรูปทรงของเมล็ดสครับ จึงทำให้การขัดเพื่อขจัดสิ่งสกปรกสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และระคายเคืองต่อผิวน้อยที่สุดด้วย ซึ่งสครับประเภทนี้ใช้ได้ไม่เกิน 3 ครั้งต่อ 1 สัปดาห์ และการขัดด้วยสครับไม่ควรจะรุนแรงจนเกินไป

           2. สครับที่ผลิตจากกระบวนการทางเคมี เช่น เม็ดพลาสติก หรือ เม็ดพลาสติกเคลือบ (Micro bead) เม็ดสครับประเภทนี้ จะมีให้เลือกตามแต่ขนาดที่ผู้ผลิตต้องการ มีตั้งแต่หยาบมากไปจนถึงละเอียดมาก ซึ่งคุณภาพของเม็ดสครับก็จะแตกต่างกันออกไปเช่นเดียวกัน บางชนิดอาจจะเป็นแค่เม็ดพลาสติกธรรมดา หรือบางประเภทอาจจะมีการเคลือบหรือชุบสารสกัดธรรมชาติ เช่น Jojoba Bead ส่วนลักษณะของเม็ดสครับ จะมีลักษณะเป็นทรงกลม และขนาดเท่ากัน โดยสครับประเภทนี้มีโอกาสทำให้เกิดการระคายต่อผิวได้มากกว่า สครับที่ผลิตจากธรรมชาติ สครับประเภทไม่ควรใช้เกิน 2 ครั้งต่อ 1 สัปดาห์

            ข้อควรรู้ในการสครับผิวหน้า

            ระยะเวลาที่เหมาะสม

            การสครับผิวนั้นควรมีความถี่ไม่เกินสัปดาห์ละ 2 ครั้ง หรือตามแต่ประเภทของสครับ เพราะว่าการสครับผิวหน้าจะทำการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายไปแล้วออกไป และเผยเซลล์ผิวใหม่ที่ดูสดใส มีชีวิตชีวาออกมา ดังนั้นไม่ควรทำการสครับผิวหน้าทุกวัน เพื่อเป็นเปิดโอกาสให้เซลล์ผิวได้สร้างเซลล์ผิวใหม่ ขึ้นมาทดแทนเซลล์ผิวเก่าที่ถูกขจัดออกไป

            ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการสครับ

            ควรสครับผิวหน้าในช่วงเวลา เย็น-กลางคืน เพราะหลังจากเราสครับผิวหน้าเสร็จแล้ว ร่างกายของเราจะได้มีการพักผ่อน เซลล์ผิวจะได้รับการซ่อมแซม และฟื้นตัวจากการสูญเสียน้ำมันเพราะเราสครับผิวหน้าไปนั่นเอง

            ผิวที่เป็นสิว

            ควรงดการสครับ เพราะจะทำให้ผิวหน้าระคายเคืองได้ แต่ถ้ามีผลิตภัณฑ์ที่ดี ก็ยังคงทำได้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีกรดของ Salicylic Acid ที่ไม่เข้มข้นจนเกินไป (ไม่ควรเกิน 2 เปอร์เซนต์) ซึ่งจากการวิจัยในสถาบันชั้นนำจากต่างประเทศ พบว่าสาร Salicylic Acid สามารถช่วยขจัดความมันส่วนเกิน ขจัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพได้อย่างมี ประสิทธิภาพ และมีส่วนช่วยให้การกระตุ้นกระบวนการผลิตโปรตีนคอลลาเจน รวมไปถึงช่วยการชะลอกระบวนสร้างเม็ดสีผิวได้อีกด้วย

            หลังจากใช้สครับ

            สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ควรจะมีการบำรุงผิวด้วยครีมบำรุง ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ และคอลลาเจน เพื่อให้ผิวคงความชุ่มชื้นเอาไว้ด้วย นอกจากนี้หลังจาการสครับจะทำให้เนื้อครีมบำรุงนั้น สามารถซึมซับเข้าสู่ชั้นผิวหนังได้ดียิ่งขึ้น

            หลีกเลี่ยงแดด

            ควรหลีกเลี่ยงการสครับผิวอย่างน้อย 48 ชม. หากรู้ว่าต้องไปในสถานที่ที่มีแดดจัด เพราะถ้าหากเราทำการสครับผิวแล้ว ผิวจะบาง และไวต่อสิ่งต่างๆ ที่เข้ามากระทบ ยิ่งหากไปเจอกับแดดแรงๆ จะทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง เซลผิวใหม่ที่ผลัดขึ้นมาก็จะดูไม่กระจ่างใสเพราะโดนรังสี UV เล่นงานอีกด้วย และในช่วงที่สภาพอากาศแห้ง ผิวจะเกิดการระคายเคืองได้ง่าย ควรเลือกผลิตภัณฑ์สครับผิวหน้าที่มีสูตรอ่อนโยน เม็ดบีดละเอียดไม่หยาบคม

            นี่ก็เป็นหลักการการสครับผิวหน้าที่นำไปใช้กันได้ง่ายๆ สำหรับหนุ่มๆ ที่ชื่นชอบการสครับหน้า หรือคนที่อยากจะลองใช้การสครับหน้าทำความสะอาดผิวกันนะครับ ส่วนปิดเทอมนี้ น้องๆ ชาว Dek-D.com ก็คงจะมีกิจกรรมให้ทำกันหลายอย่าง ทั้งกลางแจ้ง และไม่กลางแจ้ง ดังนั้นการทำความสะอาดความมัน หรือสิ่งสกปรกที่ผิวหน้า จึงเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก สำหรับวัยรุ่นไทย เพราะว่าแดดแรงๆ ของประเทศไทย เป็นของขึ้นชื่อที่ไม่น้อยหน้าใครเลยจริงๆ น้องๆ คนไหนที่มีเทคนิคดีๆ เกี่ยวกับการสครับผิวหน้า ก็ลองแนะนำเพื่อนกันได้นะครับ

 


 

ข้อมูลอ้างอิง: ktd1950.com
รูปภาพประกอบ: singhasquare.com


พี่กิต
พี่กิต - Columnist คอลัมนิสต์ประจำคอลัมน์ผู้ชาย

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

14 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
KKY 4 เม.ย. 55 12:42 น. 7
ผมเคยได้ยินมาว่า

สครับที่ผลิตจากกระบวนการทางเคมี ดีกว่า สครับที่ผลิตจากธรรมชาตินะคับ



เนื่องจากสครับที่ผลิตจากธรรมชาติ เม็ดสครับมักมีเหลี่ยมมีมุม คมๆ

ซึ่งจะระคายเคืองต่อผิวมากกว่า สครับที่ผลิตจากกระบวนการทางเคมี ที่เม็ดสครับกลม เท่าๆกัน

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด