|
น้องๆ ชาว Dek-D.com คงเคยเห็นภาพยนตร์โฆษณาหลายๆ ชิ้นผ่านทางสื่อต่างๆ แต่ไม่รู้ว่า น้องๆ สังเกตเหมือนพี่จูนหรือเปล่าว่า ภาพยนตร์โฆษณาเดี๋ยวนี้ นอกจากสนุก ติดหูติดตาแล้ว หลายๆ ชิ้นยังแฝงความนัยที่ชวนให้ผู้ชมเก็บไปคิดต่ออีกด้วย โดยภาพยนตร์โฆษณาแบบที่พูดถึงนี้ ก็คือกลุ่มของแนวคิด CSR นั่นเอง และวันนี้พี่จูนก็มีตัวอย่างภาพยนตร์โฆษณาที่ได้รับการยอมรับว่า เจ๋ง มาฝากกันด้วย มาดูกันเลยค่ะ ภาพยนตร์โฆษณามหาวิทยาลัยรังสิตชุดใหม่ ภาพยนตร์โฆษณามหาวิทยาลัยรังสิตชุดใหม่ ที่ย้ำแนวคิด CSR ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ตอบสนองนโยบาย สร้างสรรค์สังคมธรรมาธิปไตย ยกโครงการทุนสึนามิ เรื่องราวจริงของการมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคม ภายใต้สโลแกน มหาวิทยาลัยรังสิต สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ และการแบ่งปันโอกาส โดยท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองและความวุ่นวายในสังคมไทย เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2550 ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ได้ประกาศแนวทาง ร่วมสร้างสรรค์สังคมธรรมาธิปไตย โดยนำหลักอธิปไตย ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ประกอบด้วย จากแนวคิดดังกล่าว ทำให้เกิดจุดเริ่มต้นในปี 2551 กับโฆษณาชุดแรกที่มีชื่อว่า หมอม้ง ซึ่งเป็นเรื่องของการให้โอกาสทางการศึกษาแก่คนหนุ่มที่มีอุดมการณ์จะเป็นแพทย์เพื่อรักษาคนยากจน คนด้อยโอกาส และต่อมาในปี 2552 กับงานโฆษณาชุด ความสำเร็จร่วมกัน (Success Together) เป็นการเล่าเรื่องราวการส่งต่อความรู้ของมหาวิทยาลัยไปสู่สังคม โดยหยิบยก 4 เหตุการณ์คือ การสร้างเกมธรรมะเพื่อสังคม การพัฒนาพันธุ์ข้าววิตามินสูงเพื่อช่วยชาวบ้าน การออกแบบผลิตภัณฑ์เก้าอี้ฟางเพื่อเพิ่มมูลค่าจากวัสดุเหลือใช้ และการออกหน่วยแพทย์อาสาเคลื่อนที่ ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นการร่วมสร้างสรรค์และช่วยเหลือสังคม ขณะเดียวกันก็ได้เรียนรู้จากสังคมด้วย
มาถึงปีนี้ ปี 2553 ได้นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และการแบ่งปันโอกาสผ่านการมอบทุนสึนามิ อ้างอิงเรื่องจริงของกลุ่มนักศึกษาที่ต้องเผชิญเหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยสึนามิ ครอบครัวเดือดร้อน บ้านแตกสาแหรกขาด และสูญเสียทรัพย์สิน ทางมหาวิทยาลัยรังสิตได้ประกาศให้ความช่วยเหลือโดยการมอบทุนการศึกษาเป็นกรณีพิเศษใช้ชื่อทุนว่า ทุนสึนามิ ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อน ดังนั้นนักศึกษากลุ่มนี้ได้สำเร็จการศึกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องการจะสื่อสารผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้คือ แม้สึนามิจะพัดพาทุกสิ่งทุกอย่างไปจากพวกเขา แต่สิ่งหนึ่งที่สึนามิไม่สามารถพรากไปจากพวกเขาได้ นั่นก็คือ โอกาสทางการศึกษา หลักการตรงนี้จึงกลายมาเป็น Key Message ว่า มหาวิทยาลัยไม่เพียงแต่ให้โอกาสที่จะทำให้ได้เรียนรู้ แต่ยังทำให้เรียนรู้ที่จะให้โอกาสแก่คนอื่นต่อไป ซึ่งหมายถึง เมื่อนักศึกษาได้รับโอกาสจากมหาวิทยาลัยแล้ว พวกเขาเหล่านั้นได้มีส่วนร่วมในการส่งต่อความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาที่ได้เรียนมาถ่ายทอดให้เป็นประโยชน์แก่คนอื่นในสังคมต่อไป โดยใช้สโลแกน สังคมแห่งการเรียนรู้และแบ่งปันโอกาส ซึ่งภาพยนตร์โฆษณาที่น้องได้ชมกันนี้ มีนักแสดงซึ่งเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยรังสิตร่วมแสดงด้วย เพื่อให้นักศึกษามีส่วนร่วม มีประสบการณ์เพิ่มเติมในชีวิตมากขึ้น อีกทั้งเป็นโฆษณาของทางมหาวิทยาลัย จึงเปิดโอกาสให้นักศึกษาที่สนใจได้เข้ามาทำการคัดเลือกได้ตัวนักแสดงหลักและนักแสดงเสริมที่ล้วนแต่เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยรังสิตรวมถึงศิษย์เก่าตัวจริงที่ได้รับทุนสึนามิ นอกจากนี้ ภาพยนตร์โฆษณาชิ้นนี้ ยังได้รับความร่วมมือจาก บริษัท Hub Ho Hin บางกอก จำกัด อีกด้วย เป็นอย่างไรคะน้องๆ ชาว Dek-D.com กับภาพยนตร์โฆษณาแนวคิด CSR นี้ พี่จูนชอบมาตั้งแต่ภาพยนตร์โฆษณาชุดหมอม้งแล้วล่ะ เพราะมีความรู้สึกว่า โฆษณาที่จะเข้าถึงคนดู ติดหูติดตา และจดจำนำไปพูดต่อได้นั้น จะต้องแฝงข้อคิด หรือสื่อถึงอารมณ์ของมนุษย์ ดูแล้วมองเห็นความเป็นจริงของชีวิต เช่นเดียวกับโฆษณาชุด ทุนสึนามิ นี้ไงคะ ^^ น้องๆ ชาว Dek-D.com ล่ะ ดูแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้าง?
|


60 ความคิดเห็น
หนังโฆษณามอรังสิต ดีทุกอันเลยอ่ะ
ประทับใจจจจ
รักมอรังสิต เมืองเอกของเรา
๕๕๕๕๕๕
ถ้าเราไม่ได้ทุนของมหาลัยเราก็คงไม่ได้เรียน
ส่วนมากอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยก็เป็นเด็กทุนที่กลับมาตอบแทนบุญคุณของมหาวิทยาลัยทั้งนั้น
[อาจารย์บางท่านมหาวิทยาลัยส่งไปเรียนเอกถึงเมืองนอกเลย]
ขอบพระคุณในบุญคุณของมหาลัย
เรารักพ่ออาทิตย์ค่ะ
รู้สึกว่าเค้าทำแปลก แตกต่างจากที่อื่น มันเข้าใจง่ายดี
แล้วเราก็ได้รับโอกาสจากทุนเรียนดีมาเหมือนกัน
ภาคภูมิใจในสถาบัน . .
^^
มหาลัยรังสิต แพงหน่อยแต่จบมาแล้วสุดยอด!!!
1 เดียวของมหาวิทยาลัยเอกชน
ดูแล้วก็ ซึ้ง ภูมิใจนะเนี๊ยะได้เป็นเด็ก มรส. ^^
รัก ม.รังสิต รังสองแถวเข้ามอด้วย ค๊าา
ก่อนหน้านี้ผม สองจิตสองใจมากระหว่าง มหาลัยเอกชนที่หนึ่ง กับ มหาลัยรังสิตมากๆ
ผมเริ่มศึกษาผลงาน ศึกษาสิ่งต่างๆที่เกี่ยวกับ ทั้งสองมหาลัยที่ผมกำลังจะเลือกนี้
ทั้งผลงาน ทั้งวิชาการ เทคโนโลยี เรียกว่าไม่แพ้กันเลยครับ ทำให้ผมตัดสินใจไม่ได้เลย
ซึ่ง คณะที่ผมจะเลือกนั้น คือ นิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์และวีดีทัศน์
ซึ่งในเรื่องของชื่อเสียงและการเป็นที่ยอมรับ ด้านมหาลัยรังสิตจะด้อยกว่า อีกมหาลัยนึงอยู่พอสมควร
ทำให้ใจผมไปทางมหาลัยนั้นมากกว่าครึ่งครับ
จนผมได้มานั่งย้อนดู โฆษณาเก่าๆ ของทั้งสองมหาลัย ทำให้ผมเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน
และเป็นสิ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจเลือกมหาลัยวิทยาลัย รังสิต นั้นคือ สิ่งที่มหาวิทยาลัยรังสิตได้สื่อ
ถึงผู้ที่สนใจจะสมัครมาเรียนที่มหาลัยรังสิตนั้น ไม่ใช่ความหรูหรา ไม่ใช่ความสวยงามของสถานศึกษา ไม่ใช่ความทันสมัยในด้านเทคโนโลยี ไม่ใช่ความสะดวกสบาย ที่มีอยู่แล้วในมหาลัย
แต่เป็น สิ่งดีๆที่หลายๆคนในสังคม กำลังขาดหาย นั่นคือโอกาส
ผมประทับโฆษณาชุดหมอม้งมากๆ ในฐานะที่ผมกำลังจะเข้าศึกษาในด้านภาพยนตร์และสื่อวีดีทัศน์
สิ่งเหล่านี้ เป็นปัจจัยสำคัญอย่างมากที่คนที่จะเป็นสื่อของสังคมควรจะมี คือ แนวคิด อุดมการณ์
ที่จะทำเพื่อสังคม ครับ
สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกว่า ถ้าแอดฯกันไม่ติดยังไง ม.รังสิตก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับคุณครับ
RSU ไม่น้อยหน้าใครครับผม
เพราะเชื่อว่าที่นี่มีคุณภาพจริง ๆ
ดูแล้วซึ้งดี
.
.
.
รับรองเวลาไปสมัครงานไม่น้อยหน้าใครเด็ดขาด
เพราะมหาลัยรังสิตสุดยอดที่สุดแล้วสำหรับเอกชน
และภูมิใจทุกครั้งที่มีคนถามว่าจบจากที่ไหน
แล้วเราตอบว่า จาก มอ รังสิต ค่ะ
รักมอรังสิตและพ่ออาทิตย์มากค่ะ
และขอบคุณสำหรับทุนกีฬาที่พ่อมอบให้
นะค่ะ ขอบคุณมากที่มีส่วนสร้างอนาคตหนู
อวดความทันสมัย ความเป็นชั้นนำ
แต่ไม่ชี้ บรรลุถึงจุดประสงค์ ของการเรียนจิง ๆ เรียนเพื่ออะไร
ผมเคยดูหลายชุดละ รังสิตจะออกมาแหวกแนวมหาลัยอื่นทุกปีเลย
ส่วนตัวผมชอบมากคับ เป็นมหาลัยขายฝันจิงๆ โฆษณาดีมากคับ
ภูมิใจในความเป็นลูกทุ่งรังสิตคะ
ถึงมอเราจะไม่หรูหรา เหมือนที่อื่น เเต่มอเราให้โอกาสทุกๆคนคะ ;)
(แล้วถ้าสมัครเค้าจะตัดสิทธิ์แอดมิชชั่นเรามั้ยค่ะ) รบกวนช่วยตอบทีนะค่ะ