|
... เปิดให้ชมรอบปฐมทัศน์ไปแล้วเมื่อวานนี้สำหรับภาพยนตร์ "พุ่มพวง" ภาพยนตร์ที่อ้างอิงมาจากเรื่องราวชีวิตของราชินีลูกทุ่ง "พุ่มพวง ดวงจันทร์" ซึ่งถือว่าเป็นภาพยนตร์ไทยอีกเรื่องที่ถูกจับตามองตั้งแต่ยังไม่เข้าโรงฉายจริง พี่เหมี่ยวเองก็ได้มีโอกาสไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้มาแล้ว และหลังจากที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ต้องขอบอกไว้เลยว่า "พุ่มพวง" เป็นภาพยนตร์คุณภาพที่คนไทยควรจะไปดู ไม่ใช่เฉพาะคนรุ่นคุณพ่อคุณแม่เท่านั้น แต่วัยรุ่นอย่างพวกเราเองก็ควรจะไปดูเหมือนกัน เพราะนอกเหนือจากความประทับใจที่เราจะได้รับจากภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว เรายังจะได้แง่คิดอะไรดีๆ จากภาพยนตร์เรื่องนี้อีกมากมายเลยทีเดียว ...

ความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีอะไรบ้าง วันนี้ "Entertainment Dek-D" พี่เหมี่ยวก็มีแง่มุมที่น่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้มาฝากค่ะ
เนื้อหาของภาพตร์ "อ้างอิง" จากชีวิตจริง ...

อย่างที่บอกไว้ในข้างต้นแล้วว่าภาพยนตร์ "พุ่มพวง" นั้นอ้างอิงมาจากชีวิตจริงของ "แม่ผึ้ง - พุ่มพวง ดวงจันทร์" หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงต้องอ้างอิงมาจากชีวิตจริง ทำไม่ถึงไม่สร้างมาจากชีวิตจริงทั้งหมด ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าผู้กำกับภาพยนตร์ บัณฑิต ทองดี ไม่ต้องการให้เนื้อหาในภาพยนตร์นั้นมีผลกระทบต่อบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริง ดังนั้นในภาพยนตร์ พุ่มพวง จึงได้มีการตัดบางตัวละครออก และเพิ่มตัวละครบางตัวขึ้นมาเพื่อเติมเต็มเนื้อหาให้เข้มข้นขึ้น แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งโครงเนื้อเรื่องที่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตของพุ่มพวง ดังนั้นถ้าใครที่เคยอ่านชีวประวัติของราชินีลูกทุ่งคนนี้มาแล้ว จะรู้ทันทีเลยว่าใครที่เป็นตัวละครที่มีอยู่จริง และใครที่เป็นตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นใหม่

สำหรับในภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้ทำการอ้างอิงชีวิตของ แม่ผึ้ง ตั้งแต่ช่วงเด็กที่ใช้ชีวิตเป็นสาวไร่อ้อยอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี จนกระทั่งได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของครูไวพจน์ เพชรสุพรรณ และได้รู้จักกับ ธีระพล แสนสุข คนรักคนแรก จากนั้นก็ได้ใช้ชีวิตร่วมกันโดยร่วมกันทำวงดนตรีจนประสบความสำเร็จ ได้รับความนิยมจากคนไทยทั่วทั้งประเทศ ได้รับทั้งชื่อเสียง เงินทอง แต่ในด้านของชีวิตคู่ราชินีลูกทุ่งกลับประสบปัญหาต่างๆ มากมาย ...
'เปาวลี พรพิมล' นักร้อง(บ้านนอก)ผู้รับบท พุ่มพวง ดวงจันทร์ ...

ถือว่าเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มากๆ สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่สามารถคัดสรรค์นักแสดงนำที่จะมารับบท พุ่มพวง ดวงจันทร์ ได้อย่างลงตัวชนิดที่ทำให้คนดูเชื่อได้ว่าเธอคนนี้คือพุ่มพวงจริงๆ เพราะไม่ใช่เพียงแค่หน้าตาที่มีความเหมือนกับแม่ผึ้ง พุ่มพวงเท่านั้น แต่ทั้งเสียงร้อง บุคคลิก ลักษณะการพูด ของ "เปา - เปาวลี พรพิมล" สาวน้อยจากจังหวัดสุพรรณบุรี ทำให้ผู้ชมอย่างเราๆ เชื่อได้ว่าเธอคือแม่ผึ้ง และเธอกำลังบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของเธอให้เราได้ฟัง ในเรื่องของการแสดง สำหรับผลงานการแสดงซึ่งเป็นเรื่องแรกของเปาถือว่าเธอสอบผ่านในการเป็นนักแสดง เพราะเธอสามารถเข้าถึงบทบาทและถ่ายทอดอารมณ์ในช่วงชีวิตแต่ละช่วงของแม่ผึ้งออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ชนิดที่ว่าเวลาที่เธอยิ้ม เธอก็จะดึงให้ผู้ชมยิ้มตามไปด้วย แต่เมื่อเวลาเธอร้องไห้ เธอก็ทำเอาผู้ชมอย่างเราๆ ถึงกับปาดน้ำตาไปด้วยเลยทีเดียว เรียกได้ว่าสามารถตรึงผู้ชมให้อยู่กับภาพยนตร์ได้ตลอดเวลา

ส่วนความสามารถในด้านการร้องเพลงของเปานั้น เชื่อได้ว่าถ้าหากเราหลับตาฟังเพลง "นักร้องบ้านนอก" (และอีกหลายๆ บทเพลงของแม่ผึ้งในภาพยนตร์เรื่องนี้) ที่เธอร้อง เราแทบจะแยกไม่ออกเลยว่านี่เป็นเงาเสียงของแม่ผึ้ง ... หลายๆ ฉากในภาพยนตร์เรื่องนี้ เวลาที่เปาออกมาร้องเพลงมักจะทำให้คนดูขนลุกได้โดยที่บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไม อย่างในฉากที่ เปา ต้องขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีคอนเสิร์ตโลกดนตรี ฉากนี้ทำให้หลายๆ คนขนลุกไปกับความ 'เหมือน' ของ เปา กับ แม่ผึ้ง พุ่มพวง ยิ่งได้คอสตูมที่ก๊อปปี้ต้นฉบับมาทุกกระเบียดนิ้ว ยิ่งทำให้เรารู้สึกได้ว่าเลยว่า เธอคนนี้ไม่ใช่ เปาวลี พรพิมล แต่เธอคือ พุ่มพวง ดวงจันทร์

และอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยส่งให้การแสดงของ เปา ในบทบาทของ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ดูโดดเด่น ได้อารมณ์และสมจริงนั่นก็คือ การได้พระเอกมากความสามารถอย่าง "ป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ" ประกบคู่ด้วย ซึ่งป๋อมารับบทเป็น ธีระพล แสนสุข คนรักคนแรกแม่ผึ้ง พุ่มพวง ซึ่งการด้วยความสามารถในด้านการแสดงของป๋อนั้น ทำให้การส่งอารมณ์ในแต่ละฉากนั้นดูเต็มอิ่มมากยิ่งขึ้น ทำให้ตัวละครดูมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ
เปลือยชีวิตราชินีลูกทุ่งของเมืองไทย
|
เราอาจจะเคยได้รับฟังเรื่องราวชีวิตของ แม่ผึ้ง พุ่มพวง กันมาบ้างแล้ว แต่สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้เราจะได้เห็นชีวิตในอีกหลายๆ มุมของแม่ผึ้งว่า กว่าที่จะกว้ามาเป็นราชินีลูกทุ่งของเมืองไทยนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ใช่ชีวิตที่สวยงามอย่างที่ใครต่อใครคิด ... เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ เด็กหญิงผึ้ง รำพึง จิตหาญ สาวน้อยไร่อ้อยที่มีความฝันอยากจะเป็นนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ฝันว่าซักวันจะได้มีโอกาสไปอยู่ในวงดนตรีลูกทุ่ง และร้องเพลงบนเวทีใหญ่ๆ ให้แฟนเพลงได้ฟัง แต่ด้วยความแล้นแค้นของครอบครัวเกษตรกรรากหญ้า ทำให้ เด็กหญิงผึ้ง มีโอกาสได้เรียนหนังสือแค่ ป.2 เพราะต้องออกมาช่วยพ่อแม่ดูแลน้องๆ ผึ้งจึงตกอยู่ในสภาพที่ 'อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้' แต่ถึงกระนั้นไฟฝันของเด็กหญิงคนนี้ก็ไม่ได้มอดลง ด้วยความรักในการร้องเพลงเธอใช้วิธีการจดจำเนื้อเพลงแทนการอ่าน ผึ้งเพียรไปประกวดตามเวทีต่างๆ เพื่อหาโอกาสให้ตัวเองได้เข้าไปร้องเพลงในวงดนตรี นอกเหนือไปกว่านั้นการประกวดร้องเพลงยังช่องทางที่จะทำให้เธอหารายได้มาช่วยจุนเจือครอบครัว |
"ไข่ต้มสองฟอง กินกันทั้งบ้านมันจะไปอิ่มอะไร ... ผึ้งสงสารน้องๆ" ... ความแร้นแค้นและขาดโอกาสเป็นแรงผลักดันให้ ผึ้ง ตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ เพื่อที่จะได้เข้าไปอยู่ในวงดนตรีของครูไวพจน์ เพชรสุพรรณ และความฝันของเธอก็เป็นจริงเมื่อผึ้งได้มีโอกาสเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านของครูไวพจน์ และครูได้เห็นแววการเป็นนักร้องของสาวไร่อ้อยคนนี้ ที่บ้านครูไวพจน์นั่นเองที่ทำให้ผึ้งได้พบกับ "พี่พล" คนรักคนแรกของเธอ จุดเปลี่ยนที่สำคัญของผึ้งเกิดขึ้นเมื่อเธอตัดสินใจออกจากวงเพื่อไปอยู่กับคนรักของเธอ แน่นอนว่าเธอต้องเจอกับปัญหาต่างๆ มากมาย ต้องอดมื้อกินมื้อ จากคนที่จะได้เป็นนักร้องก็ต้องมารับจ้างเป็นแดนซ์เซอร์ตามไนท์คลับ ซึ่งก็ถือเป็นอีกครั้งที่ความลำบากเป็นแรงผลักดันให้ ผึ้งและคนรัก ต้องดิ้นรนเพื่อที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นไปพร้อมๆ กับทำความฝันของเธอให้เป็นจริง ...

"ถ้าผึ้งไม่เด่นไม่ดัง ผึ้งก็จะไม่กลับบ้าน" ... และในที่สุดเธอก็มีโอกาสได้เข้ามาร้องเพลงกับ ครูมนต์ เมืองเหนือ ครูผู้ซึ่งแจ้งเกิดให้ชื่อของ "พุ่มพวง ดวงจันทร์" เป็นที่รู้จักของคอเพลงลูกทุ่งทั่วทั้งประเทศไทย ... โอกาสต่างๆ วิ่งเข้ามาหาเธอมากมาย ชื่อเสียง เงินทอง หน้าที่การงาน ทุกสิ่งที่เธอเพียรสร้างมาส่งผลให้ความเป็นอยู่ของผึ้งและครอบครัวดีขึ้น เมื่อเห็นว่าชีวิตเริ่มมีแสงสว่างเรืองรองขึ้นเรื่อยๆ 'งาน' จึงกลายเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ ในขณะที่รอยร้าวจางๆ เริ่มเกิดขึ้นในความสัมพันธ์กันคนรัก ที่ละน้อยๆ

จนกระทั่งวันหนึ่งมรสุมชีวิตถาโถมเข้ามาหาเธออย่างที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว ปัญหาชีวิตรักที่สั่นคลอน จากรอยร้าวเล็กๆ เกิดเป็นรอยแตกที่ไม่รู้ว่าจะสามารถประสานได้อีกหรือไม่ แต่มรสุมใหญ่ที่ทำให้หญิงแกร่งคนนี้ถึงกับล้มทั้งยืนก็คือ เธอพบว่าเธอมีอาการป่วยเป็น "โรคแพ้ภูมิตัวเอง" ... จากอาการป่วยนี้เองทำให้เธอต้องหยุดทำงานทั้งงานเพลง และงานแสดง รวมไปถึงคอนเสิร์ตใหญที่เธอตั้งใจว่าจะต้องทำมันให้สำเร็จเพื่อประกาศให้ทุกคนรู้ว่า เพลงลูกทุ่งนั้นไม่ใช่เพลงของคนชนชั้นรากหญ้าใช้ชีวิตอยู่กับทุ่งนา แต่เพลงลูกทุ่งเป็นเพลงของคนไทยทุกคน

อาการป่วยทางกายนั้นยังพอบรรเทาได้ด้วยยา แต่การการป่วยทางใจจากการสูญเสียคนรักซึ่งเป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างไป ยิ่งทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตดูแย่และยากมากยิ่งขึ้น ... ผึ้งตัดสินใจยุบวง และกลับไปอยู่บ้านที่สุพรรณบุรีเพื่อพักรักษาตัว และในเวลานั้นเองเวลาที่เธอรู้สึกว่าเธอไม่เหลือใคร เธอกลับได้กำลังใจจากแฟนเพลง นั่นจึงเป็นจุดที่ทำให้เธอลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง เพราะการที่กว่าที่จะก้าวขึ้นมายืนในจุดนี้ได้นั้นก็เป็นเพราะความรักและความศรัทธาที่แฟนเพลงมีให้กับราชินีลูกทุ่งคนนี้แล้วเธอจะทิ้งแฟนๆ เพลงของเธอได้อย่างไร เธอถึงตัดสินใจกลับมาทำคอนเสิร์ตใหญ่ให้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้ ...
จากเรื่องราวทั้งหมดของภาพยนตร์เรื่องนี้ สะท้อนให้เราเห็นอีกแง่มุมของชีวิตในวงการบันเทิงว่า สิ่งสวยงามต่างๆ ชื่อเสียง เงินทอง เป็นภาพมายาซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ได้มาเพียงแค่ชั่วข้ามคืน แต่เป็นสิ่งที่ต้องใช้ความมุมานะและความพยายามเพื่อให้ได้มาซึ่งโอกาสที่จะเก้าวเข้ามาเดินบนเส้นทางวงบันเทิง และเมื่อได้ก้าวเข้ามาแล้วบางครั้งก็ยากเหลือเกินที่จะแยกงานและความเป็นส่วนตัวออกจากกันได้ จนบางครั้งทำให้ต้องแลกมาด้วยสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต
ฉากจบของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้จบลงด้วยภาพการเสียชีวิตของราชินีลูกทุ่ง แต่ผู้สร้างกลับเลือกที่จะปิดจากตำนานราชินีลูกทุ่งด้วยฉากที่แม่ผึ้ง เตรียมตัวขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ที่โรงแรมดุสิตธานี ซึ่งก็ถือว่าเป็นการปิดตำนานที่สมบูรณ์แบบ และทิ้งภาพความประทับใจเอาให้ให้ผู้ชมภาพยนตร์ได้จดจำ
... ดูภาพยนตร์เรื่องนี้จบแล้ว ก็ต้องเดินปาดน้ำตาออกมาจากโรงภาพยนตร์ ตอนแรกพี่เหมี่ยวก็คิดว่าตัวเองจะรู้สึกแบบนี้คนเดียว แต่ที่ไหนได้คนข้างๆ พี่เหมี่ยวเองก็เดินตาแดงออกมาเหมือนกัน บอกได้คำเดียวสั้นๆ ว่า คุณภาพคับจอจริงๆ ค่ะ ของแบบนี้เล่ากันปากต่อปากให้ฟังอาจจะยังไม่เชื่อ เอาเป็นว่าต้องลองไปชมกันค่ะ ชมแล้วได้แง่คิดดีๆ อะไรกลับมาก็อย่าลืมนำมาแบ่งปันกันด้วยนะคะ


ภาพประกอบ : สหมงคลฟิล์ม
|
56 ความคิดเห็น
ซึ้งมากกกกกกก

ว่าแต่โรคภูมิแพ้ตัวเอง มันเป็นยังไงค่ะ
รอให้เข้าโรงจริงๆ ก่อน แล้วจะหาเวลา (ซึ่งหาได้ยากในตัวเรา) ไปดูให้ได้ ฟันธง!!
เข้าพรุ่งนี้แล้ววว
เหมือนอ่ะ
ไม่ใช่โรคภูมิแพ้ตัวเอง- -
มันคือโรคที่ ทำอะไรไม้่ได้เลย กินข้าวก็แพ้ อะไรก็แพ้
แบบกินข้าวก็อ้วกอะไรประมาณนี้
ไม่มีวิธีรักษา มีวิธีเดียวคือ ตาย
ซึ้งมากT_T
ต้องไปดูให้ได้!!!
ถึงเราจะเกิดไม่ทันแม่ผึ้ง
แต่รักเพลงของแม่ผึ้ง มากกกก ค่ะ!!
ทำไมรู้สึกมาอ่าน แล้วแอบโดนสปอยล์เล็กๆ ฮืออ.. TTvTT
ชอบนางเอกด้วย น่ารักดี
แค่นี้ก็ขนลุกแล้วนะจริงๆ T^T
โรคแพ้ภูมิตัวเองคือ คนที่เป็นจะมีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือเรียกว่าภูมิคุ้มกันบกพร่อง ถ้าไม่รักษาสุขภาพ ทำงานหนัก โดนแดดมากเกินไป เม็ดเลือดขาวจะค่อยๆทำลายตัวเอง จนหายไปในที่สุด คนที่เป็นก็จะเป็นคนที่ไม่มีเม็ดเลือดขาว สุดท้ายก็ช็อคแล้วตายในที่สุดค่ะ
คนที่เป็นโรคนี้แทบจะไม่แตกต่างกับคนทั่วไปค่ะ แต่แค่ไม่มีภูมิคุ้มกัน แบบเวลาเป็นหวัด ก็จะเป็นก่อนใคร และเป็นหนักกว่าน่ะค่ะ
โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือ SLE หรือเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า ลูปัสค่ะ
ที่เรารู้เพราะเราก็เป็นน่ะค่ะ =O=