Special Talk : ดารัณ #TheFaceThailand4AllStars ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้!

          The Face Thailand 4 All Stars เพิ่งเปิดตัวไปอย่างฮือฮา เพราะผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนที่กลับมายิ่งสวย ยิ่งแซบ โดยเฉพาะ ดารัณ เศรษฐิณิช ชนวราสุทธิศิริ ที่ไม่เหลือคราบน้องสาวขี้กลัวคนเดิมอีกต่อไป ทั้งที่เธอผ่านอะไรมาเยอะมาก! วันนี้เราจะมาเปิดตัวตน ค้นชีวิตและทัศนคติที่สตรองเวอร์! ของสาวคนนี้กันค่ะ
 

 

เส้นทางความฝัน จากเด็กกิจกรรม นักกีฬาว่ายน้ำ จนอยากเป็นนักบิน
 

          ย้อนกลับไปสมัยมัธยมต้นเป็นเด็กตั้งใจเรียน แล้วก็ทำกิจกรรมเยอะ เลยไม่ค่อยได้อยู่กับเพื่อน ทั้งรำไทย เต้น ว่ายน้ำ เป็นคนไม่ชอบอยู่ว่างเฉยๆ อยากไปนั่น อยากไปนี่ อยากเรียนนั่น เรียนนี่ แล้วก็จะห้าวๆ เล่นกับเด็กผู้ชายซะส่วนใหญ่ เพราะไม่ชอบจู้จี้จุกจิกสักเท่าไหร่ อย่างพวกผู้หญิงจะแบบกว่าจะไปกินข้าว ไปเข้าห้องน้ำ เราก็โอ๊ยยย ไม่รอแล้วจ้า
 

          พอทำกิจกรรมเยอะๆ ก็เคยคิดถึงขั้นอยากเป็นนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติ เกือบจะไปถึงแล้วนะ แต่ด้วย ณ ตอนนั้น อะไรหลายๆ อย่างทำให้เราต้องหยุดเส้นทางนั้นลง ก็เลยตั้งใจเรียนอย่างเดียว จริงๆ เราเองไม่เคยคิดมาทางสายบันเทิงเลยด้วยซ้ำ ตอนนั้นอยากเป็นนักบิน ก็เรียนนักบิน
 

 

ความฝันเกือบดับลง เพราะแม่เดินมาบอกว่าไม่มีเงิน! 
 

          จริงๆ ครอบครัวหนูไม่ได้จนมาก่อนนะคะ แต่โดนพิษเศรษฐกิจเล่นงาน แล้วเราไม่รู้มาก่อนเลย จนช่วงที่แม่เริ่มมาพูดว่าลูกต้องหาเงินเองแล้วนะ เพราะแม่ไม่มีเงินส่งให้แล้ว จุดนี้แหละค่ะมันทำให้เราแบบ เอาละเริ่มเครียดแล้ว แต่ยังดีที่พอมีเงินเก็บเก่าๆ อยู่ เพราะหนูทำพาร์ทไทม์มาตั้งแต่อายุ 15 ปีแล้ว ทั้งสอนหนังสือ ทำแมคโดนัลด์ สอนว่ายน้ำ เราก็ใช้เงินเก็บได้อยู่ พอมันผ่านไป 6 เดือน เงินเริ่มหมด แต่เราไม่อยากขอแม่แล้ว เพราะรู้ว่าเค้าลำบาก ตอนนั้นคือเราจำเป็นต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อให้ได้เงินมา เพราะแมคโดนัลด์อย่างเดียวมันไม่พอ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีคนมาชวนไปประกวดนางงาม แต่มันไม่ใช่ที่เราชอบ แล้วตอนนั้นยังไม่สวย ยังอ้วนอยู่ เราก็เลยตัดสินใจทำอะไรที่ผิดพลาดไป เพราะเราไม่คิดให้ถี่ถ้วนก่อน พอทำไปแล้วเราก็เพิ่งกลับมาคิดทบทวนว่า เฮ้ย! มันไม่ดีเปล่า ก็เลยโอเค จบ!
 

 

เมื่อฆ่าตัวตายเกือบเป็นทางเลือกสุดท้าย
 

          ตอนนั้นเคยเครียดถึงขั้นจะฆ่าตัวตายนะ คือแทบจะ 60% เลยค่ะที่ไม่อยากอยู่แล้ว แต่อีก 40% เนี่ย มันแข็งแรงกว่า เพราะเราคิดถึงแม่กับน้องชาย เรามีเป้าหมายว่าเราอยากจะดูแลเค้า แต่ยังทำไม่ได้เลย ยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณเค้าเลย มันก็เลยดึงให้เราขึ้นมาได้ อยู่ที่ใจล้วนๆ เลยค่ะ ถามใจดูว่าเราพร้อมสู้มั้ย พร้อมจะเผชิญหน้าหรือเปล่า หรือคุณอยากจะหายไป
 

          หลังจากนั้นก็มาทบทวนว่ามีความสามารถอะไรบ้างที่เราจะเอาไปทำงานได้ ก็ค่อยๆ คิด แล้วก็มองข้อดีในตัวเรา เรายังมีดีอะไร ที่เราจะสามารถใช้ตรงนั้นให้หาเงิน เราเลยกลับมาดูแลตัวเองใหม่ ลดน้ำหนักเพื่อให้เราสวยขึ้น จะได้มีช่องทางหรือโอกาสในการทำงานหาเงินได้มากขึ้น เริ่มไปประกวดนางงาม แล้วก็ได้มาเรื่อยๆ จ่ายค่าเทอมได้ ดูแลตัวเองได้ 100% แม่ไม่ต้องจ่ายอะไรแล้ว ตอนนั้นปี 2 -3 ค่ะ ก็จะไม่ค่อยได้ไปเรียนบ้าง ขาดบ้าง เพื่อนก็จะมองว่าเส้นหรือเปล่า ทำไมขาดบ่อย จริงๆ แล้ว เราได้มีการคุยกับทางมหาวิทยาลัยแล้ว ขอแล้ว เค้าก็เข้าใจเรา
 

 

งานหนักจริง แต่ก็ไม่ทิ้งเรียน ถึงขนาดพกหนังสือไปอ่านตามกองถ่าย!
 

          ล่าสุดนี้ไม่แน่ใจว่าจะได้เกียรตินิยมมั้ยนะ คือเกรดเราถึงค่ะ แต่ว่าขาดบ่อย หนูว่าคงไม่ได้อะ คือเราจะมีเวลาเข้าเรียนน้อยกว่าคนอื่นเค้า แต่ทุกครั้งที่เข้าเรียนก็จะจด ตรงไหนที่อาจารย์บอกสำคัญนะ นี่จะตั้งใจเลย แล้วก็กลับมาอ่าน เราต้องอ่านมากกว่าคนอื่น แล้วก็ลองคาดเดาว่าข้อสอบจะออกประมาณนี้ แล้วก็ดึงตรงนั้นออกมา มันจะได้ประมาณ 10 ข้อ แล้วเราก็เขียนๆ วนอยู่อย่างนั้น 4-5 รอบ พกไปอ่านที่กองถ่ายด้วย ว่างก็หยิบมาอ่านเลย ก่อนสอบก็จะอ่านทวนจี้ๆ ดึงตรงที่จดไว้แล้วมาอ่าน มันจะไม่เสียเวลา แล้วก็เขียนวนซ้ำๆ อีก 3 รอบ จริงๆ มันไม่ยากเลยนะ เรียนไปทำงานไป เราก็แค่จัดตารางเวลาไม่ให้ชนกัน แล้วก็ตั้งใจเรียน เป็นสิ่งสำคัญ ไม่ต้องตั้งใจทุกขณะชั่วโมงก็ได้ เพียงแต่โฟกัสกับมันหน่อย อ่านเยอะๆ แล้วก็เขียน อันนี้ช่วยได้เยอะเลย
 

 

เพราะคำดูถูก ทำให้อยากพิสูจน์ว่าตัวเองก็เป็นนางแบบได้
 

          เอาจริงๆ เริ่มเข้าวงการมาตอนแรกก็ประกวดนางงามก่อน แล้วสักพักเราอยากหนีออกจากตรงนี้ ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะคะ มันดี หาเงินง่าย แต่เราไม่ชอบอะไรที่มันต้องแต่งเยอะขนาดนั้นอะ มันเยอะไปสำหรับหนู เราอยากทำอะไรให้ดูทันสมัยมากกว่านี้ เป้าหมายคืออยากเป็นนางแบบ อยากมาเดอะเฟซ อยากลองเปลี่ยนสายดู เพราะคนดูถูกเราเยอะว่าเธอเป็นนางแบบไม่ได้หรอก เธออ้วน เธอขาใหญ่ เราก็...อะ เดี๋ยวจะเป็นให้ดู ตอนนี้ก็ทำได้แล้วนะคะ คือคำดูถูกมันเป็นแรงผลักดันให้เราอยากทำให้เค้าเห็นว่าฉันทำได้นะ ฉันเป็นได้ แล้วคุณล่ะ?
 

 

ดราม่าดารัณซีซั่น 3 คนมองสวยแต่ไม่สตรอง!
 

          มันก็เป็นความจริงค่ะ 55 ก็ต้องยอมรับว่าขณะถ่ายทำเราไม่เคยเห็นแต่ละทีมว่าเค้าทำเป็นยังไง แล้ว The Face Thailand Season 3 ถ่ายไป 8 EP.แล้ว ยังไม่ได้ออนแอร์เลย เรายังไม่เห็นตัวเองเลยค่ะ เราเลยไม่รู้ว่าจะพัฒนาตัวเองไปทางไหน แต่พอเริ่มออนแอร์ เราก็เห็นข้อผิดพลาดละ เพิ่งจะดีหลังๆ เพราะแคมเปญซีซั่น 3 จะมีแต่เดินแบบถ่ายแบบ ไม่ค่อยมีอะไรให้เราแสดงความสามารถเลยอะ เพิ่งจะมีหลังๆ ให้เราได้โชว์
 

 

คืนสังเวียน The Face All Stars เพราะรอเวลาพิสูจน์ตัวเองมานานแล้ว
 

          หนูรอเวลานี้มานานมาก หนูแบบ The Face กลับมาทีเถอะ หนูอยากทำอะไรให้คนเห็นมากกว่านี้ อยากพิสูจน์ให้ดูว่าแบบจริงๆ ความสามารถเราเยอะมากเลยนะ เราทำได้อีก แล้วเราก็ไปเตรียมตัวมา สิ่งที่เราไม่ถนัดมากที่สุดก็คือเดินแบบ เพราะเราเพิ่งจะเริ่มเดินบนส้นสูงได้ปีสองปีเอง เราไม่ได้มีประสบการณ์นางแบบเหมือนคนอื่นๆ เค้า ก็เลยเริ่มไปเรียนเดินแบบ อยู่บนส้นสูงบ่อยๆ เดินอยู่ในบ้าน กินข้าว เข้าห้องน้ำ ใช้ชีวิตบนส้นสูงเลย จนแบบ อ่อออ เราเข้าใจแล้วว่าเป็นแบบนี้ ทำใหเราเดินดีขึ้น ก็ได้รับคำชมด้วย แต่ยังไม่พอ เราต้องดีกว่านี้อีกนะ
 

          เราก็คิดว่าทำอะไรก็ได้ให้เรามีความสุข ถ้าเค้าให้โจทย์นี้มา เราก็แค่ทำอย่างมีความสุข อย่าไปเครียดกับมัน ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตอะ ถ้าเราเครียดกับมันมาก มันจะทำอะไรได้ไม่ดีเลย แต่ถ้าเรามีความสุขกับมัน มี positive thinking กับมันได้ มันจะทำให้เราทำงานได้ flow มากขึ้น โดยที่เราไม่เกร็งไม่เครียดด้วย
 

 

จากสาวขี้กลัวมาสวยมั่น เพราะปรับทัศนคติใหม่
 

          หลายๆ อย่างในชีวิตที่เราผ่านมา เรายังข้ามผ่านมันไปไม่ได้ ทำให้เวลาเราทำอะไรจะกล้าๆ กลัวๆ คือเมื่อก่อนยอมรับเลยค่ะว่ากลัววันนึงจะดัง เพราะเรารู้ว่าถ้าวันนึงเรามีชื่อเสียงมา เรื่องในอดีตต้องตามมาแน่ๆ เลย แต่มันก็ดีค่ะที่พอมันเกิดขึ้น ก็ทำให้เราไม่กลัวอะไรแล้ว โล่งมาก ไม่เครียดเลย เมื่อก่อนจะเครียดๆ มาก ทำไรก็กังวลไปหมด พอมาตอนนี้ ก็มีทั้งคนชมว่ามั่นใจขึ้น และมีคนว่าด้วยนะ ว่าไม่ชอบเลยซีซั่นนี้ ดูร้าย แรงเกินไป แต่หนูว่าหนูชอบตัวเองแบบนี้ค่ะ
 

ดารัณ #TeamCrisLukkade อยากอยู่กับพี่เกดนานแล้ว!
 

          หนูอยากอยู่กับพี่เกดนานแล้ว ตั้งแต่ซีซั่น 3 แต่ตอนนั้นแววตาพี่มาช่าเค้าดึงดูดจริงๆ อะ  หนูก็ต้องเลือกพี่มาช่าก่อน ครั้งนี้ก็เลยอยากมาเลือกพี่เกด เห็นแบบนี้จริงๆ ไม่ได้กลัวพี่ลูกเกดเลย พี่เกดน่ารักมาก เพราะว่าคนไม่เห็นว่าเบื้องหลังพี่เกดดีกับหนูมาก ทุกครั้งเวลาไปงานเดินแบบ พี่เกดจะชมเราว่า วันนี้เดินแบบสวยมากเลยนะ มันยิ่งทำให้เราอยากอยู่กับพี่เค้า พี่เกดน่ารัก ตลกมาก เป็นคนนึงเลยค่ะที่ทำให้หนูเปลี่ยนทัศนคติ ตอนที่อยู่ในห้องดำอะ อันนั้นแหละค่ะ คือครั้งแรกที่พี่เกดพูดแล้วทำให้หนูรู้ว่าหนูต้องทำอะไรให้ทุกคนเห็นได้แล้ว ก็อยากขอบคุณพี่เกดที่สอนและดูแลหนู
 

 

ไม่กลัวใครใน All Stars เพราะจุดแข็งเราคือความมั่นใจ!
 

          กลับมาซีซั่นนี้ ถ้าตอบให้คนอื่นกลัวเรา จะบอกว่าไม่กลัวใครเลยค่ะ ฝากบอกทุกคนนะคะว่าไม่เคยกลัวใคร เจอกันได้ทุกแคมเปญ (ขำ) แต่เอาความจริง ก็มีหวั่นๆ ค่ะ เพราะแต่ละคนก็ดีคนละด้าน อย่างเราจะกลัวจีน่าด้านการเดินแบบ เทียก็ด้านการแสดง สกายก็ถ่ายแบบ คือเค้าจะเป็นคู่แข่งเราในแต่ละด้าน แต่เราก็ไม่ยอมแพ้นะ จะทำให้ดีกว่า หนูคิดว่าตอนนี้จุดแข็งทุกคนก็คือความมั่นใจ ถ้าเราขาดความมั่นใจ ทำอะไรก็จะไม่ดี ความมั่นใจในแบบพอดีนะคะ ไม่ใช่ว่าล้นเกินไป
 

อยากเป็นนางแบบ ร่างกายและจิตใจต้องพร้อม!
 

          ถ้าน้องๆ รู้แล้วว่าอยากเป็นอะไรไม่ว่าจะนางแบบหรืองานอะไร รู้ตัวเร็วก็ดี แล้วก็เตรียมตัวให้พร้อมเลย อยากเป็นนางแบบก็ต้องลดหุ่น ดูแลรูปร่างหน้าตาผิวพรรณ เราต้องพร้อมทุกสถานการณ์ พร้อมก่อนที่คุณจะเข้ามา เพราะการแข่งขันมันสูง ถ้าคุณไม่พร้อม เค้าก็ไม่เอาเราแล้ว ยังไงก็สู้ๆ ค่ะทุกคน
 

 

• ถ้าให้กลับไปเจอตัวเองวัยเรียนได้ ดารัณอยากกอดตัวเอง แล้วบอกว่าเก่งมากที่ผ่านมันมาได้
• ไอดอลของดารัณคือ ใหม่ ดาวิกา เพราะสวยมากกก กอไก่ล้านตัว สวยแบบที่จะยอมจีบคนนี้
• ส่วนที่ดารัณมั่นใจและคิดว่าสวยที่สุดคือหน้า
• ส่วนที่ไม่มั่นใจคือสะโพกและต้นขา คนบอกว่าใหญ่ ก็มองข้าม ขาใหญ่แล้วไงก็หน้าสวยอะ
• เคล็ดลับการลดน้ำหนักของดารัณ คือไม่กินของทอด ของมัน หนังหมู มันหมู เหลือแค่ไก่ ปลา กุ้ง กินผักผลไม้ และน้ำผลไม้ดีท็อกซ์ร่างกายทุกวัน
• นอกจากเดินแบบ ดารัณอยากเล่นละครและภาพยนตร์ โดยเฉพาะบทร้ายไม่ก็ดราม่า