ออม อธิศ นักแคสติ้งมืออาชีพ ผู้อยู่เบื้องหลัง #เลือดข้นคนจาง #Homestay


 
Spoil
  • แคสติ้งบทเหม่เหมโหดมาก ให้เล่นซีนเล่าเรื่องข่มขืน
  • ซีนนักข่าวรุมเต๋า พี่ออมเลือกนักแสดงละครเวทีมาเล่นทั้งหมด เพราะต้องเป๊ะ 
  • Homestay แคสตัวหลักวัยรุ่น 4 ตัว นาน 4 เดือน จากทั้งหมดเกือบ 400 คน
  • แคสติ้งเฌอปรางด้วยซีน "ก็มินไม่เคยขอ" เจอดาเมจเฌอจนเขินกันหมด 
    _______________


 
          ถ้าจะบอกว่า ณ นาทีนี้ เลือดข้นคนจาง คือละครที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากถึงขั้นแฮชแท็กติดเทรนด์ทุกครั้งที่ออนแอร์ ทุกวีคจะต้องมีคนพูดถึงนักแสดงที่เล่นดี แม้แต่ตัวประกอบยังทำให้ขนลุกได้ ความดีความชอบนอกจากจะยกให้ผู้กำกับและนักแสดงแล้ว พี่แก้วอยากจะขอพูดถึงทีมแคสติ้งด้วย! งานนี้ Dek-D ก็ไม่รอช้า สัมภาษณ์คนเบื้องหลัง พี่ออม อธิศ อาสนจินดา Casting Director ของเรื่องนี้มาฝาก อาชีพนี้คืออะไร เบื้องหลังสนุกๆ ของการทำแคสติ้งจะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน
 

อธิศ อาสนจินดา (ออม)
ผลงาน : ทีมแคสติ้งเรื่อง Side by Side พี่น้องลูกขนไก่,
Shoot! I Love You ปิ้ว! ยิงปิ๊งเธอ,

MVหลับตา slot machine, ภาพยนตร์เรื่อง Homestay,
ละครเลือดข้นคนจาง (Casting Director)

 
ทำความรู้จัก Casting Director ผู้อยู่เบื้องหลังโปรดักชั่นบันเทิง
 
          หน้าที่หลักๆ ของอาชีพนี้ ในมุมผมนะ มันคือการหานักแสดงที่เหมาะสมมาเล่นบทบาทนั้นๆ หลังจากที่เราได้อ่านบท (หรือบางทีก็แค่รับบรีฟมา) และตีความกับผู้กำกับแล้ว หลังจากนั้นเราจะหานักแสดงตามโจทย์จากหลายๆ แหล่ง วิธีง่ายที่สุดก็คือติดต่อโมเดลลิ่งหรือเซิร์จหาจากอินเทอร์เน็ต จริงๆ Meet New Face เราก็มาดูบ่อยๆ นะ หรือว่าถ้าเราคิดว่าพื้นที่ตรงนี้น่าจะมีเด็กที่เราอยากได้อยู่ เราก็ลองลงพื้นที่แล้วติดต่อดู 

          อีกหนึ่งส่วนที่สำคัญคือ Network ของน้องๆ วัยรุ่นและนักแสดงที่เรารู้จัก อยากหาคาแรกเตอร์แบบไหนก็จะถามต่อจากคนที่เราคิดว่าน่าจะรู้จักคนที่เราตามหา หลายครั้งที่เราได้เจอนักแสดงหน้าใหม่จากการที่โพสต์ถามหาใน Instagram story ของตัวผมเองนี่แหละ ยังไงมาช่วยแนะนำนักแสดงกันด้วยนะครับ 555
 

 
          ส่วนกระบวนการคือ ถ้าแคสเป็นเมนหรือบทสำคัญ เราจะต้องนัดเค้ามาแคสก่อน มาอ่านบท มาลงเทป แล้วก็ลองทำแอ็คติ้งน้องให้ใกล้เคียงที่สุดแบบที่ผู้กำกับอยากได้ เป็นการลองให้เห็นศักยภาพเบื้องต้นก่อน เพื่อพิจารณาดูว่าสามารถเป็นตัวละครที่เราต้องการได้มั้ย มีแนวทางในการพัฒนามั้ย จะได้ส่งต่อให้ทางทีมแอ็คติ้งโค้ชหรือผู้กำกับเค้าไปพัฒนาคาแรกเตอร์หรือการแสดงต่อไป อีกหนึ่งสิ่งที่ผมให้ความสำคัญมากๆ คือ “ตัวตน” ของน้องๆ ที่มาแคส เค้ามีคาแรกเตอร์แบบไหน ธรรมชาติจริงๆ ของเขาเป็นอย่างไร มันเป็นสิ่งที่เราต้องดึงจุดเด่นของเขาออกมาให้ได้มากที่สุด

 
ความแตกต่างของหนังกับซีรีส์ ขึ้นกับผู้กำกับ!
 
          ถ้าพูดถึงความแตกต่างของการแคสติ้งระหว่างหนังกับซีรีส์ที่เรารู้สึกว่าต่างกันก็คงขึ้นอยู่กับภาพของผู้กำกับว่าอยากได้อะไร เช่น บทเหม่เหมในเลือดข้นคนจาง เราก็จะถามพี่ย้งว่ามองภาพเหม่เหมประมาณไหน พอพี่ย้งมีภาพในหัวที่ชัดเจนมากๆ ก็ทำให้เราทำงานต่อได้ง่ายขึ้น ผมว่าก็คงขึ้นกับผู้กำกับแต่ละคน อย่างพี่โอ๋ ภาคภูมิ ผู้กำกับ Homestay ก็สไตล์นึง พี่ย้งก็สไตล์นึง ทุกคนมีสไตล์ของตัวเอง หน้าที่ของเราคือพยายามทำให้มันเป็นไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

 
ชีวิตพลิกผัน ตอนเด็กอยากเป็นวิศวะ แต่เรียนจบบัญชี แล้วพลิกโอกาสมาทำแคสติ้ง
 
          ย้อนกลับไปตอนมัธยม ผมอยากเป็นวิศวะนะรู้มั้ย แต่พอเข้ามหาวิทยาลัยจริงๆ เราจบคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีของธรรมศาสตร์มา เพราะผมรู้สึกตัวว่าตอนนั้นชอบด้านธุรกิจ แต่เราเองก็ชอบดูหนัง สนใจภาพยนตร์อยู่แล้ว จนมีโอกาสทำละครเวทีคณะ แล้วเค้าก็ส่งพวกผมเป็นทีมงานเบื้องหลังไปเวิร์คช็อปการแสดง ก็รู้สึกว่า เฮ้ย! มันมีความใกล้เคียงกับความเป็นภาพยนตร์ที่เราสนใจเหมือนกันนะ พอจบโปรเจ็กต์ละครเวทีคณะ เราก็เลยเลือกที่จะทำละครเวทีร่วมกับเพื่อนๆ ในนาม A Theatre Unit ตอนนี้ก็ทำละครกันมาเกือบ 10 ปีแล้วครับ จนสุดท้ายก็ถูกรุ่นพี่ชวนมาทำแคสติ้งเต็มตัวในเรื่อง “Side By Side พี่น้องลูกขนไก่” ก็ยาวเลยครับ เพราะแคสติ้งมันได้คุยกับคนได้รู้จักกับคน เราชอบคุยกับคน
 


 
ทำงานไม่ตรงสายไม่ใช่ปัญหา ขอแค่ให้ลงมือทำ!
 
          มองย้อนกลับไป ผมก็เคยคิดนะ เอ้ย! ทำไมไม่เรียนฟิล์มมาโดยตรงเลยวะ แต่ก็รู้สึกว่าถ้าเราไม่ตัดสินใจอะไร ไม่เลือกเรียนบริหาร ไม่ทำละครเวที เราก็อาจจะไม่ได้ทำตรงนี้ก็ได้นะ มันคือสิ่งที่เราเคยตัดสินใจในอดีต แล้วมันก็ทำให้เราเป็นเราในปัจจุบัน อย่าไปยึดติดว่าต้องทำสิ่งที่เรียนมาตลอดไป คือในชีวิตเราทุกวินาทีมันจะมีโมเมนต์ที่ต้องตัดสินใจตลอดอยู่แล้ว ซึ่งทุกการตัดสินใจมันจะส่งผลไปที่การตัดสินใจอื่นในอนาคตด้วย แต่มันไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องติดกับเส้นทางนั้นตลอดไปนี่ ถ้าเราอยากทำ เราก็ทำไปเลย อย่ากลัว กระโดดไปทำก่อน จะได้รู้ว่าชอบไม่ชอบ อายุยังน้อยยังมีเวลาให้เดินทางอีกเยอะมาก
 
          จริงๆ ผมรู้สึกว่าผมยังเด็กอยู่นะกับสายอาชีพนี้ คือถ้าเป็นงานแคสติ้งก็ทำมาจะขึ้นปีที่ 3 แล้ว เราเองรู้สึกว่า เราไม่ได้จบด้านนี้มาโดยตรง แต่เราก็ไม่ปิดโอกาสตัวเอง เพราะถ้าทำเราอะไรผิดก็จะมีพี่ๆ คอยแนะนำ คอยฟีดแบ็กกลับมาอยู่แล้ว เราก็ปรับตาม

 
แคสติ้ง Homestay ยากสุด 4 ตัวละคร ใช้เวลา 4 เดือน!!!
 
          การแคสที่ยากที่สุดสำหรับผมคือ Homestay ครับ เป็นการแคสหนังใหญ่เรื่องแรกด้วย ซึ่งมีหัวหน้าทีมแคสคือ พี่โรส รจเรข ลือโรจน์วงศ์ (โปรดิวเซอร์ของละครเลือดข้นคนจาง) เรื่องนี้พี่โอ๋ผู้กำกับมีภาพในหัวที่ชัดเจนมาก และความต้องการของแต่ละตัวละครก็สูงเช่นกัน เป็นการทำแคสที่ต้องเก็บรายละเอียดในแอ็คติ้งแทบจะทุกเม็ด ทีมทำแคสตัวละครหลักวัยรุ่น 4 ตัว ใช้เวลา 4 เดือน จากนักแสดงเกือบ 400 คนครับ มันเป็นประสบการณ์ใหม่ในชีวิตมาก แต่พอมันปลดล็อกออกมา ได้อย่างที่อยากได้จริงๆ ก็รู้สึกว่าคุ้มค่า เพราะได้นักแสดงที่พิเศษมากด้วย 
 

 

          อย่างบท “พาย” ของเฌอปราง เราได้บรีฟมาว่า อยากได้รุ่นพี่ผู้หญิงที่เป็นเด็กเรียนเก่ง มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ เราพยายามหาเด็กใหม่เยอะมาก แล้วเราก็แอบไปหาเด็กจาก BNK48 มาด้วย ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่เป็นที่รู้จักขนาดนี้แหละ เพราะแคสตั้งแต่ช่วง ก.ค. ปีที่แล้ว แล้วเราก็รู้จักเฌอปรางแค่ชื่อ คอนแท็กในเว็บ BNK48 ก็แทบไม่โชว์เลยว่าเราต้องติดต่อใคร ก็เลยอะ หาคนอื่นก่อนละกัน แต่พอผ่านไปสักพักนึง พี่โอ๋ก็ส่งข้อความมาว่าสนใจคนนี้จัง ก็คือเฌอปรางนี่แหละ เอาวะ พี่โอ๋อยากได้ขนาดนี้ เราต้องหาคอนแท็กให้ได้ แล้วพอตอนแคส น้องเฌอใหม่มาก แต่ก็มีความเป็นตัวของตัวเองมาก มีตอนที่เราต้องลงไปเล่นกับน้องในซีน “พาย เราไม่ใช่แฟนกันใช่ปะ ...จะเป็นได้ไง ก็มินไม่เคยขอ” คือน้องมีความดาเมจมาก สายตาทะลุทะลวงจนเราเขินแบบใจเต้นแรงมาก (นี่เราจะโดนโอตะว่ามั้ย มันเป็นงานนะครับ) สุดท้ายการได้เฌอปรางมาร่วมเล่นหนังเรื่องนี้เป็นเพราะความเหมาะสมจริงๆ
 
          แต่บทที่แคสแล้วคลิกเลยก็มีนะ มีโปรเจ็กต์นึง ผมได้บรีฟคาแรกเตอร์มาแล้วคือคิดเลยว่าตัวนี้ยากแน่เลย แต่กลายเป็นว่าคนแรกมาก็ได้เลย แบบนี้ก็มี มันเหมือนเป็นการแมตช์ว่าถ้าใช่ ผู้กำกับว่าใช่ มันก็ได้เลย แต่โดยเฉลี่ยก็จะแคสกันประมาณ 1-2 เดือน

 
แคสติ้งเลือดข้นคนจางกับการทำงานร่วม 8 เดือน!
 
          ในเรื่องเลือดข้นคนจาง ผมเริ่มรับบรีฟตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว แต่ว่าทำเสร็จจริงๆ ช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เท่ากับอยู่ในโปรเจ็กต์นี้ 8 เดือน แต่มันต่างกันตรงที่ว่า เราออกกองไปด้วย ปกติทำแคสติ้งทีมจะดูตัวเมนหรือตัวสำคัญๆ แล้วก็จบ แต่เลือดข้นคนจางเป็นเรื่องแรกที่ผมได้เลือกตั้งแต่ตัวเมนยันเอ็กซ์ตร้า ครบวงจรทั้งเรื่อง แปลว่าจะต้องมีการออกกอง ซัพพอร์ตนักแสดงเพื่อเตรียมให้เค้าเล่นได้ด้วย หรือว่ามีการประสานงานสื่อสารกับผู้ช่วยผู้กำกับว่าซีนนี้จะต้องมีองค์ประกอบหรืออยากได้คาแรกเตอร์ประมาณไหน เราก็จะทำให้ภาพนั้นเป็นไปตามที่ผู้กำกับอยากได้มากขึ้น
 

          แล้วตัวละครในเลือดข้นคนจางมันเยอะมาก คือจะมีนักแสดงที่ถูกวางตัวไว้แล้ว คือน้องๆ 9x9 จากนั้นทีมแคสเริ่มต้นจากการหาบทพ่อแม่มาเสนอกับพี่ย้ง แล้วมาบทเหม่เหม ซึ่งเป็นบทที่แคสโหดมากที่สุดอีกบทนึงที่เคยทำ เพราะพี่ย้งเลือกซีนที่ยากที่สุดของตัวละครนี้มาให้น้องเล่นเลย หนึ่งในนั้นคือซีนที่เล่าให้เต้ยฟังว่าถูกประเสริฐข่มขืน โอ้โห! ยากมากนะ เพราะนักแสดงจะรู้รายละเอียดตัวละครจริงๆ คือหน้าห้องแคสเลย คนที่ได้เห็นบทนี่เหวอกันแทบทุกคน หลังจากเสร็จแล้วก็เริ่มทำบทซัพพอร์ตอื่นๆ ไหนจะตัวละครที่ออกมาซีนเดียว ก็ต้องทำตรงนี้ไประหว่างทางด้วยเลยนาน

          แล้วตอนที่พี่ย้งนัดบรีฟหาแคสนักแสดงพ่อแม่ พี่ย้งเล่าประวัติของตระกูลจิระอนันต์ละเอียดมาก นั่งฟังอยู่ประมาณชั่วโมงนึง จดตามไปด้วยในสมุดยาว 10 กว่าหน้า พอพี่ย้งเล่าจบก็บอกว่าที่เล่าไปนี่ยังไม่เริ่ม Ep.1 นะ คือผมช็อกไปเลย เพราะเอาจริงๆ แค่ backstory ก่อนเริ่มเรื่องก็สนุกมากๆ แล้ว ทีมบทคิดกันมาดีมากๆ 
 

 
ตัวละครประกอบใครว่าไม่สำคัญ! ออกซีนเดียวแต่ต้องอิมแพ็คต่อตัวเรื่องด้วย
 
          ในเลือดข้นคนจางสิ่งหนึ่งที่ยากที่สุดคือมีตัวละครโผล่มาเยอะมาก บางตัวออกมานิดเดียวก็จริง แต่มันสร้างผลกระทบแรงๆ ให้กับตัวละครหลักตลอด แปลว่าเราต้องหาคนเล่นได้จริงๆ เพื่อที่ให้ภาพในซีนนั้นชัด และซัพพอร์ตนักแสดงในซีนนั้น อย่างบทคุณวรัญญา พิธีกรรายการชัดทุกกระแส โจทย์ที่ตั้งไว้คือเราอยากได้คนที่มีความสตรอง แล้วก็เข้ากับพี่แหม่มแล้วไม่แพ้พี่แหม่มด้วย มันท้าทายมาก
 
          อีกซีนคือซีนนักข่าวสัมภาษณ์เต๋า ซึ่งเป็นซีนที่สร้างผลกระทบกับตัวเต๋าแรงมาก มันต้องมีตัวละครหลายตัวพูดกันเยอะ ต้องมีจังหวะการรับส่งที่เป๊ะมาก เลยคิดว่า เฮ้ย! งั้นไปเอานักแสดงละครเวทีดีกว่า ซึ่งเค้าจะถนัดการเล่นหลายคนพร้อมกัน แล้วทุกคนจะต้องอินเนอร์ พูดชัดเจน พูดหนึ่งครั้งแล้วมันกระแทกเต๋าได้เลย พอฉายไป ผมก็รีบทักไปหาโปเต้ (นักแสดงที่เป็นนักข่าวที่เต๋าจะต่อย) ว่าเราขอโทษ เค้าด่ากันหมดเลย ก็ขำๆ กันไป แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องยอมรับคือ สิ่งที่นักข่าวในเรื่องคนนั้นทำมันก็รุนแรงจริงๆ แต่สิ่งที่เต๋าทำก็รุนแรงเหมือนกัน มันเหมือนเราอยากให้คนดูเห็นว่าการที่อารมณ์มันตอบโต้กันแบบนี้มันไม่ใช่ผลดีเลย นักข่าวก็ไม่ได้แย่อย่างนั้นทุกคน นักข่าวดีๆ มีเยอะมาก
 


"นักแสดงสมทบที่ออกซีนสองซีน
จะไม่รู้เลยว่าใครฆ่าประเสริฐ
ตอนบรีฟเราจะไม่บอกเลยว่าใครฆ่า
เราจะเล่าแค่ในเรื่องที่เค้าต้องรู้เท่านั้น"


 
ใครว่างานบันเทิงไม่มั่นคง! มันอยู่ที่ตัวเองล้วนๆ
 
          สำหรับเรา งานในวงการในบันเทิงมันจะมั่นคงไม่มั่นคงอยู่ที่ตัวเราเอง เรื่องของความพยายาม ทัศนคติ ความมืออาชีพ ทั้งหมดทั้งมวลมันขึ้นอยู่กับตัวเอง เราเข้าใจในมุมผู้ปกครองนะว่าอยากให้ลูกของตัวเองมีการงานอาชีพที่มั่นคง แต่สมมติถ้าตัวน้องๆ มีความสนใจในด้านนึงขึ้นมาจริงๆ ก็อยากให้ลองเปิดใจดู เพราะบางทีเราอาจจะได้ดาวหรือเพชรดวงใหม่มาประดับวงการก็ได้ใครจะไปรู้ 

 
อยากเป็นแคสติ้ง มันอยู่ที่แพชชั่นและความเข้าใจตัวเอง
 
          ถ้าให้แนะนำการมาทำงานแคสติ้ง ผมว่ามันอยู่ที่แพชชั่นแล้วล่ะ งานเราเกี่ยวข้องกับนักแสดง ดังนั้นเราต้องมีความเข้าใจคนอื่นๆ ซึ่งก่อนจะเข้าใจคนอื่นได้ก็ต้องเข้าใจตัวเองก่อนว่าเราชอบหรือไม่ชอบอะไร ก็คงต้องลองทำไปเรื่อยๆ ทั้งกิจกรรมในโรงเรียน นอกโรงเรียน ฝึกงาน ซึ่งมันดีมากๆ เลยนะ ทำไปก่อน แล้วจะได้รู้ว่าเฮ้ย! โตขึ้นจบมาต้องทำงานแล้ว ชั้นอยากทำอย่างนี้จัง แล้วสุดท้ายจังหวะกับโอกาสมันจะมาเอง ซึ่งสายงานภาพยนตร์มันมีหลายส่วนมากๆ มันไม่ได้มีแค่ผู้กำกับ นักแสดง มันมีตำแหน่งอีกเยอะที่เป็นฟันเฟืองสำคัญให้งานชิ้นนึงออกมาได้
 


 
ฝากถึงคนดู
 
          ในฐานะหนึ่งในทีมแคส Homestay เป็นหนังที่เราอ่านบทแล้วรู้สึกว่าเรื่องนี้มันพิเศษมากๆ อยากขอฝากน้องๆ นักแสดงเจมส์ เฌอปราง เบบี้มายด์ เบสท์ ทุกคนเต็มที่มาก น้องๆ ทุกคนผ่านการแคสมากันหมด มาจากความพยายามและความเหมาะสมจริงๆ ฝากทุกคนช่วยสนับสนุนพี่โอ๋ ผู้กำกับ น้องๆ และ พี่ๆ นักแสดงรุ่นใหญ่ด้วยนะครับ 
 
          ส่วนละครเลือดข้นคนจาง เป็นโปรดักชั่นที่ทุกคนอินมาก พี่ย้งอิน ทีมงานอิน นักแสดงก็อิน ตอนถ่ายทำทุกคน อยู่กันเหมือนเป็นครอบครัว เหนื่อยมาก แต่ก็สนุก พร้อมลุยไปด้วยกันตลอด เชียร์ให้ดูสดกันนะครับ เพราะหลังจากนี้เราไม่อยากให้คุณกะพริบตาเลย มันจะเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ละครจะไม่จบลงแค่การรู้ว่า #ใครฆ่าประเสริฐ ยังมีอะไรอีกมากมายหลังจากนี้ บอกได้คำเดียวว่าดุเดือด! 
 

 

          เชื่อว่าน้องๆ หลายคนอ่านจบแล้วคงจะรู้จักและเข้าใจอาชีพ Casting Director มากขึ้นแน่ๆ ใครที่สนใจอยากทำอาชีพนี้ ลองเอาประสบการณ์ที่พี่ออมแชร์ไปใช้ได้ ส่วนใครที่เป็นแฟนคลับเลือดข้นคนจางและ Homestay ติดตามกันได้! แล้วน้องๆ ละคะ ชอบแคสติ้งของบทบาทไหนที่สุดบ้างมั้ย

 
พี่แก้ว
พี่แก้ว - Columnist คอลัมนิสต์ชีวิต 150 เซนฯ ถือคติอกหักเรื่องเล็ก แต่มีแฟนไม่ตรงสเป็กสิเรื่องใหญ่

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด