6 สถานที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากโลกร้อน

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ยังไม่ทันไรเราก็กลับมาร้อนและเจอฝนตกอีกแล้วนะคะ ทางใต้ก็ไม่ทันได้รู้สึกหนาวเหมือนภาคอื่นๆ ด้วย พอประเทศไทยร้อนถึงร้อนมากเราก็มักนึกถึงภาวะโลกร้อนกันว่ามันต้องส่งผลให้หลายๆ ประเทศร้อนขึ้นแน่ๆ แต่เทียบกับประเทศอื่นแล้ว สภาพอากาศบ้านเราก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจนถึงขั้นส่งผลกระทบกับวิถีชีวิตเดิมๆ ของเรามากนัก ยังไงก็ร้อนแบบคาดเดาได้อยู่แล้ว แต่วันนี้ พี่พิซซ่า จะพาน้องๆ ไปดูสถานที่ต่างๆ ทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนอย่างรุนแรงค่ะ มาดูกันว่ามันส่งผลถึงขั้นที่เขาต้องเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตกันยังไง


หมู่บ้านนิวต๊อก มลรัฐอลาสก้า



ภาพตอนหมู่บ้านนิวต๊อกน้ำท่วมในปี 2005
Credit: Stanley Tom, Newtok Traditional Council

     หมู่บ้านนิวต๊อก (Newtok) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของมลรัฐอลาสก้า สหรัฐอเมริกา ตัวหมู่บ้านทั้งหมดตั้งบนแผ่นน้ำแข็งที่แข็งถาวรหรือที่เรียกกันว่าเพอร์มาฟรอสต์ (permafrost) แผ่นน้ำแข็งบริเวณนี้แข็งมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว ชาวพื้นเมืองก็ตั้งถิ่นฐานที่นี่มาช้านาน แต่เมื่ออุณหภูมิมหาสมุทรสูงขึ้น เพอร์มาฟรอสต์บริเวณนี้ก็เริ่มละลายค่ะ เท่ากับว่าบ้านเรือนและอาคารต่างๆ รวมไปถึงถนนหนทางในหมู่บ้านนี้ไม่มีรากฐานแล้ว ทั้งเมืองก็ค่อยๆ จมลงไปเรื่อยๆ ทำให้หมู่บ้านที่มีประชากรประมาณ 350 คนต้องพยายามหาที่อยู่ใหม่ก่อนที่ทั้งหมู่บ้านจะจมหายไป
     ทางการพยายามหาทางช่วยย้ายทั้งหมู่บ้านให้อยู่ แต่เนื่องจากต้องใช้งบประมาณสูงถึง 130 ล้านเหรียญสหรัฐในการตั้งเมืองใหม่ในพื้นที่ที่สูงและมั่นคงกว่าเดิม แถมยังมีปัญหาด้านการเมืองที่ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการอนุมัติการช่วยเหลือนี้ ทำให้ยังดำเนินการได้ไม่สำเร็จค่ะ ตอนนี้ทั้งเมืองอยู่ในระดับต่ำกว่าระดับน้ำทะเลแล้ว และน้ำในแม่น้ำก็ไหลท่วมอยู่เนืองๆ นักวิทยาศาสตร์คาดว่าทั้งเมืองจะจมหายไปในสิบปีแน่ๆ


เทือกเขาแอลป์



ภาพเครื่องสร้างหิมะของสกีรีสอร์ทแห่งหนึ่งในเยอรมนี
Credit: Jan Woitas/Corbis

     เทือกเขาแอลป์เป็นเทือกเขาที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป และยังครอบคลุมมาถึง 8 ประเทศได้แก่ออสเตรีย ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ลิกเตนสไตน์ โมนาโค สโลวีเนีย และสวิตเซอร์แลนด์ เวลานึกภาพการเล่นสกีบนยอดเขาที่มีหิมะตกหนาก็จะเห็นภาพเป็นเทือกเขาแอลป์เสมอ แต่จากภาวะโลกร้อนทำให้เทือกเขาแอลป์มีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้นเยอะมาก และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ธารน้ำแข็งเริ่มลดน้อยลง พืชพันธุ์หลายชนิดที่เคยขึ้นทั่วบริเวณเทือกเขา ปัจจุบันก็เหลือให้เห็นแค่บนยอดเขาสูงๆ ไม่กี่ยอดเท่านั้น
     ธุรกิจสกีรีสอร์ตและกิจกรรมฤดูหนาวอื่นๆ ก็ได้รับผลกระทบตามไปด้วยค่ะ บางเจ้าขยับขยายสถานที่ให้ขึ้นไปบนยอดเขามากกว่าเดิม บางเจ้าอาศัยหิมะปลอมเข้าช่วย บางเจ้าที่อยู่ข้างล่างหน่อยถึงกับเอาอุปกรณ์กีฬาทั้งหมดมาเลหลังขายก่อนปิดกิจการไป ผู้ประกอบการรายใหญ่ยังดีที่มีเงินทุนเยอะ สามารถสร้างกระเช้าขึ้นไปสูงกว่าเดิมได้ และสรัางโรงแรมใหม่เพิ่ม ส่วนบางที่ที่ไม่สามารถย้ายไปไหนได้ก็เปลี่ยนมาทำธุรกิจสปากลางแจ้งแทนซะเลย หรือไม่ก็สร้างอะไรสวยๆ งามๆ ไว้ดึงดูดให้คนมาเที่ยวที่เทือกเขาแอลป์บริเวณไร้หิมะแทน ฉะนั้นเรื่องนี้ต้องกระทบกับระบบเศรษฐกิจและการจ้างงานแน่นอน


ประเทศคิริบาส



บ้านบนเกาะแห่งหนึ่งในคิริบาสที่ถูกน้ำทะเลท่วมจนไม่มีผู้อาศัยอยู่แล้ว
Credit: David Gray/Reuters

     ประเทศคิริบาสเป็นประเทศหมู่เกาะที่ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ประกอบไปด้วยหมู่เกาะปะการังธรรมาชาติ 32 แห่งและหมู่เกาะปะการังเลี้ยงอีก 1 แห่ง กระจายตัวเรียงกันไปตามบริเวณเส้นศูนย์สูตร ประเทศนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลที่งดงามมาก แต่จากภาวะโลกร้อนทำให้คิริบาสเป็นประเทศแรกในกลุ่มประเทศหมู่เกาะที่ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่าต้องการความช่วยเหลือในการอพยพประชาชนไปอยู่ที่อื่น เนื่องจากหลายๆ เกาะเริ่มอยู่อาศัยไม่ได้แล้วเพราะภาวะโลกร้อนค่ะ นักวิทยาศาสตร์คำนวณว่าน้ำทะเลที่อุ่นขึ้นและการที่แผ่นน้ำแข็งละลายจะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นประมาณหนึ่งเมตรก่อนหมดศตวรรษนี้ และนั่นจะทำให้เกาะปะการังทั้ง 33 เกาะของประเทศนี้จมหายไปในคลื่นแน่นอน น้ำทะเลที่ทะลักเข้ามาก็จะทำให้ไม่มีน้ำจืดไว้ดื่มหรือใช้อีก
     ทางคิริบาสจึงขอความช่วยเหลือจากนานาชาติว่าจะมีชาติไหนพอเปิดประตูรับประชากร 1แสนคนในประเทศได้บ้าง ดีที่มัลดีฟส์ซึ่งเป็นประเทศหมู่เกาะและกำลังเจอปัญหาคล้ายกันแต่ยังเบากว่า อนุญาตให้อพยพเข้าไปอยู่ได้ แต่ประธานาธิบดีของคิริบาสก็บอกว่าไม่อยากให้ประชาชนต้องอยู่เป็นผู้ลี้ภัยในประเทศอื่นนานมากนัก รัฐบาลจึงพยายามหาเงินทุนไปซื้อแผ่นดินใหม่ให้ประชาชนได้ย้ายไปอยู่กันถาวรอยู่ ซึ่งสถานที่แรกที่รัฐบาลซื้อได้คือเกาะ Vanua Levu หนึ่งในหมู่เกาะฟิจิที่มีพื้นที่ 20 ตารางกิโลเมตร แต่คาดว่ารัฐบาลก็มองที่อื่นเพิ่มอยู่บ้างค่ะ


ยุโรปเหนือ



     การที่อุณหภูมิโลกสูงขึ้นส่งผลให้หลายประเทศเปลี่ยนจากอากาศหนาวเป็นอากาศอุ่นกำลังดีค่ะ (บ้านเราอยู่นอกประเด็นนี้ 555) และอุตสาหกรรมหนึ่งที่ได้ประโยชน์จากภาวะโลกร้อนในตอนนี้ก็คืออุตสาหกรรมไวน์ โดยปกติบริเวณที่ทำไร่องุ่นเพื่อผลิตไวน์ชื่อดังจะอยู่ในที่ที่มีอากาศอบอุ่นอย่างตอนใต้ของฝรั่งเศสหรือในประเทศอิตาลี แต่ด้วยอุณหภูมิที่สูงขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมาทำให้อากาศร้อนขึ้นโดยเฉลี่ย 1.3 องศาเซลเซียสในภูมิภาคนี้ ส่งผลให้องุ่นสุกไวขึ้น และการบ่มไวน์ใช้เวลาน้อยลง นอกจากนี้ยังทำให้ไวน์ในบางพื้นที่มีรสชาติอร่อยขึ้นมากด้วย จากเมื่อก่อนไวน์ที่ได้คะแนนสูงๆ คือไวน์จากฝรั่งเศส ปัจจุบันไวน์จากเยอรมนีที่อยู่ทางเหนือของฝรั่งเศสกำลังมาแรงมากแทนแล้ว ทำให้มีผู้ทำธุรกิจไวน์มากขึ้นในประเทศทางเหนือขึ้นไปอีกอย่างเดนมาร์ก ส่วนประเทศที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรกว่าก็ต้องปรับตัวกับการที่องุ่นสุกเร็วขึ้นกว่าแต่ก่อนเพื่อให้นำไปทำไวน์ได้ทันเวลา


ทะเลทรายในสหรัฐอเมริกา



     แม้จะเหมือนเป็นสถานที่แห้งแล้งที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดน่าจะอาศัยอยู่ได้ แต่จริงๆ แล้วในทรายมีแบคทีเรียอาศัยอยู่เยอะมาก และแบคทีเรียพวกนี้ก็อยู่รวมกันเป็นกลุ่มแบคทีเรียที่ทำให้ผิวดินในทะเลทรายแข็งแรงและเกาะกันเป็นผืน ไม่กร่อนจนเกินไป โดยปกติแล้วทะเลทรายในแต่ละมลรัฐจะมีอุณหภูมิในดินไม่เท่ากัน ทำให้สายพันธุ์ของแบคทีเรียในแต่ละพื้นที่ต่างออกไป แต่เมื่อโลกร้อนขึ้นและอุณหภูมิปั่นป่วนไปเยอะ ส่งผลให้แบคทีเรียหลายชนิดตาย และนั่นก็ทำให้ดินมีความแข็งแรงน้อยลง ส่งผลไปถึงวิถีชีวิตของคนที่อาศัยบริเวณใกล้ๆ กันนั้นด้วยค่ะ


ประเทศบังกลาเทศ



     ประเทศบังกลาเทศตั้งอยู่ไม่ไกลจากประเทศไทยมากนัก แม้จะเป็นประเทศเล็กๆ แต่ก็มีประชากรมากถึง 168 ล้านคน ถือเป็นประเทศที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับ 8 ของโลกค่ะ แต่ตอนนี้บังกลาเทศเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนและสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงรุนแรงเป็นอันดับ 1 ของโลกเลย มีฝนตกในประเทศมากขึ้นกว่าปกติทำให้เจอน้ำท่วมรุนแรงบ่อยขึ้น ขนาดช่วงปกติระดับน้ำในแม่น้ำยังเอ่อจนน่ากลัว มีพายุหมุนเขตร้อนเข้าทำลายบ่อยขึ้น ดินก็กลายเป็นกรดรุนแรงทำให้น้ำจืดธรรมชาติมีกรดอาร์เซนิกผสมจนมำให้ประชากรกว่า 77 ล้านคนได้รับสารพิษนี้เข้าไป เพาะปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น หลายพื้นที่ขาดอาหาร ผู้คนก็เป็นโรคและขาดที่อยู่อาศัยเนื่องจากบ้านเรือนถูกทำลายเพราะน้ำท่วมและพายุหมุน
     นอกจากนี้ยังมีหลักฐานอีกว่าแผ่นเปลือกโลกบริเวณนี้มีการเคลื่อนที่ที่จะทำให้เกิดแผ่นดินไหวตอนไหนก็ได้อีก แถมยังส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำ และยังมีการคาดการณ์ด้วยว่าอีกไม่กี่สิบปีจากนี้ ประชากรกว่า 20 ล้านคนในบังกลาเทศจะต้องกลายเป็นผู้ลี้ภัยไปอยู่ที่อื่น ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมบังกลาเทศจึงเป็นประเทศที่ได้ผลกระทบจากโลกร้อนมากที่สุดค่ะ


     ภาวะโลกร้อนนี้จึงไม่ใช่แค่ทำให้เรารู้สึกร้อนมากขึ้นเท่านั้น แต่มันยังส่งผลกระทบต่อไปอีกหลายทอด บางประเทศถึงกับต้องหาบ้านใหม่ยกประเทศเลยด้วยนะคะ ฉะนั้นเราก็ต้องร่วมมือกันลดโลกร้อนค่ะ ด้วยวิธีง่ายๆ คนละนิดอย่างปิดไฟเมื่อไม่ใช้งาน ปิดทีวีที่ตัวเครื่อง ใช้น้ำอย่างประหยัดไม่เปิดทิ้งไว้ตอนแปรงฟัน นำถุงพลาสติกที่ได้จากร้านค้ามาใช้ซ้ำเรื่อยๆ หรือจะช่วยกันปลูกต้นไม้ในรั้วบ้านซัก 2-3 ต้นก็ได้ ถ้าทุกคนช่วยกัน เราก็จะช่วยโลกได้มากเลยค่ะ


 


ข้อมูล
www.huffingtonpost.com, www.scientificamerican.com
www.livescience.com/41380-climate-change-places-at-risk.html
www.livescience.com/38666-climate-change-unexpected-effects.html
www.theguardian.com/science/2014/nov/07/snow-climate-change-effect-on-skiing
www.theguardian.com/environment/2014/jul/01/kiribati-climate-change-fiji-vanua-levu
พี่พิซซ่า
พี่พิซซ่า - Columnist คอลัมนิสต์ฝ่ายเรียนต่อนอก

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น